|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
ไปเที่ยวเมืองน่านกัน ตอนที่ 3 |
|
ไปเที่ยวเมืองน่านกัน ตอนที่ 3
วันนี้ พวกเรามาเที่ยวน่าน เป็นวันที่ 3 แล้ว ค่ะ คือเป็นวันที่ 16 พ.ย. เช้านี้ พวกเราตื่นแต่เช้า เพราะตั้งใจให้ ตั้มมารับ พวกเราประมาณ 8.30 น. เช้านี้มีอาหารเช้าให้ด้วย ให้ทาน 7 โมงเช้า ยังมีเวลาเหลือเฟือ พวกเราเลยเดินถ่ายรูปกันตอนเช้าอีกรอบ และไปเยี่ยมสองสาวที่บ้านการะเกด ซึ่งพวกเรายังไม่ได้ไป เนื่องจาก เมื่อคืนเดินทางมาเหนื่อยและมารวมอยู่ที่บ้านไทลื้อ อีกอย่างมาถึงที่บ้านก็ใกล้ค่ำแล้ว ค่ะ มาชมภาพโรงเรียนชาวนาใน ยามเช้ากันค่ะ ว่าบรรยากาศเป็นเช่นไร ค่ะ
บรรยากาศช่วงเช้าวันที่ 16 ที่โรงเรียนชาวนา ค่ะ
เที่ยวบ้านสองสาว จินนี่และก้อย ที่บ้านการะเกด ค่ะ
ห้องนี้จัดให้นักท่องเที่ยวที่มาพักได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้าน มีหุ่น ใส่ชุดชาวเหนือ มีที่ทอผ้า เครื่องใช้ เสื้อผ้า ฯลฯ
อาหารมื้อเช้าของโรงเรียนชาวนา อร่อยกว่าที่ม่อนเชียงดาวมาก ค่ะ
พวกเราทานข้าวเช้าอย่างเอร็ดอร่อยกันทุกคน ประมาณ 8.30 น. ตั้มก็ขับรถตู้มารับพวกเราตรงต่อเวลา ส่วนกระเป๋า ศิษย์เขยบังช่วยหิ้วกระเป๋าจากที่พักลงมาชั้นล้่างให้ทุกคนเหมือนเดิม เธอเป็นสุภาพบุรุษที่น่ารักมากเลย ค่ะ อิอิ ตั้มช่วยนำกระเป๋า จัดกระเป๋าเข้าด้านหลังของรถตู้อย่างเรียบร้อยเช่น เคย เมื่อเสร็จแล้ว พวกเราก็เริ่มออกเดินทาง สถานที่แห่งแรกของวันนี้ คือ วัดพระธาตุเบ็งสกัด เรามาทราบความ เป็นมาของวัดพระธาตุเบ็งสกัดก่อน นะคะ
วัดพระธาตุเบ็งสกัด ตั้งอยู่ที่ บ้านแก้ม หมู่ที่ 5 ต.วรนคร อ.ปัว เป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมไทยลื้อ มีเรื่องเล่าว่า พญาภูคาได้สร้างเมืองใหม่ให้ขุนฟอง บุตรบุญธรรม ขึ้นครองเมือง ชื่อเมืองว่า ""เมืองวรนคร" พญาภูคามีความเลื่อมใสศรัทธา พระพุทธศาสนา ประสงค์จะสร้างเจดีย์ใกล้กับเมืองใหม่นี้ ได้สถานที่ เป็นลานกว้างมีบ่อน้ำ อยู่ตรงกลางลานกว้าง ประมาณ หนึ่งเมตรครึ่ง พญาภูคาเสด็จมาดูและได้นำไม้รวกแหย่ลงใน บ่อน้ำ ปรากฏว่า ไม้รวกหักเป็นท่อน ๆ เห็นว่าเป็น เรื่องมหัศจรรย์ จึงให้สร้างเจดีย์ครอบบ่อน้ำนี้ไว้และสร้างวิหารใกล้ บ่อน้ำไว้ อยู่ในแนวเดียวกันกับเจดีย์ สร้างเสร็จ เมื่อปี พ.ศ. 1826 เชิญนายญาญะอุปสมบท เป็นเจ้าอาวาสและทำพิธี ฉลองพร้อมเมืองใหม่ ในคืนที่ฉลอง เกิดสิ่งมหัศจรรย์ ปรากฏแสงไฟเรืองรองพุ่งออกมาจากยอดพระธาตุ พญาภูคาจึงตั้งชื่อ ว่า วัดพระธาตุเบ็งสกัด (คำว่า “เบ็งสกัด” ในภาษาไตลื้อ หมายถึง สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดจากบ่อดินที่ใช้ไม้แหย่ลงไปแล้วขาดเป็น ท่อน ๆ เหมือนมีอะไรมากัดให้ขาด ) ในวัดจะมีโบราณสถานของวัด เช่น วิหารซึ่งสร้างติดอยู่กับเจดีย์ ซึ่ง ลักษณะเป็นวิหารปิด มีหลังคาสองชั้นสองตับ เป็นศิลปะแบบไทยลื้อมุงด้วยแป้นเกล็ดเป็นศิลปะแบบไทลื้อ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2487 กรมศิลปากร ได้ขึ้นทะเบียนวัดพระธาตุเบ็งสกัดเป็นโบราณสถานแห่งชาติ ปี 2533 กรรมการหมู่บ้านได้ทำเรื่องขอพระราชทานจัดหาทุนทรัพย์ จากสมเด็จพระเทพฯ ซ่อมแซมวิหารที่ทรุดโทรมมาก ในปี 2536 กรมศิลปากรได้ทำการตรวจสอบและทำโครงการ บูรณะวิหารครั้งใหญ่ในปี 2538 ค่ะ
เจดีย์นี้ได้รับการบูรณะอย่างสวยงาม เป็นเจดีย์เก่าแก่ 736 ปี
สาวจินนี่ สาวก้อย และ สาวมอม ค่ะ
วัดพระธาตุเบ็งสกัด เราไม่ได้เดินชมทั่ววัด ไม่ได้เข้าไปไหว้พระใน โบสถ์ อาจจะยังเช้าอยู่ ถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกแล้ว พวกเราก็ออกเดินทางต่อไป จะไปชมสวนส้มที่ จินนี่ถามจากแม่ค้า ขายส้มเมื่อวานที่วัดก๋ง ปรากฏว่า ขับไปได้น่าจะ20 กว่า กิโลเมตร ถามชาวบ้านแถวนั้น เขาบอกว่าต้องไปอีกไกล20-30 กิโล พวกเราเลยเปลี่ยนใจ ไกลเหลือเกิน แล้วก็ไม่รู้ว่า เจ้าของสวนส้มจะให้เราเข้าไปชมสวนเขาหรือเปล่า เลยตัดสินใจวกรถ กลับ เหลือบไปเห็นทุ่งบัวตอง เลยขับรถไปชมบัวตองกัน สนุกสนานกับทุ่งบัวตอง ถ่ายรูปกันสนุกสนาน เดินขึ้นเขาที่ลาดขึ้นไป เป็นทุ่งบัวตองที่กว้างเหมือนกัน ด้านบนเป็นโรงพยาบาลเล็ก ๆ แต่ไม่น่าเรียก โรงพยาบาล น่าจะเป็นสาธารณสุขมากกว่า เขียนว่าทุ่งช้าง น่าจะเป็นชื่อตำบล พวกเรานอกจากถ่ายรูปแล้ว ยังไป เข้าห้องน้ำของเขาด้วยค่ะ อิอิ มาชมรูป ทุ่งบัวตอง ค่ะ
ทางขึ้นเขาไปชมทุ่งบัวตอง เป็นทางลาดไม่ลำบากนัก ค่ะ มีคนแอบ ถ่ายอยู่ด้านหลัง ค่ะ ห้าห้าห้า
นางงามในทุ่งบัวตอง ค่ะ อิอิ
นางงามจินนี่ จ้ะ
เบิกบานสำราญใจ แข่งกับดอกบัวตอง ค่ะ อิอิ
เดินหามุมถ่ายสวย ๆ ค่ะ
น้องมอม เตรียมพร้อมช่วยถ่ายรูปให้พวกเรา ค่ะ
มีโรงพยาบาลเล็ก ๆ ด้วยค่ะ
พวกเรา สนุกสนานกับการถ่ายรูปกับดอกบัวตองได้ประมาณชั่วโมง แล้วก็ขึ้นรถเดินทางต่อไป มุ่งหน้าไปเที่ยวบ่อเกลือ ค่ะ
บ่อเกลือ เรียกว่า บ่อเกลือโบราณเป็นบ่อเกลือสินเธาว์ ตั้งอยู่ที่ อ.บ่อเกลือ อยู่่ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 80 กิโลเมตร มีชื่อเสียงในด้านการทำเกลือบนภูเขา ชาวบ้านที่นี่ จะผลิตเกลือ สินเธาว์ เพื่อบริโภค และจำหน่าย อ.บ่อเกลือ มีเนื้อที่ประมาณ 838.05 ตารางกิโลเมตร พื้นที่บ่อเกลือส่วนใหญ่เป็น ทิวเขาสูง สลับซับซ้อน ทิวเขาที่สำคํญได้แก่ ทิวเขาภูคา ภูแว ภูฟ้า เป็นต้น อ.บ่อเกลือ เดิมชื่อว่า เมืองบ่อ ซึ่งหมายถึง บ่อ น้ำเกลือ แต่เดิมมีอยู่ 9 บ่อ ปัจจุบันนี้ มีเหลืออยู่เพียง 2 บ่อ คือ บ่อเหนือและบ่อใต้ เมืองบ่อ เป็นเมือง ที่มีชุมชนขนาดใหญ่ บ่อเกลือมีความสำคัญในสมัยก่อนมาก แต่เดิม บ่อเกลือเป็นเพียงตำบล ขี้นอยู่กับ อ. ปัว ต่อมาได้รับการยกฐานะเป็นอำเภอ เป็น อำเภอ บ่อเกลือ เมื่อวันที่ 7 กันยายน ปี 2538 บ่อเกลือเป็นแหล่งผลิตเกลือภูเขา โบราณ(หนึ่งเดียวในโลก ค่ะ ) การต้มเกลือแบบโบราณ คือ การตักน้ำเกลือจากบ่อเกลือ โดยผ่าน มาตามกระบอกไม้ไผ่สู่บ่อพักน้ำ จากนั้น ก็ตักน้ำเกลือ มาต้มในกระทะ นาน 4-5 ชั่วโมง จนระเหย แล้วตักเกลือใส่ตะกร้า แขวนไว้เหนือ กระทะ ค่ะ มาชมภาพ ค่ะ
ถ่ายรูป กับป้ายชื่อ บ่อเกลือเป็นที่ระลึก ค่ะ
นี่คือ วิธีการทำเกลือสินเธาว์ ค่ะ ต้มเสร็จแล้วก็ตักใส่ตะกร้าพักไว้
ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเกลือในรูปแบบต่าง ๆ ชาวบ้านนำมาขายให้ นักท่องเที่ยว เช่น เกลือที่ใช้รับประทาน เกลือแช่เท้า คลายความเมื่อย เป็นต้น หลังจากที่ชมบ่อเกลือและวิถีชีวิตของ ชาวบ้านแล้ว ต่อไปก็เดินช้อปปิ้งกัน ในกลุ่มเขามี คนละครึ่ง ก็ช้อปกันไม่ต้องคิดมาก ฉันมีแต่ เที่ยวด้วยกัน ซึ่งซื้อของ หรือกินข้าว พักโรงแรม จะได้ส่วนลดร้อยละ 40 แต่ตอนนี้ยังใช้อะไรไม่ได้ เพราะเราจะต้องไปพักโรงแรมที่จองไว้ใน เมือง (วันรองสุดท้าย คือคืนวันที่ 17 ) ฉันติดใจเสื้ออยู่ตัวหนึ่ง ราคา ตั้ง 460 บาท เจ้าของร้านบอกว่า เป็น เสื้อที่เขาทอด้วยมือ และต้องจ้างเย็บ ราคาจึงสูง ต่อรองราคาให้ลดหน่อย เขาก็ไม่ให้ ศิษย์เขยบัง จึงบอกว่า คนละครึ่ง ของเขาวันนี้ยังเหลือ 100 บาท เขายกให้ฉันใช้ เสื้อตัวนี้ของฉันจึงเหลือ 360 บาท อิอิ ขอบใจศิษย์เขยบัง จ้ะ
จากบ่อเกลือ เราก็เดินทางต่อไปยังหมู่บ้านสะปัน ซึ่งเป็นที่พักของ เราคืนนี้ ระหว่างทาง ผ่านจุดชมวิว 1715 อุทยานแห่งชาติ ดอยภูคา ซึ่งเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก ชมทะเล หมอกด้วย ค่ะ ตัวเลข 1715 นั้นมาจาก ระดับความสูง จากน้ำทะเลที่จุดชมวิวนี้ ค่ะ คือสูงจากน้ำทะเล 1715 เมตร นั่นเอง จุดชมวิวนี้ตั้งอยูเลยทางเข้าที่ทำการอุทยานแหงชาติ ดอยภูคาประมาณ 8 กิโลเมตร อยู่ริมถนน ค่ะ ไม่ต้องเดินไกล ค่ะ พวกเราจอดรถและลงไปชมความงามของที่นี่ค่ะ
ทิวทัศน์ของจุดชมวิว ค่ะ ยังมีหมอกบาง ๆ ซึ่งตอนเที่ยงแล้วนะ
รูปนี้ ขาดก้อยไป สงสัยจะเป็นผู้ถ่ายรูปให้
มุมสวยอีกมุมหนี่งของจุดชมวิว ค่ะ
ขอรูปเดี่ยวสักรูป นะ อิอิ วิวสวยด้วย
จากจุดชมวิวนี้แล้วก็บ่ายกว่ามากแล้ว ท้องเริ่มหิวกัน หาของขนมจาก ในรถกินไปพลาง ๆ ก่อน มื้อเที่ยงนี้ เราไปกินกันที่ร้านอาหาร หมู่บ้านสะปัน ซึ่งมีร้านอาหารหลายร้าน ก็เสี่ยงดวงกัน เพราะร้านที่ได้ อ่านรีวิวมา ก็หาไม่เจอ อาหารที่กิน เป็นอาหารตามสั่ง เป็นจาน ๆ แล้วแต่คนชอบ แบ่งกันสองโต๊ะ แยกกันกิน หิวกันเลยไม่ ได้ถ่ายรูปไว้ อิอิ กินเสร็จก็ขึ้นรถเตรียมไปที่พัก คืนนี้ เราพักที่ ไทรวารี รีสอร์ท ค่ะ ระหว่างทางไปมีสะพาน มีข้อความ เขียนให้รู้ว่า เรามาถึงหมู่บ้านสะปันแล้ว มีคนมาถ่ายรูป มาก หลายคน รอคิวกันไป ค่ะ มาชม ค่ะ
รูปนี้สมาชิกครบ 6 คน ค่ะ เราให้ตั้มช่วยถ่ายให้ ค่ะ
ศิษย์เขยบังและลูกศิษย์แดง ค่ะ ถ่ายรูปที่สะพานนี้แล้ว พวกเราก็เดินทางต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงที่พัก ของเราคืนนี้ ชื่อว่า ไทรวารี ค่ะ
หมู่บ้านสะปัน เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ อยู่กลางหุบเขาริมแม่น้ำมาง ตั้งอยู่ใน เขต อ.บ่อเกลือ จังหวัดน่าน ่ห่างจาก อ.บ่อเกลือภูเขา ประมาณ 9 กิโลเมตร เป็นหมู่บ้านที่เงียบสงบ มีลำธารไหลผ่าน ในช่วงหน้าฝนฤดูทำนา ยังสามารถชมวิว ทิวทัศน์ของนาข้าวที่เขียวขจี ที่หมู่บ้านนี้เหมาะสำหรับการมาพักผ่อน ปล่อยชีวิตให้เป็นไปอย่างสบาย ๆ ที่พักที่นี้ มีหลายแห่ง หลายแบบ เช่น อุ่นไอมาง มีสะปัน แบบเป็นเต็นท์ เป็น กระโจมริมน้ำ แต่เรามาพักที่ไทรวารี รีสอร์ทอยู่ลึกเข้าไป แต่ก็มีบรรยากาศดีมาก โอบล้อมด้วยทิวเขาอยู่ด้านหน้าของที่พักของ พวกเรา หลังหนึ่งนอนพักกัน สอง คน ตัวบ้านเป็น ไม้ไผ่ มีอาหารเย็นและเช้าให้ผู้ที่มาพักด้วยค่ะ ห้องพักไม่กว้างนัก เป็นเตียงเดี่ยวนอนสองคน ค่ะ กระเป๋าต้องหิ้ว ไปห้องเอง ไม่มีบริกรมาช่วย แต่พวกเราก็ไม่ได้หิ้วเอง ศิษย์เขยบัง หิ้วให้พวกเราถึงห้องเหมือนเดิมค่ะ ขอบคุณมากหลาย ค่ะ เรามาถึงที่นี่เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ยังมีแสงเรืองรองพอที่จะเก็บภาพได้ มากพอสมควร มีธารน้ำไหลผ่านหน้าที่พัก เป็นสายยาวมาก น้ำตื้น ๆ สามารถลงไปเดินลุยน้ำเล่นได้ แต่พวกเรา ไม่มีใครเล่นน้ำเลย แม้แต่ลุยน้ำก็ไม่มีใครลง ได้ยินว่า น้ำที่ริมธารนี้เย็นมาก ๆ คงกลัวหนาวกันเลยไม่มีใครลง ค่ะ มาชมภาพ พวกเราช่วงเย็นนี้ค่ะ
บรรยากาศรอบ ๆ ที่พัก ไทรวารี รีสอร์ท ค่ะ
บรรยากาศก่อนที่จะถึงที่พักของเราค่ะ
บรรยากาศที่สวยงาม อากาศค่อนข้างเย็นแล้ว ค่ะ
มีสะพานให้เราเดินข้ามไปอีกฝั่ง เพื่อชมความงดงามของขุนเขา สายหมอกอย่างใกล้ชิด ค่ะ
ให้ศิษย์เขย นำเงินใส่กระเป๋าตังค์จะได้ใช้ในวันพรุ่งนี้ตอนเย็นแล้ว ค่ะ
บ้านพักเป็นหลัง ๆ ตั้งอยู่ริมลำธาร ค่ะ
มีชิงช้าให้ถ่ายรูปด้วย ค่ะ
รูปล่างเป็นห้องกินข้าว ค่ะ
พวกเด็ก ๆ เดินไปถึงต้นน้ำซึ่งไกลจากที่พัก ฉันไม่ได้ไปด้วย เพราะ หนทางค่อนข้างขรุขระ ลำบาก แต่อยู่ด้านบนถ่ายรูปให้ค่ะ
เมื่อถ่ายรูป เดินเที่ยวกันแล้ว ก็ถึงเวลาทานข้าวมื้อเย็น ซึ่งทางรีสอร์ท มีอาหารให้กินทั้งมื้อเย็นและมื้อเช้าด้วยค่ะ อาหารเป็นอาหารบุฟเฟ่ เปิดให้ทานอาหารประมาณ เกือบทุ่ม นะ อาหารก็มีหลากหลาย แกงจืด แกงส้ม น้ำพริก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ หิวและมืดแล้ว รีบกินกัน จะได้เข้าห้องพักอาบน้ำ อากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้นด้วย ค่ะ คืนนี้มีโทรทัศน์ให้ดูด้วย ได้ดูละครด้วย ดูเสร็จจึงอาบน้ำเข้านอน
นี่เป็นห้องนอนในที่พักของเราคืนนี้ ค่ะ แต่เราไม่ได้กางมุ้งนอน
การท่องเที่ยวของวันที่ 16 วันนี้ ก็จบลงเท่านี้ ค่ะ พรุ่งนี้เรามีโปรแกรมเที่ยวที่ไหนอีก โปรดติดตามตอนที่ 4 ได้ ค่ะ สวัสดี
Create Date : 08 มกราคม 2564 |
Last Update : 18 มกราคม 2564 22:25:24 น. |
|
56 comments
|
Counter : 922 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณทนายอ้วน, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณzungzaa, คุณtuk-tuk@korat, คุณSweet_pills, คุณmariabamboo, คุณnewyorknurse, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณอุ้มสี, คุณชีริว, คุณSai Eeuu, คุณKavanich96 |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มกราคม 2564 เวลา:23:01:32 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 19 มกราคม 2564 เวลา:1:50:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2564 เวลา:7:09:02 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 19 มกราคม 2564 เวลา:13:05:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2564 เวลา:20:05:02 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 19 มกราคม 2564 เวลา:21:23:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2564 เวลา:6:27:54 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 20 มกราคม 2564 เวลา:12:13:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2564 เวลา:13:16:28 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 20 มกราคม 2564 เวลา:14:49:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2564 เวลา:17:32:09 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 20 มกราคม 2564 เวลา:20:53:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2564 เวลา:5:57:25 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 21 มกราคม 2564 เวลา:7:12:14 น. |
|
|
|
โดย: zungzaa วันที่: 21 มกราคม 2564 เวลา:8:28:36 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 21 มกราคม 2564 เวลา:19:53:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2564 เวลา:23:16:51 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:0:22:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:7:23:31 น. |
|
|
|
โดย: zungzaa วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:8:06:06 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:10:16:34 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:13:39:00 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:14:25:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2564 เวลา:19:28:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:6:09:29 น. |
|
|
|
โดย: mariabamboo วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:9:56:52 น. |
|
|
|
โดย: zungzaa วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:12:06:47 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:20:34:04 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:22:23:35 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2564 เวลา:23:28:52 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 มกราคม 2564 เวลา:1:05:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2564 เวลา:7:12:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2564 เวลา:20:00:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2564 เวลา:6:14:59 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 25 มกราคม 2564 เวลา:9:59:11 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 25 มกราคม 2564 เวลา:14:17:02 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 มกราคม 2564 เวลา:15:44:33 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2564 เวลา:19:59:11 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 25 มกราคม 2564 เวลา:23:11:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มกราคม 2564 เวลา:6:23:00 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 26 มกราคม 2564 เวลา:14:33:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มกราคม 2564 เวลา:15:05:08 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มกราคม 2564 เวลา:16:37:24 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 26 มกราคม 2564 เวลา:20:48:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มกราคม 2564 เวลา:6:10:24 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 27 มกราคม 2564 เวลา:13:38:36 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มกราคม 2564 เวลา:22:15:33 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 27 มกราคม 2564 เวลา:22:36:22 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 28 มกราคม 2564 เวลา:2:42:08 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 28 มกราคม 2564 เวลา:4:56:01 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มกราคม 2564 เวลา:5:32:31 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 28 มกราคม 2564 เวลา:11:49:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 46 คน [?]
|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
|
|
เดี๋ยวนี้สถานที่ท่องเที่ยว
ต้องจัดเตรียมมุมให้ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายภาพกันหลายๆมุมนะครับ
สมาร์ทโฟน
ทำให้การถ่ายภาพง่ายขึ้น สนุกขึ้นจริงๆครับ