ตุรกี มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตอนที่ 7 การพาเที่ยวประเทศตุรกี ก็มาถึงตอนที่ 7 แล้ว เป็นตอนสุดท้ายของการเที่ยวทริปนี้ คือการเที่ยวของวันที่ 30 พ.ค. อาหารเช้าวันนี้ ไก๊ด์โจ้ ได้ทำโจ๊กหมูที่เตรียมมาจากไทยมาต้มให้ลูกทัวร์ทาน มีผักกาดกระป๋องยำ และไข่เค็ม หลังอาหารเช้า เราก็ออกเดินทางไปยังเมือง อาดานา (Adana)เมือง อาดานา เป็นเมืองทางตอนใต้ของประเทศตุรกี เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าและกสิกรรมที่สำคัญ เมืองนี้ตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ เซย์ฮาน อยู่ห่างจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนประมาณ 30 กิโลเมตร เป็นเมืองหลวงของจังหวัด อานาดา มีประชากรประมาณ 1.6 ล้านคน แต่เดิมเมืองนี้เป็นที่ตั้งของกองทหารของโรมัน ประมาณปี ค.ศ.762 ฮารุนอาร์-รอซิคอลฟะห์ แห่งราชวงศ์อับบาซียะห์ ได้เข้าครอบครองและทะนุบำรุงจนเจริญรุ่งเรือง และประมาณ ค.ศ. 1832-1840 ตกเป็นของประเทศอียิปต์ การเดินทางใช้เวลาอันยาวนานหลายชั่วโมง ระหว่างทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็จะหยุดตามร้านค้าที่มีห้องน้ำให้พวกเราเข้าฟรี และเดินช้อปกันในร้านนั้น ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นของทาน ของที่ระลึก ผ้าพันคอ เป็นต้น พวกเราก็อุดหนุนสินค้าของร้านค้าบ้าง ส่วนใหญ่พวกเราจะซื้อเป็นขนม เพื่อเป็นของฝาก ซื้อชาของตุรกีเป็นกลิ่นแอปเปิ้ล และกลิ่นทับทิม ฉันก็ซื้อมา 4 กล่อง ไว้แจกหมอเป็นส่วนใหญ่ ในช่วงปีใหม่ ช่วงเช้าเป็นการเดินทางตลอด จนถึงเมืองนี้ ก็เป็นช่วงอาหารมื้อเที่ยงที่เขตเมืองเก่า มีตลาดของชาวบ้านมาขายของมากมาย เช่น ผลไม้ ผัก ของใช้ต่าง ๆ มื้อนี้ ก็คงเป็นอาหารพื้นเมืองเช่นเดิม เป็นอาหารปิ้งย่างควันโขมงเลย ร้านนี้มีโค้กให้ดื่มด้วย อาหารก็เยอะมาก มีทั้งเนื้อและไก่แล้วแต่เราเลือกเราชอบ มาชม จ้ะ

พนักงาน มาเซลฟี่ ด้วย ค่ะ 


อาหารมากมายเต็มโต๊ะ ค่ะ ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ก็ออกมาชมบริเวณรอบ ๆ ร้านอาหาร มีตลาดขายของ ซึ่งชาวบ้านได้นำผลผลิตทางการเกษตรมาขายเป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น ผ้าห่ม เครื่องใช้ในครัว เป็นต้น 



อิ่มข้าวมื้อเที่ยงแล้ว จุดแรกที่ไปเที่ยวคือ สะพานหิน (Tas Kopru )เป็นสะพานโรมันที่ใช้ทอดไปในแม่น้ำ เซย์ฮาน(Seyhan) ในเมือง อาดานา ที่เชื่อว่า สร้างขึ้นเมื่อ ช่วงแรกของ ศตวรรษที่ 2 สะพานนี้ เป็นจุดเชื่อมโยงที่สำคัญ ในเส้นทางการค้าโบราณจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปยัง อนาโตโตเลีย และเปอร์เซีย เป็นอีกสะพานหนึ่งที่เก่าแก่ที่สุดในโลก มาชมรูป ค่ะ 


ถ่ายรูปกับกลุ่มสาว ๆ ที่ดูเหมือนมากัน 4คน เหมือนกลุ่มเรา

ถ่ายที่มุมปลายสะพานโรมัน จะเห็นสะพานได้เต็มรูป
ต่อจากนั้น ก็ไปเที่ยวสุเหร่า อูลูคามิล (Great Mosque)เป็นสุเหร่า โบราณในยุคศตวรรษที่ 16 ได้ชื่อว่า เป็นสิ่งก่อสร้างในยุค เมดิอิวัล ที่มีความสวยงามมาก มาชมภาพที่ฉันนำมาฝาก ค่ะ 

ขอนั่งพักหน่อยเดินเยอะมาก อิอิ



จากสุเหร่า อูลูคามิล ไกด์ก็พาพวกเราไปเที่ยวที่หอ นาฬิกา ซึ่งไม่ไกลจากสุเหร่าแห่งนี้ หอนาฬิกา เป็นหอสูง งดงามไกด์ โจ้ เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อน กษัตริย์หรือเศรษฐีเท่านั้นที่จะมีนาฬิกาใช้ดูเวลา ประชาชนส่วนใหญ่ คำนวณเรื่องเวลาจากการทอดเงาของแสงพระอาทิตย์ หอนาฬิกา จึงสร้างขึ้นเพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้ใช้ดูเวลา มาชมภาพ ค่ะ

ขอเดี่ยว ๆ บ้างนะคะ 

เดินออกมาจาก หอนาฬิกา ผ่านต้นเฟื่องฟ้า สวยมาก เลยถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกไว้สักรูป ค่ะ การเที่ยวสถานที่แห่งนี้เป็นการเที่ยวที่สุดท้าย เหลือเวลาช่วงก่อนอาหารเย็น กลับมาโรงแรมแล้ว พวกเราก็ไปเดินห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้โรงแรมที่พัก ของที่ขายก็เหมือน ๆ กับห้างสรรพสินค้าของไทยเราฉันได้รองเท้ามา 1 คู่ ราคา ตกประมาณ 600 กว่าบาท น่าจะได้ นอกจากนั้น ก็คือซื้อ ถั่วประเภทต่าง ๆ ซึ่งมีขายเยอะมาก มีข้าวโพดอบด้วย เขาให้ชิม อะไรอร่อย เราก็ซื้ออย่างต่ำ เราต้องซื้อ 1 ขีดขึ้นไป ฉันซื้อหลายชนิดอยู่ เสียเงินไปหลายร้อยบาท จากนั้น ก็เดินกลับโรงแรมที่พักที่ชื่อว่า SURMELL HOTELก่อนเข้าไปพักที่ห้องพัก เราก็มีการถ่ายรูปที่หน้าโรงแรมนี้เป็นที่ระลึกสักหน่อย มาชมค่ะ 


นันท์ ต้องซื้อกระเป๋าเพิ่ม 1 ใบเพราะซื้อของเยอะ วันนี้ เรามีการเก็บเงินค่าทิบให้กับไกด์ไทยและไกด์ท้องถิ่นกับคนขับรถโดยอยู่ในข้อตกลงของทัวร์ ไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ วันละ 5 ดอลล่า รวม 8 วัน เป็นเงิน 40ดอลลา ก็ประมาณพันสองร้อยกว่าบาท ไกด์ไทย วันละ 100 บาท 10 วัน ก็จ่ายไป คนละ 1000 บาท ทริปนี้มี 32 คน ไกด์ไทยก็ได้32000 บาทการมาทริปทัวร์ราคาถูกหน่อย ก็จะถูกบังคับค่าทิบไกด์แพงเป็นเรื่องธรรมดา ค่ะ ทริปนี้ ตัวแทนในการเก็บค่าทิบและทำหน้าที่มอบ คือ น้องเดียร์ ค่ะ

มอบค่าทิบให้กับ ไกด์ เซด้า ค่ะ 
มอบค่าทิบให้ไกด์ โจ้ ค่ะ ระหว่างทาง แวะพักให้ลูกทัวร์เข้าห้องน้ำ เหมือนทุกวันที่ผ่านมา โจ้ซื้อไอติมฝากลูกทัวร์คนละ 1 แท่งด้วย ค่ะ หลังจาก นำของที่ซื้อมาแล้วขึ้นห้องพักและจัดเตรียมข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อย พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า เพื่อไปขึ้นเครื่องบินไปต่อเครื่องที่ การ์ตา จัดของเสร็จแล้ว อาหารมื้อสุดท้ายเย็นนี้ ทานกันที่โรงแรมที่พัก ค่ะ 
อาหารมื้อเย็น ค่ะ หน้าตาเดิม ๆ ค่ะ วันที่ 31 พ.ค. เช้านี้ อาหารมื้อเช้า ก็ทานที่โรงแรมเหมือนเดิม ค่ะ ทานเสร็จพวกเรายังมีเวลาเหลือบ้างเล็กน้อย ก็มาถ่ายรูปรอบ ๆ โรงแรมไว้เป็นที่ระลึกอีก 2-3 ภาพ ค่ะ

วันนี้ เรามีเวลานอนตื่นสายหน่อย 7:8:9 เดินทางออกจากโรงแรมมุ่งหน้าสู่สนามบิน อาดานา ซากีร์ปาซาไกด๊ เซด้าตามส่ง ทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย เป็นไกด์ท้องถิ่นที่น่ารักมาช่วยและอยู่สนามบินจนถึงเวลา เช็คอินจึงได้กลับไประหว่างที่รอกันอยู่ที่สนามบิน มีโอกาสได้ถ่ายรูปกับเขาด้วย เพื่อน ๆ ร่วมทริป ก็มาถ่ายรูปกับเขา มาชมรูป ค่ะ 
ถ่ายเฉพาะกลุ่มของฉัน 4 คนค่ะ 
ขอรูปเดี่ยวสักรูปนะคะ อิอิ 
รวมกลุ่มใหญ่ถ่ายกันเองสักรูป หน้าชื่นมื่นทุกคน จะได้กลับบ้านแล้ว ถ่ายรูปกันแล้ว ก็เดินเล่นในสนามบินอีกนานพอควร กว่าเขาจะให้เช็คอินน่าจะประมาณ 11 โมง เครื่องออกเวลา 12.25 น. เที่ยวบินที่QR 439 ประมาณ เกือบ 4 ชั่วโมง ก็ถึง สนามบินของประเทศการ์ตา และต้องรอต่อเครื่องเพื่อกลับประเทศไทยมีเวลาอยู่ในสนามบินของประเทศการ์ตาหลายชั่วโมงอยู่ ก็เดินชมสินค้าได้เสียเงินลีลาต่อไป ฉันกับวัชร์ ได้นาฬิกาแขวนมีสัญลักษณ์ตาปิศาจของตุรกี คนละ 1 เรือน น่ารักดี ต่อได้ เหลือ40 ลีลา คิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ สามร้อยกว่าบาทมีถ่านแถมมาด้วยนะ ได้พวงกุญแจ หนังอีก 4-5 อัน ต่อได้อันละ 8 ลีลาหรือ 10 ลีลา จำไม่ได้แล้ว อิอิ สนามบินที่นี่ดีนะ ให้ต่อราคาได้ด้วย อิอิ 
อำลาตุรกี ด้วยภาพจากสนามบิน การ์ตา ค่ะ อิอิ พวกเราขึ้นเครื่องจากสนามบินของประเทศการ์ตา ด้วยสายการบินที่QR 826 เมื่อเวลา 19.05 น. คราวนี้นั่งยาวประมาณ 11 ชั่วโมง หลับ ๆ ตื่น ๆ เมื่อยเหลือเกิน บิดแล้วบิดอีกอาหารมีให้กิน 3 มื้อ บนเครื่องบิน ค่ะ เรามาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ ประมาณ ตีห้าครึ่ง ผ่านพิธีการเข้าเมืองและรอรับกระเป๋า อำลาเพื่อนร่วมทริปแล้วฉันกับบุษยา ก็มารอรถจากบริษัท เวล มารับ โดยโทรหาตามเบอร์ที่เขาให้ไว้ เขาก็มาตรงเวลาดี ไม่ต้องเสียค่าแท็กซี่กลับถึงบ้านประมาณ เจ็ดโมงกว่า น้องชายของบุษย์มารออยู่ที่บ้านฉันแล้ว ฉันขอเวลาอาบน้ำแต่งตัว 10 นาทีเพราะต้องรีบไปโรงเรียนเพื่อแจกทุนการศึกษาและร่วมงานวันสถาปนาโรงเรียน ฉุกละหุกเหลือเกิน น้องชายของบุษย์และบุษย์ก็เร่งเหลือเกิน จะอาศัยเขาไปลงที่โรงเรียนสักหน่อย เขาก็เอาฉันไปลงที่เกทเวย์ เพราะเขาต้องไปเลี้ยวเข้าเอกมัย เฮ้อ ! ยามที่เราต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ มันก็คงเป็นเช่นนี้ แหละเนาะ ไม่ว่ากันเนาะ การท่องเที่ยวเพื่อเป็นกำไรของชีวิต ให้รางวัลแก่ชีวิตตนเอง ก็จบลงไปอีกทริปหนึ่งแล้ว ชีวิตก็กลับมาเป็นปรกติที่เมืองไทยและดำเนินชีวิตประจำวันเหมือนเดิม จันทร์ พุธ ศุกร์ ไปเรียนภาษาจีน ตอบ เม้นท์ เพื่อน ๆ ในบล็อกแก๊งตอบเฟส ตอบลายน์ เพื่อน ลูกศิษย์ สนุกสนาน ผ่านพ้นไปได้ทุกวัน ไปประชุมสมาคมนักเรียนเก่า ชมรมครูเก่า ช่วยงานบ้าง ชีวิตก็หมดไปวัน ๆ ไม่น่าเบื่อ บางวันลูกศิษย์ก็มารับไปกินข้าว เวลาเขาจัดพบปะสังสรรค์กัน ก็มารับไปสนุกสนานด้วย ดังนั้น ชีวิตหลังเกษียณของฉัน จึงไม่ได้เงียบเหงาอะไรเลย ค่ะ ขอบคุณผู้อ่าน เพื่อนชาวบล็อก ที่เข้ามาอ่านการท่องเที่ยวของฉันครบทั้ง 7 ตอนค่ะ ขออวยพรให้ทุกคนมีความสุข ค่ะ

Create Date : 21 กันยายน 2561 |
Last Update : 2 ตุลาคม 2561 15:53:53 น. |
|
38 comments
|
Counter : 1471 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณเกศสุริยง, คุณRinsa Yoyolive, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณmariabamboo, คุณชีริว, คุณnewyorknurse, คุณRananrin, คุณmambymam, คุณkae+aoe, คุณtoor36, คุณNior Heavens Five |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 ตุลาคม 2561 เวลา:6:49:46 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 3 ตุลาคม 2561 เวลา:9:36:05 น. |
|
|
|
|
| |