|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | |
|
|
|
ชวนไปเที่ยว อุบลราชธานี ตอนที่ 1 |
|
ชวนไปเที่ยว อุบลราชธานี ค่ะ
ทริปเที่ยวจังหวัด อุบลราชธานี เป็นทริปต่อจากไปเที่ยวเชียงใหม่ ค่ะ และอยู่ในโครงการที่พวกเราซื้อตั๋วเครื่องบินบินรัว ๆ ของ แอร์เอเซีย ซึ่งเราจะบินกี่ครั้งก็ได้ ภายในเวลาที่เขากำหนด แต่ละครั้ง ก็จ่ายเพียงภาษีสนามบิน เท่านั้น แต่เนื่องจากมีเรื่อง โรคระบาด การเที่ยวจึงได้ไม่กี่ครั้ง ครั้งนี้ เป็นทริปที่สองเท่านั้นเอง แถมมีการเลื่อนไฟล์บินเร็วขึ้นจากเดิมอีก ถ้าหากว่า คนที่ยังทำงานอยู่ คงวุ่นวายแน่นอน ค่ะ แต่พวกเรานั้นเป็น ผู้ว่างงานเป็นส่วนใหญ่ ปัญหาจึงมีไม่มากนัก ดังนั้น การซื้อตั๋วเหมา ๆ แบบนี้ จึงมีข้อเสีย นอกจากโดนเลื่อนไฟล์บิน เลื่อนเวลาบิน แล้วยังกำหนดช่วงหยุดยาว ไม่ให้เราจองเที่ยวบินอีกด้วย เช่น ช่วงวันหยุดยาว ปีใหม่ สงกรานต์ เป็นต้น ฉันคิดว่า จะไม่ซื้อตั๋วแบบบินรัวรัว แบบนี้อีกแล้วค่ะ ทริปนี้ ไป 31 ต.ค. 1-2 พ.ย. ค่ะ คืนวันที่ 30 ต.ค. แดง มารับฉันไป นอนค้างที่บ้านเขาเหมือนเมื่อตอนไปเชียงใหม่ เพราะไฟล์บิน 6.45 น. เราต้องตื่นแต่เช้า ออกจากบ้านประมาณตี 5 เป็นอย่างช้า ค่ะ
วันที่ 31 ต.ค. ลูกชายของแดง ที่ชื่อ เกรท เป็นคนขับรถมาส่งพวกเราที่ ดอนเมือง เรามาถึงที่ดอนเมือง ตีห้ากว่า รอเคาน์เตอร์เปิด ได้สักพักเรานำบัตรฉีดวัคซีนโควิดและบัตรประชาชน เพื่อไปรับตั๋ว เครื่องบิน เรียบร้อยแล้ว รอเครื่องบินได้ไม่นาน ก็ขึ้นเครื่อง ใช้เวลาชั่วโมงเศษ ๆ
เราก็ถึงสนามบินจังหวัดอุบลราชธานี ในเวลา 8.15 น. ค่ะ มาถึงแล้ว แดงก็โทรตามเจ้าของรถที่เราเช่าไว้ เป็นเคาน์เตอร์ อยู่ด้านนอก เรารอพักใหญ่ รถที่เราเช่าเขาก็ขับมาให้พวกเรา บังตรวจสอบสภาพรถมีการเซ็นชื่อรับรถ วางค่ามัดจำ จากนั้น ก็ขับรถไปเพื่อหาอาหารมื้อเช้ากิน ตามที่ได้รับคำแนะนำจาก เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์รถเช่า ก็คือ ก๋วยจั้บญวน เขาว่าร้านนี้อร่อยของอุบล ชื่อร้าน 99 รสแซบ ชามละ 50 บาท ครั้งนี้ พวกเราลงขันกัน คนละ 3,000 บาท ค่ะ เท่ากับวันละพันบาท
ก๋วยจั้บญวน อาหารมื้อเช้า ที่อุบลราชธานี ค่ะ
สถานที่แห่งแรกของวันนี้ ก็คือ ไปไหว้พระที่วัดดอนธาตุ ของหลวงปู่ เสาร์ ค่ะ วัดนี้ ต้องนั่งเรือข้ามคลองไปค่ะ เป็นวัดที่ร่มรื่นมาก มีต้นไม้มากมาย ค่ะ มาทราบประวัติของวัด ดอนธาตุ สักเล็กน้อย ค่ะ วัดดอนธาตุ ตั้งอยู่ที่ตำบล ทรายมูล อำเภอ พิบูลมังสาหารอุบลราชธานี 34350 มีชื่อเดิมว่า วัดเกาะแก้วพระนอนคอนสวรรค์วิเวกพุทธกิจศาสนา แต่ชาวบ้านเรียก สั้น ๆ ว่า เกาะดอนธาตุ เพราะว่า วัดนี้ ตั้งอยู่ บนเกาะกลางแม่น้ำมูล ทางทิศเหนือของ แก่งสะพือ ( แก่งสะพือก็เป็น อีกสถานที่ยอดฮิตของอำเภอพิบูลมังสาหาร ) มีเนื้อที่ราวๆ 130 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่ก็เต็มไปด้วยป่า ต้นไม้สูงใหญ่ มากมาย อากาศบริสุทธิ์มาก ๆ เป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ เคยจำพรรษาวัดดอนธาตุเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับ ประวัติของหลวงปู่เสาร์เป็นอย่างมาก วัดแห่งนี้เป็นที่รู้จักของประชาชนภาคอีสานเป็นอย่างดี เนื่องจาก "พระครูวิเวกพุทธกิจ (หลวงปู่ใหญ่เสาร์ กนฺตสีโล) พระปรมาจารย์สายพระกรรมฐาน ผู้เป็นบูรพาจารย์สายพระป่าใน ประเทศไทยที่ชาวบ้านให้ความเคารพบูชาและ เป็นอาจารย์ของพระอาจารย์มั่นภูริทตฺโต อาจารย์ใหญ่ฝ่ายอรัญญวาสี ออกเดินธุดงค์กรรมฐาน ปักกลดอยู่ในป่า ในดง ในถ้ำ ในเขา องค์แรกของอีสาน คือ "หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล" นัยว่าท่าน ออกบวชในพระศาสนา ท่านสนใจ เรื่องการปฏิบัติสมถกรรมฐาน วิปัสสนากรรมฐาน โดยถ่ายเดียว ซึ่ง สหธรรมิกคู่หูของท่านก็ คือ พระปัญญาพิศาลเถร (หนู) เป็นคนเกิดในเมืองอุบลฯ ท่านออกเดินธุดงค์ร่วมกัน หลวงปู่เสาร์ตาม ปกติ ท่านเป็นพระที่เทศน์ไม่เป็น แต่ปฏิบัติให้ลูกศิษย์ดูเป็นตัวอย่าง
ตามประวัติของท่านมีอยู่ว่า เมื่อปี พ.ศ. 2481 หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล พระอาจารย์ดี ฉนฺโน และคณะศิษย์ ชาว อำเภอพิบูลมังสาหาร ได้ธุดงค์สำรวจเกาะแก่งน้อยใหญ่ใน ลำแม่น้ำมูล ทางตอนใต้ของเมืองพิบูลมังสาหาร จนมาถึงเกาะดอนธาตุจึงได้ขึ้นพำนักปักกลดที่เกาะแห่งนี้ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโลได้ปรารภว่า อยากสร้างเกาะดอนธาตุ แห่งนี้ขึ้นเป็นวัดป่ากรรมฐาน เพราะมีความเหมาะสม จึงมอบหมายให้ พระอาจารย์ดี ฉนฺโน และคณะศรัทธาญาติโยม ชาวอำเภอพิบูลมังสาหาร รับหน้าที่ดูแลการสร้างวัดและเสนาสนะขึ้น และกลายเป็นวัดดอนธาตุในปัจจุบัน
ต่อมา ปี 2544 ได้ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระ อาจารย์เสาร์กนฺตสีโล พระปรมาจารย์สายพระกรรมฐาน เมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2544 โดยมี ฯพณฯ พลอากาศตรี กำธน สินธวานนท์ องคมนตรี เป็นประธาน ซึ่งเจดีย์มีขนาดฐาน กว้าง 16 เมตร สูง 33 เมตร สัณฐานเจดีย์ รูปทรงเป็นรูปกรวย เอกลักษณ์สถาปัตยกรรมอีสาน การที่สร้างทรงแปดเหลี่ยม หมายถึง "มรรคมีองค์แปด" อันได้แก่ "สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ" ต่อด้วยยอดเจดีย์ หมายถึง "นิพพาน" เป็นรูปกรวยกลมแหลมปิดด้วย ทองอร่ามตาเป็นยอดสูงสุด เหนือสุดมีฉัตรทอง ปรกองค์พระเจดีย์อันสูงส่ง ควรแก่การสักการบูชา ภายในองค์เจดีย์ เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ มีแท่นศิลาหินอ่อนสีขาวบริสุทธิ์ เป็นที่ประดิษฐานรูปหล่อ หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล มีตู้กระจกแสดงอัฐิ ธาตุและอัฐบริขารเครื่องใช้ของหลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล (รวบรวมและเรียบเรียง จากอินเทอร์เน็ต)
วัดดอนธาตุ และรูปของหลวงปู่เสาร์ ค่ะ
พวกเรานั่งเรือข้ามไปที่วัดดอนธาตุ ค่านั่งเรือแล้วแต่เราทำบุญค่ะ เรา ถ่ายรูปกันตามจุดต่าง ๆ ช่วงเวลานั้น ดวงอาทิตย์เปล่งแสง ร้อนแรงมาก ท้องฟ้าทอดเป็นเงากับท้องน้ำมูล งดงามมาก ถ่ายรูป ด้านนอกเสร็จ พวกเราซื้อดอกไม้ธูปเทียน ไปไหว้หลวงปู่เสาร์ แล้วเข้าไปกราบพระที่ในเจดีย์รูปทรงกรวย แล้วเดินชมบริเวณวัด ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ ๆ มากมาย บรรยากาศร่มรื่น ตามต้นไม้มีเขียนสำนวน สุภาษิตเตือนใจมากมาย พวกเราก็ถ่ายมาบ้าง ไม่ได้ถ่ายทุกป้าย เพราะเยอะมาก นั่นเอง ฉันทำบุญหยอดตู้ 60 บาท เผื่อเยาว์และจ๋า ด้วย
นั่งเรือข้ามฟากไปวัดดอนธาตุ ค่ะ
ทางเดินเข้าไปวัดดอนธาตุ ค่ะ
ด้านหน้าของวัด หลังจากขึ้นจากเรือ ค่ะ
เงาสะท้อนของเมฆลงในท้องน้ำแม่มูล งดงามมาก ค่ะ
คติธรรมสอนใจที่ติดตามต้นไม้ในวัดดอนธาตุ ค่ะ
มุมร่มรื่น ภายในวัดดอนธาตุ
เรารอเรือไม่นาน เรือลำเก่าก็มารับพวกเราและคนอื่น ๆ ข้ามฝั่งไป จุดเที่ยวต่อไป ก็คือ เสาเฉลียง แถวนี้ อากาศร้อนมาก ถ่ายรูปกัน พอดีมีรถไอศกรีมมานั่งขายด้วยพวกเราเลยซื้อกันคนละแท่งนั่งพักที่ศาลา จากนั้น ก็ขับรถไปอีกนิดเดียว ก็มาถ่ายรูปที่ผาหมอน ถ่ายดอกหญ้าบริเวณนั้น ผิดหวัง ไม่มีดอกไม้ ให้ชมตามที่หวัง ถ่ายได้แต่ดอกหญ้าเล็ก ๆ เท่านั้น
มุมสวยอีกมุมหนึ่ง ค่ะ
อีกผาหนึ่ง อยู่ใกล้ ๆ กัน เป็นจุดชมวิว
ทุ่งดอกหญ้า ดอกไม้ ที่เราหวังมาชื่นชม มีเพียงเท่านี้ ค่ะ
จุดหมายต่อไป ก็คือ ผาแต้ม ซึ่งที่นี่ ฉันเคยมาแล้วน่าจะสองครั้ง แดด ร้อนมาก ๆ เพราะเที่ยงแล้ว แดงไปเดินบนผาแต้ม ส่วนฉัน บัง และมอม สั่งน้ำปั่นคนละแก้ว นั่งพักอยู่บริเวณร้านค้า และเริ่มถ่ายรูปตามมุมต่าง ๆ ที่เขาจำลองไว้ให้ นักท่องเที่ยวถ่ายรูปกัน ค่ะ
ที่เห็นนี่ เป็นภาพที่ทางการทำไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ค่ะ โดย จำลองจากสถานที่จริง ค่ะ
เราอยู่ที่ผาแต้มประมาณ ชั่วโมงกว่า ๆ ก็ขับรถไปที่พักที่พวกเราจอง ไว้ ชื่อว่า "โขมเจียมเพรส" โชคดี ได้ห้องพักอยู่ชั้นล่าง ห้องละ 800 บาท อยู่สองคน เท่ากับ คนละ 400 บาทราคาก็ถูกดี เนาะ มาถึงที่พักประมาณบ่ายสองกว่า ๆ นอนพักผ่อนกัน จนถึงบ่ายสาม เพื่อจะไปกินข้าวรวบมื้อเที่ยงและมื้อเย็นควบกันเลย อาหารมื้อเที่ยงควบมื้อเย็น (กินบ่ายสามกว่า ) เลือกร้าน แพอารยา ซึ่งตั้งร้านอยู่บนแพ ในแม่น้ำ (น่าจะเป็นแม่น้ำ โขง) เราเลือกโต๊ะที่ติดกับลำน้ำมูล อาหารที่สั่งส่วนใหญ่ แดงและมอมเป็นคนเลือก ฉันก็ถ่ายรูปมาให้ชม ค่ะ
อาหารมื้อเที่ยง รวมมื้อเย็นของวันแรกค่ะนั่งโต๊ะริมน้ำแม่น้ำโขง เย็นฉ่ำ
กินอาหารเสร็จแล้วก็ต้องเดินออกจากร้านเดินสะพาน เพื่อขึ้นมาบนบก ศิษย์เขยบังเดินขึ้นมาก่อนเลยถ่ายรูปพวกเรา ค่ะ
กินอาหารเสร็จแล้ว จุดมุ่งหมายในการเที่ยวต่อไป ตามโปรแกรมที่จัด ไว้ คือ ไปวัดเรืองแสง (ชื่อที่ชาวบ้านเรียกตามการเรืองแสง ของสิ่งต่าง ๆ ภายในวัด) ถือเป็นไฮไลท์ของวัดนี้ที่ทุกคนอยากจะมา ชม ค่ะซึ่งปรากฏการณ์เรืองแสงจะเกิดขึ้นหลังจากที่ ดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้ว วัดก็จะมีลักษณะเรืองแสงเป็นสีเขียวสวยงาม มาก ค่ะ นักท่องเที่ยวมาเที่ยวและถ่ายรูปตั้งแต่ดวงอาทิตย์ ยังไม่ตก แล้วรอจนดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า เพื่อชมการเรืองแสงของวัด นี้ ค่ะ มาทราบประวัติความเป็นของวัดนี้ ค่ะ วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือนิยมเรียกกันว่า วัดเรืองแสง ตั้งอยู่ที่ อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี เป็นวัดที่ ตั้งอยู่บนเนินเขาสูง โดยจำลองสภาพแวดล้อมของวัดป่าหิมพานต์ หรือเขาไกรลาศ บริเวณบนยอดเขาจะมองเห็น พระอุโบสถสีปัดทองตั้งเด่นเป็นสง่า วัดนี้ ท่านพระอาจารย์บุญมากเป็นผู้ริเริ่ม ท่านเป็นคนฝั่งลาวจำปาสัก เข้ามาเผยแผ่อบรมสมาธิทางฝั่งไท และได้ปักกลด ที่ภูพร้าวแห่งนี้ในปี 2497-2498
ต่อมาปี 2516ท่านได้ขอบิณฑบาตพื้นที่ให้เป็นวัดจากทางหน่วยทหาร และทางราชการ อ.พิบูลมังสาหาร ทางอำเภอ จึงให้ตั้งชื่อวัดว่า วัดสิรินธรวราราม หลังจากนั้นท่านพระอาจารย์ บุญมากต้องกลับประเทศลาว ทิ้งให้วัดร้าง หลายสิบปี จนกระทั่งปี 2542 พระครูกมล ลูกศิษย์ของท่านได้ค้นพบ วัดอีกครั้งและบูรณะให้กลับมาเป็นสถานที่ ปฏิบัติธรรมได้ดังเดิม หลังจาก พระครูกมลละสังขารไปในปี 2549 พระครูปัญญาก็เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัด และสานต่องานสร้างวัดต่อไป อย่างต้นกัลปพฤกษ์ เรืองแสงเพิ่งสร้าง เสร็จเมื่อเร็ว ๆ นี้ ส่วนพระอุโบสถยังมีการแต่งเติม อยู่เรื่อย ๆ จุดเด่นของวัดคือ การได้มาชมภาพเรืองแสงเป็นสีเขียวของ ต้นกัลปพฤกษ์ที่เป็นจิตรกรรมที่อยู่บนผนังด้านหลัง ของอุโบสถในยามค่ำคืน ซึ่งช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมและ ถ่ายภาพคือ ตั้งแต่เวลา 6.00.19.30 น. ซึ่งหากโชคดี ก็จะได้เห็นดวงดาวมากมายเต็มท้องฟ้า อีกด้วย แต่ภาพเรืองแสงนี้ หากมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเพียงเล็กน้อย จะไม่เห็นเป็นสีเขียวชัดเจนเท่ากับภาพที่ถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพ เพราะ ฉะนั้นนักท่องเที่ยวบางท่านที่มาเก็บภาพความงดงาม ผ่านสายตาต้องเผื่อใจไว้เล็กน้อย
นอกจากความมหัศจรรย์ของพระอุโบสถแล้ว วัดแห่งนี้ยังมีจุดชมวิว ทิวทัศน์ซึ่งเป็นวิวลำน้ำโขง และบริเวณด้านหลัง พระอุโบสถเป็นจุดชม วิวทิวทัศน์ของฝั่งประเทศลาว และมองเห็นด่าน สากลช่องเม็กอย่างสวยงามรวมทั้งอ่างเก็บน้ำ ที่ อยู่บริเวณเชิงเขาคล้ายกับทะเลสาบ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ ตกดิน เราจะได้เห็นพระอาทิตย์ดวงโต ซึ่งเป็นบรรยากาศที่สวยงามมาก สำหรับต้นกัลปพฤกษ์เรืองแสง เป็น ฝีมือการออกแบบของช่างคุณากร ปริญญาปุณโณ ผู้ลงมือติดโมเสกแต่ละชิ้นด้วยตัวเอง โดยมีแรงบันดาลใจมาจากต้นไม้ แห่งชีวิต ในภาพยนตร์เรื่องอวตาร โดยใช้สารเรืองแสง หรือ สารฟลูออเรสเซนต์รอบต้น คุณสมบัติของสารฟลูออเรสเซนต์จะ รับแสงพระอาทิตย์ ในตอนกลางวัน พร้อมกับที่ศิลปกรรมชิ้นนี้ ได้หันหน้าไปทางทิศตะวันออก หรือหันข้างไปทางทิศตะวันตก ก็เลยเหมือนเป็นฉากกั้น พลังงาน ในช่วงเวลาตอนกลางวัน แล้วจะฉายแสงออกมาในตอน กลางคืน คือเป็นการคายพลังงานออกมา ตัวอุโบสถมีต้นแบบมาจาก วัดเชียงทอง ประเทศลาว เสาแต่ละต้นลง ลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลายดอกบัวและสัตว์ ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า ทางเข้าเป็นต้นสาละ ส่วนตัวอุโบสถมี ต้นแบบมาจากวัดเชียงทอง ประเทศลาว แต่มีความกว้างมากกว่า 1 เท่า และความยาวมากกว่า 2 เท่า เสาแต่ละ ต้นลงลวดลายด้วยมือ โดยรอบนอกเป็นลาย ดอกบัวและสัตว์ทั้งหลายตามคติบัว 4 เหล่า หัวใจหลักของการทำ พุทธศิลป์ คือ การนำเสนอ งานศิลปะที่เกิดจากความสงบ ความเพียร ความอดทน และวิสัยทัศน์ งานแต่ละชิ้นต้องคิดจากความ คิดอันวิจิตรและขบคิดมาก่อนทั้งสิ้น อย่างแนวคิดการจำลองให้วัดเป็นเขาพระสุเมรุ ตรงกลางของพระ อุโบสถ เป็นที่ตั้งของพระประธาน แต่เดิมที่คล้ายกับ พระพุทธชินราช ในจังหวัดพิษณุโลก แต่มีการนำเพียงส่วนรัศมีออกไป เพื่อให้แลดูกลมกลืนกันยิ่งขึ้น พร้อมกับได้ทำฉากหลัง เป็นต้นโพธิ์ โดยเบื้องบนติดด้วยแผ่นพระทอง ( เรียบเรียงและรวบรวมจาก อินเทอร์เน็ต)
พวกเรามาถึงวัดนี้ประมาณ สี่โมงกว่า มีนักท่องเที่ยวมากันมากมาย แล้ว ประมาณ ห้าโมงกว่า ฝนตก ตามที่พยากรณ์อากาศ ได้พยากรณ์ไว้ พวกเราตองหาที่หลบฝนแต่ตกไม่หนักและไม่นาน พอพระอาทิตยลับขอบฟ้าไปแล้ว ตามพื้นวัด และที่ต่าง ๆ ก็เริ่มเรืองแสงขึ้นมา นักท่องเที่ยวก็เริ่มจับจองเนื้อที่ในการถ่ายรูปกัน โดยเฉพาะจองถ่ายรูปที่ต้นกัลปพฤกษ์ พื้นแฉะเพราะฝนตกด้วย เวลาเดินจึงต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ พวกเรา ก็ถ่ายรูปกันตามที่ต่าง ๆ ภาพเดี่ยวบ้าง รูปคู่บ้าง หมู่มีน้อย มาชมรูปของพวกเราและวัดเรืองแสง ค่ะ
ช่วงนี้ ดวงอาทิตย์ยังไม่ลับขอบฟ้า ยังไม่เรืองแสง จะเป็นภาพอย่างนี้
ภาพล่าง เริ่มเรืองแสงเล็กน้อยแล้ว ค่ะ
ด้านหลังเรา เป็นพระอุโบสถ ค่ะ
ถ่ายรูปหมู่กัน ค่ะ
กราบพระและทำบุญในพระอุโบสถ ค่ะ
ต่อไป จะเป็นภาพที่หลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว วัดและ บริเวณวัด พื้นวัด ก็จะเรืองแสง สวยงามมากค่ะ ชมภาพ ค่ะ
ต้นกัลปพฤกษ์ ค่ะ เรืองแสงแล้ว
คู่พระคู่นาง ค่ะ อิอิ
มุมต้นกัลปพฤกษ์คนมาถ่ายรูปกันมากที่สุด ถือเป็นไฮไลท์ ค่ะ
โปรแกรมการเที่ยวของวันนี้ จบที่วัดเรืองแสง ค่ะ เราถ่ายรูปกัน ตามจุดต่าง ๆ จนถึงทุ่มกว่า จึงได้อำลาจากวัดเรืองแสง กลับที่พัก อาบน้ำและดูละครโทรทัศน์ก่อนแล้วจึงเข้านอน อิอิ
โปรดติดตามตอนที่ 2 ต่อไป ค่ะ สวัสดี ค่ะ
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2565 |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2565 15:04:08 น. |
|
40 comments
|
Counter : 934 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณวลีลักษณา, คุณสองแผ่นดิน, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณhaiku, คุณSertPhoto, คุณnewyorknurse, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtuk-tuk@korat, คุณกิ่งฟ้า, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณKavanich96, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณTurtle Came to See Me, คุณกะว่าก๋า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณร่มไม้เย็น, คุณThe Kop Civil, คุณทนายอ้วน, คุณเริงฤดีนะ, คุณอุ้มสี, คุณkatoy, คุณkae+aoe, คุณ**mp5**, คุณหอมกร, คุณเจ้าหญิงไอดิน, คุณชีริว |
โดย: วลีลักษณา วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:21:27:52 น. |
|
|
|
โดย: SertPhoto วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:0:07:59 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:14:45:19 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:14:49:51 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:22:45:25 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:23:28:13 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:23:38:48 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:5:24:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:21:54:57 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:23:41:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:5:51:54 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:9:46:28 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:17:09:33 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:18:11:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:19:47:20 น. |
|
|
|
โดย: SertPhoto วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:20:36:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:6:12:40 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:9:46:29 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:10:02:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:11:17:15 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:12:15:04 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:23:15:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:6:21:42 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:9:44:35 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:10:14:36 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:11:19:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:14:26:31 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:19:45:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:6:07:51 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:8:29:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:10:37:46 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 20 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:22:16:17 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| Smember | | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]
|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
|
|
ตามไปอุบลด้วยค่ะ