1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
ชวนเที่ยว เมืองชาละวัน ค่ะ
ชวนเที่ยว เมืองชาละวัน ค่ะ มาชวนเพื่อน ๆ ไเที่ยว เมือง ชาละวัน กัน ค่ะ เมื่อ วันที่ 7-8 กันยายน 62 ลูกศิษย์ คือ อุ้ย มาชวนไปถวายผ้าป่าและ ฉลองกุฎีที่ครอบครัวของเขาได้สร้างถวายวัด ประทม อุ้ยจ้างรถตู้ไป ครั้งนี้ด้วย เลยชวนฉันและเพื่อน ๆ ของเขาอีก 4 คนไปด้วย โดยให้พี่สาวของแม่อุ้ยเป็นคนจัดการงานที่พิจิตร เช่น ต้นผ้าป่า โต๊ะจีน อุ้ย นัดมารับฉันที่บ้าน เวลา 7.00 น. เช้าวันที่ 7 ก.ย. เพื่อไปรวมพลกับครอบครัวและเพื่อน ๆ เขาที่บ้านอุ้ย โดยนัดรถตู้ที่เช่ามารับเวลา 8.00 น. รถตู้ มารับตรงตามเวลา แต่น่าเห็นใจเขา เพราะทางเข้าบ้านของอุ้ย เป็นหลุมเป็นบ่อ รถของเขาช่วงล่างต่ำ จึงครูดกับหลุม ในบางช่วง ถ้าไปเข้าอีกทาง แล้วให้พวกเราขนของที่จะไปถวายพระ ที่พิจิตร แก้ปัญหาโดยให้คนไปขึ้นรถอีกซอย เพื่อไม่ให้รถมีน้ำหนักมากเกินไป มีฉันและแม่อุ้ย นั่งรถไปสองคน ขากลับ จึงต้องแก้ปัญหาไปเข้าอีกทาง แล้วช่วยกันขนของลงจากรถ ไปที่บ้านนำรถเข็นมาเข็นของที่ซื้อกันมา และกระเป๋าเสื้อผ้า ของแต่ละคน ค่ะ เราน่าจะออกจากกรุงเทพฯ ไปประมาณ 8.30 น. ครอบครัวอุ้ยนั่งแถว หน้า ฉันนั่งแถวสองติดกับเพื่อนบ้านของแม่อุ้ย ชื่อ ติ๋ว อีกคน เป็นเพื่อนของอุ้ยที่รักกันต้องอุ้ยและแม่ไปเฝ้าพ่อที่ ร.พ. ชื่อบัว เขามีอาชีพ รับจ้างเป็นคนดูแลผู้ป่วย ส่วนแถวหลัง มีสองคน คือญาติลูกพี่ลูกน้องของอุ้ย ชื่อ สุ อีกคน เป็นเพื่อนของอุ้ย ชื่อ ต้อย ค่ะ รถแล่นไปเรื่อย ๆ พวกเรก็คุยกันไป เชื่อมสัมพันธไมตรีกันไป เพราะ ฉันไม่รู้จักใคร นอกจาก ครอบครัวของอุ้ย แต่ฉันก็เข้า กับพวกเขาได้ดี คุยกันสนุกสนาน น่าจะประมาณเกือบเที่ยง ก็มา ถึงร้านอาหารที่ครอบครัวอุ้ยเวลามาพิจิตร จะมากิานอาหารที่นี่ เป็นประจำ ชื่อว่า ร้านไพบูลย์ไก่ย่าง อุ้ยเป็นคน สั่งอาหารสั่งเป็นสองชุด อาหารสั่งหลายอย่างมากทีเดียว มีไก่ย่าง สะเดาน้ำปลาหวาน ต้มจืด ต้มแซ้บ ผัดผักรวมมิตร ห่อหมก ทอดมันปลากราย ปลาช่อน วันนี้ มีโปรโมชั่น สั่งน้ำแตงโม 1 แก้ว แถม 1 แก้ว อุ้ย สั่งด้วย และส่งมาให้ฉัน 1 แก้ว ทุกคนต่างทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย น่าจะหิว อิอิ ร้านนี้ ตอนที่เราเข้าร้านมา มีคนมานั่งกินกันหลายโต๊ะแล้ว แต่อาหาร ที่เราสั่ง ก็มาไม่ช้า ข้าง ๆ โต๊ะเรา มีคนมากินประมาณ 3-4 คน คนที่เป็นผู้ชาย คุยเก่งมาก เย้าแหย่ บริกรที่มาเก็บบิล แถมว่า กินตั้งเยอะ ไม่ถึงพัน หรืออะไรประมาณนั้น พอเขาจ่ายเงินเสร็จแล้ว ก็ยังแวะมาคุย มาทักทายพวกเรา แนะนำว่า เขาชื่อ ดร.ชาตรี เล่าประวัติของเขาให้ฟัง บอกว่า เขาเกษียณฯแล้ว อายุ 78 ปี มีบ้านอยู่ที่ จ. เลย มีนามบัตรให้ อ้นด้วย ชวนทุกคนไปพักฟรี อีกต่างหาก เออ! ก็แปลกดีเนาะ สมาชิกที่มางานฉลองกุฏิของครอบครัวอุ้ย ค่ะ อาหารกลางวันที่ร้าน ไพบูลย์ ไก่ย่าง โฉมหน้าของ ดร. ชาตรี ค่ะ อิ่มท้องแล้ว ก็เดินทางต่อไป ค่ะ ก่อนไปถึงพิจิตร เป้าหมายปลายทาง เรามาทราบความเป็นมาของเมืองพิจิตรหรือเมือง ชาละวัน ค่ะ เมืองพิจิตร ตั้งอยู่ที่ภาคกลางตอนบน ระหว่าง จ.นครสวรรค์และ จ. พิษณุโลก มีแม่น้ำน่านและแม่น้ำยมไหลผ่าน เมืองพิจิตร แปลว่า เมืองงาม มีชื่อเดิมในสมัยพระเจ้าลิไท เรียกว่า เมืองสระหลวง ต่อมาสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ได้เปลี่ยนชื่อว่า เมือง โอฆะบุรี แปลว่า เมืองในท้องน้ำ และต่อมา เปลี่ยนมาเป็น เมืองพิจิตร ตามตำนานเล่าว่า พระยาโคตรบอง เป็นผู้สร้างเมืองพิจิตร เมืองพิจิตร มีความสำคัญ อย่างหนึ่ง คือ เป็นถิ่นประสูติของพระเจ้าเสือ กษัตริย์องค์หนึ่งของกรุงศรีอยุธยา ค่ะ ที่เมืองพิจิตร ยังมีประเพณี การแข่งเรือยาว ที่ลือชื่อ เนื่องจากเป็นเมือง ที่มีแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำน่าน และแม่น้ำ ยม แข่งกันที่วัดท่าหลวง และวัด โพธิ์ประทับช้าง น่าเสียดายที่พวกเราไม่ได้ไปชม ทั้ง ๆ ที่วันที่เราไปตรงกับการแข่งเรือด้วย เหตุเพราะทุกคนกล้วแดด และกลัวหมู่คนที่มาชมการแข่งเรือมากมาย นั่นเอง เราไปเที่ยวที่ บึงสีไฟ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่ เป็นสวน สาธารณะของจังหวัดพิจิตร มีรูปปั้นของจระเข้ คือ พญาชาลวันขนาดใหญ่ ขนาดใหญ่จนภายในปากจระเข้ใช้เป็นที่ ประชุมได้ด้วย ค่ะ มาชมทิวทัศน์และบรรยากาศ ค่ะ นี่คือ รูปจระเข้ พญาชาลวัน แห่งเมืองพิจิตร ค่ะ ถ่ายกับสัญลักษณ์และชื่อของบึงสีไฟ ค่ะ ป้ายหลัก ชื่อ พญา ชาลวัน ถ่ายไว้เป็นที่ระลึก ขอรูปเดี่ยวและเห็นปากพญาชาลวันชัด ๆ สักรูป ค่ะ ออกจากบึงสีไฟ เราก็ไปไหว้พ่อปู่พระยาโคตรบองเทวราช ค่ะ รูปของพ่อปู่ โคตรบองเทวราช ผู้สร้างเมืองพิจิตร จากนั้น ก็ไปไหว้ ศาลหลักเมือง ซึ่งเชื่อว่า สร้างในสมัยพระยาโคตร บอง เมื่อปี พ.ศ. 1601 ตั้งอยู่ในอุทยานเมืองเก่า เมืองพิจิตร มีลักษณะเป็นเมืองโบราณ ศาลหลักเมือง ของเมืองพิจิตร ค่ะ จากที่นี่แล้ว ก็เดินทางไปยังบ้านของพี่สาวของแม่อุ้ย ซึ่งทำกับข้าวเตรียมกับข้าวกับปลา อาหารมื้อเย็นให้ พวกเราได้กินแล้ว ครอบครัวของน้องชาย แม่อุ้ยเดินทางมาที่บ้าน พี่สาวตั้งแต่เมื่อวานแล้ว พี่น้องต่างก็ดีใจที่ได้ พบกัน คุยกัน ยกอาหารมาจัดโต๊ะ กับข้าวมากมาย ปลาตะเพียงต้มเค็ม ทอดมัน (เค็มจัง)ปลา อาหารค่อนข้างเต็ม อาหารหวาน เป็นตะโก้เผือก รสชาติ อร่อย แต่ยังไม่เช็ทตัวเลยเละ ไปบ้าง แต่รสชาติ หวานมัน อร่อยดี หลังจากอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว รถตู้ ก็พาเราไปพักยังโรงแรมที่อุ้ย ได้จองเอาไว้แล้ว ชื่อโรงแรม มีพรสวรรค์ ชื่อแปลกดี ได้ความมาว่า เป็น นามสกุลของเจ้าของโรงแรม ค่ะ เป็นโรงแรมที่ ใหญ่พอสมควร วันนี้รถและผู้คนคับคั่งมาก เนื่องจากมีงานแต่งงาน มีงานเลี้ยงรุ่น หลายงาน กว่ารถเราจะเข้าถึง ที่พักได้ ก็ใช้เวลานานมากพอสมควร ห้องของฉัน นอนกัน 3 คน มีฉัน ต้อย และอุ้ย ห้องใหญ่มากทีเดียว ส่วนแม่อุ้ยอยู่กับเพื่อนบ้านที่ชื่อ ติ๋ว บัวอยู่กับอ้น ส่วนคนรถ อยู่อีก 1 ห้อง ฉันไม่ได้ถ่ายรูปห้องเลย เพราะโทรศัพท์ มือถือของฉัน ไม่ทราบสาเหตุอะไร ทำให้มันล็อก หน้าจอ ไม่สามารถใช้การอะไรได้เลย หมดท่าจริง ๆ เลย รุ่งขึ้น วันที่ 8 พวกเราทานอาหารเช้าที่โรงแรม ฉันอาบน้ำแต่งตัว เสร็จพร้อมต้อย ส่วนอุ้ย ขอกินข้าวเช้าก่อน แล้วค่อยกลับมาอาบน้ำแต่งตัว อาหารมื้อเช้า เป็นข้าวต้มเครื่องหมู มีเครื่องปรุงพร้อม ยังมีกาแฟ โอวัลติน ปาท่องโก๋ ไส้กรอก ทานข้าวต้มไปสองชามเล็ก ไส้กรอก และปาท่องโก๋ 1 ตัว ทานเยอะ ไขมันในเลือดจะถามหา อิอิ ขากลับ เห็นมีที่สวย ๆ ของโรงแรม ก็ถ่ายรูปมาให้ชมสัก2-3 รูป ค่ะ ถ่ายกับป้ายโรงแรม ค่ะ หลังจากทุกคนพร้อมแล้ว ก็ชนกระเป๋าขึ้นรถ เพื่อเดินทางไปที่วัดชื่อ วัดประทม ซึ่งเป็นวัดที่ครอบครัวอุ้ย มาสร้างกุฏิ ประจำตระกูลของเขา เป็นกุฏิชั้นเดียว อุ้ยซื้อ อาสนะ เสื่อ หมอนและ อีกหลายอย่างที่พระจะต้องใช้ ส่วนฉันนำแก้วประมาณ โหลครึ่งไปถวายวัด เพื่อวัดมีงานจะได้นำไป ใช้ได้ ที่บ้านมีแก้วน้ำมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นของขวัญที่ได้มา ในโอกาสต่าง ๆ นั่นเอง มาถึงวัด เขาจัดโต๊ะจีนไว้แล้ว โต๊ะละพันหนึ่ง น่าจะประมาณ 15 โต๊ะ มีต้นผ้าป่าจัดไว้เรียบร้อย พี่น้องของครอบครัวอุ้ย มากันก่อนแล้ว มีชาวบ้านมาช่วยงาน จัดออเดิฟ คือ ข้าวเกรียบให้ แขกกินเล่น ๆ ไปก่อน น้องชายแม่อุ้ย คือ เฉลียว รับแขกอย่างคล่องแคล่ว พาพวกเราไปเดินชมรอบ ๆ วัดด้วย แต่ก็ไม่ มีรูปให้ชมหรอก เพราะโทรศัพท์มือถือ ถูกล็อกไปแล้ว ถ่ายรูปหมู่กับกุฏิที่สร้างถวายและองค์ผ้าป่าไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ หลังพิธีสงฆ์เสร็จแล้ว ซึ่งพวกแขกอย่างพวกเราไม่ได้เข้าไปร่วมพิธีใน ตัวกุฏิ เพราะค่อนข้างแคบ มีแต่ครอบครัวอุ้ย ส่วนตัวอุ้ย ก็ไม่ได้อยู่ในพิธี เพราะที่โรงแรมคิดเงินผิด ต้องไปจ่ายเงิน เพิ่มและไปแวะซื้อของที่เพื่อนฝากบ้าง ซื้อไปฝากเพื่อนและกินเองบ้าง มาถึง พิธีสงฆ์ก็เสร็จ แขกที่มางานก็ มีมากพอสมควร อาหารเสิร์ฟเร็วมาก เสิร์ฟ ครั้งเดียวจบเลย มันเลยเต็มโต๊ะไปหมด อาหารก็ไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะอย่างที่บอกไว้ว่า โทรศัพท์เบอร์ถือ เสียไปแล้ว เปิดหน้าจอ ไม่ได้เลย เท่าที่จำได้ ก็มี ปลาทับทิมราดพริก มีขาหมู ที่ทุกคนชมว่าอร่อย มียำสามกรอบ ข้าวผัด จำได้แค่นี้ ค่ะ ทานกันเสร็จ ก็น่าจะประมาณเกือบบ่ายโมง งานเลี้ยงงานบุญก็ร่ำลากันไปตามระเบียบ พวกเราแวะไปที่บ้านพี่สาว ของแม่อุ้ย เพื่อเคลียร์เงินในการจัดงานครั้งนี้ และอุ้ยต้องการอาบน้ำอีกครั้ง วันนี้อากาศร้อนมาก ๆ แดดจัดมาก ๆ พี่สาวของแม่อุ้ยฝากแกงผักบุ้ง ใส่ถุงให้กลับบ้านหลายถุง มีตะโก้เผือกอีกใส่เป็นกล่องเล็ก ๆ กล่องละชิ้น หลายกล่องอยู่ ฉัน ก็ได้รับแจกมา 5 กล่องเล็ก ๆ มาด้วย ส่วนสุ ซื้อส้มโอจากสวน มาแจกคนละ 2 ผล ขากลับ แวะเอาก๋วยเตี๋ยวที่ แม่อุ้ยบอกว่าอร่อยมาก อุ้ยซื้อให้ฉันกลับมากินที่บ้าน 1 ชุด เท่ากับสองชาม แต่เขาให้เยอะ กินได้ 3-4 ครั้ง อิอิ รสชาติ อร่อยสมกับที่คุยไว้เชียว ค่ะ ขากลับได้แวะเที่ยวอีก สอง แห่ง คือ เที่ยวที่วัด นครชุม มารู้ประวัติ ความเป็นมาของ วัดนครชุม สักหน่อยค่ะ วัดนครชุม ชาวบ้านเรียกว่า "วัดใหญ่" วัดนี้ มีพระพุทธรูปที่ชาวบ้าน นับถือและถือว่า ศักดิ์สิทธิ์ อยู่ 3 องค์ คือ หลวงพ่อเพชร หลวงพ่อพัน และหลวงพ่อพัทธ์ พอเข้ามาที่ตัววัด จะ พบพระพุทธรูปองค์อยู่กลางแจ้ง ชื่อว่า "หลวงพ่อใหญ่" หลวงพ่อใหญ่ วัดนครชุม ค่ะ ภาพทางซ้ายเป็นดอกลีลาวดีของ โรงแรม มีพรสวรรค์ ที่เราพัก ค่ะ ที่วัดนครชุม มีโบสถ์เก่าแก่ สร้างด้วยอิฐฉาบปูน ด้านบนเป็นไม้สลัก แทนตะปู มีช่องระบายลม แทนหน้าต่าง (คือไม่มีหน้าต่าง) โบสถ์หลังนี้ เคยเป็นที่ประดิษฐาน หลวงพ่อเพชร แต่ปัจจุบัน หลวงพ่อ เพชรประดิษฐานอยู่ที่วัดท่าหลวง องค์ที่เห็นในวัดนี้ เป็นองค์จำลอง ค่ะ ที่โบสถ์เล็กหลังนี้ เป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อ พัทธ์ เป็นประธานในอุโบสถหลังนี้ เชื่อว่า ใครที่มานมัสการหลวงพ่อพัทธ์แล้ว จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การ งานและทุกข์โศกเคราะห์ภัยต่าง ๆ จะถูกพัดพาหายไป เหมือนนามของหลวงพ่อพัทธ์ ค่ะ มาชมภาพค่ะ มาไหว้หลวงพ่อพัทธ์ในโบสถ์เล็ก ค่ะ อุโบสถอีกหลังชื่อ โบถ์แก้วค่ะ เรามาไหว้พระในโบสถ์ ค่ะ ถ่ายรูปหน้าโบสถ์แก้ว ค่ะ ออกจากวัดนครชุมแล้ว ก็ไปเที่ยว ฟาร์มแกะ ของทหารช่าง แหล่ง เที่ยงแห่งนี้ อ้น เป็นคนค้นหามาให้ไปเที่ยว อุ้ย แม่อุ้ย และติ๋ว บอกไม่ไหว เลยนั่งรอในรถ ใครสนใจไปถ่ายรูป และชมฟาร์มแกะทหารช่าง ก็ไป ให้เวลา 30 นาที มั้ง ฉันก็ลงไปกับเขาด้วย ค่ะ ไม่เสียโอกาสแน่นอน ก่อนจะไปดูรูปสวยที่ น้อง ๆ ถ่ายมาให้ เรามาดูความเป็นมาของสถานที่นี้ค่ะ ฟาร์มแกะทหารช่าง เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่ในพื้นที่ กว่า 30 ไร่ อยู่ในความดูแลของกองพันทหารช่างที่ 4 กองพลทหารราบที่ 4 ค่ายจิรประวัติ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เพิ่งเปิด ใหม่ ของจังหวัดนครสวรรค์ นอกจากมีฟาร์มแกะแล้ว ยังมีสัตว์อื่น ๆ เช่น ม้า มีชุดให้เช่าขี่ม้าถ่ายรูป ค่าบริการเพียง 50 บาท มีหมูป่า ปลา ไก่ ห่าน ฯลฯ ค่าเช้าชมฟรี ค่ะ เวลาที่เปิดบริการให้เข้าชม ตั้งแต่ 8.00-18.00 น. ค่ะ พวกเรามีเวลา น้อย จึงไม่ได้เดินเที่ยว ถ่ายอยู่บริเวณฟาร์มแกะอย่างเดียว มีรถจิ๊ปทหารอยู่ข้าง ๆ ร้านกาแฟ ให้นักเที่ยวได้ถ่ายรูปด้วย ค่ะ ฉากที่ทำไว้ให้นักท่องเที่ยวถ่ายรูป ค่ะ ที่ร้านขายกาแฟ ที่ฟาร์มแกะ ค่ะ มุมสวยมุมหนึ่งของฟาร์มแกะ ขี่รูปปั้นแกะ ถ่ายรูป ค่ะ สาเหตุที่ไม่มีรูปเพื่อนคนอื่น ๆ เลย เพราะว่า กล้องโทรศัพท์ของฉัน ใช้ถ่ายรูปไม่ได้เลย ดังสาเหตุที่กล่าวมาข้างต้น ลูกศิษย์และเพื่อนร่วมทริป จึงส่งแต่รูปของฉันที่พวกเขาถ่ายให้ฉัน ไม่ ได้ส่งรูปของเขามาให้ฉันเลยน่ะ ค่ะ หลังจากถ่ายรูปกันแล้วตามเวลาที่เขาให้แล้ว พวกเราก็ออกเดินทาง ต่อไป น่าจะประมาณ 5 โมงเย็นน่าจะได้ แม่อุ้ยให้คนขับรถ แวะที่ปั้มน้ำมัน ซึ่งมีร้านอาหารที่พวกเขาเคย แวะกินกัน คือ ร้านอาหาร น้องแอปเปิ้ล ซึ่งมีอาหารขาย เป็นข้าวราดแกง แล้วแต่ใครชอบกับข้าวอะไร ก็สั่งเอา อุ้ยแจกคูปองคนละน่าจะ 50 บาท นะ เพราะ อาหารกับข้าวสองอย่าง ราคาเพียง 40 บาทเท่านั้น แล้วอุ้ยก็ไป ซื้อน้ำแจกคนละ 1 ขวดให้ทุกคนด้วย อิ่มหนำสำราญแล้ว พวกเราก็เดินทางเข้ากรุงเทพฯ ถึงบ้านอุ้ย โดย เข้าทาง อ่อนนุช 80 ซึ่งทางเข้าไม่เป็นหลมเป็นบ่อ เหมือนซอยที่เข้าบ้านอุ้ย เพียงแต่เราต้องขนของไว้ท้ายซอย แล้ว อุ้ยเข้าบ้านไปเอารถขนของมาเข็นของทั้งของตัวเอง และเพื่อน ๆ ซึ่งก็ไม่ไกลจากที่รถจอด แม่อุ้ย จัดการ นำข้าวหลามให้ ฉัน สองกระบอก แกงผักบุ้ง 1 ถุง มะขามแก้วที่อุ้ยฝากฉัน อีก สองกล่อง ก๋วยเตี๋ยวเมืองพิจิตรอีก 1 ถุง ส้มโอของฝากจากสุอีก สองลูก และฝรั่งกิมจูที่ฉันซื้ออีก 3 กิโล 100 บาท อุ้ย มีน้ำใจฝากข้าวหลามสองกระบอก มะขามแก้วอีก 1 กล่อง อะไรอีก ฉันก็จำไม่ได้แล้ว ให้คนขับรถ ฉันร่ำลาแม่อุ้ย และเพื่อนร่วมทริป คนขับรถ ก็ขับรถมาส่งฉันที่บ้านเป็นคนสุดท้าย ตามที่ตกลงกันไว้ ในการว่าจ้างรถครั้งนี้ ค่ะ ทริป ฉลองกุฏิของครอบครัวอุ้ย และเที่ยวเมืองพิจิตร เมืองชาละวัน ก็จบลงไปอีกทริปหนึ่ง อิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มความสุข ถ้วนหน้ากัน ขอบใจอุ้ยที่ชวนไปทำบุญและเที่ยวเมืองพิจิตรในครั้งนี้ ฉันก็ช่วยค่ารถเขาไป 500 บาท ทำบุญผ้าป่า ไป 200 บาท ตามอัตภาพที่ควร ส่วนเพื่อน ๆ เขา ไม่ทราบว่า ได้ช่วย ค่าใช้จ่ายครั้งนี้หรือไม่อย่างไรหรือไม่ อุ้ยเป็นคนใจกว้าง คงถือว่า รถก็ว่าง ๆ อยู่ เหลือที่ มีคนไปด้วยหลายคน ก็ครึกครื้นดี ดีกว่าปล่อยให้รถเหลือที่นั่งว่าง ๆ ไว้ แต่จะอย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบใจอุ้ยและแม่อุ้ยที่ชวนไปร่วมทำบุญ และท่องเที่ยวเมืองชาลวันในครั้งนี้ ค่ะ
Create Date : 22 กันยายน 2562
Last Update : 23 กันยายน 2562 20:53:10 น.
26 comments
Counter : 1803 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณKavanich96 , คุณกะว่าก๋า , คุณThe Kop Civil , คุณสองแผ่นดิน , คุณโอน่าจอมซ่าส์ , คุณtoor36 , คุณอุ้มสี , คุณtuk-tuk@korat , คุณภาวิดา คนบ้านป่า , คุณRananrin , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณmariabamboo , คุณhaiku , คุณnewyorknurse
โดย: auinalin IP: 58.11.157.60 วันที่: 23 กันยายน 2562 เวลา:21:54:56 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:2:29:33 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:6:31:14 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:22:40:16 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:22:52:12 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:22:55:59 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 กันยายน 2562 เวลา:23:44:52 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กันยายน 2562 เวลา:6:17:28 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 25 กันยายน 2562 เวลา:8:08:54 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 กันยายน 2562 เวลา:13:26:05 น.
โดย: Rananrin วันที่: 26 กันยายน 2562 เวลา:5:40:26 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กันยายน 2562 เวลา:6:17:25 น.
โดย: mariabamboo วันที่: 26 กันยายน 2562 เวลา:7:22:36 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 กันยายน 2562 เวลา:10:48:57 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กันยายน 2562 เวลา:5:40:44 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 กันยายน 2562 เวลา:14:47:06 น.
โดย: พายุสุริยะ วันที่: 27 กันยายน 2562 เวลา:20:40:48 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กันยายน 2562 เวลา:6:33:37 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 กันยายน 2562 เวลา:15:14:27 น.
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 28 กันยายน 2562 เวลา:20:31:57 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 กันยายน 2562 เวลา:6:35:22 น.
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [? ]
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif