|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
 |
|
ทริปเที่ยวเชียงใหม่ ลำพูน ตอนที่ 3 |
|
ทริป เที่ยวเชียงใหม่ ลำพูน ตอนที่ 3
ทริปเที่ยวเชียงใหม่ ลำพูน 4 วัน 3 คืน ตอนที่ 3 ก็จะปิดทริปนี้แล้วค่ะ เมื่อตอนที่ 2 ฉันเล่าถึงช่วงเย็นที่เราไปพักที่โฮมสเตย์ ของครูเหน่ง ผู้น่ารัก เอื้ออารี ให้การต้อนรับพวกเรา พร้อมทั้งคำแนะนำ เรื่องอาหารร้านอร่อยและสถานที่ที่น่าเที่ยวใน จ.ลำพูน บล็อกนี้ เป็นตอนที่ 3 จะอยู่เที่ยวลำพูน ตามแพลนที่วางไว้ แล้วขับรถ ไปเชียงใหม่ พักในตัวเมืองเชียงใหม่ ค่ะ รุ่งเช้าวันที่ 19 ต.ค. เช้านี้ พวกเราตื่นกันไม่เช้านัก แดงออกไปวิ่ง ส่วนน้องมอม แม่บ้านที่น่ารัก จัดการอุ่นกับข้าว ก๋วยเตี๋ยว ที่ซื้อมาเมื่อคืน ให้พวกเราทานเป็นมื้อเช้ากัน แดงกลับจากไปวิ่งได้ ซื้อโจ๊กมาด้วย เลยได้กินโจ๊กเพิ่ม ถุงละ 5 บาท ถูกมาก แค่ไม่มีหมูให้เห็นหรอก นะ อิอิ พวกเรากินอาหารเช้าเสร็จ ล้างถ้วย ล้างชามให้เรียบร้อยแล้ว จึงออกเดินทาง เราออกจากบ้านพักประมาณ 8 โมงกว่า ครูเหน่งโทรเข้ามือถือและ ตามไปที่วัดสันป่ายางหลวง และมาแนะนำ ถ่ายรูปหมู่ให้พวกเรา แล้วรับกุญแจบ้านพร้อมกับอำลาจากกันไป พวกเราเข้าไปไหว้พระในโบสถ์และถ่ายรูปเป็นวัด ที่สวยงามมากค่ะ มาทราบประวัติที่ฉันค้นคว้ามาสักเล็กน้อย ค่ะ
วัดสันป่ายางนอก วัดนี้ ตั้งอยู่ที่ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน ศาสน-สถานแห่งนี้เป็นวัดโบราณอีกแห่งประจำเมืองลำพูน ชื่อเดิม คือ “วัดขอมลำโพง” สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 1074 เป็นวัดในศาสนา พราหมณ์ ก่อนเปลี่ยนเป็นวัดพุทธภายหลัง กล่าวคือ มีพระเถระชาวเมียนมาเข้ามาเผยแผ่ศาสนาพุทธ ชาวบ้าน เกิดความศรัทธาจึงเปลี่ยนมาเป็นวัดพุทธศาสนา แห่งแรกของแคว้นล้านนา ในช่วงที่พุทธศาสนาเสื่อมลงไปยุคหนึ่ง วัดกลายเป็นวัดร้าง จนถึงสมัยพระนางจามเทวี จึงโปรดให้มีการฟื้นฟู บูรณะวัดอีกครั้ง พร้อมตั้งชื่อ “วัดอาพัฒนาราม ป่าไม้ยางหลวง”หรือ “วัดสันป่ายางหลวง” เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพโดยรอบที่มีต้นยางขึ้นหนาทึ่ วัดสันป่ายาง หลวง เป็นวัดที่มีความสวยงามโดยเฉพาะวิหาร ได้ติดอันดับ 1 ใน 10 วิหารสวยของประเทศไทยอีกด้วย พระวิหารพระ เขียวโขง สร้างเมื่อ พ.ศ. 2536 โดยใช้วัสดุ เสาไม้ตะเคียนทอง ไม้แดง จากประเทศลาว พม่า และไทย พระครูบา อินทรเป็นผู้ออกแบบก่อสร้างและออกแบบลวดลาย พื้นเมือง ผสมผสานระหว่างสมัยเก่ากับสมัยใหม่ วิหารพระเจ้าเขียวโขง เมื่อมองจากด้านหน้าจะมีหลังคา 5 ชั้นมีช่อฟ้า 5 ตัว หมายถึงพระเจ้า 5 พระองค์ ด้านหลังอีกสามหมายถึงศีลสมาธิปัญญา หมายถึงการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า เพื่อเดินเข้าสู่พระนิพพาน หน้า 5 รวมหลัง 3 เป็น 8 หมายถึงต้อง ปฏิบัติตามทางสายกลางคือมรรค 8 ได้ธรรมมัชฌิมา ทางสายกลางคือ9เป็นโลกุตรธรรมนอกจากนี้ภายในวิหารพระเขียวโขง เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอัญญรัตนมหานาทีศรีหริภุญชัย หรือพระเขียวโขง เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินแม่น้ำโขง บ้านดอน มหาวัน ที่ใกล้กับประเทศลาว ความโดดเด่นเป็น ที่กล่าวถึงมากที่สุด คือ งานแกะสลักปูนปั้นที่ถ่ายทอดออกมาเป็นแบบ ล้านนาสมัยใหม่ รวมถึงพระวิหารพระเขียวโขง ซึ่งประดิษฐานพระพุทธอัญญรัตนมหานาทีศรีหริภุญชัย หรือพระเขียว โขงพระพุทธรูปแกะสลักจากหินแม่น้ำโขง


ภายในโบสถ์ ของวัดสันป่ายางหลวง



หน้าโบสถ์ของวัดสันป่ายางหลวง


 บริเวณรอบ ๆ ของ วัดสันป่ายางหลวง
วัดต่อไปที่เราไปนมัสการ คือ วัดพระรอดหรือวัดมหาวัน วนาราม
วัดมหาวัน (มหาวันวนาราม) ตั้งอยู่ที่ถนนจามเทวี อำเภอเมืองลำพูน เป็นวัดที่เก่าแก่ สร้างขึ้นในสมัยพระนางจามเทวี อาณาเขตทิศเหนือจรดทางสาธารณประโยชน์ ทิศใต้จรดทางสาธารณ- ประโยชน์และถนนจามเทวี ทิศตะวันออกจรดทาง สาธารณประโยชน์และคูเมืองส่งน้ำ ทิศตะวันตกจรดทางสาธารณ- ประโยชน์ อาคารเสนาสนะประกอบด้วย อุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ กุฏิสงฆ์ หอระฆัง หอไตร ปูชนียวัตถุ พระพุทธรูปพระประธานสร้างด้วยอิฐถือปูน ศิลปะล้านนา เป็นพระอารามหลวงของพระนางจามเทวี เจดีย์วัดมหาวันเป็นที่บรรจุ พระรอดลำพูน 1 ใน 5 พระเครื่องชุดเบญจภาคี ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด เชื่อกันว่า พระรอดมีความศักดิ์สิทธิ์หรือความขลัง ในด้านแคล้วคลาด ปราศจากภัยอันตรายและ ความวิบัติต่างๆ มีเสน่ห์เมตตามหานิยม ได้ลาภผลและคงกระพันชาตรี หากใครได้มากราบไหว้บูชาพระรอดก็จะพ้นภัยอันตราย ทุกสิ่งปวง วัดเก่าแก่ อายุกว่า 1,300 ปี สร้างในสมัยพระนางจามเทวี มี พระพุทธรูปปางนาคปรกที่อัญเชิญมาจากเมืองละโว้ กรุพระเครื่องชื่อดัง คือ พระรอดมหาวัน ถือเป็นแบบพิมพ์องค์พระรอด ที่มีชื่อเสียง

วัดมหาวัน หรือ วัดพระรอด


วัดรมณียาราม(กู่ละมัก) ตั้งอยู่เลขที่ 119 บ้านศรีย้อย หมู่ 4 ตำบลต้น ธง อำเภอ เมือง ซึ่งตั้งอยู่บนถนนสายลำพูน-ป่าซาง ห่างจากตัวเมืองลำพูนไปทางทิศใต้ประมาณ ๔ กิโลเมตร ในเขตพื้นที่ หมู่ ๔ บ้านศรีย้อย จังหวัดลำพูน สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย มีเนื้อที่ทั้งหมด 10 ไร่ 2 งาน 37 ตารางวา ตามประวัติเล่าว่า ในปี พ.ศ. 1206 พระนางเจ้าจามเทวี ได้เสด็จขึ้น เรือมาตามแม่น้ำปิงตามคำเชิญของพระฤาษีวาสุเทพ เพื่อขึ้นครองเมืองหริภุญชัย เมื่อมาถึงท่าน้ำชื่อ เจียงตอง (ปัจจุบันอาจ เป็นอำเภอจอมทอง) พระนางจึงหยุดพักลี้พล ณ.ที่นั้น และ ได้ตรัสกับนายธนูผู้ขมังเวทย์เป็นผู้จัดการคาดคะเน ยิงธนูหา ภูมิประเทศที่วิเศษที่จะสร้างวัด โดยที่พระนางเจ้าได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า หากลูกธนูไปตก ณ.ที่แห่งใด จะให้สร้างองค์มหาเจดีย์ และ วัด ณ.ที่แห่งนั้น นายธนูผู้มีพระเวทย์ก็ยิงลูกธนูหันหัวศรมุ่งตรงมาทางทิศเหนือ และ เป็นที่ประหลาดอัศจรรย์ใจเมื่อลูกธนูพุ่งขึ้นสู่อากาศ จากจุดที่ยิงจากเจียงตอง ลูกธนูพุ่งมาตามแรงอธิษฐานของพระนาง เจ้า ซึ่งเมื่อนายธนูได้ติดตามค้นหาลูกธนู ที่ยิงมานั้น ก็ได้พบว่าตกมายัง ณ.จุดที่สร้างองค์เจดีย์กู่ละมัก และเมื่อ สร้างองค์เจดีย์เสร็จแล้วได้นำเอาพระธาตุของ พระพุทธเจ้า ซึ่งนำมาจากกรุงละโว้บรรจุไว้ข้างในองค์มหาเจดีย์ และ ให้สร้างวัดไว้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมจำพรรษา ของพระสงฆ์ องค์เจ้าและสามเณรที่ได้อาราธนามาจากกรุงละโว้ กล่าวถึงองค์เจดีย์กู่ละมัก ซึ่งพระนางเจ้าจามเทวี ได้นำเอาพระธาตุของพระพุทธเจ้าบรรจุไว้ข้างใน และ ยังเอาลูกธนู เสี่ยงทายลูกนั้นบรรจุไว้ด้วย รวมทั้งสร้างพระพุทธรูป เนื้อทองสัมฤทธิ์ขนาดเท่ากับเรือนร่างของพระนางเจ้าบรรจุไว้ข้างใน ด้วยเพื่อให้เป็นที่กราบไหว้ของผู้คนทั้งหลาย และให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้เคารพบูชาและ ยังเป็นการนำมาซึ่งความ ผาสุกความเจริญรุ่งเรืองแก่ผู้คนที่มาเคารพสักการะ วัดรมณียาราม ประกอบด้วย วิหาร กุฏิสงฆ์ ศาลาบาตร และโรงครัว ปูชนียสถานประกอบด้วยพระพุทธรูปปางสมาธิศิลป ละโว้ เศียรพระพุทธรูปเศียรพระฤาษี ศิลปะละโว้ ธรรมาสหลวงที่ใช้ สำหรับแสดงพระธรรมเทศนา ซึ่งสร้างโดย ครูบาเจ้าศรีวิชัยและ องค์เจดีย์กู่ละมักที่มองเห็นนี้เป็นองค์เจดีย์ที่สร้าง ครอบองค์เดิมโดยบารมีและฝีมือของครูบาเจ้าศรีวิชัย เมื่อ พ.ศ.2475 ใช้เวลาในการก่อสร้าง 1 เดือน องค์เจดีย์กู่ละมักถือว่า เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และ เป็นที่เคารพกราบไหว้ของผู้คนทั้งหลาย

วัดที่ 3 ที่เราไปนมัสการ คือ วัดรมณียาราม (กู่ละมัก)
วัดที่ 4 ชื่อว่า พระบาทตากผ้า วัดนี้ มีทางขึ้นเป็นบันไดสูงมากเลย แต่ สามารถขับรถขึ้นไปบนเขาได้ ค่ะ พวกเราสำรวจแล้ว ตัดสินใจขับรถขึ้นไปบนเขาค่ะ ไม่เดินค่ะ มาทราบประวัติความเป็นมา ของวัดนี้สักเล็กน้อย ค่ะ
วัดพระพุทธบาทตากผ้า วัดสวย ลำพูน ตั้งอยู่บนเนินเขา เลขที่ ๒๗๙ หมู่ ๖ ตำบลมะกอก อำเภอป่าซาง จังหวัดลำพูน เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ที่ประดิษฐาน รอยพระพุทธบาท และรอย ตากผ้าจีวร สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลำพูนมาตั้งแต่ สมัยพุทธกาล มีตำนานเล่าต่อ ๆ กันมาว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระสัมม- สัมพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ที่ดินแดนสุวรรณภูมิ ได้มาประทังตรงบริเวณวัดพระพุทธบาทตากผ้าในปัจจุบัน พระองค์ทรง ให้พระอานนท์นำผ้าจีวรไปตาก จากนั้นก็ทรง อธิษฐานและประทับรอยพระบาทลงบนผาลาดที่พระองค์ประทับอยู่ และตรัสว่า สถานที่แห่งนี้จะมีชื่อว่า "พระพุทธบาทตากผ้า" เพื่อให้มนุษย์และเทวดาได้มากราบไหว้สักการะ เมื่อพุทธศตวรรษที่ 13 พระนางจามเทวี ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทเพื่อเป็น พุทธบูชาให้แก่พุทธศาสนิกชน จนกระทั่งปี พ.ศ. 2472 ก็ได้มีการก่อสร้างจัตุรมุขขึ้นจนสำเร็จ และมีการสร้างสิ่งก่อสร้างอื่นๆ เช่น พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญ กุฏิแถว โรงเรียนพระปริยัติธรรม กำแพงวัด และอื่นๆ อีกมากมาย ก่อนจะได้รับ การยกฐานะให้เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 วัดพระบาทตากผ้า มีการบูรณะปฏิสังขรณ์มาหลายยุคหลายสมัยจน กระทั่งปัจจุบัน นอกจากจะเป็นศูนย์กลางการศึกษา พระปริยัติธรรมและการปฏิบัติธรรมแล้ว ยังสามารถชมวิวของธรรมชาติ ที่งดงามได้อีกด้วย เพราะวัดตั้งอยู่บนยอดเขา ระหว่าง ดอยม่อนช้าง และ ดอยเครือ จึงทำให้มีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การมาทำบุญและปฏิบัติธรรมให้จิตใจร่มเย็น ปัจจุบันเป็นที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ผู้คนมากมาย ต่างก็เดินทางขึ้นไปทำบุญกราบไหว้รอยพระพุทธบาท และรอยตากผ้าจีวรของพระพุทธเจ้าเพื่อความเป็นสิริมงคล อีกทั้งยัง เป็นศูนย์กลางการศึกษาพระปริยัติธรรม ไม่ว่าจะเป็น แผนกนักธรรม และบาลี ของทั้งพระภิกษุและสามเณรทางภาคเหนือ ทำให้มีผู้คนมากมาย ตั้งแต่พระภิกษุสงฆ์ สามเณร ตลอดไปจนถึงพุทธศาสนิกชนทั่วไปได้ไปปฏิบัติธรรมและศึกษาเรียนรู้ ในพระธรรม

ภายในพระอุโบสถวัดพระบาทตากผ้า

บันไดที่จะขึ้นไปยังพระบาทตากผ้า ค่ะ

เราไม่ได้ขึ้นบันไดมาที่โบสถ์นะคะ ขับรถขึ้น แต่มาถ่ายรูปกับบันได ค่ะ
วัดต่อไป วัดที่ 5 คือ วัด สันต้นธง
วัดนี้ ตั้งอยู่113 ถนนลำพูน-ป่าซาง ตำบลต้นธง อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน 51000โทรศัพท์0-5351-1663 ฉันหาประวัติวัดนี้ไม่พบ ค่ะ ได้แต่รูปที่เราไปถ่ายภาพและหาจาก อินเทอร์เน็ต ค่ะ

วันสันต้นธง ค่ะ
ช่วงเช้า เราไปไหว้พระได้ 5 วัด ใน จ.ลำพูน ก็เที่ยงหรือน่าจะเกือบ บ่ายได้แล้ว มอม พาไปกินก๋วยเตี๋ยวร้าน หมูตุ๋นลำไย มอมบอกว่า เคยมากินที่ร้านนี้ รสชาติใช้ได้ พวกเราไปกินมื้อเที่ยงที่นี่ เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นแล้งใส่เนื้อลำไยลงในก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง รสชาติ ก็อร่อยใช้ได้ ค่ะ เราสั่งขนมจีบอีก 1 จาน แต่ไม่อร่อยเท่าไร

ก๋วยเตี๋ยวลำไย มื้อเที่ยงของพวกเรา ค่ะ
กินเสร็จหน้าร้านเขามีขายลำไยแห้งห่อเล็ก ๆ ห่อละ50 บาท เขาให้ ฉันเหมาหมด 5 ห่อ 200 บาทก็เท่ากับห่อละ 40 บาท ไว้เป็นของฝากเพื่อนบ้านได้ เดินผ่านซอยที่เราไปซื้อลำไยเมื่อคืน ด้วยมีเสื้อผ้าขายราคาถูกและมีให้จ่ายคนละครึ่งด้วย เลยได้กางเกงมา 2 ตัว มอมซื้อย่ามเล็ก ๆ 3 ใบ 100 บาท ได้ลด คนละครึ่งด้วย มอมให้ฉันและแดง คนละ 1ใบ ขอบใจมอมมาก ค่ะ จากนั้นเราก็ขับรถถึงโรงแรม ศิริปันนา ที่แดงจองไว้ แดงจองมานานแล้ว เขาเลยได้ ห้องพิเศษ ชดเชยที่เขาเคยยกเลิกหรืออะไรฉันก็จำไม่ได้ส่วนฉันและ มอมไปอยู่อีกที่หนึ่ง ที่ชั้นสอง ขามาก็ดีหรอก เพราะบริกรช่วยหิ้วขึ้นบันไดให้ ส่วนแดงกับเขียดได้ห้องชั้นล่างเป็น ห้องพิเศษ ห้องใหญ่มีอ่างอาบน้ำ ด้วย ห้องกว้างใหญ่กว่าห้องธรรมดาที่ฉันกับมอมพัก นั่นเอง อาหารเช้าเขา ให้เราเลือกอาหารเป็นเชท ฉันเลือกข้าวต้มและกับข้าว 3 อย่าง ส่วนคนอื่น ๆ ก็สั่งตามที่ตนเองชอบ ค่ะ
ฉันมาถึงที่โรงแรมแล้ว โทรหาอิง ลูกศิษย์ ที่นัดกันไว้แล้วก่อนจะมา เชียงใหม่ น่าจะไม่ถึง ครึ่งชั่วโมง อิง ก็มา ถึงโรงแรมและขึ้นมาหาที่ห้อง อิงจะพาพวกเราไปกินข้าว แต่มอมและ แดงทุกคน คงเกรงใจ ไม่ไปด้วย อิงจึงพาฉันไปคนเดียว อิง ขี่มอเตอร์ไซด์ มาหาฉัน เขาเป็นห่วงไม่ อยากให้ฉันซ้อนมอเตอร์ไซด์เขา จึงเรียกรถแท็กซี่แก็ป มารับไปด้วยกัน
อิง เป็น ลูกศิษย์ธาตุทอง บ้านอยู่ที่สุราษฎร์ เราคุยกันทางเฟสมานาน หลายปี เขาย้ายจากใต้ไปอยู่เหนือ ไปยึดอาชีพหมอดูดวง มีลูกศิษย์ทางหมอดูหลายคน (คิดว่า คนดูแม่น นะเลยมีลูกศิษย์ มีคนมาให้เขาดูมาก จนสามารถยึดเป็นอาชีพได้) ตั้งแต่จบ ไม่เคยเจอเขาเลย ก่อนไป เชียงใหม่เลยถามเขาว่า บ้านเขากับโรงแรมศิริปันนา ที่พวกเราไปพักนั้นไกลกันไหม เขาว่า ไม่ไกล แล้วถามว่า ฉันจะไป เชียงใหม่หรือ ฉันว่า ใช่ อยากพบครูไหมล่ะ อิอิ เขาบอกว่า อยากพบ อยากเจอ เพราะไม่เคยเจอกันตั้งแต่จบจาก ธาตุทองไปแล้ว เขามาบอกว่า มาพักที่โรงแรมวันไหน บอกนะ เขาจะมารับไปทานข้าวด้วย และคุยกัน วันนี้เราเลยได้เจอกัน
อิงพาฉันไปร้าน เฟริน ฟรอริสท์ คาเฟ่ ซึ่งอิงบอกว่า ร้านนี้อร่อย เขามากินเป็นประจำ ฉันสั่งปลาแซลมอลทอด มีสลัดมาด้วย น่าจะมีมันฝรั่งด้วย เป็นสไตล์อาหารฝรั่ง ส่วนอิงสั่ง อาหารที่เขาชอบ นั่งกินกันไปสักพัก เราก็ย้ายไปนั่งด้านนอก โอเพ่นแอร์ ดีกว่า ด้านนอกเป็นสวน มีต้นไม้ ดูร่มรื่น สักพัก รุ่งซึ่งก็ยังอยู่เชียงใหม่ โทรศัพท์มา ถามว่า อยู่ไหนแล้ว เขาเสร็จจากงานศพแล้ว จะมาสมทบ ฉันเลย ให้อิงคุยกับรุ่ง จะได้รู้ทาง เพราะอยู่เชียงใหม่เหมือนกัน สักพักใหญ่ ๆ รุ่งก็ขับรถมาร่วมแจมกัน รุ่งอิ่มมาแล้ว จึงสั่งแต่น้ำปั่น อย่างเดียว พี่น้องร่วมโรงเรียนเดียวกัน คุยกันสนุกสนาน อิง ยังไม่อิ่ม สักผัดไทกุ้งสด มาอีกจาน นั่งกันน่าจะ ประมาณชั่วโมงกว่า ๆ อิงก็เช็คบิล จ่ายไปเท่าไหร่ไม่รู้ อิอิ คิดว่า คงประมาณพันบาท น่าจะได้ มาชมภาพของพวกเราที่ร้านอาหารนี้ ค่ะ

อิง พามาทานข้าวมื้อเย็น ค่ะ

รุ่งตามมาสมทบที่ร้านอาหาร ค่ะ
จากนั้น ฉันกับอิง ก็นั่งรถรุ่งไป อิง พาไปเที่ยวถ่ายรูปประตูเมืองด้วย เดินเที่ยวแถว ๆ นั้นด้วย รุ่งบอกว่า มาทำการค้า ที่เชียงใหม่นานหลายปี ยังไม่เคยมาถ่ายรูปกับประตูเมืองเชียงใหม่เลย อิอิ พวกเราก็เลยถ่ายรูปกันหลายรูป แถวนี้ มีอาชีพ ไล่นกพิราบให้บินแล้วแล้วคนถ่ายรูปกับนกพิราบ หรือ ท่าโปรยอาหารให้นกพิราบกินด้วย แปลกดีเนาะ ระหว่างทาง รุ่งเห็นพู่พวงกุญแจ สองพวงร้อย เขาเลยอุดหนุนไป และให้ฉัน 1 พวง แล้วถ่ายรูปกัน รูปเดี่ยวบ้างรูปคู่บ้าง แล้วเชลฟี่สามคนบ้าง สนุกสนาน น่าจะประมาณเกือบชั่วโมง 6โมง กว่าแล้ว รุ่งก็มาส่งฉันและอิงที่โรงแรม อิง ขอตัวกลับก่อน เพราะเป็นห่วงน้องหมาที่อยู่บ้านตัวเดียว

ประตูท่าแพ เชียงใหม่ คนมาถ่ายรูปมาก เหมือนกัน ค่ะ


มุมสวย ๆ ตามถนนสายนั้น ๆ ค่ะ

ส่วนรุ่งมาคุยต่อกับฉันที่ห้อง ซึ่งมอมและคณะ ไปเที่ยวกันเอง ยังไม่ กลับ น่าจะประมาณเกือบสองทุ่ม คณะของแดงก็กลับมา ได้ข่าวว่าไปสวดในต์ที่วัดพระสิงห์ด้วย รุ่งกลับไปแล้ว พักใหญ่ ๆ ปิยะ ลูกศิษย์อีกคนที่เป็นครูมาสอนอยู่ที่เชียงใหม่ ก็พาครอบครัวมาพบฉันที่โรงแรมอีกคณะหนึ่ง ปิยะ พาภรรยาและ ลูกชายลูกสาว มาด้วย มาให้รู้จักกัน นั่งคุยสารทุกข์สุกดิบ ทบทวนถึงอดีตสมัยที่เรียนอยู่ที่ธาตุทอง ปิยะต่อโทรศัพท์ไปหา อิทธิเดชเพื่อนซี้ห้องเดียวกับเขา คุยกับฉันด้วย สนุกสนาน น่าจะคุยกันได้สักครึ่งชั่วโมงกว่าได้ ก็ต้องรีบกลับแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องทำงาน และเกรงใจมอมด้วย ปิยะลากลับไปตอนนั้นก็ประมาณ 3 ทุ่มได้แล้ว อวยพรให้เขามีความ สุข อุตส่าห์พาลูกเมียมาสวัสดีฉันที่โรงแรม ปิยะ ก็ไม่ได้เจอกับฉันเป็นสิบ ๆ ปี เหมือนกัน

ปิยะ และครอบครัวของเขา ค่ะ หลังจากลูกศิษย์กลับไปแล้ว ฉันก็ต้องเตรียมจัดกระเป๋าเดินทาง เพราะพรุ่งนี้ เหลืออีกวันที่จะไปเที่ยวและกลับ กรุงเทพฯ ตอนเย็น กระเป๋าทุกอย่างต้องจัดเตรียมพร้อมไว้ในรถเช่า และเดินทางไปสนามบินหลังจากเที่ยว ค่ะ วันที่ 20 เป็นวันสุดท้ายที่เราจะเที่ยวเชียงใหม่และกลับตอนเย็น เช้า นี้เราไม่เร่งรีบนัก เนื่องจากที่เที่ยวที่แพลนไว้ เกือบหมดแล้วเราจึงตื่นสายได้บ้าง มากินข้าวเช้า น่าจะเกือบ8 โมง แล้วในห้องอาหารมีนักท่องเที่ยวนั่งกินเพียง โต๊ะสองโต๊ะเท่านั้น ฉันกับมอมลงมาที่ห้องอาหารก่อน บริกร ถามว่า จองชุดอาหารอะไรบ้าง เราบอกเขาตามที่เขา ได้ให้เราเลือกเมื่อวานแล้ว พักใหญ่ ๆ อาหารเซ็ทที่ฉันสั่งไว้ ก็มาครบ มีข้าวต้ม 1 ชาม กับข้าว 3 อย่าง มีผักบุ้ง ไข่เจียวหมูสับ และยำกุนเชียง ทุกคนบอกว่าเซ็ทฉันน่ากินที่สุด ข้าวต้มร้อน ๆ ผักบุ้ง อร่อย ไข่เจียว ก็อร่อย ของคนอื่นสั่งอาหารฝรั่ง อาหารท้องถิ่น(ตามรูป) แล้วยังมีผลไม้ให้อีก ค่ะเรียกว่า เป็นโรงแรมที่อาหารใช้ได้ทีเดียว ค่ะ อิ่มแล้ว ฉันกับแดงก็ไปถ่ายรูปบริเวณโรงแรม ซึ่งมีทุ่งนา มีต้นไม้ใหญ่น้อย ในโรงแรม มีศูนย์รับคนสูงอายุมาดูแล ด้วย แดงกับมอมและศิษย์เขยเขาถ่ายตั้งแต่เมื่อวาน ตอนที่อิงมารับฉันไปกินข้าวแล้ว วันนี้ แดงเลยเป็นตากล้องถ่ายให้ฉัน ตามมุมต่าง ๆ ที่ดงเห็นว่าสวยงาม ทุกบริเวณของโรงแรมค่ะ โรงแรมนี้ น่าเชียร์ให้มาพัก ค่ะ มาชมภาพ สวย ๆ ที่แดงถ่ายให้ ค่ะ

ภาพภายในห้องพักของ โรงแรม ศิริปันนา ค่ะ

อาหารมื้อเช้าตามที่เราจองไว้เมื่อคืน ค่ะ




มุมสวย ๆ ภายในห้องชั้นล่างของโรงแรม ค่ะ



ทางเดิน และมีแปลงนาในโรงแรม ค่ะ


ธรรมชาติหลังโรงแรม ศิริปันนา ค่ะ ร่มรื่น เย็นตา ค่ะ

กลางทุ่งนาหลังโรงแรม มีเรือนไทยงดงาม ด้วย ค่ะ
น่าจะประมาณ 9 โมงกว่า เป้าหมายวันนี้ ก็คือ ไปไหว้พระที่วัดพระธาตุ ดอยคำ ซึ่งวัดนี้ ฉันจำได้ว่า เคยมาแล้วเหมือนกัน ตอนมางานกฐินที่บ้านเชียงใหม่ของพี่ปรีดา (พี่ตุ๋ย) แต่ก็หลายปีมาแล้ว ที่วัดนี้ มีเทพทันใจที่คนมาบนไว้เยอะมาก บนด้วยพวงมาลัยมะลิมากมาย เรามาถึงน่าจะประมาณ 10 โมง น่าจะได้ค่ะ มาทราบประวัติวัดดอยคำ สักเล็กน้อย ค่ะ
วัดพระธาตุดอยคำ
วัดพระธาตุดอยคำ ตั้งอยู่ที่ ตำบลแม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดิน ทางไปได้ตามเส้นทางเลียบคลองชลประทาน จะมีป้ายบอกข้ามคลองไปทางตำบลแม่เหียะ จะพบทางขึ้นเขาไปยัง พระธาตุดอยคำ ห่างจากตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตรวัดดอยคำ ตั้งอยู่บนยอดเขาเล็กๆ บริเวณ ดอยคำสูงกว่า ระดับน้ำทะเลประมาณ 200 เมตร มีอายุเก่าแก่ กว่า 1,300 ปีสร้างในสมัยพระนางจามเทวีกษัตริย์แห่งหริภุญชัย โดย พระโอรสฝาแฝดทั้ง 2 คือ เจ้ามหันตยศ และเจ้าอนันตยศ 2 พระโอรสแฝดของพระนางจามเทวีแห่งหริภุญชัย นคร เป็นผู้สร้าง ในปี พ.ศ. 1230 และได้ขึ้นมาก่อเจดีย์ ครอบพระสถูปเกศานั้นไว้ส่วนพระเจดีย์แห่งที่ 2 ตั้งอยู่บนยอดเขาสูง ทางทิศเหนือของดอยคำ คือ พระธาตุดอยสุเทพ วัดดอยคำ ประกอบด้วยเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ศาลาการเปรียญกุฏิสงฆ์ และพระพุทธรูปปูนปั้น เดิมชื่อวัดสุวรรณบรรพต แต่ชาวบ้านเรียกว่า “วัดดอยคำ”เป็นที่ ประดิษฐานขององค์เจดีย์ พระธาตุดอยคำ ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่ อีกแห่งหนึ่งที่มีนักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนเข้าไปกราบไหว้ขอพร อย่างไม่ขาดสาย เมื่อ พ.ศ. 2509 วัดอยคำเป็นวัดร้าง ต่อมากรุแตกชาวบ้านพบโบราณ วัตถุหลายชิ้น เช่น พระรอดหลวง พระหินทราย ปิดทององค์ใหญ่ พระสามหมอ (เนื้อดิน) ซึ่งนำมาประดิษฐานไว้ ณ วัด พระธาตุดอยคำ พระธาตุดอยคำนอกจากจะเป็นที่สักการะบูชา ของคนท้องถิ่นแล้ว ยังเป็นสัญลักษณ์อีกแห่งหนึ่งของการบินไทยที่ใช้ กำหนดพื้นที่ทางสายตา ก่อนที่จะลงจอดที่สนามบิน (สรุปและเรียบเรียง จากอินเทอร์เน็ต)
พวกเราซื้อดอกไม้ ธูปเทียน ไปไหว้พระและเทพทันใจ ถ่ายรูปไว้ เป็นที่ระลึก คนมาไหว้และแก้บนด้วยพวงมาลัยมะลิ มากมาย ไหว้พระเสร็จ ก็ไปถ่ายรูปตามจุดต่าง ๆ ของวัด ค่ะ ขากลับมี การเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่ง ฉันได้รับการเชื้อเชิญให้ซื้อด้วย เลยอุดหนุนไป 1 ใบ คนอื่นดูเหมือน จะเสี่ยงโชคหลายใบ ปรากฏว่า ไม่มีใครถูกมั้ง เพราะหลังจากวันหวยออก ไม่มีใครคุยถึง เรื่องสลากกินแบ่งเลย อิอิ


มุมต่าง ๆ ในวัดพระธาตุดอยคำ

มาไหว้เทพทันใจ ค่ะ

พวงมาลัยมะลิมากมายที่คนนำมาถวายเทพทันใจ ค่ะ

ปิดทองลูกนิมิตด้วย ค่ะ

ทางขึ้นไปไหว้พระเจดีย์ พระธาตุดอยคำ

พระพุทธรูปองค์ใหญ่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในวัด ค่ะ
เราออกจากที่วัดพระธาตุดอยคำ น่าจะประมาณ 11 โมงกว่าแล้ว เป้า หมายต่อไป ก็คือ ที่ร้าน ชม ซึ่งเป็นร้านอาหาร ที่มีสถานที่ให้คนที่มารับประทานอาหารมาถ่ายรูป เป็นสวนต้นไม้ใหญ่ น้อย มีบ่อปลา มีน้ำตก ตามจุดต่าง ๆ ได้ทำเครื่องพ่นไอน้ำ เป็นฝอยฝน เหมือนละอองน้ำ สดสวย งดงาม พวกเรามาถึงที่นี่ ยังไม่เที่ยง เดินสำรวจ บริเวณของร้าน ชมสวนต้นไม้ สายน้ำ น้ำตก ถ่ายรูปเพลินไปเลย มา ชมรูปสวย ๆ ที่พวกเราถ่ายมาให้ชม ค่ะ




มุมสวย ๆ ในสวนอาหาร ชม ค่ะ ร่มรื่น เขียวขจี มีไอน้ำ
ถ่ายรูปกันจนพอใจแล้ว พวกเราก็เข้าไปนั่งในร้านอาหาร มอม แดง เป็นคนสั่งอาหาร สั่งหลายอย่างเหมือนกัน ฉันก็มีหน้าที่ถ่ายรูปอาหารมาให้ชมค่ะ รสชาติของอาหาร ก็อร่อยใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้อร่อยจนติดใจหรอก ค่ะ อิอิ

อาหารที่พวกเราสั่งมากินกัน ค่ะ
เรานั่งกินอาหารที่สั่งไป คุยกันไป ไม่ต้องรีบร้อนอะไร เพราะว่า เครื่อง บินไฟล์เราออกเกือบ 6 โมงเย็น และสนามบิน ก็ไม่ไกลจากที่ร้านชมนัก บ่ายสองกว่าแล้ว เราก็เช็คบิลและเคลื่อนตัว กันอำลาร้านอาหารชม มุ่งหน้าไปที่สนามบิน เพราะว่าเราต้องนำรถไปคืนเขา บ่ายสามโมง ถึงสนานบินแล้ว ได้รับ โทรศัพท์จากอิง ลูกศิษย์ บอกว่าจะมาพบฉันที่สนามบิน เพราะซื้อครัวซองร้านอร่อยให้ฉันหิ้วกลับบ้านไปกินด้วย ไม่ถึงครึ่ง ชั่วโมง อิงก็มาถึงสนามบิน ได้คุยกันพักใหญ่ ถ่ายรูปคู่กันอีกรูปด้วย น่าจะประมาณ 15 นาที อิงก็ขอลากลับไป เพราะห่วงน้องหมาที่ทิ้งไว้ที่บ้านตัวเดียว ฉันกล่าวขอบใจอิงและอวยพรให้เขามีความสุข ความเจริญตลอดไป

สนามบินเชียงใหม่

อิงมาส่งฉันและซื้อครัวซองมาให้ฉันด้วย ค่ะ
น่าจะ 18.15 น. ทางสนามบินก็ประกาศให้ขึ้นเครื่องได้ พวกเราก็ ทยอยกัน ขึ้นเครื่อง หาที่นั่งของเราตามที่นั่งในตั๋ว ชั่วโมงเศษ พวกเราก็ถึงสนามบินดอนเมืองพวกแดงเขาซื้อน้ำหนัก เครื่องก็รอกระเป๋า ได้กระเป๋าแล้ว ก็ออกมาเพื่อ เอาบัตรคิวแท็กซี่ เพื่อกลับไปบ้านแดง ถึงบ้านแดงน่าจะสองทุ่มกว่า มอม ก็ขับรถของตัวเองกลับบ้าน ส่วนแดงก็ขับรถพาฉันมาส่งที่บ้านเหมือนเดิม ลูกศิษย์ที่น่ารัก รับส่ง เสร็จ ต้องขอบใจเขามาก ๆ ที่มีน้ำใจ ทำให้ฉันได้เที่ยว มีเพื่อนเที่ยวด้วย

อยู่บนเครื่องบิน ยังมีแสงแดดพอให้ถ่ายรูปเมฆ บนเครื่องบิน ค่ะ
ทริปเที่ยวเชียงใหม่ ลำพูน 4 วัน 3 คืน ก็จบทริปลงอย่างมีความสุข ค่าใช้จ่ายทริปนี้ ลงขันกันคนละ 4,000 บาท ดูเหมือนแดงสรุปว่าเหลืออยู่ประมาณ 500 บาท ไว้เป็นเงินสมทบต่อ ไปในทริปหน้า ค่ะ ขอบใจ แดง ศิษย์เขยเอียด และมอมที่ช่วยเหลือหลาย ๆ อย่างให้ฉันเที่ยวอย่าง สนุกมีความสุข ค่ะ
Create Date : 16 มกราคม 2565 |
Last Update : 24 มกราคม 2565 7:09:18 น. |
|
50 comments
|
Counter : 1622 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณเริงฤดีนะ, คุณtuk-tuk@korat, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณThe Kop Civil, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณกะว่าก๋า, คุณtoor36, คุณกิ่งฟ้า, คุณkatoy, คุณหอมกร, คุณ**mp5**, คุณSertPhoto, คุณนกสีเทา, คุณร่มไม้เย็น, คุณKavanich96, คุณnewyorknurse, คุณชีริว |
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 มกราคม 2565 เวลา:15:51:47 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 มกราคม 2565 เวลา:9:21:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2565 เวลา:13:16:39 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 มกราคม 2565 เวลา:17:33:49 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 24 มกราคม 2565 เวลา:22:13:24 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2565 เวลา:6:08:32 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 25 มกราคม 2565 เวลา:11:12:30 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 มกราคม 2565 เวลา:13:19:27 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 25 มกราคม 2565 เวลา:14:24:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2565 เวลา:17:33:14 น. |
|
|
|
โดย: SertPhoto วันที่: 25 มกราคม 2565 เวลา:21:30:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:5:30:16 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:8:45:09 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:9:19:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:11:58:17 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:12:58:04 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:14:16:37 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:15:19:48 น. |
|
|
|
โดย: นกสีเทา วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:16:41:06 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:23:11:04 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มกราคม 2565 เวลา:6:37:25 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 27 มกราคม 2565 เวลา:11:19:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มกราคม 2565 เวลา:15:35:19 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มกราคม 2565 เวลา:6:30:59 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 28 มกราคม 2565 เวลา:8:10:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มกราคม 2565 เวลา:13:24:32 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:5:49:18 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:5:50:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:6:32:34 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:22:53:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:23:34:55 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:23:47:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มกราคม 2565 เวลา:7:02:55 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 30 มกราคม 2565 เวลา:11:41:48 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 30 มกราคม 2565 เวลา:21:36:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มกราคม 2565 เวลา:23:32:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2565 เวลา:5:44:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2565 เวลา:17:34:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:6:17:31 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|
โจ๊กถุงละ 5 บาท ถูกจริงๆ
และคล่องคอยามเช้า..หมูไม่จำเป็น นะคะ
วัดสันป่ายางหลวง ภายนอกและภายในพระอุโบสถ
สวยงามมากๆค่ะ
ภาพอาจารย์นั่งที่บันไดนาค อลังการณ์เหลือหลายค่ะ
วัดมหาวันก็เก่าแก่ งดงามๆ
วัดพระบาทตากผ้าต้องขึ้นบันไดสูง
เป็นอ้อไม่สามารถแน่นอน
อาจารย์แข็งแรง จริงๆ
กราบๆๆ พระธาตุดอยคำ