|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
 |
|
ลูกศิษย์ชวนไปเยือนถิ่นเก่า บางแสน |
|
ลูกศิษย์ชวนไปเยือนถิ่นเก่า บางแสน
ที่จริง ทริปนี้ ป๊อบลูกศิษย์ฉัน ตั้งใจจะพาฉันไปเยี่ยมหญิง ซึ่งไม่สบายที่นครปฐม ป๊อบให้ฉันช่วยติดต่อหญิง แชร์ โลเคชั่นบ้านเขาให้หน่อย ฉันโทรหาหญิง ปรากฏว่า เขาไม่สะดวก ที่จะให้ไปเยี่ยมเขา เพราะเขาอยู่บ้านแม่ ซึ่งบ้านแม่ทางเข้าบ้านแคบ และไม่มีที่จอดรถ ให้ไปวันเสาร์อาทิตย์ ที่เขาอยู่ที่บ้านน้องชาย สะดวกกว่าและมีที่จอดรถ เขาไม่ยอมแชร์โลเคชั่นให้ ให้เพ็ญโทรมาบอกฉันว่า เขาไม่สะดวกจริง ๆ พวกเราก็เลยจนใจ แต่ป๊อบก็บอกว่า เสาร์ อาทิตย์เขาต้องสอนนักศึกษา เขาก็ไม่สะดวก แต่จะลอง พยายามหาเวลาเสาร์อาทิตย์ไหนที่ว่าง สำหรับวันนี้ นัดเพื่อน คือ ธง และ ตุ๊ก (เพื่อนโรงเรียนเดียวกัน) ก็เปลี่ยนโปรแกรมใหม่ จากเดิมที่ตั้งใจจะไปเยี่ยมเพื่อนแล้วพาฉัน ไปหาอาหารอร่อยกินตอนเย็นสักมื้อ เลยต้องเปลี่ยนโปรแกรมใหม่ พากันไปเที่ยว ชลบุรี ไปไหว้พระศาลเจ้าหล่าจา แล้วไปนั่งชมธรรมชาติริมทะเล และกินอาหารทะเลมื้อเย็นแล้วค่อยกลับบ้านกัน พวกลูกศิษย์ มารับฉันก่อนบ่ายโมงเล็กน้อย เนื่องจากทุกคนยังไม่ได้กินข้าวมื้อเที่ยง จึงได้แวะศูนย์อาหาร ธัญญาพาร์ค กินข้าวคนละจานก่อน แล้วค่อยเดินทางตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ คือ สะพานวิถีชลมรรค ป๊อบ ขับรถพาพวกเราเพื่อชมสะพานชลมารค วิถี 84 พรรษา ซึ่งป๊อบบอกว่า เขาชอบมาก เป็นสะพานเลียบชายฝั่งทะเล งดงามมาก มาดูความเป็นมา ของสะพานนี้ ค่ะ
สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา เป็นสะพานเลียบชายทะเล ที่ตั้งอยู่ใน อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี สร้างขึ้นมาก็เพื่อแบ่งเบาปัญหาการจราจรต่างๆ บนถนนสุขุมวิทของชลบุรีนั่นเองค่ะ และยังถือว่าเป็นถนนที่มีความสวยงดงาม สามารถมองวิวสวยๆ ได้ อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว ในพื้นที่อีกด้วย เลยทำให้กลายมาเป็นแลนด์มาร์คสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของ ชลบุรี อีกแห่งหนึ่ง สะพานชลมารควิถี 84 พรรษา แห่งนี้ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสะพานเลียบชายทะเลชลบุรี มีการเปิดให้สัญจร อย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2559 ซึ่งสะพานนี้จะอยู่ในตัวเมือง ไม่ไกลจากชายหาดบางแสนและเขาสามมุกมากเท่าไหร ถ้ามาจากกรุงเทพฯ ก็ใช้เวลาแค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น ความยาวของสะพานนี้ จะมากกว่า 7 กิโลเมตรเลย มีการออกแบบก่อสร้างถนน และสะพานขนาด 4 ช่อง จราจรด้วยกัน ที่จะขนานไปตามแนวชายหาดเลย การที่สะพานอยู่ขนานชายหาดแบบนี้ ก็เลยสามารถมองเห็นวิวของทะเลสวย ๆ ได้ ซึ่งในช่วงที่น้ำทะเลลด จะมองเห็นริ้วทรายสลับกับน้ำทะเลไป และเห็นกระชังปลาอยู่กลางทะเลเรียงรายแบบสวยงามเลย นอกจากนี้ยังมีการพบว่า มีตะกอนดินและสัตว์น้ำเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ถือว่าเป็นโครงการที่ส่งเสริมทั้งด้านการท่องเที่ยวและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ไปพร้อมๆ กันเลย ( ข้อมูลจาก อินเตอร์เน็ต)

ก่อนขึ้นรถ ป๊อบถ่ายรูป คณะเราที่หน้าบ้านฉัน ค่ะ


กินข้าว มื้อเที่ยง ก่อนค่ะ


ตอนที่ป๊อบบอกว่า จะพาไปเมืองชล ซึ่งก็ทำให้คิดถึง แต๋ว เพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกันบ่อย ๆ ก็เลยโทรไปบอกเขาด้วย แต๋วก็ดีใจนะ บอกว่า จะนัดพบกัน ที่บางแสน และเก็บมะม่วงจากสวนเขามาให้พวกเราด้วย ชมสะพานชลมารควิถีจากต้นสะพาน ไปึงปลายสะพาน เนื่องจากเป็นช่วงบ่ายสี่ แดดยังจัดแรงกล้า พวกเราเพียงแต่ขับรถช้า ๆ เรียบชายฝั่งทะเล ชมน้ำทะเลสองฟากฝั่ง แสงแดดส่อง ลงกระทบน้ำทะเล ส่องประกายระยิบระยับ สวยงามมาก ค่ะ จากสะพานแล้ว ป๊อบก็พาไปเที่ยว ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ มารู้จักศาลเจ้าหน่าจา ค่ะ
ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ตั้งอยู่ที่ ตำบลอ่างศิลา อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี บนเส้นทาง เลียบชายทะเลจากอ่างศิลาไปเขาสามมุข ไม่ไกลจากหาดบางแสน การเดินทางนั้นก็ไม่ไกลจากกรุงเทพมากนัก ขับรถไปประมาณ 1 ชั่วโมง ศาลเจ้าตั้งอยู่ ริมถนนมีบริเวณลานจอดรถที่กว้างขวาง เวลาทำการ : วันจันทร์-วันศุกร์ 08.00น.-17.00น. / วันเสาร์-วันอาทิตย์ 08.00น.-18.00น. ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อแต่เดิมเป็นเพียงศาลเจ้าเล็กๆ แต่ด้วยความเคารพศรัทธาของ ชาวบ้านและผู้ที่มากราบไหว้ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า จะให้โชคทางด้านการค้าทำให้มีผู้คนเข้ามาสักการะมากมาย และก็ได้รับการพัฒนาและ ปรับปรุงพื้นที่เรื่อยมา จนในปัจจุบันก็กลายเป็นศาลเจ้าจีน ที่ใหญ่โตสวยงามตระการตา
อาคารต่าง ๆ ในศาลเจ้าสร้างด้วยศิลปะแบบจีน มีความวิจิตรงดงามของสถาปัตยกรรม รูปปั้นเทวรูปมีองค์เทพเจ้าปางต่าง ๆ มากมาย ให้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล ส่วนใหญ่คนที่มากราบไหว้มักจะมาขอเกี่ยวกับการงาน ให้ประสบความสำเร็จ และเรื่องของสุขภาพ อีกทั้งที่นี่ยังเป็นสถานที่ในการแก้ปีชงอีกด้วย ภายใน ศาลเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ เป็นที่ประดิษฐานขององค์เทพศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ ชั้น 1 เป็นที่ประดิษฐานของ พระกษิติครรภโพธิสัตว์ ซึ่งทรงปณิธานคล้ายคลึงกับพระแม่กวนอิม แต่พระองค์จะต้องโปรดเวไนยสัตว์ที่อยู่ในนรกให้หมด ชั้น 2 เป็นที่ประดิษฐานของ องค์เทพเจ้าหน่าจาซาไท้จื้อ ปางที่จำลองมาจากมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ชั้น 3 เป็นที่ประดิษฐานของ องค์เง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นกษัตริย์ของเทพทั้งปวง ใครมาสักการะพระองค์ก็จะได้บุญบารมีมาก ชั้น 4 เป็นที่ประดิษฐานองค์พระประธาน หรือ องค์พระศรีศากยมุนีพระพุทธเจ้า องค์พุทธเจ้าอีก 5 พระองค์ (บริเวณภายในห้ามถ่ายรูป) และนอกจากนี้ยังเป็นที่ ประดิษฐานขององค์เทพเจ้าคุ้มครองดวงชะตาไท้ส่วยเอี้ย 60 องค์ รวมถึงองค์เทพจันทรา เทพแห่งความรัก อีกด้วย องค์เทพเจ้าหน่าจาไท้จื้อ นั้น มีความเชื่อกันว่า เป็นเทพแห่งความสำเร็จ เป็นเทพผู้ประสาทพร 4 ประการ ได้แก่ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ผู้ใดทำการสักการะบูชา จะอุดมด้วยโชคลาภ มีทรัพย์ มีชัยชนะไปทั่วทุกสาระทิศ (ความรู้จากอินเทอร์เน็ต) พวกเรา เดินชมวัด ชั้นล่างอย่างเดียว ไม่ได้ขึ้นไปชมชั้นอื่น ๆ เพราะเย็นแล้ว อีกอย่าง แต๋วก็โทรมาถามว่าถึงแล้ว เลยนัดเจอกันที่วงเวียนตรงบางแสน แต๋วจะได้ ขับรถจากบ้านมาเจอพวกเราได้ง่ายขึ้น

เดินชมรอบ ๆ ศาลที่ชั้นหนึ่ง ค่ะ










ความสวยงามของศาลเจ้า ค่ะ ป๊อบ ขับรถมาถึงที่นัดหมาย คือ วงเวียนบางแสน ติดชายหาดบางแสน ดินแดนถิ่นเก่า ที่ฉันเคยมาเรียน ว.ศ. บางแสน 4 ปี บางแสนปัจจุบัน แตกต่างจากสมัยก่อนมากมาย คนมาเที่ยวมากมาย หนาแน่น มีเตียงผ้าใบ ให้เช่า แม่ค้าขายของมากมาย มีคนมาเล่นน้ำมากพอควร ทั้ง ๆ ที่เป็น วันธรรมดา คือ วันพฤหัสบดี พวกเรามาถึงที่บางแสน ฉันก็โทรหา แต๋ว เขาก็ขับรถมาหา ขณะที่รอกัน ก็ถ่ายรูปบริเวณชายหาด ระลึกถึงความหลัง ซึ่งสงบเงียบ คนไม่พลุกพล่าน ตึกรามบ้านช่องมีน้อยมาก รถก็มีน้อย เดี๋ยวนี้ เจริญ ตึก โรงแรม คอนโด ขึ้นมากมาย ความสงบหาไม่พบแล้ว ค่ะ
ป๊อบ ขับรถมาถึงที่นัดหมาย คือ วงเวียนบางแสน ติดชายหาดบางแสน ดินแดนถิ่นเก่าที่ ฉันเคยมาเรียน ว.ศ. บางแสน 4 ปี บางแสนปัจจุบัน แตกต่างจากสมัยก่อนมากมาย คนมาเที่ยวมากมาย หนาแน่น มีเตียงผ้าใบ ให้เช่า แม่ค้าขายของมากมาย มีคนมาเล่นน้ำมากพอควร ทั้ง ๆ ที่เป็นวัน ธรรมดา คือ วันพฤหัสบดี พวกเรามาถึงที่บางแสน ฉันก็โทรหา แต๋ว เขาก็ขับรถมาหา ขณะที่รอกัน ก็ถ่ายรูปบริเวณชายหาด ระลึกถึงความหลัง ซึ่งสงบเงียบ คนไม่พลุกพล่าน ตึกรามบ้านช่องมีน้อยมาก รถก็มีน้อย เดี๋ยวนี้ เจริญ ตึก โรงแรม คอนโด ขึ้นมากมาย ความสงบหาไม่พบแล้ว ค่ะ

ชายหาดาแสน คนมาปูเสื่อ นั่งอย่างสบายอารมณ์ ค่ะ


เชลฟี่กันสักรูป ป๊อบเป็นตากล้อง ค่ะ
ประมาณ 15 นาที น่าจะได้ มั้ง แต๋วก็โทรเข้ามือถือหาฉันว่า อยู่ที่ไหน เจอกันแล้ว ก็ดีอกดีใจ แนะนำลูกศิษย์ให้แต๋วรู้จัก ป๊อบบอกให้ข้ามฝั่งไป นั่งคุยกันที่ร้านคาเฟ่ สั่งน้ำคนละแก้ว ราคาค่อนข้างสูง 70-90 บาท ฉันนั่งคุยกับแต๋วในร้าน แต่เด็ก ๆ เขานั่งคุยกันนอกร้าน ซึ่งไม่แออัด ฉันนั่งคุยกับแต๋ว เรื่องจิปะถะ ทั่ว ๆ ไป น่าจะประมาณ 20 นาที ได้ ก็ออกมาจากร้าน เด็ก ๆ บอกว่า ตอนนี้ยังไม่ถึง 5 โมงเย็น นั่งต่ออีกสัก 20 นาทีก็ได้ จะได้ไปกินข้าวมื้อเย็น ถามแต๋วเจ้าถิ่นว่า ร้านอะไรอร่อย แต๋วแนะนำไปกินที่ร้าน วังมุก ที่วิวท้องทะเลตามที่ป๊อบชอบ ป๊อบชวนแต๋วไปด้วย แต่แต๋วบอกว่า เขาไม่ค่อยกินข้าวมื้อเย็น พวกเราก็เลยร่ำลากัน ธงไปช่วยหิ้วมะม่วงที่แต๋วสอยมาให้เรา ขึ้นรถ ฉันก็แบ่งมะม่วงเขียวเสวย ซึ่งลูกใหญ่ดูน่ากิน ให้ทั้ง 3 คน คนละ 2-3 ลูก มี ตะลิงปิงสด ให้คนละ 4-5 ลูก แต่ตุ๊กไม่เอา ค่ะ ฉันเหลือมะม่วง 3 ฤดู ลูกเล็ก ๆ 7-8 ลูก เขียวเสวย น่าจะ4-5 ลูก รุ่งเช้า ใส่บาตรไปให้พระท่าน 2 ลูก ด้วย แต๋วจะได้บุญด้วยค่ะ

ใส่บาตรพระจิ๊บวัดสะพานทุกศุกร์ ศุกร์นี้ นำมะม่วงของ แต๋ว ใส่บาตรด้วย ค่ะ


มะม่วงของแต๋วหลงจากแบ่งให้ลูกศิษย์ทั้ง 3 คน เหลือเท่านี้ ค่ะ


ครบคนแล้ว เซลฟี่ รวมแต๋ว ด้วย ค่ะ

สั่งน้ำคนละแก้ว ดูดไปคุยไป ค่ะ


ลูกศิษย์นั่งอยูภายนอกร้าน ฉันกับแต๋ว นั่งอยู่ในร้าน


ก่อนอำลาจากกันของเรากับแต๋ว เซลฟี่อีกรูป ค่ะ
เรามาถึงแหลมแท่น ร้านวังมุก เห็นลิงอยู่บนหลังคาหลายตัว ตุ๊กบอก ไม่น่ามากินร้านนี้ เพราะเขาเกลียดลิง กลัวลิงมาก เฮ้อ ! ดูท่าทางมันก็ดุเอาเรื่อง ร้านอาหารต้องเดินเข้าไปอีกเป็น 20-30 เมตร ร้านอาหารตั้งอยู่ด้านใน ซึ่งเป็นกระดานไม้ มีโต๊ะอาหารส่วนหนึ่งตั้งอยู่ริมทะเล วันนี้มีคนมากินน้อย น่าจะ 2-3 โต๊ะ รวมทั้งโต๊ะเราด้วยที่ได้นั่งฝั่งที่ติดทะเล มาดูบรรยากาศและอาหารที่เราสั่ง ค่ะ มี 4 อย่าง

ขอให้เจ้าหน้าที่ของร้านอาหารถ่ายหมุู่ให้เรา ค่ะ



มื้อนี้ ป๊อบจ่ายไป พันแปดกว่า ค่ะ แพงปูกรรเชียง จนนี้ 1000 บาท ค่ะ
กินข้าวกันเสร็จเหลือกรรเชียงปู น่าจะ เศษหนึ่งส่วนสาม เหลือปลาหมึกอีกส่วนหนึ่ง ป๊อบให้ฉันและตุ๊กเอากลับบ้าน เจ้าตัวไม่ยอมเอากลับ ฉันหิ้วกรรเชียงปู ส่วนตุ๊กเอาปลาหมึกแดดเดียวกลับ ขณะที่เดินคุยกันออกจากร้านได้ นิดเดียว ก็รู้สึกเหมือนมีคนมากระชากถุงที่ใส่กรรเชียงปู จากมือไป เอ้า ! เจ้าลิงนั่นเอง แรงมันเยอะมาก กระชากจนถุงขาด กรรเชียงปูส่วนหนึ่ง เรี่ยราดอยู่บนพื้นอีกส่วนหนึ่งมันคาบวิ่งขึ้นหลังคาไป ฉันยังงง ๆ อยู่ คนแถวนั้นถามว่า อาหารอะไรที่ลิงแย่งไป ฉันตอบว่ากรรเชียงปู หญิงคนนั้นบอกว่า อาหารโปรดของเจ้าลิงแสบเลยทีเดียว แสดงว่า จะต้องมี คนที่มากินข้าวร้านนี้ แล้วโดนมันแย่งเหมือนฉันนั่นแหละ เออ!ทางร้านก็แย่มากนะ ไม่เตือนคนมากินข้าวให้ระวังตัว หรือเก็บอาหาร ที่จะหิ้วกลับบ้านให้ใส่กระเป๋าอย่าให้มันเห็น เลยอดกินปูเลย อิอิ
ขากลับบ้าน ป๊อบ ขับรถผ่านสะพาน ชลมารควิถี ตอนนี้ ทะเลมืดสนิท ตามถนนหรือสะพาน มีไฟฟ้าส่องสว่าง ระหว่างทางที่ผ่าน มีคนมาจอดรถและปูเสื่อ นั่งรับลมเย็น ๆ บางกลุ่มมีอาหารมานั่งกินกัน มีรถพุ่มพงขายของกินด้วย ป๊อบจดรถ และถ่ายรูปกัน 2-3 รูป รูปไม่แจ่ม เพราะ มันมืด จ้ะ มาชมรูป ค่ะ

รูปไม่คมชัด เพราะเป็นเวลากลางคืน ค่ะ


หลังจากถ่ายรูปเสร็จก็ขับรถกลับกรุงเทพฯ ขับไป พวกเราก็คุยกันไป เข้ากรุงเทพฯ แล้ว มาส่งฉันเป็นคนแรก มาถึงบ้านฉัน ก็ 3 ทุ่มแล้ว ต้องไปส่งตุ๊กที่อ่อนนุช ส่วนธง บ้านอยู่แถวบางกะปิ กว่าป๊อบจะถึงบ้าน ก็น่าจะไม่ต่ำกว่า สึ่ทุ่ม แน่นอน ต้องขอบใจป๊อบมาก ที่พาฉันไปเที่ยว ไปกินข้าว ทริปนี้ ป๊อบ จ่ายคนเดียว ค่ะ ทริปนี้ ก็จบลงไปอย่างเรียบร้อย สนุก สนาน มีความสุข สดชื่น ตลอดทริป ค่ะ สวัสดี
Create Date : 02 มีนาคม 2568 |
Last Update : 4 มีนาคม 2568 8:34:12 น. |
|
32 comments
|
Counter : 444 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณtanjira, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtoor36, คุณkae+aoe, คุณSweet_pills, คุณอุ้มสี, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณnewyorknurse, คุณmultiple, คุณร่มไม้เย็น, คุณThe Kop Civil |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มีนาคม 2568 เวลา:5:29:10 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 มีนาคม 2568 เวลา:6:44:59 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 3 มีนาคม 2568 เวลา:7:04:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มีนาคม 2568 เวลา:19:36:07 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 3 มีนาคม 2568 เวลา:21:45:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มีนาคม 2568 เวลา:5:32:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มีนาคม 2568 เวลา:14:14:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 มีนาคม 2568 เวลา:4:29:46 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 5 มีนาคม 2568 เวลา:9:59:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 มีนาคม 2568 เวลา:14:00:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มีนาคม 2568 เวลา:5:28:00 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 6 มีนาคม 2568 เวลา:13:28:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 มีนาคม 2568 เวลา:5:14:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 มีนาคม 2568 เวลา:13:36:19 น. |
|
|
|
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 7 มีนาคม 2568 เวลา:20:13:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มีนาคม 2568 เวลา:5:34:23 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 8 มีนาคม 2568 เวลา:9:19:50 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 8 มีนาคม 2568 เวลา:19:04:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 8 มีนาคม 2568 เวลา:19:26:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มีนาคม 2568 เวลา:5:36:21 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 9 มีนาคม 2568 เวลา:21:59:53 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:5:32:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 มีนาคม 2568 เวลา:13:48:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:5:10:55 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:14:18:17 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 มีนาคม 2568 เวลา:22:08:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มีนาคม 2568 เวลา:4:03:16 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 มีนาคม 2568 เวลา:13:46:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 มีนาคม 2568 เวลา:5:29:44 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|
วัยเด็กผมเคยไปบางแสน 2-3 ครั้งครับ
ตอนนี้น่าจะสวยกว่าเดิมเยอะเลย
สะพานชลมารควิถี 84 พรรษาสวยงามมากๆครับ
ศาลเจ้านี้ผมยังไม่เคยไป
ใหญ่โต อลังการมาก
เจ้าลิงแสบจริงๆครับ
แย่งกรรเชียงปูจากมืออาจารย์เลย