|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
 |
|
ชวนไปเที่ยว เลห์ ลาดัก ประเทศอินเดียว ตอน 2 |
|
ชวนเที่ยว เลห์ ลาดัก ประเทศอินเดีย ตอนที่ 2 ตอนที่ 1 ฉันเขียนถึงการเที่ยวเลห์ในตัวเมือง เป็นวันที่ 21 และ 22 ซึ่งจะได้ปรับตัวเกี่ยวกับเรื่องความสูง ค่ะ สำหรับตอนที่ 2 นี้ จะเป็นการเที่ยวของวันที่ 23, 24 และ 25 ค่ะ
วันที่ 23 ต.ค. วันนี้ พวกเรากินข้าวเช้ากันแล้ว ก็เริ่มรอรถมารับ รถ วันนี้ เป็นรถอีกคันและคนขับคนใหม่ คนเก่านั้น มาขับรถให้พวกเราเพียงสองวันเท่านั้น
จุดหมายปลายทางตามโปรแกรม คือ จะไปชมความสวยงามของ ทะเลสาบ ปันกอง วันนี้รู้สึกมีอุปสรรคมาก ออกจากโรงแรม น่าจะประมาณ 8 โมงกว่า มุ่งหน้าจะไปที่ทะเลสาบ ปันกอง ระหว่างทาง หิมะตกหนักมาก รถก็ติดไปตลอดทาง ต้องจอดนิ่ง ๆ บางช่วง ต้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่ ทำงานเกี่ยวกับการตักหิมะที่ถนน เสียเวลามาก ๆ เสียงรถคันใหม่ ก็มีเสียงแปลก ๆ เหมือนไม่ปลอดภัย (จอย ขับรถเป็น บอกว่า รถมีปัญหา คนขับ เอาโซ่มาพันที่ล้อรถ เพื่อไม่ให้ล้อรถลื่น เวลาวิ่งบนหิมะ เมื่อเกิดปัญหา เกด ถามว่า จะ ไปต่อหรือกลับเข้าเมือง จอยบอกกลับอย่าไปต่อเลย เพราะจอยหนาว ไม่สบายด้วย เนื่องจากไม่ได้เอาเสื้อโค้ตมาด้วย อาการแพ้ยายังไม่ดีขึ้นเลย นอนมาในรถตลอดทาง เมื่อรถจอดนิ่ง ๆ รถคันอื่น ๆ ที่จอดยาวเรียงกันเป็นขบวน ต่างลงไป โพสต์ท่าถ่ายรูปท่ามกลางหิมะที่ขาวโพลน พวกเราก็ลงไปบ้าง แต่จอยอยู่แต่ในรถ สงสัยไม่ไหวจริง ๆ มี น้องเมล แต๋วและ ฉันลงไปถ่ายรูปท่ามกลางหิมะโปรยปราย ทนหนาวไม่ไหว ก็ขึ้นรถก่อน ห้าห้า ก็ได้รูปเท่าที่รวบรวมมาให้ชมเล็กน้อย ค่ะ


ถ่ายรูปกันไม่ได้ ให้เกดถ่ายอยู่บนรถ


ท่ามกลางหิมะ โปรยปราย ลงมาเต็มตัวเลย ค่ะ สู้ ๆ ค่ะ

สู้ ๆ ค่ะ

น้องเมล หลานศิษย์ ค่ะ

น้องเมล หลานศิษย์ สู้ สู้


แต๋ว นั่งบนกองหิมะ ให้เกดที่อยู่บนรถ ถ่ายรูปให้



พวกเราเสียเวลาอยู่ที่นี้หลายชั่วโมง ในที่สุด ก็ตัดสินใจกลับเข้าเลห์ ค่ะ
เป็นอันว่า วันนี้ ไม่ได้เที่ยวที่ไหนเลย กลับมาที่เลห์ เกด พาจอยไปซื้อ เสื้อหนาวมือสอง (ตัวสีแดงแป๊ด) ราคาไม่ถึงพัน เกดเป็นคนต่อ ซื้อเสร็จจอยใส่ทันที อากาศช่วงเย็นนี้ หนาวมากอยู่ เพราะมีลมแรง เดินหาซื้อแถว ๆ ร้านที่เรา เคยมาเดินในวันแรก ๆ ได้ซื้อผ้าพันคอ ซื้อยาที่ทำจากเกสรดอกไม้ ชื่ออะไรก็จำไม่ได้ คนขายบอกว่า กิน หรือ ชงกับน้ำ แก้วหนึ่งสัก 2-3 เส้น จะทำให้ร่างกายแข็งแรง เออ ! พวกเราบ้าเหมือนกันนะ ซื้อกันคนละตลับสองตลับฉันก็ซื้อผ้าพันคอ สองผืนและ 1 ตลับ ตกตลับละประมาณ สองร้อยบาทมั้ง เดินจนขาเมื่อยก็กลับโรงแรม อาการของจอยไม่ดีขึ้น พวกเราก็เกลี้ยกล่อมให้ไปหาหมอ ในที่สุด จอยยอมไปหาหมอ ใช้รถโรงแรมพาไปหาหมอที่คลินิก จอย ถูกฉีดยาไป 1 เข็ม เป็นยาแก้แพ้ยาที่มี ซัลฟา เป็นส่วนประสม แล้วพาไป ซื้อน้ำเกลือ สำลี เพื่อล้างแผลที่ริมฝีปากที่บวมนั้น รุ่งขึ้น ปากที่บวมนั้น หายปวด หายบวมเลย ยาฉีด ของที่นี่ดีจริง ๆ ริมฝีปากที่ตกสะเก็ด หลุดหมดเลยหลังจากที่ล้างน้ำเกลือแล้ว ไม่ต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดปากเหมือน 3- 4 วันที่ผ่านมา
วันที่ 24 ต.ค. เช้านี้ กินข้าวเช้า เสร็จก็ออกเดินทางเที่ยว วันนี้ เที่ยวเบา ๆ ในเมืองก่อน แองกลับประเทศไทยไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า ตอนนี้จึงเหลือพวกเรา 6 คนเท่านั้น สถานที่แรกที่พวกเราไปเที่ยววันนี้ มีดังนี้ ค่ะ สถานที่แห่งแรกที่ไปเที่ยว คือ พระราชวังเซพาเลซ (Shey Palace) ก่อนจะถึงพระราชวังเชย์ ต้องเดินขึ้นเนินไปไกลพอสมควร ระหว่างทาง พวกเราก็ถ่ายรูปกัน ค่ะ


ทางเดินที่เดินขึ้นไปชมวัง ค่ะ

ปากของจอย หายบวม ไม่ปวดแล้ว สวยแล้ว ค่ะ


เดินขึ้นเขาไป เกด และ เมล ถ่ายรูปให้ ด้วย



เดินมาถึงมุมสูง ถ่ายรูปทิวทัศน์ เห็นด้านล่างได้ อย่างชัดเจน

มาดูความเป็นมาของวังนี้ สักเล็กน้อย ก่อนไปชมความงดงามของวัง ค่ะ
พระราชวังเชย์ (Shey Palace) พระราชวังเชย์ (Shey Palace) ผู้สร้าง คือ กษัตริย์ Deldan Namgyal สร้างขึ้นใน ค.ศ. 1655 ก่อสร้างเพื่อระลึกถึงพระบิดา Singge Namgyal และเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน มีพระพุทธรูปทองคำ ปิดทอง รูปปั้นพระศากยมุนี กล่าวกันว่า เป็นรูปปั้นที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเมือง ลาดัก เมืองเชย์ นั้น เคยเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ที่สุดของลาดัก ในช่วงก่อนศตวรรษ ที่ 15 เป็นพระราชวังฤดูร้อนมีอายุราว 500 ปี ของกษัตริย์ผู้เคยยิ่งใหญ่ในอดีต เมื่ออยู่บนพระราชวังเชย์มองลงมาจะเห็นวิวที่สวยงาม ต่อมาในปี ค.ศ. 1834 กษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ทั้งหมด ได้ย้ายไปอยู่ที่พระราชวัง Stok palace แทน มาชมรูปและทิวทัศน์อันสวยงามที่พวกเราถ่ายมาฝาก ค่ะ

ถึงแล้วค่ะ พระราชวังเชย์


อีกมุมหนึ่งของพระราชวังเชย์


ความสวยงามอีกมุมหนึ่งเมื่อมองจาก พระราชวังเซย์

มุมสูงที่มองลงไปด้านล่าง ได้ทิวทัศน์ งดงามมาก ค่ะ


แอ๊กท่าตามแต่ใจชอบ ค่ะ

นั่งอย่างสงบเสงี่ยมเลยนะ ลูกศิษย์เรา

ลูกศิษย์และหลานศิษย์ ค่ะ

คู่เที่ยว คู่หู ค่ะ

โชว์ความงามของเท้า ค่ะ

เดินชมรอบ ๆ วัง ค่ะ


รูปนี้เกดถ่ายหมู่ให้พวกเรา ค่ะ


แอ๊กท่า หน้าตาเอาจริงเอาจัง นะ มุมสูงเสียวนะเนี่ย
สถานที่ต่อไปที่เราไปเที่ยว คือ วัด ติกเซย์ (Thiksey) มารู้ประวัติของวัดสักเล็กน้อยค่ะ
วัดติกเซย์ Thiksey Monastery เป็นวัดของนิกายหมวดเหลืองอายุ 600-700 ปี ที่นี่ประดิษฐานพระศรีอริยะเมตไตรขนาดใหญ่ พระพุทธเจ้าในอนาคตตามความเชื่อของพุทธธิเบต ( พุทธศาสนาในธิเบต) ตั้งอยู่บนเนินเขาในเมือง Thiksey ประมาณ 19 กิโลเมตร (12 ไมล์) ทางตะวันออกของ Leh ใน Ladakh ประเทศอินเดีย วัดแห่งนี้ สร้างเสร็จสมบูรณ์ราวพุทธศตวรรษที่ 1953-1983 มีข้อสังเกตว่ามีความคล้ายคลึงกับ พระราชวัง Potala ใน กรุงลาซา ธิเบต และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลางของ Ladakh โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีอาคารแยกต่างหากสำหรับผู้หญิงที่เป็นที่มา ของอาคารและการปรับโครงสร้างที่มีนัยสำคัญเมื่อไม่นานมานี้ อารามตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 3,600 เมตร (11,800 ฟุต) ใน หุบเขาสินธุ เป็นอาคารสูง 12 ชั้นและเป็นที่ ประดิษฐานพระพุทธศาสนา หลายอย่าง เช่น เจดีย์รูปปั้นรูป บันได ภาพวาดฝาผนังและดาบ หนึ่งในจุดสำคัญที่น่าสนใจคือวัด Maitreya ติดตั้ง เพื่อเป็นอนุสรณ์การเยี่ยมชมของ ดาไลลามะที่ 14 เพื่อวัดนี้ในปี ค.ศ. 1970 มันมีรูปปั้นสูง 15 เมตร (49 ฟุต) ของ Maitreya รูปปั้นที่ใหญ่ที่สุด ใน Ladakh ครอบคลุมสองชั้นของอาคาร มาชมภาพของวัดและรูปพวกเราที่ถ่ายมาฝาก ค่ะ
รถของใครไม่รู้ จอยชวนถ่าย เพราะเห็นว่ารถ สวยดี อิอิ
 คันนี้ ก็สวย ค่ะ

ประตูร้านค้า มีศิลปะ งดงาม มาก ค่ะ


ต้นนี้อยู่ด้านหน้าของวัดนี้ เหลืองอร่าม สวยมาก ค่ะ

มาถึงตัววัดแล้ว ค่ะ เดินอีกมากมาย ค่อย ๆ เดินกันไป ค่ะ


ทุกวัดจะมีระฆังแบบนี้ ค่ะ พวกเราก็ชอบไปถ่ายกับระฆัง ค่ะ






พระศรีอริยะเมตตรัย พระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดแห่งเลห์ลาดัก ที่ วัดธิคเซย์


พระศรีอริยะเมตตรัย พระพุทธรูปที่สวยงามที่สุดแห่งเลห์ลาดัก ที่ วัดธิคเซย์



ลูกศิษย์และหลานศิษย์




ถ่ายรูปกับทหารที่วัด ติคเชย์ เท่ นะเสี่ยจอย


ถ่ายรูปกับพระธิเบต










เจอชาวอินเดียที่มาเที่ยวที่เลย์ ลาดัก เหมือนกัน เราเลยถ่ายรูปร่วมกัน ค่ะ








มื้อกลางวันวันนี้ เรากินข้าวที่ร้านในวัดนี้ ค่ะ เป็นร้านขายอาหารตามสั่ง ตามแต่ใจชอบ ก็มีอาหารที่พอกินได้ แต่ลืมถ่ายรูปเอาไว้ อิอิ กินข้าวมื้อนี้เสร็จ ก็บ่ายมาก ๆ พวกเราก็เดินทางต่อไป เที่ยวอีกวัดหนึ่ง คือ วัด เฮมิส หรือ เฮอมิส (Hemis)
วัดสุดท้ายที่พวกเราเที่ยวและเยี่ยมเยือน คือ วัด เฮอมิส ( Hemis) มาทราบประวัติของวัดนี้ ค่ะ
วัดเฮมิส (Hemis Gompa) : วัดลามะนิกายหมวกแดง วัดเฮมิส (Hemis Gompa) ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองเลห์ประมาณ 45 กิโลเมตร เลาะเลียบแม่น้ำสินธุลงไปทางใต้ เป็นวัดโบราณ ที่สำคัญและใหญ่ที่สุดในดาลักห์ สร้างขึ้น ในพุทธศตวรรษที่ 17 โดยพระเจ้าเซงกี เป็นกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลาดักห์ ซึ่งเป็นช่วงเวลา ที่ศาสนาพุทธในอินเดียล่มสลาย เมื่อกองทัพชาวเติร์กได้บุกเข้าสู่อินเดีย และต่อมาได้รับการทำนุบำรุงโดยกษัตริย์ แห่งราชวงศ์นัมเคียล (Namgyal) มาตลอด วัดเฮมิส ได้รับการประกาศ ให้เป็น มรดกโลกในปี ค.ศ. 1998 วัดเฮมิส เป็นวัดพุทธตันตระนิกายหมวกแดง หรือ นิกายนิงห์มาปา ซึ่งเป็นนิกาย ดั้งเดิมของศาสนาพุทธสายทิเบต ท่านปัทมสัมภวะ (Padmasambhava)หรือที่ชาวทิเบตเรียกว่า คุรุริมโปเช (Kuru Rinpoche) ซึ่งเป็นภิกษุรูปแรกที่เดินทางจากอินเดีย เมื่อปี พ.ศ. 1350 ที่ได้นำศาสนาพุทธเข้ามาเผยแผ่ในทิเบตและเป็นผู้ให้กำเนิดนิกายหมวกแดง ซึ่งได้รับการยอมรับนับถือจากชาวทิเบตอย่างกว้างขวาง วัดเฮมิสมีความสำคัญอีกประการคือ เป็นที่ประดิษฐานรูปทังก้าพระปทุมสมภพ (Thanka) หรือที่เรียกกันว่า ผ้าพระบฎ ซึ่งเป็นของเก่าแก่ที่สำคัญมาก สำหรับชาวพุทธตันตระนิกายหมวกแดง โดยเฉพาะภาพมัณฑลา (Mandala) ในสมัยศตวรรษที่ 17 ซึ่งวาดขึ้นด้วยสีผสมทองคำแท้ เป็นวัดที่เก่าแก่มีอายุกว่า 400 ปี ถือเป็นวัดที่มีความสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองเลห์ ทุก ๆ ปีวัดนี้จะมีจัดเทศกาลระบำหน้ากากของพระลามะ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนถึงกรกฏาคม (รวบรวมข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต) มาชมรูป วัดเฮมิส ที่พวกเราถ่ายรูปมาฝาก ค่ะ






ความร่มรื่นภายในวัด ค่ะ








ก่อนกลับจากวัดติคเชย์ ถ่ายรูปกันอีก สักรูป อิอิ





วันนี้ เราเที่ยวได้ 3 วัดดังกล่าว แต่ละวัดต้องเดินขึ้นเขา ไกลไม่ใช่เล่น ดีที่เราจัดทริปกันเอง เรื่องเวลาจึงไม่ซีเรียส ไม่เหมือนไปกับทัวร์ มากันเอง เหนื่อยก็พักถ่ายรูประหว่างทางพักเหนื่อยไปในตัว ตอนออกจากวัด เฮมิส จะกลับโรงแรม ก็ผ่านน้ำตก เลยจอดรถ ไปถ่ายรูปกับน้ำตกกัน สักคนละ รูป 2 รูป เก็บไว้เป็นที่ระลึก ค่ะ


ผ่านสะพาน จอยลงไปถ่ายรูป ค่ะ

น้ำตกเล็ก ๆ ที่ระหว่างทางผ่าน ค่ะ เลยแวะถ่ายรูป ด้วย ค่ะ




วันที่ 25 ต.ค. เช้านี้ จอย หลังจากที่ได้รับยาแก้แพ้ เที่ยวอย่างมีความสุข ถ่ายรูปได้ หลายท่ามาก อิอิ วันนี้ เราจะไปเที่ยว ทะเลสาบ Tsomoriri เป็นทะเลสาบที่ร่ำลือกันว่าสวยที่สุด ที่มาเลห์แล้ว พลาดไม่ได้ ระยะทาง จากโรงแรมเราเดินทางไปทะเลสาบแห่งนี้ เป็นเวลาหลายชั่วโมง เราออกจากโรงแรมประมาณ 8.00 น. ระหว่างทางหยุด ให้เข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำที่น่ากลัวนะ เป็นหลุม มีไม้อยู่สองด้าน ไม่ปวดมากจริง ๆ ก็ไม่อยากเข้าเลย ห้าห้าห้า ทิวทัศน์ระหว่างทางที่รถผ่าน สวยงามมาก ค่ะ รถจอดให้เราลงไปถ่ายรูปกัน ค่ะ มาชมรูประหว่างการเดินทางไปเที่ยวทะเลสาบ Tsomoriri ค่ะ


ธารน้ำนี้ ไหลไปตามถนนที่รถเราผ่านไป ค่ะ น้ำใส้สะอาด





น้ำพุร้อนที่รถเราผ่านไป ค่ะ ฉันและแต๋ว ไม่ได้ลงไปถ่ายด้วย ค่ะ


น้อง ทดลองดูว่า น้ำพุนี้ ร้อนจริงไหม


ในที่สุด พวกเราก็มาถึง ทะเลสาบ Tsomoriri ซึ่งเป็นทะเลสาบที่สวยงาม ซึ่งถือว่า เป็น ราชินีแห่งทะเลสาบ ค่ะ มาทราบประวัติสักเล็กน้อย ค่ะ ทะเลสาบ Tsomoriri เป็นทะเลสาบที่สวยงาม ยิ่งใหญ่ อยู่ห่างจากตัวเมือง ประมาณ 230 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 7-8 ชั่วโมง เพราะถนนหนทางที่ไปนั้น ค่อนข้างขรุขระในบางช่วง ที่นี่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 4,522 เมตร หน้าหนาว ที่นี่จะหนาวถึง ติดลบถึง 45 องศา ชาวบ้านแถวนี้ จะอพยพไปอยู่ที่เมืองเลย์หนีหนาว ถ้ามีฐานะดีมากหน่อย ก็จะไปอยู่ที่เมืองเดลลี ตลอดหน้าหนาว ดังนั้น หน้าหนาวที่ทะเลสาบนี้ จะหาที่พักและอาหารยากมาก ค่ะ ทะเลสาบแห่งนี้เป็นทะเลสาบเล็ก ๆ สูงกว่า ทะเลสาบ ปันกอง เล็กน้อย ได้รับฉายาว่า เป็น "ราชินีแห่งทะเลสาบ" และได้รับฉายาอีกฉายาหนึ่งว่า"เป็นน้องสาวของ ทะเลสาบปันกอง (Baikal Lake) ในฤดูหนาว ที่นี่จะกลายเป็นน้ำแข็ง สามารถลงไป วิ่งเล่นได้ ค่ะ พวกเรามาที่นี่ ในช่วงกำลังจะย่างเข้าสู่ฤดูหนาวอากาศหนาวยะเยือก ท้องทะเลสาบ ยังเป็นน้ำสีฟ้าใส สะท้อนแสงจากท้องฟ้า ที่เจิดจรัสเป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก ๆ ตื่นตาตื่นใจของพวกเราที่ได้มาเยือน ทะเลสาบแห่งนี้ คุ้มค่ากับการเดินทาง มาเป็นเวลาถึง 7-8 ชั่วโมงค่ะ ถ่ายรูปกันมากมายเลย ค่ะ มาชมภาพทะเลสาบและความตื่นเต้นของพวกเรา ค่ะ







อาหารมื้อกลางวันค่ะ




สงสัย จอยจะชอบหิมะเป็นพิเศษ นอนคลุกกับหิมะอย่างสนุกสนาน

ท้องฟ้าวันนี้ สีสันสวยมาก ๆ เลยค่ะ











ทะเลสาบสวย สมกับได้รับฉายาว่า เป็นราชินี แห่งทะเลสาบค่ะ





พวกเราหลังจากชื่นชมอยู่ที่ทะเลสาบ Tsomoriri น่าจะเป็นเวลาเกือบ 2 ชั่วโมง อดทนต่อความหนาวเย็น ลมทะเลพัดผ่านมาอย่างหนาวเหน็บ เราก็ทนกันได้ ถ่ายรูปมุมนี้ มุมนั้น แอ๊กชั่นไปสารพัดท่า ให้สมกับการใช้เวลานั่งรถ มาถึง7-8 ชั่วโมง ค่ะ จากนั้น พวกเราจึงขึ้นรถกัน เดินทางต่อไป ระหว่างทางก็เจอทิวทัศน์ที่สวยงาม ก็จอดรถให้พวกเราลงไปถ่ายรูปอีก เก็บเกี่ยวความสวยงามของเมืองเลย์ระหว่างเดินทาง ค่ะ
ระหว่างทางที่เดินทางกลับจาก ทะเลสาบ Tsomoriri สองข้างทางที่รถผ่าน ก็ยังคงมีความสวยงามเหมือนตอนเช้า ที่เราผ่าน มีโอกาสได้เห็นสัตว์ต่าง ๆ ที่ออกมาหากิน พวกเราช่วยกันถ่ายรูปพวกมัน มาฝากด้วย บางจุดที่มีความสวยงาม รถก็จอดให้พวกเราลงไปถ่ายรูป อากาศเริ่มหนาวเย็นมากขึ้น แรงลมพัด เริ่มพัดแรงสัมผัสความหนาวเย็นของลม ในขณะถ่ายรูปได้เป็นอย่างดี ปากก็มีสั่นบ้างเล็กน้อย ห้าห้าห้า ยิ่งมีลมพัดมากขึ้น ก็ทำให้พวกเราสั่นสะท้านเหมือนกัน ถ่ายรูปพอแล้ว ก็ต้องรีบขึ้นรถเลย ค่ะ มาชมรูปที่เราถ่ายระหว่างทาง ค่ะ









กลับมาถึงที่พักที่เลห์แล้ว กินข้าวกินปลาที่ทางโรงแรมจัดให้ แล้ว น้องบ่นว่า อาการไม่ค่อยดี เหมือนจะเป็นไข้ และหายใจไม่ค่อยคล่อง อาจจะเป็นเพราะวันนี้ สนุกสนานอยู่กับทะเลสาบ Tsomoriri นานไปด้วย อากาศก็แสนจะหนาวเย็น อยู่ที่นี่นานมากด้วย เกด เลยบอกว่า ไปหาหมอให้ตรวจร่างกายให้เรียบร้อยก่อน ปล่อยไว้ อาจจะเป็นหนักขึ้น ในที่สุด เกดก็พาน้องไปพบหมอ เหมือนพาจอยไปพบหมอ ในวันที่ผ่านมาแล้ว เฮ้อ ! ทริปนี้ เข้า ร.พ.ไปแล้วสองคน คิดว่า เหลือเวลาเที่ยวอีก 2 วัน คงไม่มีใครป่วยอีกนะ การเที่ยวเลห์ ตอนที่ 2 ก็เขียนมาถึง วันที่ 25 แล้ว ตอนที่ 3 ก็จะเป็นตอนปิดทริปเที่ยว เลห์ ลาดัก ค่ะ โปรดติดตามตอนที่ 3 ได้ ค่ะ ได้จัดวิดิโอและมีเพลงประกอบมาให้ฟังค่ะ
วิดิโอ ประกอบการเที่ยว เลห์ ลาดัก ตอนที่ 2 ค่ะ
Create Date : 18 มกราคม 2567 |
Last Update : 20 มกราคม 2567 12:18:53 น. |
|
34 comments
|
Counter : 1360 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณปัญญา Dh, คุณกะว่าก๋า, คุณhaiku, คุณร่มไม้เย็น, คุณสองแผ่นดิน, คุณtoor36, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณmultiple, คุณkae+aoe, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณThe Kop Civil, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtanjira |
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:22:04:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มกราคม 2567 เวลา:22:11:42 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:5:36:30 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:9:48:27 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:17:33:42 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มกราคม 2567 เวลา:18:34:29 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 21 มกราคม 2567 เวลา:1:02:25 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 มกราคม 2567 เวลา:4:02:51 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 21 มกราคม 2567 เวลา:13:33:32 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 21 มกราคม 2567 เวลา:23:55:40 น. |
|
|
|
โดย: ศาสนาอิสลาม IP: 141.193.68.200 วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:3:00:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:5:19:31 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:6:09:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 มกราคม 2567 เวลา:19:45:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:5:03:46 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:14:29:39 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:19:56:39 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:20:25:41 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:21:51:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:22:15:30 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 23 มกราคม 2567 เวลา:22:36:04 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:0:16:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:5:14:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:12:42:55 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:13:39:03 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 24 มกราคม 2567 เวลา:17:07:26 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มกราคม 2567 เวลา:0:02:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2567 เวลา:5:19:07 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|
วิวทะเลสาบสวยมากครับ มีหิมะด้วย