ตุรกี มีอะไรน่าสนใจบ้าง ตอนที่ 6
ฉันได้พาผู้อ่านเที่ยวประเทศตุรกีมาถึงตอนที่ 6 แล้วค่ะ เป็นการเที่ยว ของวันที่ 29 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการเที่ยวของวันที่ 6
วันนี้ ตื่นเช้า ก็ทานอาหารที่ห้องอาหารของโรงแรมเช่นเคย อาหารแต่ ละโรงแรม ก็เหมือน ๆ กัน ช่วงวันท้าย ๆ โจ้ คงรู้ใจลูกทัวร์ อุตส่าห์ทำโจ๊กที่เตรียมมาจากกรุงเทพฯ ทำมาให้ พวกเราทานกัน มีหมูหยอง ผักกาดกระป๋องยำด้วย
หลังทานข้าวเช้าแล้ว มีเวลาเหลือ เราก็ไปหาวิวสวย ๆ บริเวณโรงแรม ถ่ายรูปกัน ค่ะ มาชมโรงแรมที่เราพัก ค่ะ
บริเวณโรงแรมที่พัก มีสระน้ำด้วย ค่ะ
บริเวณหลังโรงแรม เป็นทุ่งข้าวสาลี ดอกไม้ดอกนี้ไม่รู้ชื่อ ค่ะ รู้แต่ว่า สวย แปลกตาดี เลยถ่ายรูปมาฝาก ค่ะ
วันนี้สถานที่แห่งแรกที่พวกเราได้ไปเที่ยวชม คือ "นครโบราณเฮียรา โพลิส" หรือเรียกว่า นครศักดิ์สิทธิ์ และปราสาทปุยฝ้าย ซึ่งอยู่ในเมือง ปามุคคาเล่ คำว่า ปามุคคาเล่ ในภาษาตุรกี หมายถึง "ปราสาทปุยฝ้าย" Parmuk หมายถึงปุยฝ้าย และ คำว่า Kale หมายถึง ปราสาท เรามาทราบถึง ความเป็นมาของ สถานที่ แห่งนี้ ก่อนจะไปชมภาพถ่ายสวย ๆ ค่ะ ปราสาทปุยฝ้าย หมายถึงปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจาก ธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่ที่มีหินปูนผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา "คารากี" ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดินและทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้นลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศ เกิดเป็นปฏิมากรรมธรรมชาติอันงดงามตระการตา แปลกตา และโดดเด่น เป็นเอกลักษณ์ ยากที่จะหาสิ่งใดมาเหมือนได้ จนทำให้ ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ.1988 ปราสาทปุยฝ้าย เป็นเมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน หน้าผาที่กว้างใหญ่ ด้านข้างของอ่างน้ำเป็นรูปร่างคล้ายหอยแครง และน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆ ปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้น จะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ 33-35 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบ หรือนำมาดื่ม เชื่อว่า น้ำแร่นี้ มีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรค ไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะและโรคไต มาชมรูป ค่ะ ว่าจะสวยดังที่บรรยายไปหรือไม่
ระหว่างทางที่จะเดินไปชม ปราสาทปุยฝ้าย
มุมสวยมุมหนึ่งของปราสาทปุยฝ้าย
ความสวยงามของปราสาทปุยฝ้าย
พี่แต๋วไม่ได้ลงไปเดินในแอ่งน้ำ เพราะอันตราย มันลื่นและหินที่เหยียบ เจ็บเท้ามากทีเดียว เลยนั่งอยู่ด้านบนซึ่งมีเก้าอี้ ให้คนที่ไม่ได้ลงไปแช่เท้า พี่แต๋วเลยช่วยเฝ้าสมบัติของพวกเราที่ลง ไปเดินในแอ่งน้ำตก แช่เท้า หลังจากขึ้นจากน้ำ ก็ถ่ายรูปให้พี่แต๋ว โดย ให้มีฉากของน้ำตก แอ่งน้ำเป็นฉากหลัง
ขอรูปเดี่ยวบ้างนะคะ
เซลฟี่กัน ค่ะ รูปส่วนใหญ่เป็นกล้องของ น้องนันท์ ค่ะ
ลองแช่เท้าดูค่ะ
หลังจากชื่นชมกับปราสาทปุยฝ้ายจนหนำใจแล้ว พวกเราก็เดินไปที่ เมืองโบราณ เฮียราโปลิส ซึ่งอยู่ในอาณาบริเวณ เดียวกับปราสาทปุยฝ้าย แต่ก็ต้องเดินไกลเหมือนกัน พี่แต๋วกับนันท์ ไม่ได้เดินไปด้วยกัน มีฉัน บุษ และวัชร์ไปเท่านั้น เมืองโบราณ เฮียราโปลิส ในอดีตเป็นที่บำบัดโรค ผู้ที่สร้าง คือ กษัตริย์ ยูเมเรสที่ 1 (บางแห่งบอกว่า 2 ) แห่งเพอร์กามอน ในปี 190 ก่อนคริสต์ศักราช โดยสร้างให้ใกล้กับแอ่งน้ำแร่ร้อน ปามุคคาเล่ และถูกยกให้โรมันเพราะถูกรุกราน ต่อมา เกิดแผ่นดินไหวที่นี่หลายครั้ง หลังปี ค.ศ. 1334 จึงไม่มีคนมาอาศัยอยู่เลย สันนิษฐานว่า มีอายุประมาณ 2200 ปี ชื่อเมือง มีความหมายว่า นครแห่งความศักดิ์สิทธิ์ รูปที่ถ่ายมาจึงเหลือแต่ซากและทุ่งอันกว้างใหญ่
เป็นสถ่นที่ที่สมบูรณ์ที่สุด ค่ะของ นครเฮียราโปลิศ
จากการเที่ยวที่นี่แล้ว ก็ถึงเวลาอาหารกลางวัน มื้อนี้ ทานพิชซ่ากรอบ มีสลักผักเหมือนเคย พิชซ่ากรอบอร่อยดี แปลกด้วย ค่ะ
หลังจากอาหารมื้อเที่ยงแล้ว พวกเราก็เดินทางไปยังเมือง คอนย่า เมืองนี้ เป็นเมืองที่นิยมใช้เป็นจุดพักรถ ของการเดินทาง ในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็อาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือยุคนั้นเรียกว่า อนาโตเลีย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ เมือง คอนย่า เป็นเมืองที่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1016 เมตร คนส่วนใหญ่ มีอาชีพเป็นชาวไร่ชาวนา มีการปลูกฝิ่นและผลไม้ ความสำคัญทางศาสนาของเมืองคอนย่าคือ เป็นที่ตั้งของสุสานเมฟลานา แต่ละปีจะมีผู้มาแสวงบุญมากมาย ยุคทองของเมืองคอนย่า อยู่ในช่วงศตวรรษที่ 20 เมื่อครั้งเป็นเมืองหลวง ของจักรวรรดิ เซลจุก มีความรุ่งเรืองมากในสมัยของสุลต่าน อาเลดดิน เคย์ โตปาก มีการสร้างสิ่งก่อสร้าง มากมายด้วยสถาปัตยกรรมแบบตุรกี แต่ได้รับอิทธิพลจากเปอร์เซีย และไบแซนไทน์ด้วย สถาปัตยกรรมแบบเซลจุก ภายนอกดูเรียบง่าย ประตูทางเข้าใหญ่โตและสง่างาม บางแห่งหรูหรา ตามแบบบารอก ตกแต่งภายในสวยงาม กลมกลืน มักใช้กระเบื้องสีขาวกับสีฟ้า ปัจจุบัน เมืองคอนย่าเป็นศูนย์กลางของ นิกาย เมฟาลวีอิสลาม นิกายนี้เกิดจากการก่อนตั้ง ของ เมฟลานา เจลาเลดดินรูบี ยอดกวีแห่งตุรกี เขาสามารถชักชวน ชาวคริสต์ให้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามได้เป็นจำนวนมาก พิพิธภัณฑ์ เมฟลานา ภายนอกเป็นหอทรงกระบอก ปลายแหลมสีเขียวสดใส จัดแสดงวัตถุที่มีคนบริจาคมา เช่น สัตว์สตาฟ อาวุธ เครื่องประดับแก้ว ภาพถ่ายเมืองคอนย่า และนาฬิกา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ยังเป็นสุสานของเมฟลานา เจลาเลดดินรูบี ตลอดจน คนในครอบครัวและกลุ่มลูกศิษย์ผู้ติดตามรับใช้ ใกล้ชิดท่านอีกด้วย ในวันที่ 17 ธันวาคมของทุกปี จะมีการเฉลิมฉลอง วันครบรอบการจากไปของเมฟลานา เจลาเลดดินรูบี ซึ่งจากไป ในปี ค.ศ. 1271 มาชมภาพกันค่ะ
พิพิธภัณฑ์เมฟลานา (Mevlana)
วันนี้ พวกเราเที่ยวสถานที่แห่งนี้ เป็นแห่งสุดท้าย แล้วก็เดินทาง กลับโรงแรม ซึ่งคืนนี้ เราพักที่ QZKAYMAK HOTEL
การพาเที่ยวในวันที่ 29 พ.ค. ก็จบลงแล้ว เรามีเวลาเที่ยวในวันที่ 30 อีก 1 วัน แล้วเราก็ต้องเดินทางกลับประเทศไทย ของเราแล้ว ค่ะ ท่านที่ชอบการพาเที่ยวตุรกีของฉัน ก็สามารถติดตาม อ่านได้ในตอนที่ 7 ต่อไปได้ ค่ะ
Create Date : 11 กันยายน 2561 |
|
21 comments |
Last Update : 21 กันยายน 2561 19:54:12 น. |
Counter : 903 Pageviews. |
|
|
|
บ่อน่ำแร่ร้อนเหมือนปุยฝ้ายจริงๆค่ะ
ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์นะคะ
รอตามชมตอนต่อไปค่ะ