|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
 |
|
|
ฉุกละหุก
"ฉุกละหุก" เป็นโจทย์ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 348 ผู้ตั้งโจทย์ คือ คุณ toor36
คำอธิบายโจทย์ (แนวทางการเขียน) ตรงตัวตามความหมายเลย เขียนเรื่องราวประสบการณ์ที่ต้องทำอะไรแบบ ฉุกละหุกแล้วมันเกิดผลอย่างไร ลองเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังกัน
"ฉุกละหุก" มีความหมาย ว่า สับสนวุ่นวายเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นปัจจุบันทันด่วน โดยไม่คาดฝัน.จากความหมายนี้ จะเห็นว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิด ก็จะเกิดความวุ่นวาย สับสน ไม่รู้ จะทำอย่างไรต่อหรือ แก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไรดี ถ้าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ การตั้งสติให้ดี อย่าตื่นตระหนก ตกใจ เพราะการตกใจ จะทำให้เราคิด อะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก สติเท่านั้น ที่จะช่วยเราแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกระทันหัน โดยที่เรา ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้น
สำหรับเหตุการณ์หรือประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับฉัน แบบไม่คาดฝัน นั่นคือ การสูญเสียแม่อันเป็นที่รักยิ่ง อย่างไม่มีวันกลับมา อยู่กับฉันชั่วชีวิต เราสองแม่ลูกอยู่ด้วยกันหลังจากพ่อเสีย ขาดหัวหน้าครอบครัว พี่น้องต่างแยกย้ายกันไป (แต่งงาน) เหลือฉันและน้องชาย ที่อยู่กับแม่ น้องชายก็อยูไม่ค่อยติดบ้าน ตามประสาเด็กผู้ชาย จึงมีความรู้สึกว่า บ้านมีกันอยู่แค่เราแม่ลูก พ่อจากฉันไป ตั้งแต่ฉันอยู่ปี 1เมื่อต้นปี 2514
หลังจากจบการศึกษาก็สอบเข้ารับราชการ ครู เงินเดือนน้อยนิด แต่ก็อยู่กับแม่อย่างมี ความสุข แม่เป็นกำลังใจ ทั้งยามสุขและยามทุกข์ ห่วงใยฉันเสมอ กลับจากโรงเรียน ถ้าไม่ได้สอนภาคค่ำ แม่จะรอกินข้าวมื้อเย็นพร้อมกับฉัน แม่เป็นคนประหยัด จะพาไปเที่ยวไหนก็ไม่ค่อยอยากไป เพราะเงินเดือนฉันยังน้อย นาน ๆ จะเกลี้ยกล่อมไปเที่ยวดูหนังสักครั้ง สอง ครั้ง ไกลสุด ก็คือ พาไปเที่ยวบางแสน เช่าเก้าอี้ผ้าใบ รับลมทะเล เย็น ๆ ซื้ออาหารทะเลที่แม่ค้านำมาขายตามชายหาดกินไปคุยไป ลมทะเลพัดมา เย็น ๆ แม่ดูชอบใจ นั่งกันหลายชั่วโมง แล้วเรา แม่ลูกและหลานอีกคน ก็ขึ้นรถกลับบ้าน เป็นช่วงชีวิตที่เราแม่ลูกมีความสุขที่สุด
เราแม่ลูก อยู่กันอย่างมีความสุข จนถึงปี 2529 จากปี 2517ถึง 2529 เป็นเวลา 12 ปี ความผูกพันแม่ลูก ย่อมผูกพันกันมากแน่นอน ช่วงนี้ อายุแม่ ย่างเข้า 76 ปีแล้ว แม่เป็นคนแข็งแรง ไม่ค่อยได้เจ็บป่วยอะไรมากนัก แต่ต้นเดือนมีนาคม แม่บ่นปวดท้องและปัสสาวะไม่ออก ฉันพาแม่ไปหาหมอ ที่ร.พ.คามิเลี่ยนหมอตรวจร่างกายแม่ พบสาเหตุ คือ กระเพาะ ปัสาสาวะอักเสบ หมอให้แม่แอดมิดที่ ร.พ. ตรวจร่างกายด้วย พบเบาหวาน แต่หัวใจปรกติ ฉันก็เบาใจ ปรกติ แม่จะไม่ยอม ตรวจร่างกาย ไม่ชอบเข้า ร.พ. แม่พักที่ ร.พ. ประมาณ 4-5 วัน ก็กลับบ้านได้เป็นปรกติ ปัสสาวะได้ ตามปรกติแล้ว ดูแม่แข็งแรง ไม่ปวดท้องแล้ว ฉันก็รู้สึกสบายใจไปสอนหนังสือได้ไม่ต้องกังวล แต่ .. แม่สบายไม่ปวดท้อง ปัสสาวะได้ตามปรกติ ได้ไม่กี่วัน ฉันจำได้แม่น วันนั้น ฉันกลับจากโรงเรียนถึงบ้าน ย่างเท้าเข้าบ้านก็ต้องตกใจ แม่นอนอยู่บนโซฟา ดูหน้าตาเพลีย ๆ ที่พื้นเลอะเทอะ ด้วยการอาเจียนของแม่ มีทั้งส้มและแตงโมถามแม่ว่า เกิดอะไรขึ้น แม่เล่าว่า เห็นรถเข็นผลไม้มาขายหน้าบ้าน ก็เลยซื้อแตงโม กิน กินส้มที่บ้านด้วย แล้วเกิดอาเจียนอย่างที่ฉันเห็น ฉันจัดการทำความสะอาดพื้น บอกแม่ให้นอนพักผ่อน ฉันคิดว่า แม่เพิ่งหายจากโรคปัสาสาะอักเสบ ทั้งส้มและแตงโม คงไม่ดีสำหรับคนเพิ่งหายป่วย คืนนั้น กลางดึก แม่เริ่มมีอาการปวดท้องและปัสาสาวะไม่ออกอีก ฉันบอกแม่ ให้อดทน รุ่งเช้าจะพาไปหาหมอ ฉันไม่คิดเลยว่า การไปโรงพยาบาลครั้งนี้ แม่จะไม่ได้กลับมาบ้านอีกเลย ฉันไม่คาดคิดว่า แม่จะจากฉันไปตลอดกาล เพียงเพราะโรคกระเพาะ ปัสาสาวะอักเสบ หมอให้แอดมิคที่โรงพยาบาล และสวนปัสสาวะ อาการแม่ ก็ดีขึ้น แต่ไม่ค่อยกินข้าว ฉันก็เริ่มกังวล วันเสาร์ ฉันต้องไปเช็งเม้งพ่อที่สุสานที่บ้านบึง หัวกุญแจ จังหวัด ชลบุรี ฉันจะให้พี่สาวไป แต่แม่ไม่ยอม จะให้ฉันไปเอง เพราะ กลัวว่าพี่สาวจะทำอะไรไม่ถูก เลยต้องให้พี่สาวอยู่ดูแลแม่ที่ ร.พ. ส่วนฉัน กับน้องชาย หลาน ไปไหว้พ่อที่สุสาน ไหว้เสร็จ ฉันรีบกลับบ้านและไป ร.พ.ทันที พี่สาวรายงานว่า วันนี้แม่กินข้าวได้มากแล้ว ฉันรู้สึกดีใจที่แม่กินข้าวได้ดีและกินได้มาก ๆ ด้วย แต่อนิจจา ตามความเชื่อที่ว่า คนไข้ที่ป่วย กินไม่ได้เลย แล้วจู่ ๆ ก็กลับมา กินได้มากอย่างนี้เป็นลางบอกเหตุว่า เขากินเป็นมื้อสุดท้าย (จริงหรือไม่ ฉันก็ไม่รู้หรอก ค่ะ แต่ก็มาตรงกับอาการของแม่)
คืนวันนี้ ฉันนอนเฝ้าแม่เหมือนเดิม ตอนหัวค่ำ แม่ก็ยังอาการดี ๆ อยู่ น่าจะ ประมาณ 3-4 ทุ่ม แม่กระสับกระส่าย เหงื่อไหลมาก ฉันรีบเรียกพยาบาลมาดูแม่ หมอเวร คืนนั้นมาดูอาการ บอกว่า เพราะยาเบาหวานที่ใส่ในน้ำเกลือ ลดมากเกินไป แม่เลยเหมือนจะช็อค ต้องรีบลดยา อาการแม่ ก็ดีขึ้น ไม่กระสับกระส่าย หลับไปจนถึงเที่ยงคืนกว่า แม่ร้องปวดท้อง อยากถ่าย ฉันนำกระโถงให้แม่นั่งถ่ายที่เตียง แม่ถ่ายเป็นก้อนอึ ก้อนเล็ก ๆ 3-4 ก้อน เป็นสีดำ แล้วก็นอนต่อ ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็บ่นอยาก ถ่ายอีก ฉันต้องพยุงแม่จากเตียงนั่งกระโถนบนเตียง เป็นเช่นนี้ 3-4 หนได้ ฉันแทบจะหมดแรงแล้ว เพราะว้นนี้เหนื่อยจากการเดินทาง ไปเช็งเม้ง ต่อด้วยมาเฝ้าแม่ เลยบอกแม่ว่า ทำไม แม่ไม่อึให้หมดล่ะ หลังจากที่ฉันบ่น แม่ก็ไม่ได้เรียกฉันอีกเลย ตอนนั้นน่าจะ ตีสองได้ แม่นอนสงบเงียบ ฉันก็งีบหลับที่ขอบเตียง อย่างอ่อนเพลีย มาสะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนนั้นน่าจะเกือบ 6 โมงเช้าแล้ว งัวเงีย ๆ ลืมตาดูแม่ที่นอนอยู่บนเตียง เรียกแม่ แม่ เบา ๆ เหมือนจะได้ยินเสียง "อือ" แต่แม่ก็ไม่ลืมตา และเงียบ ๆ ฉันตกใจ ทำอะไรไม่ถูก ได้แต่เรียกแม่ และเรียกพยาบาลมาดู ยายพยาบาล ทำตัวน่าเกลียดมาก เดินนวยนาดมาอย่างไม่ใส่ใจนัก พอจับชีพจรแม่แล้ว หน้าเปลี่ยนสี รีบไปตามหมอมา ให้ฉันออกจากเตียงแม่ ทำการปั๊มหัวใจ ฉันได้แต่ยืนอยู่ด้านนอกด้วยความตกใจ สติสตังไม่ได้อยู่กับตัว ทำอะไรไม่ถูกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างไม่นึกว่า มันจะเกิดขึ้นกับแม่ นางพยาบาล หมอ ดูฉุกละหุกกันไปหมด น่าจะครึ่งชั่วโมง หมอที่มาปั๊มหัวใจแม่ ก็ออกมาแสดงความเสียใจกับฉันว่า แม่จากฉันไปแล้ว ฉันได้แต่ร้องไห้ ทำอะไรไม่ถูก ต่อว่า ยายพยาบาลว่า แม่มี เสลดติดคอ ก็ไม่มาช่วยดูดเสลด หมอ พยาบาล เห็นฉันอาละวาด ต่างก็เดินจากกันไป ฉันมืดแปดด้าน เหตุการณ์ดูมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โทรไป ที่โรงเรียน หารองปลื้มจิตซึ่งยังมาไม่ถึงโรงเรียน ก็เลยแจ้งคนรับสายให้บอกเรื่องของแม่ คิดได้ว่า พี่มน ซึ่งพ่อเขาเพิ่งเสียไปไม่นาน คงจะรู้เรื่องงานศพ ทุกอย่างดูฉุกละหุกไปหมด พี่ปลื้มจิต อนุสรณ์ โทรมาปลอบใจให้ตั้งสติดี ๆ เดี๋ยวจะมาหาที่บ้าน เพื่อนได้พาฉัน ไปแจ้งเรื่องแม่ที่ อ. พระโขนง ส่วน พี่มน ปลอบใจว่า ไม่ต้องตกใจ เรื่องโลงศพ เรื่องทำพิธีกงเต็ก พี่เขาจะจัดการให้ และจะให้ร้านขาย โลงศพไปรับศพแม่และสอนพิธีการต่าง ๆ ก่อนที่จะให้แม่ นอนในโลงจำปา ส่วน รองปลื้มจิตและพี่สุรางค์ ช่วยติดต่อ ศาลาที่วัดธาตุทอง ช่วยเตรียมของว่างแจกแขกที่มาฟังสวดศพแม่ เพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่รักฉัน ช่วยฉันจัดการ ฉันมีหน้าที่จ่ายเงิน งานที่ต้องจัดการ อย่างฉุกละหุก อย่างไม่คาดฝันว่า ฉันจะต้องเสียแม่ไปอย่างไม่คาดคิด เช่นนี้ ถ้าไม่มี พี่ ๆ เพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่ ร.ร.ช่วยจัดการ ฉันคงแย่ยิ่งกว่า นี้ งานศพแม่ผ่านไปค่อนข้างเรียบร้อย หลังงานศพแม่ ฉันกลายเป็นคนซึมเศร้าไป หลายเดือน พี่ปลื้ม พี่สุรางค์ ห่วงใย ได้พาฉันไป คลายเครียดเที่ยวที่ต่าง ๆ อยู่หลายครั้งฉันโชคดี มีเพื่อนร่วมงาน มีพี่มน ที่คอยสอน คอยช่วยงาน ฉันสำนึกถึงบุญคุณของพี่ ๆ น้อง ๆ เหล่านี้เสมอค่ะ
 นี่คือ เรื่องราว ที่เกิดขึ้นอย่างที่ฉันไม่คาดคิดว่า แม่จะจากฉันไปเร็ว เพียงเพราะเป็น โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ ซึ่งไม่ได้เป็นโรคที่คิดว่า ร้ายแรงอะไร มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นรวดเร็วเพียงอาทิตย์กว่า ๆ เท่านั้นมันทำใจยาก จริง ๆ ในเวลานั้น กว่าจะเข้าสู่ภาวะจิตใจเป็นปรกติ ทำใจได้ ก็หลายเดือนอยู่ ค่ะ เป็นเหตุการณ์ ฉุกละหุก ที่ยากจะลืมเลือนได้ จริง ๆ ค่ะ
Create Date : 24 มีนาคม 2567 |
Last Update : 24 มีนาคม 2567 14:45:29 น. |
|
28 comments
|
Counter : 835 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณtanjira, คุณกะว่าก๋า, คุณทนายอ้วน, คุณThe Kop Civil, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณtoor36, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณmultiple, คุณkatoy, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณดอยสะเก็ด, คุณปัญญา Dh, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณจันทราน็อคเทิร์น |
โดย: หอมกร วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:17:13:50 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:18:10:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:19:08:25 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:20:20:27 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 มีนาคม 2567 เวลา:22:53:38 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:4:31:04 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:5:46:22 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:22:15:02 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 25 มีนาคม 2567 เวลา:23:59:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มีนาคม 2567 เวลา:5:22:14 น. |
|
|
|
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 26 มีนาคม 2567 เวลา:16:22:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 26 มีนาคม 2567 เวลา:19:18:48 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 27 มีนาคม 2567 เวลา:0:14:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มีนาคม 2567 เวลา:5:04:07 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 27 มีนาคม 2567 เวลา:14:49:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 มีนาคม 2567 เวลา:18:47:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มีนาคม 2567 เวลา:4:56:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มีนาคม 2567 เวลา:13:25:41 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มีนาคม 2567 เวลา:4:33:56 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มีนาคม 2567 เวลา:13:05:49 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2567 เวลา:5:20:59 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 30 มีนาคม 2567 เวลา:13:46:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มีนาคม 2567 เวลา:6:12:48 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | Smember |  | ผู้ติดตามบล็อก : 47 คน [?]

|
เป็นครูสอนภาษาไทยที่เกษียณอายุราชการแล้ว สนใจเรื่องการเขียนหนังสือให้ความรู้ ชอบการท่องเที่ยว หากท่านที่เข้ามาชมและอ่านแล้ว มีความสนใจและต้องการสอบถามเรื่องความรู้ด้านภาษาไทย ถ้ามีความสามารถจะให้ความรู้ได้ ก็ยินดีค่ะ
http://i697.photobucket.com/albums/vv337/dd6728/color_line17.gif |
|
 |
|
อาจารย์อย่าไปโทษใครเลยนะคะ