:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - กุญแจเซน ::
:: กุญแจเซน ::เขียน : ติช นัท ฮันห์แปล : พจนา จันทรสันติ
เซน คือ วัตรปฏิบัติ คือ การมองให้เห็นธรรมชาติที่แท้จริง คือ การมองเห็นตนเองอย่างชัดแจ้ง และการมองลึกลงไปในธรรมชาติแห่งจิตตนนั้น มิได้เกิดจากการค้นคว้า แสวงหา หรือเล่าเรียน ปัญญาญาณแห่งความรู้แจ้งจะเกิดขึ้น โดยการใช้ชีวิตอย่างลงลึกถึงแก่นแท้แห่งความเป็นจริงเท่านั้น
ดังที่ท่านโพธิธรรมได้เคยกล่าวไว้ว่า
“การถ่ายทอดโดยเฉพาะเจาะจงอันเป็นไปนอกพระสูตร มิได้ถือตามถ้อยคำและตัวอักษร แต่ชี้ตรงจี้ลงสู่ใจของมนุษย์ เพื่อให้เขาอาจแลเห็นธรรมชาติของตน และบรรลุถึงภาวะแห่งการตรัสรู้”
รากฐานของพุทธศาสนา มาจากคำกริยาในภาษาสันสกฤต “พุทธะ” มีความหมายว่า “การรู้แจ้ง” ผู้ซึ่งรู้แจ้ง ผู้ซึ่งตื่นขึ้นแล้วในความจริง คือ ผู้ที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับพระพุทธเจ้า ในภาษาจีนพระพุทธเจ้ามีความหมายว่า “ผู้ที่ตื่นอยู่” พุทธศาสนาจึงเป็นศาสตร์แห่งการตื่น เป็นศาสตร์แห่งการตรัสรู้ หรือรู้แจ้งในความจริงแห่งชีวิต การรู้แจ้งจะเกิดขึ้นได้เมื่อลงมือปฏิบัติตามหนทางหรือมรรควิถีอันถูกต้อง และสอดคล้องกับครรลองของธรรมชาติ มีเพียงจิตตื่นรู้และบรรลุในธรรมที่จะรู้ได้ว่าครรลองแห่งธรรมชาตินั้นเป็นเช่นไร
หลักการของเซน จึงเน้นไปยัง “การตื่นรู้” ผู้ใดอยากรู้เรื่องเซน ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ต้องพาตนเองไปพบเจอกับประสบการณ์ตรงจากเหตุการณ์ต่าง ๆ จนคลายข้อสงสัยที่เคยมีในจิตตน จิตของผู้บรรลุธรรม คือ จิตที่ตื่นจากความหลับใหลและหลงผิด เป็นจิตที่อิสระจากสิ่งร้อยรัดทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นความกลัว ความสุข ความทุกข์ ความสำเร็จ หรือความล้มเหลว ฯลฯ
การตื่นรู้นั้นจะเกิดขึ้นกับ “ความจริง” เท่านั้น และความจริงนั้นต้องเป็นสัจธรรมอันมิเปลี่ยนแปลงไปตามเหตุปัจจัย ความจริงนั้นจะสัมผัสได้จากประสบการณ์จากชีวิตจริงเท่านั้น ความจริงนี้มิอาจเกิดขึ้นจากการรู้ การจำ การเรียน การคิด แต่ต้องเกิดจากการลงมือทำด้วยตนเองเท่านั้น ใครทำ ใครรู้ ใครดู ใครเห็น ใครทำ ใครเป็น ใครก็มิอาจทำแทนได้ มิอาจส่งมอบการรู้แจ้งให้ใครได้
เปรียบเหมือนกับการดื่มชา เมื่อคนผู้หนึ่งได้จิบชา เขารู้สึกพอใจในรสชาติของชาถ้วยนั้น อาจารย์เซนถามว่า “รสชาติของชาเป็นอย่างไรบ้าง ?” เขาพยายามใช้ความจำ ความนึกคิด ใช้ศัพท์แสงทางการพูด เพื่ออธิบายรสชาติของชานั้นออกมาให้ได้มากที่สุด แต่คำพูดเหล่านี้เป็นได้เพียง การอธิบายประสบการณ์ที่เกิดจากการดื่มชาเท่านั้น หาได้เป็นตัวประสบการณ์โดยตรงไม่ ประสบการณ์โดยตรงที่แท้จริงของการดื่มชาไม่อาจอธิบายได้ด้วยคำพูด นอกเสียจากว่าคนผู้นั้นได้รวมเป็นหนึ่งกับชาถ้วยนั้น ไม่มีผู้ดื่มชา ไม่มีชา ไม่มีการให้คุณค่าหรือตัดสินรสชาติใดใด ความรู้สึกเช่นนี้คือปัญญาที่จะนำเราไปสู่ “ความจริงอันจริงแท้”
ประสบการณ์ตรงจากการดื่มชา ต้องเกิดขึ้นขณะที่เรารู้สึกตัวทุกขณะจิต ขณะดื่มชา ตัวเราและรสชาติของชากลายเป็นหนึ่งเดียวกัน เราไม่ได้ถูกแยกออกจากชา ชาคือเรา เราคือชา ไม่มีผู้ดื่ม ไม่มีชาที่ถูกดื่ม เพราะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างผู้ลิ้มรสชากับชาที่ถูกลิ้มรส
ดังคำสอนเซนที่ว่า
“ก่อนที่จะฝึกฝนเซน แม่น้ำก็เป็นแม่น้ำ ขุนเขาก็เป็นขุนเขา แต่เมื่อปฏิบัติเซนแล้ว แม่น้ำมิใช่แม่น้ำ ขุนเขามิใช่ขุนเขา แต่เมื่อบรรลุธรรม แม่น้ำกลับเป็นแม่น้ำ และขุนเขากลับเป็นขุนเขา”
การศึกษาเซนเป็นไปเพื่อให้เห็นจิตเดิมแท้ของตน และใช้จิตเดิมแท้นั้นดำรงชีวิตด้วยความสุขสงบ แจ่มแจ้งเจิดจ้าท่ามกลางกองทุกข์อเนกอนันต์ ดังคนที่นั่งอยู่ในท่ามกลางไฟร้อน แต่มิได้ถูกความร้อนใดแผดเผา
กุญแจเซนดอกนี้มิจำเป็นต้องแสวงหาจากนอกตัว เพราะแท้ที่จริงแล้ว ทุกคนต่างมี “กุญแจ” ที่จะไขปริศนาชีวิตของตนเองอยู่แล้ว อยู่ใน “จิต” ของเราทุกคน
Create Date : 23 กันยายน 2563 |
Last Update : 16 มกราคม 2564 8:13:24 น. |
|
17 comments
|
Counter : 478 Pageviews. |
|
|
|
|
I come back Home !...
เราชอบแนวเซนเช่นกัน ที่เน้นใครทำใครรู้เห็นด้วยตนเอง
ใครก็มิอาจทำแทนได้... อย่างบทเปรียบเทียบ กับการดื่มชา
รสชาติเป็นอย่างไร อยุ่ที่เราผู้ดื่มเองที่จะบอกรู้รสชาติได้
กุญแจเซน หนังสือเล่มนี้ เหมาะที่จะใช้เป็น
กุญแจไขปริศนาชีวิตของตนเอง
ตามบริบทของผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ค่ะ
ขอบคุณค่ะคุณก๋า