<<
มกราคม 2564
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
5 มกราคม 2564

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - พลังแห่งกรุณาคือการเยียวยาสูงสุด ::



:: พลังแห่งกรุณาคือการเยียวยาสูงสุด ::

เขียน : ลามะโซปะ ริมโปเช
แปล : ธีรเดช อุทัยวิทยารัตน์











เมื่อชีวิตต้องพบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เจอกับโรคภัยไม่คาดฝัน
เราจะรับมือกับมันได้อย่างไร ความเชื่อของการรักษาแบบตะวันตก
เป็นโรคร้ายก็ต้องรักษา ต้องทำลายและฆ่าเชื้อโรคให้หมดสิ้นไปจากร่างกาย
เมื่อป่วยต้องกินยา เมื่อเป็นเนื้อร้ายต้องผ่าตัดรักษา อวัยวะส่วนไหนมีปัญหาก็ตัดทิ้งไป

แต่การรักษาโรคในแนวคิดแบบธิเบตโบราณ จะมองย้อนกลับไปถึงต้นทางของโรคภัยไข้เจ็บ
แนวทางการรักษาโรคจึงไม่ได้เริ่มต้นที่ร่างกาย
หากแต่ย้อนกลับไปรักษาที่ “จิตใจ” ก่อนเป็นเบื้องต้น
ความบกพร่องทางกายล้วนเกิดจากความบกพร่องทางใจ
เช่น ความเห็นแก่ตัว ความหลงผิด ความเครียด ความโกรธ
ความพยาบาท ความคิดชั่วคิดร้ายกับคนอื่น ความยึดมั่นถือมั่น ฯลฯ
ทั้งหมด คือ “ความทุกข์” ที่ถูกสะสมไว้ในร่างกายและจิตใจอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
จนลดทอนพลังชีวิตไปเรื่อย ๆ และเกิดความป่วยไข้รูปแบบต่าง ๆ แสดงออกมาในที่สุด


การเยียวยาจึงต้องเริ่มต้นที่การเปลี่ยนแปลงความคิดที่มีกับตัวเอง
ต้องเปลี่ยนมุมมองและความรู้สึกเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บของตนเอง
การเยียวยามีส่วนเกี่ยวข้องกับวิธีคิดเป็นอย่างยิ่ง
การมองโรคว่าเป็นโอกาสในการพัฒนาความเมตตากรุณาในตนเอง
มองว่าความป่วยไข้คือโอกาสในการยกระดับจิตของตนเองเพื่อรู้ทันความเป็นไปของชีวิต
จะนำไปสู่การยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นโดยไม่ฟูมฟายเสียใจหรือหมดหวังกำลังใจในชีวิต


มีตัวอย่างคนไข้จำนวนมากซึ่งเข้ารับการรักษาแพทย์แผนทางเลือกแบบธิเบต
แล้วอาการป่วยหนักที่เผชิญอยู่กลับค่อย ๆ ดีขึ้น
บางคนมีอาการเจ็บปวดน้อยลง บางคนค่อย ๆ ฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น
บางคนเนื้อร้ายที่เป็นกลับมีขนาดเล็กลงหรือหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ
แน่นอน...ปาฏิหาริย์ไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคนที่เข้ารับการรักษาแบบนี้
แต่ส่วนหนึ่ง วิธีการปฏิบัติตนในการรับการรักษาแบบธิเบตโบราณ
คือ การสวดมนตร์ การปล่อยชีวิตสัตว์ การดื่มน้ำมนตร์
การทำพิธีกรรมต่ออายุ การระลึกถึงพระโพธิ์สัตว์ปางต่าง ๆ ฯลฯ
ทั้งหมดเป็นกำลังใจที่สำคัญ เป็นศรัทธาซึ่งเกื้อหนุนให้การรักษาเกิดขึ้นจากภายในจิตใจของผู้ป่วยก่อน
จากนั้นจึงกินยา หรือ เข้ารับการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบันควบคู่กันไปด้วย


ที่สุดแล้วแม้การรักษานี้อาจจะไม่ได้ทำให้คนไข้หายป่วย
แต่การเยียวยาจิตใจ จะทำให้คนไข้เกิดความหวังในการรักษา
มีกำลังใจในการใช้ชีวิต หรือแม้แต่ยอมรับความจริงได้
เพราะรู้แล้วว่าไม่อาจมีใครหนีพ้นความตายไปได้เลยสักคน
การยอมรับความตายที่เกิดขึ้นในชีวิต
ทำให้เกิดสติและรู้ว่าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ในชีวิตอย่างไรให้ดีที่สุด

ความตายไม่ใช่ปัญหา แต่ความคิดของเราที่เกี่ยวกับความตายต่างหากที่สร้างปัญหา
คนกลัวตาย เพราะไม่พร้อมจะปล่อยวางสิ่งต่างๆที่ตนเองยึดถือและแบกรับอยู่
ความห่วงกังวลซึ่งมีต่อคนรัก ครอบครัว สิ่งของที่เสาะแสวงหามาตลอดชีวิต
ตำแหน่งหน้าที่การงาน อำนาจวาสนาที่มี ล้วนสร้างความเจ็บปวด งุนงงสับสน
เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังต้องบอกลาสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ที่ครอบครองอยู่



หนึ่งในวิธีรักษาแบบธิเบต คือ การฝึกภาวนา
หรือการกลับมาอยู่กับจิตของตนในทุกขณะ
การภาวนา คือ การเปลี่ยนแปลงความคิด
คือ การมองความจริงที่ตนเองกำลังเผชิญหน้าอยู่ในแง่บวก
สุขหรือทุกข์เริ่มต้นจากความคิดที่เรามีกับตัวเอง
ทุกสิ่งถูกกำหนดขึ้นจากจิตใจและวิธีคิดของเราเองทั้งสิ้น

การเปลี่ยนปัญหาให้เป็นปัญญา
การเปลี่ยนความทุกข์ให้เป็นความสุข หาใช่เกิดขึ้นได้จากใครอื่น
หากแต่ต้องเป็นตัวเราที่ต้องทำความเข้าใจและยอมรับ
ในทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราให้ได้
ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นการเจ็บป่วยไข้ หรือการสูญเสียพลัดพรากใดใดก็ตาม

การเปลี่ยนความทุกข์และภาวะใกล้ตายให้กลายเป็นวิถีแห่งความรู้แจ้ง
จึงนับเป็นหนทางที่ประเสริฐสุด เปลี่ยนโรคร้ายให้กลายเป็นโอสถในการรักษาชีวิต

การรักษาในแนวทางนี้จึงไม่มุ่งไปยังการรักษาโรคทางกายเพียงอย่างเดียว
แต่จะเข้าไปกำจัดต้นตอสาเหตุที่แท้จริงของโรคร้ายด้วย
นั่นคือ อกุศลกรรม ความหลงผิด หรือวิบากกรรมต่าง ๆ ซึ่งเราเคยได้ก่อไว้ในอดีต


เราสามารถแปรเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นความสุขได้
โดยไม่ต้องหยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำอยู่ เพราะคิดว่ามันคือปัญหา
แต่สิ่งที่เราควรหยุด คือ การหยุดไม่ให้ปัญหาต่างๆ รบกวนความคิดของเรา
เหมือนบางคนป่วย แล้วโทษโชคชะตา โทษสิ่งต่าง ๆ ที่ทำให้ตนเองต้องป่วย
วิธีคิดเช่นนี้คือการนำความทุกข์ไปซ้อนทับความทุกข์ ยิ่งคิด ยิ่งเครียด
ยิ่งเครียดก็ยิ่งซ้ำเติมตัวเองให้ป่วยหนักกว่าที่เป็น
ในขณะที่บางคนป่วยด้วยโรคเดียวกัน อาการเดียวกัน
กลับมองเห็นโรคร้ายว่าเป็นโอกาสในการการเปลี่ยนแปลงตนเอง
เปลี่ยนแปลงวิธีคิดของตนเอง จนถึงขนาดสามารถใช้โรคร้ายของตนเองนั้น
เป็นบทเรียนเพื่อถ่ายทอดประสบการณ์ดีดีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่น ๆ ได้

สิ่งนี้จึงขึ้นอยู่กับมุมมองที่เรามีต่อสถานการณ์อันไม่พึงปรารถนา
เพราะเอาเข้าจริงไม่มีประโยชน์อะไรเลย
ที่จะต้องทำให้ตัวเองกังวลและหวาดกลัวกับโรคภัยไข้เจ็บซึ่งเกิดขึ้น

หากปัญหานั้นแก้ไขได้ เราไม่ควรเป็นทุกข์กับมัน
เพราะถ้าปัญหานั้นมีวิธีแก้ไข เราเพียงแต่ต้องหาวิธีแก้ไขปัญหานั้นให้พบ
แต่หากมันเป็นปัญหาซึ่งแก้ไขไม่ได้ จะมีประโยชน์อะไรที่จะไปทุกข์กับมัน
สิ่งที่ต้องทำ คือ การยอมรับความจริง
และเดินหน้าไปพร้อม ๆ กับความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิต

สำหรับคนที่ยังแข็งแรง ย่อมไม่คิดถึงความป่วยไข้
ยังคงใช้ชีวิตได้ด้วยดีมีความสุข มีความหวัง มีพลัง
ที่จะทำสิ่งต่าง ๆ จนบางครั้งก็ทำให้เราหลงลืมและประมาท
เพราะเข็มนาฬิกาชีวิตนั้นเดินทางอย่างซื่อสัตย์
ความตายเดินทางเข้ามาใกล้ตัวเราและคนที่เรารักในทุกวินาที
โรคร้ายก็เช่นกัน มันซุ่มอย่างสงบในร่างกายเราเพื่อรอวันเผยตัว

ไม่มีใครอยากป่วย ไม่มีใครอยากแก่ ไม่มีใครอยากเจ็บ ไม่มีใครอยากตาย
แต่มีใครกันเล่าที่จะหนีพ้นสัจธรรมแห่งความเป็นจริงนี้ได้

ไม่อยากรู้ ก็ต้องรู้ ไม่อยากป่วย ก็ต้องป่วย ไม่อยากตาย ก็ต้องตาย
แต่เราจะรับมือกับทุกสิ่งซึ่งกำลังเคลื่อนเข้าสู่ชีวิตได้อย่างไร
มีเพียงการฝึกฝนตนด้วยสติ ด้วยการยอมรับความจริง
ด้วยความเข้าใจในความเป็นจริงแห่งชีวิตเท่านั้น
ที่จะทำให้เรามีชีวิตอยู่และจากไปอย่างงดงาม

สิ่งนี้ใครก็ไม่อาจทำให้เราได้
เพราะใครทำ ใครรู้ ใครได้
ใครเลือกหนทางได้ถูกต้อง
จุดหมายสุดท้ายของชีวิตก็งดงาม













































 

Create Date : 05 มกราคม 2564
32 comments
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:56:42 น.
Counter : 411 Pageviews.

 


ขอขอบคุณครับคุณก๋าที่แวะไปทักทาย

 

โดย: ธนูคือลุงแอ็ด 5 มกราคม 2564 6:45:56 น.  

 

เอาใจช่วยชาวเชียงใหม่ด้วยครับ
โคขวิด ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าติดตาม
ผมเอาวิกฤตเป็นโอกาสครับคุณก๋า
ขอเป็นกำลังให้ครับ

 

โดย: ธนูคือลุงแอ็ด 5 มกราคม 2564 6:58:35 น.  

 

ขอเป็นแรงใจและกำลังให้ครับคุณก๋า

 

โดย: ธนูคือลุงแอ็ด 5 มกราคม 2564 6:59:54 น.  

 

การเยียวยาจิตใจ
จะทำให้คนไข้เกิดความหวังในการรักษา
มีกำลังใจในการใช้ชีวิต
หรือแม้แต่ยอมรับความจริงได้


อยากให้คนป่วย หรือคิดว่าตัวเองป่วยได้อ่าน entry นี้ของคุณก๋า

จะช่วยตอบ บรรเทาความเจ็บปสด
ปาฎิหารเกิดขึ้นได้ไม่ทุกคน
แต่เฉพาะบางคน

 

โดย: เริงฤดีนะ 5 มกราคม 2564 7:57:37 น.  

 

หวัดดีคุณก๋า
พอเห็นลามะเท่านั้นแหละ
ไม่กล้าอ่านเลยคุณก๋า

 

โดย: หอมกร 5 มกราคม 2564 7:58:29 น.  

 

สวัสดีค่ะ

 

โดย: kae+aoe 5 มกราคม 2564 8:39:54 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะคุณก๋า
อ่านแล้วแชร์แบบสรุปเช่นนี้ ดีจัง
เหมาะมากๆกับทั้งผู้ที่ป่วยและไม่ป่วย
"ทุกสิ่ง มาจากจิตใจ"

 

โดย: Tui Laksi 5 มกราคม 2564 9:04:32 น.  

 

อย่างเกมทีมรักเมื่อคืน ...แพ้บางก็ได้ (ว่ะ)ค่ะ !
นั่นจิจริงอย่างคุณก๋าว่า...การรักษาแชมป์ยากกว่าจริงๆ

 

โดย: Tui Laksi 5 มกราคม 2564 9:07:22 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า ผมเห็นปกหนังสือพิมพ์ครั้งที่ 2

อิจฉาที่ เขาได้รับความนิยมในการอ่านเป็นเล่ม.. ปัจจุบันยาก
มากที่จะพิมพ์เป็นเล่ม อีบุ๊คคงพอไหวมั้ง

...
แต่ท่านลามะ ข้างบนบอกว่า ความมี กรุณา เยียวยา คงใช่
นะผมว่า คนได้รับความกรุณาย่อมมีกำลังใจ คนให้ความกรุณา
ก็มีความสุขใจไปด้วย

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 5 มกราคม 2564 9:45:04 น.  

 

ถ้าพูดถึงโรคภัยนี่ มะเร็ง เป็นสาเหตุการตาย อันดับ 1

แต่เหนืออื่นใด คนเราตายด้วย อุบัติเหตุ ไม่ใช่น้อยๆ

ปีใหม่ สงกรานต์ อุตส่าห์ระวังตัวแทบตาย การ์ดไม่มีตก รอดจากโควิด แต่มาตายด้วยอุบัติเหตุ พริบตาเดียว ก็ตายได้ ไม่ต้องลุ้น เหมือน มะเร็ง เหมือนโควิด

เพราะฉะนั้น ยามนี้ ต้องใช้ชีวิต อย่างระมัดระวัง มีสติ ไม่ประมาท จะรอเงินเยียวยา ก็ช้า 555
รอความกรุณา ก็ ไม่รู้เมื่อไร จะมา
ยามนี้ ตนเป็นที่พึ่งของตนเอง ดีที่สุดนะครับ



 

โดย: multiple 5 มกราคม 2564 10:45:35 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า

การเยียวยาทางจิตใจช่วยปลอบประโลมและต่ออายุคนเราได้จริงแท้ที่สุดครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 5 มกราคม 2564 12:36:26 น.  

 

สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๔ ครับ

 

โดย: **mp5** 5 มกราคม 2564 13:32:37 น.  

 

เยียวยาจิตใจ แต่ถ้าไม่มีเงินก็ลำบากนะครับ ใจสงบได้ยากแน่ๆ ส่วนอาการป่วยผมมองว่าตอนนี้คนป่วยกันหมดแล้วครับ&^^

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 5 มกราคม 2564 13:32:58 น.  

 

จิตใจที่แข็งแรงทำให้ร่างกายฟื้นฟูเร็วด้วยนะครับ
เห็นมาหลายเคสมากที่ดีขึ้น หรือสู้กับการรักษาต่อไปได้
หรือถ้าไม่ได้ไม่ดี ก็ทำให้ช่วงเวลาสุดท้ายเป้นช่วงเวลาที่มีความสุขและมีความหวัง มันดีกว่าอยู่แบบสิ้นหวังแน่ๆ

 

โดย: จันทราน็อคเทิร์น 5 มกราคม 2564 14:43:58 น.  

 

จิตใจเป็นส่วนสำคัญ เราต้องดูแลรักษาจิตใจให้ดี ถ้าร่างกายดี แต่จิตใจหม่นหมอง ก็ไปได้ง่ายๆ นะคะ

 

โดย: comicclubs 5 มกราคม 2564 14:44:48 น.  

 

มาประเดิมโหวตแรกแห่งปีค่ะ
กรุณาคือความสงสาร คิดช่วยให้พ้นทุกข์
ถือว่าเป็นเมตตาธรรมอันประเสริฐ
หาสามารถกรุณาคนที่เราไม่ชอบ
เพราะเขาไม่เคยดีกับเราแต่เขามีทุกข์
ก็จะยิ่งได้บุญมาก

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 5 มกราคม 2564 14:49:56 น.  

 

ดีจังเลยค่ะ น่าอ่านมาก มีความสุขปีใหม่นะคะพี่ก๋า

 

โดย: sawkitty 5 มกราคม 2564 15:44:18 น.  

 

เข้ามาส่งกำลังใจครับ

 

โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา 5 มกราคม 2564 16:11:02 น.  

 

พลังใจ ผมว่าสำคัญที่สุดจริง ๆ ครับ ช่วยทำให้เรื่องบางเรื่องจากยากกลายเป็นง่ายได้
เมื่อคืนเซาแธมตันเล่นดีเลยครับ ลิเวอร์พูลพากันฟอร์มตกกันหมด โดยเฉพาะกองหน้า บอลลูกกลม ๆ ก็แบบนี้ละครับ

 

โดย: The Kop Civil 5 มกราคม 2564 16:30:55 น.  

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น .. การไม่มีโรค ก็คือลาภอันประเสริฐอย่างแท้จริงค่ะ

ปล. อากาศเย็นมา น้องแว้นมาทำงาน อาการแพ้อากาศก็มาเลยค่ะพี่
แถมจิตตกว่าจะเป็นโควิดอีกไหมอีก ปวดกะบาลแท้ค่ะ

 

โดย: nonnoiGiwGiw 5 มกราคม 2564 17:49:22 น.  

 

สวัสดีปีใหม่พี่ก๋า และครอบครัวด้วยค่ะ

 

โดย: mariabamboo 5 มกราคม 2564 18:40:22 น.  

 

ทำทุกๆ วันให้มีความหมาย
...
อันนี้ซึ้งดีค่า

 

โดย: พระจันทร์สีม่วงง่วงๆ สม่ำเสมอ 5 มกราคม 2564 20:10:32 น.  

 

อ.เต๊ะ แวะมาโหวตให้นะครับ
มาถึงบ้าน จะไปเฉยๆก็ไม่ใช่ อ.เต๊ะ แล้วละครับ

คุยเรื่องหลาน หมิงหมิง เรียนออนไลน์ ก็ดีเหมือนกันนะครับ
ฝึกความรับผิดชอบ เพราะไม่มีครู คอยมาคุมเหมือนที่ รร. 555

แต่เพื่อนบ้าน อ.เต๊ะ เมื่อเช้าได้ยินเค้าคุยโทรศัพท์กับครูเสียงลั่น

ได้ความว่า ครูโทรมาทวงการบ้าน ลูกชาย
แม่เลย ฟ้องครูไปชุดใหญ่ ว่าลูกเอาแต่เล่นเกมส์ทั้งวัน
ข้าวปลา ไม่ได้กิน นี่เดี๋ยวต้องไปนั่งป้อนข้าว ป้อนน้ำมันอีก
กลัวมันตาย
เพราะมันไม่ยอมเลิกเล่นเกมส์ ส่วน เรื่องการบ้านของครูอะ ฝันไปเหอะ 555

 

โดย: multiple 5 มกราคม 2564 20:19:15 น.  

 




กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ผู้รักษาประตูทีมชาติไทย
จะเดินทางกลับไปค้าแข้งกับ OH Leuven
ต้นสังกัดที่แท้จริงในประเทศเบลเยี่ยม
เมื่อไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับทีมไหนได้


แป่ว!!

 

โดย: เริงฤดีนะ 5 มกราคม 2564 20:21:04 น.  

 

หนังสือน่าสนใจมากๆครับ
จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว จิตสำคัญที่สุด
สมัยทำงานใหม่ๆ คนไข้ต้องการเอ็กซเรย์ จากเจ็บหน้าอก
เอ็กซเรย์เสร็จ คนไข้บอกหายเจ็บอกแล้ว

 

โดย: สองแผ่นดิน 5 มกราคม 2564 21:16:47 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

การแนะนำหนังสือของวันนี้ ถือเป็นการเขียนข้อคิดเกี่ยวกับ
เรื่องความเจ็บป่วยที่สัมพันธ์กับจิตใจ อ่านแล้วให้ข้อคิดดีมากทีเดียว
เป็นบทความที่มีประโยชน์ ให้ข้อคิดทั้งคนป่วยและคนธรรมดาทั่วไป
(เพื่อใช้เตือนสติตอนป่วย)

ครูเห็นด้วยและบอกเธอเสมอว่า เรื่องของ จิตใจและเรื่อง
ของสติ สองตัวนี้ เป็นความสำคัญของชีวิตที่คนเราต้องมีไว้เสมอ
เพราะจิตใจที่เข้มแข็ง ย่อมอยู่ในร่างกายที่แข็งแรง จ้ะ โรคหลายโรค ที่คนไข้มีกำลังใจ การรักษาทางกายก็ดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่
เป็นโรคร้าย อย่างเช่นมะเร็ง พอรู้เท่านั้น จิตก็ตก การรักษาก็ไม่ได้ผลดี ตายเร็วกว่าที่หมอกำหนดก็มี ต่างกับคนที่จิตเขาเข้มแข็ง
เห็นความเจ็บป่วยเป็นเรื่องธรรมดา การตายเป็นเรื่องที่ทุกคนต้อง
พบเจอ การรักษาย่อมได้ผลดีมากกว่าคนที่จิตใจอ่อนแอ ดังที่เรา
ได้ยินได้ฟังได้เห็นมา เนาะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 5 มกราคม 2564 21:19:42 น.  

 

แม่นเจ้า
วันนี้มาใจ้โหมดเจ้า

 

โดย: tuk-tuk@korat 5 มกราคม 2564 21:24:12 น.  

 

เขียนได้ดีค่ะ

 

โดย: mcayenne94 5 มกราคม 2564 22:41:23 น.  

 

ทุกสิ่งถูกกำหนดขึ้นจากจิตใจและวิธีคิดของเรา
ยอมรับความจริงและเดินหน้าไปพร้อมๆกับความจริงที่เกิดขึ้นกับชีวิต

ข้อคิดดีๆจากการแนะนำหนังสือของคุณก๋าเป็นประโยชน์มากค่ะ
ขอบคุณคุณก๋ามากนะคะ

 

โดย: Sweet_pills 5 มกราคม 2564 23:53:23 น.  

 


สวัสดีค่ะน้องก๋า

พลังความกรุณาคือเยียวยาสูงสุด

 

โดย: newyorknurse 6 มกราคม 2564 0:08:46 น.  

 

ขอเป็นกำลังใจให้อีกครับ ในยามนี้ คุณก๋าครับ
ผมมี"ฝัน"ในกาลวันหน้า ผมจะไปท่องเที่ยวเมืองของคุณก๋าอีกครั้ง
ไปครั้งนี้ ผมจะไปแบบไปให้ถึงถิ่นจริงๆ"ด้วยรถบ้านในฝัน"
เมืองเชียงใหม่นั้น เป็นสังคมเมืองการมีน้ำใจให้ต่อกัน"จากที่พบมา"
ฉนั้นก่อนที่ผมจะหมดแรง ผมตั้งเป้าหมายไว้เป็นอันดับแรกๆครับครับ

 

โดย: ธนูคือลุงแอ็ด 6 มกราคม 2564 3:27:40 น.  

 

สวัสดีตอนสายครับคุณก๋า

ระยะนี้มีแต่ข่าวหนัก และข่าวบางอย่างเละ... ไม่รู้ข่าวจริงเท็จ
แค่ไหน

กทม.ให้หยุดขาย/กินในร้าน 19.00 น. ไม่กี่ ชม.ลุงกลับให้
หยุดนั่งกินที่้ร้าน 21.00 น. ก็โอเค กทม.คงหน้าแตก

...
คำสั่งบางอย่างไม่เด็ดขาด แทงกั๊๋กแบบนักการเมืองใช้เด๊ะ
เพื่อนจะไปโอนที่ดินที่ประจวบ โทรไปว่าไปได้
ตอนเช้าวันเดินทางโทรไปเช็ค ทางโน้นกลับบอกว่า ไป
ได้แต่ต้องกักตัว 14 วัน อ้าว..

ผมว่า ราชการบางจุดยังไม่รู้จะไปทางไหน อยู่ที่การตีความ
ปิดเหมือนไม่ปิด... แต่อยากปิดเหมือนให้เปิด งง..ใช่ปะ
มันก็น่า งง แหละ 555

...
ที่ตลาดวัดตะก่ำ ตลาดสีบุญเรืองแถวบ้านผม ๆ ไปซื้ออาหารบ่อย.. เพื่อนบอกว่า เจอโควิดร้านขายส่งน้ำดื่ม น้ำเมาหรืออะไรพวกนั้น

อีกไม่กี่ ชม. ก็มีภาพ จนท.ปิดตลาดล้างตลาด... สงสัย
น่าจะจริงซะมั้ง

ตอนนี้อยู่บ้านดีทีึ่สุด สงสัยต้องเก็บผักบุ้ง ยอดตำลึง
กะถินแถวบ้านกิน แบบคุณวสันต์ เบ็นซ์ทองหล่อว่าซะมั้ง
เมื่อวานเลยเข้าห้าง ซื้อหมูบด ซี่โครง ขาหมูเผา กับอย่างอื่น
เก็บไว้ในตู้เย็น จะได้ไม่ต้องออกนอกบ้าน

เพื่อน ๆ ที่ดนตรี เงียบหงอยกันเป็นแถว ไม่กล้าไปไหนกัน
ดู ๆ กันไปครับ 555

หัวเราะขื่น ๆ

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 6 มกราคม 2564 8:26:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]