:: กะก๋าแนะนำหนังสือ : ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง [2] ::
:: ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง [2] ::
เขียน : Elisabeth Kubler-Ross & David Kessler แปล : นุชจรีย์ ชลคุป
ผมชอบเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้
เด็กชายวัยเก้าขวบคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งมานานถึงหกปี เด็กชายยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้แล้ว หนูน้อยรู้ว่าตัวเองป่วยหนักและไม่มีวันหายจากโรคร้ายนี้ Elisabeth Kubler-Ross ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับเด็กชาย วันหนึ่งเขาชวนเธอไปบ้านของตัวเอง เด็กชายร้องขอให้พ่อนำจักรยานที่แขวนอยู่ในโรงรถออกมา มันถูกแขวนไว้นานสามปีแล้ว ความฝันของเด็กชายคือการได้ขี่จักรยานไปรอบ ๆ ตึก เขาขอให้พ่อใส่ล้อเล็ก ๆ สองข้างล้อหลังเพื่อช่วยพยุงรถ ก่อนที่เขาจะปั่นจักรยานออกไป เด็กชายหันมาบอกกับเธอว่า
ผมขอให้คุณช่วยจับแม่ไว้ด้วยฮะ
ผู้เป็นแม่ซึ่งรักลูกอย่างสุดหัวใจ ต้องการปกป้องลูกไว้จนสาระสุดท้าย คงอยากวิ่งตามลูก คอยประคองลูกไม่ให้ล้ม แต่ในวินาทีนั้น....เด็กชายอยากทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน เขาพยายามทำภารกิจสุดท้ายของชีวิตด้วยตัวเอง
ขณะที่ทุกคนรอเด็กน้อยปั่นจักรยานกลับมาด้วยความกังวล มันเหมือนช่วงเวลาอันยาวนานไม่สิ้นสุด ในที่สุดเด็กชายก็กลับมาในสภาพกระปลกกระเปลี้ย ทรงตัวแทบไม่อยู่ ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาปั่นจักรยานได้ เด็กชายยิ้มด้วยความดีใจ หนูน้อยขอให้พ่อถอดล้อพยุงรถออก และสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายกับพ่อว่า เขาอยากมอบจักรยานคันนี้เป็นของขวัญให้กับน้องชายที่เรียนอยู่ชั้น ป.1
-------------------------------
หลายครั้งในชีวิต มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เราอยากทำ แต่ไม่ทำ --- ไม่ได้ทำ --- เลือกที่จะไม่ทำ ด้วยข้ออ้าง หรือ เหตุผลมากมาย เราคิดว่าชีวิตยืนยาว มีโอกาสมากมายรออยู่ และมีเวลาแก้ตัวสำหรับทุกความล้มเหลวที่เกิดขึ้น แต่ความจริงของชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น.... บางครั้งเราอาจเหลือเวลาไม่มากพอที่จะทำในทุกสิ่งที่อยากทำ ไม่มีโอกาสที่จะได้บอกรัก หรือแม้แต่ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองต้องการ
ผู้ป่วยระยะสุดท้ายหลายคนตอบคำถามน่าสนใจมาก เขาตอบว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็ยังเลือกที่จะเจ็บป่วยแบบนี้ เพราะสิ่งที่อยากทำมากกว่าการหายป่วย คือ การทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ไปในที่ที่ตัวเองอยากไป บอกรักกับคนที่ตนรัก และ ไม่อยากเสียเวลากับสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิตเหมือนที่ผ่านมา
ความเจ็บป่วยและสภาวะใกล้ตาย ทำให้คนเหล่านั้น ได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ได้ตรวจสอบความคิด ความเชื่อ ความฝัน และความศรัทธาที่มีของตนเอง ได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตนเอง
--------------------------------------
มันไม่เพียงเป็นเรื่องทำใจได้ยากสำหรับผู้ป่วยเท่านั้น คนรอบข้างและคนในครอบครัวของผู้ป่วยก็ทำใจยากไม่แพ้กัน ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดนี้เท่าเทียมกัน
ไม่ง่ายที่จะผ่านความตายและความสูญเสียไปได้อย่างเข้มแข็ง ไม่ง่ายที่จะทำใจให้ยอมรับและเข้าใจในสัจธรรมแห่งความเป็นจริงนี้
ใช่ --- เรารู้ว่าทุกคนล้วนต้องตาย ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้เลย
แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงไม่ว่าจะกับคนที่เรารัก หรือแม้แต่กับตัวเอง มันกลับเป็นสภาวะที่น่าอึดอัดคับข้องใจ เต็มไปด้วยความกลัว ความหวาดผวาในจิตใจ
เราจะจากไปเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร มีใครรู้ได้ ? รู้ก็ต่อเมื่อเกิด เกิดแล้วจะทำอย่างไรได้ นอกจากยอมรับความจริง
ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง --- แล้วคุณล่ะ คิดไหมว่าชีวิตสอนอะไรตัวคุณบ้าง และบทเรียนนั้น....สำคัญอย่างไรสำหรับคุณ
Create Date : 24 กรกฎาคม 2561 |
Last Update : 1 มีนาคม 2562 9:53:40 น. |
|
25 comments
|
Counter : 1087 Pageviews. |
|
|
|
|
เค้าได้ทำตามความฝันในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
การรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตนเองแล้วลงมือทำ
ก่อนที่เวลาของชีวิตจะหมดลงเป็นเรื่องสำคัญ
หนังสือให้ข้อคิดที่ดีมากค่ะคุณก๋า