<<
กรกฏาคม 2561
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
24 กรกฏาคม 2561

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ : ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง [2] ::



:: ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง [2] ::

เขียน : Elisabeth Kubler-Ross & David Kessler
แปล : นุชจรีย์ ชลคุป













ผมชอบเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งในหนังสือเล่มนี้


เด็กชายวัยเก้าขวบคนหนึ่งป่วยเป็นมะเร็งมานานถึงหกปี
เด็กชายยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเองได้แล้ว
หนูน้อยรู้ว่าตัวเองป่วยหนักและไม่มีวันหายจากโรคร้ายนี้
Elisabeth Kubler-Ross ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้มีโอกาสได้พูดคุยกับเด็กชาย
วันหนึ่งเขาชวนเธอไปบ้านของตัวเอง
เด็กชายร้องขอให้พ่อนำจักรยานที่แขวนอยู่ในโรงรถออกมา
มันถูกแขวนไว้นานสามปีแล้ว
ความฝันของเด็กชายคือการได้ขี่จักรยานไปรอบ ๆ ตึก
เขาขอให้พ่อใส่ล้อเล็ก ๆ สองข้างล้อหลังเพื่อช่วยพยุงรถ
ก่อนที่เขาจะปั่นจักรยานออกไป เด็กชายหันมาบอกกับเธอว่า

“ผมขอให้คุณช่วยจับแม่ไว้ด้วยฮะ”

ผู้เป็นแม่ซึ่งรักลูกอย่างสุดหัวใจ ต้องการปกป้องลูกไว้จนสาระสุดท้าย
คงอยากวิ่งตามลูก คอยประคองลูกไม่ให้ล้ม
แต่ในวินาทีนั้น....เด็กชายอยากทำในสิ่งที่ตัวเองใฝ่ฝัน
เขาพยายามทำภารกิจสุดท้ายของชีวิตด้วยตัวเอง

ขณะที่ทุกคนรอเด็กน้อยปั่นจักรยานกลับมาด้วยความกังวล
มันเหมือนช่วงเวลาอันยาวนานไม่สิ้นสุด
ในที่สุดเด็กชายก็กลับมาในสภาพกระปลกกระเปลี้ย ทรงตัวแทบไม่อยู่
ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาปั่นจักรยานได้ เด็กชายยิ้มด้วยความดีใจ
หนูน้อยขอให้พ่อถอดล้อพยุงรถออก และสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้ายกับพ่อว่า
เขาอยากมอบจักรยานคันนี้เป็นของขวัญให้กับน้องชายที่เรียนอยู่ชั้น ป.1




-------------------------------




หลายครั้งในชีวิต มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เราอยากทำ
แต่ไม่ทำ --- ไม่ได้ทำ --- เลือกที่จะไม่ทำ
ด้วยข้ออ้าง หรือ เหตุผลมากมาย
เราคิดว่าชีวิตยืนยาว มีโอกาสมากมายรออยู่
และมีเวลาแก้ตัวสำหรับทุกความล้มเหลวที่เกิดขึ้น
แต่ความจริงของชีวิตไม่ได้เป็นเช่นนั้น....
บางครั้งเราอาจเหลือเวลาไม่มากพอที่จะทำในทุกสิ่งที่อยากทำ
ไม่มีโอกาสที่จะได้บอกรัก หรือแม้แต่ทำสิ่งต่าง ๆ ที่ตัวเองต้องการ

ผู้ป่วยระยะสุดท้ายหลายคนตอบคำถามน่าสนใจมาก
เขาตอบว่าถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ก็ยังเลือกที่จะเจ็บป่วยแบบนี้
เพราะสิ่งที่อยากทำมากกว่าการหายป่วย
คือ การทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ
ไปในที่ที่ตัวเองอยากไป บอกรักกับคนที่ตนรัก
และ ไม่อยากเสียเวลากับสิ่งที่ไม่สำคัญในชีวิตเหมือนที่ผ่านมา

ความเจ็บป่วยและสภาวะใกล้ตาย ทำให้คนเหล่านั้น
ได้มีโอกาสทบทวนตัวเอง ได้ตรวจสอบความคิด ความเชื่อ ความฝัน
และความศรัทธาที่มีของตนเอง
ได้รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตนเอง




--------------------------------------





มันไม่เพียงเป็นเรื่องทำใจได้ยากสำหรับผู้ป่วยเท่านั้น
คนรอบข้างและคนในครอบครัวของผู้ป่วยก็ทำใจยากไม่แพ้กัน
ได้รับผลกระทบจากความเจ็บปวดนี้เท่าเทียมกัน

ไม่ง่ายที่จะผ่านความตายและความสูญเสียไปได้อย่างเข้มแข็ง
ไม่ง่ายที่จะทำใจให้ยอมรับและเข้าใจในสัจธรรมแห่งความเป็นจริงนี้

ใช่ --- เรารู้ว่าทุกคนล้วนต้องตาย
ไม่มีใครหนีพ้นความตายไปได้เลย

แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงไม่ว่าจะกับคนที่เรารัก
หรือแม้แต่กับตัวเอง
มันกลับเป็นสภาวะที่น่าอึดอัดคับข้องใจ
เต็มไปด้วยความกลัว ความหวาดผวาในจิตใจ

เราจะจากไปเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร
มีใครรู้ได้ ? รู้ก็ต่อเมื่อเกิด
เกิดแล้วจะทำอย่างไรได้
นอกจากยอมรับความจริง

ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง --- แล้วคุณล่ะ
คิดไหมว่าชีวิตสอนอะไรตัวคุณบ้าง
และบทเรียนนั้น....สำคัญอย่างไรสำหรับคุณ

















































































Create Date : 24 กรกฎาคม 2561
Last Update : 1 มีนาคม 2562 9:53:40 น. 25 comments
Counter : 1087 Pageviews.  

 
เด็กชายเข้มแข็งมาก มีสติ ยอมรับความจริงและมีน้ำใจนะคะ
เค้าได้ทำตามความฝันในช่วงสุดท้ายของชีวิตแล้ว
การรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับตนเองแล้วลงมือทำ
ก่อนที่เวลาของชีวิตจะหมดลงเป็นเรื่องสำคัญ
หนังสือให้ข้อคิดที่ดีมากค่ะคุณก๋า


โดย: Sweet_pills วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:6:42:04 น.  

 
ขอบคุณที่ให้ข้อคิดดีๆ ค่ะ คุณกะว่าก๋า


โดย: Rananrin วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:7:10:52 น.  

 
ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง
ข้อคิดดีๆจากหนังสือเล่มนี้

vote ค่ะ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:7:41:04 น.  

 
ในแต่ละชีวิต ของแต่ละคน

มีบทเรียนให้เรียนรู้มากมายจริงๆค่ะ

แต่อยู่ที่ว่าใครจะเรียนรู้และพัฒนา

อะไรได้เท่าไหร่เนาะ





โดย: ยังไงก็ได้ว่ามาเลย วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:8:10:59 น.  

 
อ่านแล้วประทับใจในความมุงมั่นของเด็กชายผู้นั้น
ในที่สุดเค้าก็ทำในสิ่งที่อยากทำจนได้
ชีวิตคนเราสั้นจริงๆ นึกคิดอยากทำอะไรก็ควรลงมือตั้งแต่ตอนที่ยังดีๆอยู่
เพราะไม่รู้ว่าวันหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เรานี่ก็หวัดเล่นงาน งอมอีกแล้วค่ะ




โดย: mambymam วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:8:32:37 น.  

 
เด็กชาย ช่างสังเกต...รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร.. รู้ว่าแม่ห่วงใย
แต่ก็ขอให้คนอื่น ช่วยกันมิให้แม่มาใกล้..

เขาจะได้แข็งแรง

นั่งแล้วนึกถึง โฆษณาในไทย กับ ชีวิตคนต่างชาติ

ไทยนี่ แม่ปกป้องลูก จากเชื้อโรค คอยซักผ้าให้ รถล้มไปปัด
เศษใบไม้ออกจาก หัวเข่าเด็ก

ตปท. ภาพข่าวหรือในหนัง... เห็นเด็กล้ม พ่อกับแม่มองเฉยๆ
เด็กค่อย ๆ ยันตัวขึ้น พ่อกับแม่ ปรบมือให้..

เขาสอนให้สู้

ถ้ามีหนังสือแบบข้างบนนี่ดีเลยครับ อ่านแล้วคิด..หาข้อเปรียบเทียบ.. เจริญสมองดีครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:9:56:58 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ
ขอบคุณสำหรับบทความดีๆ ที่มอบให้กับชีวิตของหลายๆ ท่านค่ะ


โดย: นักผจญภัยมือใหม่ วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:10:42:38 น.  

 
สวัสดียามสายๆ ค่า พี่ก๋า

ก็จริงอย่างที่พี่ก๋าบอกนะคะ
แต่ก็เพราะสาเหตุนั้นเหมือนกันที่ทำให้
ประเทศของเราถึงเป็นแหล่งผลิตใบปริญญา
ที่ไร้คุณภาพน่ะค่ะ

คือมีผู้คนถือใบปริญญาจำนวนมหาศาล
ที่ไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ ไร้คุณวุฒิ
เดินเพ่นพ่านทั่วประเทศน่ะค่ะ

จบตรีปีนึงๆ เป็นล้านคน จบโท ปีนึงๆ
ก็เป็นแสนๆ คน แต่จะมีสักกี่คน ที่มีความรู้
ความสามารถสมบูรณ์คู่ใบปริญญาจริงๆ

แม้แต่กระบวนการทำวิจัยแต่ละขั้น แต่ละตอน
ทำอย่างถูกต้อง ถูกกฎหมายจริงๆ หรือไม่?
ก็ไม่มีใครทราบ การจ้างเพื่อให้ตัวเองจบ
อาจจะดูไม่ใช่ความผิดที่ร้ายแรงนะคะ
แต่คนที่เราไปจ้างเขาทำ เขาทำอย่างถูกต้องหรือไม่
เขาได้ไปซื้อแบบสอบถามจาก ตปท. ทุกใบ
หรือไม่? ซึ่งโดยสันดารไทยแท้ คือ ไม่ซื้อค่ะ
แบบสอบถามแต่ละชุดมีราคาต่างกัน
คิดราคาเป็น 1 ชุด ต่อ 1 คนที่ทำการประเมินค่ะ
การทำวิจัยประเมินแล้วแต่จำนวนกลุ่มตัวอย่าง
ต่ำๆ ก็ 100-300 ชุด จะมีสักกี่คนที่จ่ายเงินจริงๆ
ถ้าหากเจ้าของแบบประเมิน มาเรียกร้องค่าเสียหาย
จะมีคนจ่ายกี่คน จะมีคนชักดาบกี่คน วุ่นวายแน่ๆ ค่ะ
ประเทศเราถึงผลิตออกมาได้แต่ใบปริญญา
ที่จบมาทั้งที่ทำผิดกฎหมายและชักตาบเต็มไปหมด
แบบนี้ล่ะค่ะ

ปีหนึ่งๆ แค่เฉพาะที่เหม่งจบมา รุ่นนึงมี 60 คน
งานวิจัยที่มีคุณภาพ ถ้านับรุ่นเหม่ง มีแค่ 5 คน
ส่วนที่เหลือ เป็นงานที่ด้อยคุณภาพ
นำไปใช้อ้างอิงที่ไหนก็ไม่ได้ ไม่มีประโยชน์ใดๆ
ต่อสังคมแม้แต่ชิ้นเดียว กลุ่มนี้จ้างเพื่อจบ
ตกออกกลางทางอีก 10 ไม่จบเพราะรอลอก
ผลงานวิจัยอีก 10 พอจะมองเห็นภาพรวมไหมคะ
ว่าปีหนึ่งๆ ประเทศเรามีคนมีคุณภาพจริงๆ
จบมาสักกี่คน ความเป็นจริง แทบจะไม่ถึง 8% ค่ะ
ก่อนทำวิจัย เหม่งอ่านทั้งหมดในห้องสมุดคณะ
300 กว่าเล่ม มีงานวิจัยที่มีคุณภาพมากพอแค่ 3 เล่ม
คัดงานพวกนี้ไม่ยากเลยค่ะ 300+ เล่มใช้เวลาไม่ถึง
ชั่วโมงเดียวก็อ่านจบทั้งหมดแล้ว
ส่วนของ ตปท. ที่เขาพัฒนาแล้วนั้น เป็นตรงข้ามค่ะ
งานวิจัยด้อยคุณภาพ มีค่ะ แต่เป็น 5-10%
ของผู้ที่เข้าศึกษาเท่านั้น แตกต่างกันนะคะ

มันเลยทำให้ประเทศเรา เป็นประเทศด้อยพัฒนา
อย่างทุกวันนี้นี่แหละค่ะ คุณภาพการศึกษาตกต่ำ
ใบปริญญาที่เป็นแค่เศษกระดาษ เพราะผู้ถือ
ไร้ซึ่งคุณสมบัติที่เหมาะสมกับใบปริญญานั้น

จริงๆ จะมองมุมไหน หรือใครจะคิดยังไงก็ไม่ผิดนะคะ
เพียงแต่ว่า ในมุมเหม่ง เหม่งคิดว่า ผลกระทบของมัน
ค่อนข้างรุนแรงต่อระบบการศึกษาไทยในระยะยาวค่ะ


โดย: Princezz Matcha Latte วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:11:05:29 น.  

 
เราพร้อมตายนะคุณก๋า

อย่างที่บอก กลัวเจ็บอย่างเดียว ถ้าตายโดยไม่เจ็บ มาได้เลยค่ะ พร้อมตาย

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:11:43:29 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Sweet_pills Food Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog

เล่มนี้ดีจริงเลยเนาะน้องก๋า


โดย: อุ้มสี วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:12:11:37 น.  

 
เป็นหนังสือที่ช่วยเรียนกสติเราได้ดีจริง ๆ ค่ะ หลาย ๆ ข้อรู้อยู่แล้วแต่มักมองข้าม


โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:12:53:29 น.  

 
อ่านวันนี้แล้วรู้สึกปลงอีกครั้งนะครับ
บางคนกว่าจะรู้ตัวก็ก่อนตายนี่ละครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:13:10:41 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

ต่างคนต่างวิถีชีวิต
ต่างประสบการณ์
ต่างสุขต่างทุกข์
ไม่มีอะไรเหมือนกัน
ตนรู้ตน ไม่มีใครช่วยใครได้จริงๆนะคะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:13:43:52 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณก๋า

ดื่มน้ำเยอะ ได้นอนพัก ค่อยยังชั่วหน่อยแล้วค่ะ



โดย: mambymam วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:15:24:11 น.  

 
มาอ่านต่อครับ
ขอบคุณครับคุณก๋าที่สรุปมาให้อ่าน
สามารถเอามาปรับใช้ได้ครับ


โดย: Insignia_Museum วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:15:30:04 น.  

 
พ่อแม่เลี้ยงลูกให้เป็นเทวดาก็งี้แหละค่ะพี่ก๋า
555+

จ้างทำวิจัยของรุ่นเหม่งประมาณ 3-5 หมื่นค่ะ
20 ปีก่อน น่าจะตอนที่พ่อเหม่งจบ โท พอดีนะคะ
พ่อเหม่งก็ทำเรื่องใหม่ ระยะ 10 ปีไม่มีคนทำ
เหม่งติดพ่อเลยได้นิสัยนี้มาเต็มๆ ค่ะ ฮ่าๆๆ

แต่เรื่องที่เหม่งทำ ไม่สามารถจ้างทำได้ค่ะ
ค่าจ้างคงเกินล้านบาท แถมยังได้งานห่วยๆ
ที่มโนนั่งปั้นผลขี้นมาเองด้วยค่ะ ไม่ไหวๆๆ
รับไม่ได้จริงๆ ค่ะ

จำได้ว่า รุ่นเหม่งมีพี่คนนึง จบโท จากอีกคณะมาค่ะ
แถม ผลการวิจัย ยังนั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองด้วยนะคะ
ฟังพี่เขาเล่าอย่างภาคภูมิใจมาค่ะ 5555555+

ประเทศเรามีปัญหาขยะใต้พรมเยอะค่ะ
แต่ปัจจุบันมันออนไลน์ มันทั่วถึงกัน
ก็เลยเห็นอะไรๆ ชัดเจนขึ้นจากเมื่อก่อนน่ะค่ะ


โดย: Princezz Matcha Latte วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:15:54:41 น.  

 
เพราะชีวิตมันสั้น...จริงๆ คือสั้นแบบ..คนเรารู้ได้แค่วันเกิด! แค่นี้ก็สั้นแระ ..เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าจะตายตอนไหน แบบไหน และตายยังไง.. เราบอกกับสามีตลอดว่า.. อย่าให้อะไรเป็นของขวัญ แต่หันมาให้ สิ่งที่สามารถเป็น "ความทรงจำ" กันดีกว่าเพราะความทรงจำจากประสบการณ์ของชีวิตนี้ มัน..ไม่มีวันเลือนหายไป(แม้ว่าบางช่วงท้ายๆของชีวิตเราอาจเจอกับ ปัญหาอัลไซเมอร์ ก็ตาม)

รู้สึกเสียดายที่เรากับสามีมาเริ่ม "กิจกรรม" ดำน้ำช้าเกินไป ส่วนตัวเรากว่าจะ "หัดว่ายน้ำจนเป็น" อายุก็ปาเข้าไป 48ปีแล้ว หากย้อนเวลากลับไปได้อยากเริ่มให้ไวกว่านี้ แต่ก็อย่างว่าล่ะค่ะ ทุกสิ่งอย่างมันเกิดขึ้นได้ "จากความพร้อม...ทั้งทางกายภาพ และการเงิน" ... เอาเข้าจริงๆถามว่า เสียดายอะไรอีกไหม เราคงตอบว่า ไม่มีค่ะ พยายาม live my life full จัดเต็มทุกช๊อต ... อิอิ อ่ะงั้นโหวตค่ะ


โดย: Max Bulliboo วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:16:45:02 น.  

 
สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

ภาคต่อ ของ หนังสือ เรื่อง ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง จากการรีวิว ประกอบความคิดเห็นเกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ โดยเฉพาะเรื่องเล่า เด็กชาย ที่เป็นมะเร็ง เขาได้ทำตามความฝันที่เขาอยากทำก่อนอำลาจากโลกนี้ไป อ่านแล้วรู้สึกดีใจกับแกด้วยนะที่ได้ทำในสิ่งที่ฝัน เป็นผลสำเร็จ แสดงว่าแกมีกำลังใจที่ดีมาก มีสติที่มั่นคงในช่วงที่จะอำลาโลกนี้ไป

" หลายครั้งในชีวิต มีสิ่งต่าง ๆ มากมายที่เราอยากทำ
แต่ไม่ทำ --- ไม่ได้ทำ --- เลือกที่จะไม่ทำ ด้วยข้ออ้าง หรือ เหตุผลมากมายเราคิดว่าชีวิตยืนยาว มีโอกาสมากมายรออยู่
และมีเวลาแก้ตัวสำหรับทุกความล้มเหลวที่เกิดขึ้น "

ข้อความที่เธอเขียนนี้ ครูเห็นด้วยนะ คนส่วนใหญ่มัก
จะคิดเช่นนี้ มีข้ออ้างเช่นนี้ ซึ่งก็ต้องมาเสียใจภายหลัง โดย
เฉพาะตอนเจ็บป่วยใกล้อำลาโลกนี้ไป

สำหรับชีวิตครูที่ผ่านมา สิ่งที่ครูใฝ่ฝัน อยากทำให้ได้
ครูก็คิดว่า ครูก็ได้ลงมือทำตามความใฝ่ฝันได้น่าจะเกือบหมด
แล้วนะ อิอิ ฝันแต่เด็ก คือ ต้องเอาชนะความคิดของแม่ ที่เห็น
ว่า เด็กผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนสูง (ด้วยเหตุผลที่รู้ ๆ อยู่) ครู
ก็ได้ทำความฝันนั่นคือ ฝันต้องเรียนให้จบปริญญาให้ได้ในชีวิต
นี้ และให้แม่เห็นว่า การมีการศึกษาจะช่วยให้คุณภาพของชีวิต
ดีกว่าไม่มีการศึกษาอย่างแน่นอน และในที่สุด แม่ก็เห็นด้วยและ
ภูมิใจในตัวครู ฝันที่สอง คือ อยากเขียนหนังสือ สักชุด สามารถเผยแพร่ผลงานเขียนของตัวเอง ขายได้หรือไม่ได้ ไม่มี
ปัญหา เพราะอยากมีผลงานและจัดทำแล้วต้องไม่เดือดร้อน (ใช้
เงินเกษียณ จัดทำ ไม่เดือดร้อน ห้าห้า) ฝันที่ 3 คือ มี
โอกาสได้เดินทางท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง ได้เห็นธรมชาติ เห็น
สิ่งแปลก ๆ ในโลกกว้าง ครูก็ว่า ครูได้เดินทางไปหลายสถานที่
ที่หลาย ๆ คนยังไม่ได้ไปแล้วนะ อิอิ สิ่งที่คิดอยากทำก่อนอำลาจากโลกนี้ไป คือ การทำบุญให้โรงพยาบาล ก็ได้ทำไปบ้างแล้วส่วนหนึ่ง อีกเรื่องที่กำลังอยากทำ คือ เป็นเจ้าภาพทอดกฐินในวันที่ 28 ต.ค. นี้ ก็ได้รับความร่วมมือจากเพื่อน ลูกศิษย์ เพื่อนบ้าน มากพอสมควร (คงเพราะเรามีเนื้อหาบุญต่อกัน) อีกปี ก็อยากเป็นเจ้าภาพผ้าป่าเพื่อการศึกษาอีกเรื่องหนึ่ง คิดว่า คงได้ทำก่อนอำลาจากโลกนี้ไปเนาะ ห้าห้า
ดังนี้ ถ้าได้ทำความฝันที่เล่าให้อ่านแล้ว ก่อนอำลาจาก
โลกไปนั้น ก็ไม่ต้องเสียดายอะไรแล้ว เพราะสิ่่งที่อยากทำ ครู
ก็ได้ทำตามที่ใฝ่ฝันไว้แล้ว นั่นเอง

โหวดหมวด รีวิวหนังสือ


โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:17:38:18 น.  

 

ใช่ค่ะ น้องป่วยค่ะพี่ก๋า
ป่วยแบบที่ไม่เคยป่วยมาก่อนด้วยค่ะ
นอนยาวๆ แบบ 2 วัน ทานไรไม่ได้เลยค่ะ นอนแบบไม่อาบน้ำอาบท่า อิอิ พูดอะไรก็จำไม่ได้ นึกแล้วมันนึกไม่ออกค่ะตัวร้อนมากกก บวกกับป่วยก่อนประจำเดือนมาซ้ำหนักดับเบิ้ลไปเลยค่ะ
มันทรมานมากรอบนี้
...
แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ เหลือยังไอแห้งๆ อยู่เลย ทรมานเอาการค่ะ
...
ขอบคุณนะคะพี่ก๋า
มีความสุขมากมากค่ะ เช่นกันนะคะ


โดย: white in the dark วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:18:08:41 น.  

 
หนังสือ หรือ คำสอนทุกเรื่องมีประโยชน์
ถ้าคนอ่าน คิดที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง
แต่ถ้า อ่านแล้ว เหมือนเดิมมันก็เท่านั้นค่ะ

นอกจากหนังสือเล่มนี้จะเป็นเรื่องราวที่ดี
อย่างคุณก๋าว่า แต่จะดียิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าคนที่อ่าน ได้ปรับเปลี่ยนทัศนคติของตนเอง
ก็จะคุ้มค่าหนังสือเลยค่ะ
( แต่คุณก๋าไม่เห็นต้องเสียตังค์ซื้อเลย)


โดย: mcayenne94 วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:19:52:33 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งจังเรื่องเด็กป่วย

หนังสือดี เราได้ข้อคิดดีๆ. นะคะ


โดย: kae+aoe วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:20:11:57 น.  

 
สวัสดีดึกๆครับ คณก๋า
หนังสือน่าสนใจทั้ง 2 เล่มครับ
ชีวิตมีอะไรที่มากมายเยอะแยะที่ยังไม่ได้ทำครับ
นึกถึงพ่อแม่บางคนที่เห็นแก่ตัว ยัดเยียดความทุกข์ให้กับลูกตั้งแต่อยู่ในครรภ์
พ่อที่เป็นโรคร้าย แต่ไม่ป้องกัน แพร่เชื้อโรคร้ายให้ลูกในครรภ์
ลูกคลอดออกมา มีชีวิตที่ตายทั้งเป็นตั้งแต่เกิด อายุสั้น
รักสนุกแต่ไม่คิดป้องกัน
น่าสงสารเด็กที่ติดเชื้อโรคร้ายจากพ่อแม่ครับ
อ่านข่าวจากเน็ต พ่อพาลูกเล่นสไลเดอร์ ลูกขาหักตั้งแต่เล็ก น่าสงสารครับ



โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:22:04:43 น.  

 
ชีวิตสอนอะไรเราบ้าง [2]

ผ่านไป 1 แล้วเนอะ ไม่ได้อ่าน
ต้วมเตี้ยมจากปากช่องมาเชียงใหม่

มาถึงวัยพี่เนี่ย โดนชีวิตสอนมาเยอะ
เหนื่อยแทนชีวิตจริงๆ สอนเท่าไร
ยายก็ไม่ค่อยเอาถ่าน ยังผิดพลาดซ้ำซาก
ได้เรื่อยๆ สถานการณ์มันทำให้จำยอม

ช่วยนี้ถ้าเข้ามาได้ ขอทักทายด้วย
โหวตนะคะ



โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:22:16:03 น.  

 
ชีวิตมันสอนอะไรเราเยอะ แต่รู้สึกว่าช่วงนี้มันจะสอนผมหนักไปหน่อยครับ แฮะๆ

ชีวิตมันสั้นจริงๆ ครับ ดังนั้นการที่เราจะทำอะไรควรคิดคำนึงด้วยว่าทำลงไปแล้วจะไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:23:04:19 น.  

 
สวัสดียามดึกครับพี่ก๋า
ขณะนี้อำเภอสุคิรินอากาศหนาวมากครับ
หนังสือเล่มนี้มีข้อคิดดีๆเยอะมากเลยครับ
โหวตครับ


โดย: Nior Heavens Five วันที่: 24 กรกฎาคม 2561 เวลา:23:47:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]