:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ศิลปะแห่งอำนาจ ::
:: ศิลปะแห่งอำนาจ ::เขียน : ติช นัท ฮันห์แปล : จิตร์ ตัณฑเสถียร และสังฆะหมู่บ้านพลัมประเทศไทย
คนที่รักใครไม่เป็น ดูแลความรักไม่ได้ ไม่ว่าจะร่ำรวยหรือมีอำนาจในมือมากเพียงใด ก็ไม่อาจมีความสุขที่แท้จริงได้ ความสุขจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรารู้สึกเชื่อมโยงกับคนอื่น รู้จักให้และรับ รู้จักเข้าใจคนอื่น และพร้อมยอมรับสิ่งที่ถูกต้องแม้สิ่งนั้นอาจไม่ตรงใจของตน“อำนาจ” ในความหมายเชิงจิตวิญญาณ คือ พลังงานทั้ง 5 ได้แก่ ศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ และ ปัญญาอำนาจแห่งศรัทธาศรัทธา คือ ความมั่นใจ ความไว้ใจ คือความเชื่อมั่นในสิ่งที่ถูกต้อง และสิ่งนั้นอยู่ในตัวเราทุกคน ศรัทธา คือ หนทางที่จะนำเราไปสู่ความอิสระ ความหลุดพ้น และความเชื่อที่ว่าตัวเราสามารถผ่านกิเลสไปได้ด้วยตนเอง จากการฝึกฝนตนอย่างถูกต้องและต่อเนื่องยาวนาน อำนาจในการตัดสินใจเลือกหนทางที่ถูกต้อง ไม่ได้อยู่ที่ใครคนใดเลย นอกจากอยู่ในทุกการตัดสินใจและความเชื่อของเราอำนาจแห่งความเพียรเมื่อใดที่ค้นพบหนทางที่ดีงามและถูกต้อง การรักษาวิธีปฏิบัติตนเป็นสิ่งจำเป็น อำนาจของความเพียรจะทำให้เราไม่ไขว้เขว ยามเมื่อพบประสบทุกข์ในชีวิต การทำสมาธิทุกวัน การเจริญสติในทุกขณะ การดำรงตนให้อยู่ในศีลธรรมอันดี เหล่านี้หาใช่สิ่งที่ทำเพียงครั้งสองครั้ง หรือ ทำไปอย่างนั้น ๆ หากแต่ต้องลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ มีวินัย และรู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของตนคืออะไรอำนาจแห่งสติสติ คือ การตระหนักรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในปัจจุบันขณะของตนเอง การมีชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระ การใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ไม่หลงไปกับหนทางที่ผิด ไม่คิดในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่ทำในสิ่งชั่วร้าย เหล่านี้ล้วนต้องใช้สติในการกำกับความคิดทั้งสิ้น สติดำรงอยู่แล้วในตัวเรา ไม่ว่าจะทำสิ่งใด สติอยู่ตรงนั้นเสมอ หากเราสามารถประคับประคองสติของตัวเองให้จดจ่ออยู่กับทุกสิ่งที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน เดิน กิน นั่ง นอน หายใจ กวาดลานบ้าน ปลูกต้นไม้ ฯลฯ สติ คือ การรู้อย่างรู้เท่าทันความจริง ผู้ที่สูญเสียสติ คือ ผู้ที่สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างอำนาจแห่งสมาธิสมาธิจะเกิดขึ้นเมื่อเราลงมือทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แล้วจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นอย่างเต็มที่ วินาทีที่ทำสิ่งนั้นอย่างมุ่งมั่นตั้งใจ จิตจะไม่เปิดโอกาสให้สุขหรือทุกข์เข้ามาพัวพัน จิตในขณะนั้นจึงเบิกบานและเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ จนทำให้มองเห็นทุกอย่างที่ทำอย่างชัดเจน รู้ที่มาที่ไป รู้การเกิดการดับ รู้การเคลื่อนขยับของความคิด สมาธิทำให้เราเห็นความเป็นจริงแห่งชีวิตอย่างแจ่มชัด ทำให้เรารู้ว่าอะไรเป็นอะไร รู้ว่าไม่ใช่เราคนเดียวที่เป็นทุกข์ สมาธิทำเรามองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างตัวเรากับโลก ระหว่างตัวเรากับคนรอบตัวอำนาจแห่งปัญญาเห็นแจ้งความทุกข์ หรือความกลัวทุกชนิด จะถูกตัดทำลายได้ด้วยดาบเดียว นั่นคือ คมดาบแห่งปัญญา ปัญญาคือการเห็นแจ้งในความจริง และยอมรับในทุกความจริงที่เกิดขึ้นในชีวิต เห็นอนิจจัง หรือความไม่แน่นอน เห็นความไม่มีตัวตน เมื่อเห็นความจริงแล้ว ยอมรับในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้ เมื่อเห็นความหลงผิด เห็นความขัดแย้ง เห็นความรุนแรง เห็นปัญหาต่าง ๆ แล้วใช้ปัญญากำกับ เราจะพบหนทางในการรับมือกับอุปสรรคปัญหา และความทุกข์เหล่านั้นได้ตามวิถีที่มันควรเป็น ปัญญาทำให้เรารับมือกับความจริงได้ แม้ในวันที่ต้องสูญเสียคนรักหรือสิ่งที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ ปัญญาทำให้เราไม่กลัวที่จะกล้าเผชิญหน้ากับความพลัดพรากเหล่านั้น เพราะรู้ว่าสัจธรรมเหล่านั้นคือความจริง การมองเห็นความจริง ไม่ได้ทำให้เรากลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย กลับกัน มันจะทำให้เรารู้ว่าทุกเวลานาทีในชีวิตมีคุณค่าความหมาย เมื่อไม่รู้ว่าจะจากกันเมื่อใด ย่อมควรรักกันให้ดีที่สุด เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียใจในภายหลัง คราวที่เกิดความสูญเสียพลัดพรากศิลปะแห่งอำนาจ คือ อำนาจที่ไม่ได้หวงแหนไว้เพื่อตัวเอง เมื่อใดที่เราละวางอัตตาตัวตนลงได้ เมื่อใดที่เราไม่แบ่งเขาแบ่งเรา ไม่แบ่งแยกความสุขออกจากความทุกข์ ไม่ผลักไสคนอื่นออกไปจากชีวิตเพียงเพราะเขาเห็นต่าง เมื่อมองดูพ่อแม่ก็เห็นชีวิตของลูกอยู่ในนั้น เมื่อลูกทุกข์ใจ พ่อแม่ก็ทุกข์ใจตามไปด้วย เมื่อเห็นคนอีกซีกโลกกำลังลำบาก ใจก็เกิดความกรุณาและอยากให้ความช่วยเหลือ เมื่อมองดูทุกสิ่งก็เห็นความเชื่อมโยงไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มีเพียงหนทางนี้ที่จะหยุดความทุกข์ ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ที่เกิดจากความขัดแย้ง ทุกข์ที่เกิดจากความโกรธเกลียด หรือทุกข์ที่เกิดจากความหลงผิดก็ตาม
อำนาจทั้ง 5 ประการ ต้องเกิดจากความเข้าใจ ต้องประกอบไปด้วยจิตใจที่เมตตากรุณา การใช้อำนาจอย่างถูกต้อง จะทำให้ผู้คนสัมผัสรับรู้ในความดี ความงาม และความจริง ที่มีอยู่แล้วในทุกผู้คน เพราะทุกสรรพชีวิตต่างมีธรรมชาติแห่งการตื่นรู้ในตน แต่น้อยคนนักจะตระหนักรู้ว่าตนมีสิ่งนี้อยู่“อำนาจ” จะก่อเกิดสันติภาพหรือสร้างความรุนแรงแตกหัก หาใช่อยู่ที่ตัวมันเองไม่ หากแต่ขึ้นอยู่กับ “วิธีการ” ใช้อำนาจนั้น ว่าเป็นไปเพื่อการใด เพื่อเหตุผลใด และรู้หรือไม่ว่าในขณะนั้น อำนาจกำลังใช้เรา หรือเราใช้อำนาจ
Create Date : 22 กันยายน 2563 |
Last Update : 16 มกราคม 2564 8:13:18 น. |
|
22 comments
|
Counter : 1017 Pageviews. |
|
|
|
|
...
ผมกับเพื่อน ๆ กลุ่มเดียวเจอมากว่า 4 ปีก็ทน ๆ เอาเพราะ
ชีไม่ชอบใครเลย
เคยพูดคุยบอกว่า ควรเปลี่ยนนะ(เตือน) 6 ครั้งก็แก้ไม่ได้
เลยปล่อย ออกไปจากกลุ่ม
เกิดความสงบ.. อย่างไม่น่าเชื่อ.. กลุ่มเพื่อนพูดเปรย ว่า
อย่ารับกลับเข้ามาอีกนะ พวกเราสบายแล้ว..
...
หันมามองรอบตัวเราในไทยนี่แหละ... มีคนเขาเป็นห่วง
พวกเรา(ไม่รู้จริงหรือไม่) ดูจะอ่อนลงนิด (กิริยา) แต่
ในใจไม่รู้นะครับคงแก้ยาก แก่แล้ว 555
หลายคนก็ ออกปาก ชิ่ว ๆ ๆ แปลว่าไรไม่รู้