:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ปรัชญาในนิทานเต๋า ::
:: ปรัชญาในนิทานเต๋า ::รจนา : จวงจื่อ แปลและเรียบเรียง : โชติช่วง นาดอน
นอกจาก “นิทานเซน” จะถูกใช้เป็นโกอานเพื่อประกอบการสอนศิษย์ในนิกายเซน “นิทานเต๋า” ก็ทรงคุณค่ามิต่างกันในวัฒนธรรมจีนโบราณ ท่านจวงจื่อได้รับการยกย่องนับถือว่าเป็นนักปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่งของลัทธิเต๋า ท่านได้เขียนนิทาน ตำนาน และเรื่องเล่าจำนวนมากในสรรนิพนธ์เล่มนี้
ท่านจวงจื่อมีชีวิตอยู่ในช่วง “รณรัฐ” หรือยุค จั้นกว๋อ ซึ่งเป็นยุคก่อสงครามมิหยุดหย่อน มีการขยายอำนาจ ช่วงชิงแผ่นดิน รบราฆ่าฟันกันตลอดเวลา ทุกหนแห่งมีแต่ความทุกข์ยากลำบากกายและใจ
แนวคิดเของท่านจึงมิสอดคล้องกับสภาพบ้านเมืองและวัฒนธรรมในยุคนั้น เพราะแนวคิดเต๋าสอนให้มนุษย์อยู่อย่างเคารพธรรมชาติ ไม่แบ่งแยกตนเองจากสรรพสิ่ง ไม่ขีดเส้นแบ่ง “คุณค่า” กับ “ความไร้คุณค่า” ไม่แบ่งแยก “ตนเอง” ออกจาก “ธรรมชาติ”มนุษย์ที่แท้ คือ ผู้มีอิสระอย่างแท้จริงในตัวเองขอยกบางบทบางตอนที่ผมชอบจากหนังสือเล่มนี้ ให้ได้ลองอ่านกันดูครับ
-------------------------------------------: จวงโจวฝันผีเสื้อ : ยามสนธยาวันหนึ่ง จวงโจวฝันว่าตนเองกลายเป็นผีเสื้อ เขาลองสะบัดปีกดู รู้สึกช่างสดชื่นรื่นรมย์เหมือนผีเสื้อจริง ๆ ยามนั้นเขาลืมเสียแล้วว่า เขาคือ จวงโจว ผ่านไปพักใหญ่ เขาเกิดสำนึกขึ้นมาในฝันนั้นว่า ผีเสื้อที่กำลังเริงใจอยู่ต่างหาก คือ จวงโจว ถ้าเช่นนั้นจริง จริง ๆ แล้วจวงโจวฝันไปว่าตนกลายเป็นผีเสื้อ หรือว่าผีเสื้อฝันไปว่ามันกลายเป็นจวงโจวกันแน่ ? จวงโจวอาจเป็นผีเสื้อ และผีเสื้อก็อาจเป็นจวงโจว ปรากฏการณ์ที่เราเห็นนั้นจริง เหมือนกับรุ้งกินน้ำ แต่ความจริงนั้นมันไม่มีรุ้งกินน้ำ มันเป็นเพียงปรากฏการณ์หักเหของอนุภาคแสงเมื่อผ่านอนุภาคของธาตุอื่น ๆ---------------------------------------------: เช้าสามเย็นสี่กับเช้าสี่เย็นสาม :คนเลี้ยงลิงให้ลูกนัทเลี้ยงลิง เขาคิดจะประหยัดรายจ่าย จึงลดจำนวนอาหารเลี้ยงลิง เขาบอกกับพวกลิงว่า
“ต่อไปนี้ข้าจะให้พวกเอ็งกินตอนเช้าสามลิตร ตอนเย็นค่อยกินสี่ลิตรดีมั้ย ?”
พวกลิงไม่พอใจแสดงอาการกราดเกรี้ยว คนเลี้ยงลิงจึงบอกพวกลิงใหม่ว่า
“เอ้า ถ้างั้นเช้ากินสี่ลิตร เย็นกินสามลิตรก็แล้วกัน” เท่านั้นเองพวกลิงก็ยินดี
Create Date : 14 มกราคม 2564 |
|
21 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:58:14 น. |
Counter : 494 Pageviews. |
|
|
มาอ่านแนวคิดดีๆ แต่เช้าเลย