:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - สูตรของเว่ยหล่าง ::
:: สูตรของเว่ยหล่าง ::แปล : พุทธทาสภิกขุ
ท่านเว่ยหลาง (หรือ เว่ยหล่าง) คือ สังฆปรินายกองค์ 6 ของแผ่นดินจีน เป็นผู้สืบทอดธรรมโดยตรงจากสังฆปรินายกองค์ที่ 5 ด้วยธรรมเนียมการสืบทอดแบบจิตสู่จิต ได้รับบาตร จีวรเป็นหลักฐาน และสิ้นสุดการส่งมอบบาตรและจีวรในยุคสมัยของท่านนี้เอง
ท่านเว่ยหลางเกิดในคริสตศักราช 638 เป็นพระอาจารย์ซึ่งได้รับการยกย่องและมีชื่อเสียงมากที่สุดองค์หนึ่งในสมัยราชวงศ์ถัง ในประเทศจีนหลักธรรมคำสอนของท่านถูกเรียกขานว่า “สูตรของเว่ยหลาง” โดยคำว่า “พระสูตร” นั้นปกติจะสงวนไว้ใช้เรียกพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจ้าหรือพระโพธิ์สัตว์เท่านั้น
ท่านเว่ยหลางได้เล่าชีวประวัติของท่านในพระสูตรนี้ด้วย บิดาของท่านได้เสียชีวิตตั้งแต่ท่านเว่ยหลางยังเด็ก ท่านอยู่กับมารดา หาเลี้ยงชีพด้วยการขายฟืน วันหนึ่งได้ยินข้อความจากพระสูตรที่ชายคนหนึ่งกำลังท่อง จิตของท่านเกิดสว่างโพลงในฉับพลันทันใด พระสูตรนั้นมีชื่อว่า “วัชรสูตร” หรือ “วัชรเฉทิกสูตร” ในที่สุดท่านได้ตัดสินใจออกบวช ด้วยการฝากตัวเป็นศิษย์วัดของสังฆปรินายกองค์ที่ 5 โดยเบื้องต้นท่านเว่ยหลางต้องพบกับบททดสอบด้วยการทำงานอยู่ในโรงครัว ผ่าฟืนตำข้าวอยู่นาน 8 เดือน โดยมิได้ฝึกฝนธรรมะแต่อย่างใด
อยู่มาวันหนึ่งสังฆปรินายกองค์ที่ 5 ได้เรียกประชุมศิษย์วัด พร้อมทั้งประกาศว่า จะมีการหาผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าอาวาสรวมทั้งตำแหน่งสังฆปรินายก โดยให้ทุกคนสามารถเขียนโศลก หรือคำสอนของตนตามแต่ภูมิธรรมที่มี นักบวชทุกคนล้วนไม่มีใครกล้าเขียนโศลก เนื่องจากเชื่อว่าท่านชินเชา ผู้เป็นหัวหน้าศิษย์ มีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด ท่านชินเชาตัดสินใจเขียนโศลกไว้ที่ผนังช่องทางเดินภายในวัด มีใจความว่า
“กายของเรา คือ ต้นโพธิ์ ใจของเรา คือ กระจกเงาอันใส เราเช็ดมันโดยระมัดระวังทุก ๆ ชั่วโมง และไม่ยอมให้ฝุ่นละอองจับ”
สังฆปรินายกองค์ที่ 5 ได้อ่านข้อความนี้ และรู้ด้วยปัญญาของท่านว่าท่านชินเชานั้น ยังไม่อาจบรรลุจิตเดิมแท้ของตน สองวันต่อมา มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งท่องโศลกของท่านชินเชาออกมาให้ท่านเว่ยหลางได้ยิน และเนื่องจากท่านเว่ยหลางนั้นเป็นผู้อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ไม่รู้หนังสือ ท่านจึงไหว้วานให้ชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นผู้เขียนโศลกตามคำบอกของท่านลงไปบนผนัง“ไม่มีต้นโพธิ์ ทั้งไม่มีกระจกเงาอันใสสะอาด เมื่อทุกสิ่งว่างเปล่าแล้ว ฝุ่นจะลงจับอะไร ?”วันต่อมาท่านสังฆปรินายกองค์ที่ 5 ได้อ่านโศลกธรรมนี้ เมื่ออ่านจบท่านได้ใช้รองเท้าลบข้อความทั้งหมดทิ้งทันที และได้ทราบโดยแท้ว่า ท่านเว่ยหลางนั้นได้บรรลุจิตเดิมแท้ของตนเองเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากท่านรู้ดีว่า ตำแหน่งและสิ่งของต่าง ๆ นั้น พร้อมจะมีคนช่วงชิงเป็นของตนเอง ซึ่งอาจจะทำอันตรายให้กับท่านเว่ยหลางได้ สังฆปรินายกองค์ที่ 5 จึงได้เรียกท่านเว่ยหลางเข้าพบ ก่อนถ่ายทอดธรรมแบบจิตสู่จิต ส่งมอบจีวรและบาตรประจำตำแหน่ง พร้อมทั้งแนะนำให้ท่านเว่ยหลางหลบไปซ่อนตัว จนกว่าจะถึงกาลอันเหมาะสมจึงค่อยเผยตัวและบวชเป็นพระ ท่านเว่ยหลางจึงต้องหลบไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกพรานป่าเป็นเวลากว่า 15 ปี โดยที่ท่านไม่ฆ่าสัตว์ และกินเจตลอดเวลา จนในที่สุดท่านก็ได้บวชเป็นพระ พร้อมรับตำแหน่งเจ้าอาวาส ถ่ายทอดธรรมแก่ลูกศิษย์และประชาชนจำนวนมาก ด้วยหลักธรรมอันเรียบง่าย ลึกซึ้ง ตรงไปตรงมา ไม่ว่าจะถูกถามด้วยคำถามยากเพียงใด ท่านก็สามารถตอบจนผู้ถามเกิดความกระจ่างแจ้งในใจ เกิดความสว่างไสวในธรรม
ท่านเว่ยหลางเน้นย้ำถึงความสำคัญในการปฏิบัติธรรม ให้ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนส่องดูที่จิตและใจของตน เพราะการฟัง การสวดมนตร์ หรือท่องพระสูตร เป็นเพียงความเข้าใจเบื้องต้น การรู้และเข้าใจความหมายของธรรมที่อ่านหรือได้ยิน นั้นดีขึ้นมาหน่อย การเอาธรรมะที่รู้ มาปฏิบัติจนเป็นนิสัย นั่นนับว่าเป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือ การเข้าใจธรรมะทั้งปวงอย่างปรุโปร่ง จิตเป็นอิสระจากการร้อยรัดทั้งปวง ไม่ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใด ปล่อยวางตัวตนและทุกสิ่งลงได้อย่างหมดจด
ในพระสูตรของท่านยังมีเนื้อหาเกี่ยวกับบทสนทนาทางธรรมระหว่างตัวท่านกับลูกศิษย์ รวมถึงวิธีการสอน การถ่ายทอดธรรมให้ลูกศิษย์ได้ใช้เป็นแนวทางในการเรียนรู้ธรรม จึงนับว่าพระสูตรของท่านนั้นก่อเกิดประโยชน์มากมายมหาศาลกับผู้ที่ได้ศึกษาเรียนรู้ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นพระสูตรที่ได้รับการยอมรับนับถือ และมีผู้สนใจศึกษาค้นคว้าอยู่ตลอดเวลา
Create Date : 19 พฤศจิกายน 2563 |
|
14 comments |
Last Update : 16 มกราคม 2564 8:15:08 น. |
Counter : 2853 Pageviews. |
|
|
ชอบประโยคที่ว่า
"การเอาธรรมะที่รู้ มาปฏิบัติจนเป็นนิสัย นั่นนับว่าเป็นเรื่องดี
แต่สิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุด คือ การเข้าใจธรรมะทั้งปวงอย่างปรุโปร่ง"
ขอบคุณสำหรับข้อคิดธรรมะดีดีครับ