:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - รัก โลก ::
:: รัก โลก ::
เขียน : Yongey Mingyur Rinpoche & Helen Tworkov แปล : สดใส ขันติวรพงศ์
บทบันทึกประสบการณ์ทางธรรมโดยท่านยงเก มินจู ริมโปเช ธรรมาจารย์ทิเบตร่วมสมัยผู้มีชื่อเสียง และได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูงจากเหล่าลูกศิษย์เป็นจำนวนมาก ท่านเป็นเจ้าอาวาสของอารามสามแห่ง แต่แล้วคืนหนึ่ง โดยไม่บอกกล่าวผู้ใด ท่านหลบหนีออกจากอารามในอินเดีย โดยเขียนจดหมายทิ้งไว้เพียงฉบับเดียว บอกจุดประสงค์ในการออกจาริกเพื่อปลีกวิเวกเป็นเวลาสี่ปี ตามธรรมเนียมปฏิบัติอันศักดิ์สิทธิ์ของภิกษุธิเบต โดยตั้งใจสลัดทิ้งซึ่งยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งสูงส่ง และบทบาทของคุรุ เพื่อค้นหาเป้าหมายและคำตอบอันเป็นที่สุดของชีวิต
ปกตินักบวชจะเลือกไปปฏิบัติธรรมตามถ้ำ หรือป่าลึกซึ่งห่างไกลชุมชน โดยมีลูกศิษย์คอยช่วยเหลือดูแล แต่ท่านยงเก มินจู ตัดสินใจออกเดินทางโดยลำพัง เริ่มต้นออกเดินทางด้วยรถไฟชั้นสาม ซึ่งสภาพบรรยากาศของรถไฟในอินเดียนั้น เต็มไปด้วยผู้คนจำนวนมาก เสียงดังโหวกเหวก กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ ความวุ่นวาย ฯลฯ นั่นเป็นสภาพซึ่งท่านไม่เคยได้พบพานมาก่อน และเป็นสถานที่ซึ่งท้าทายต่อการปฏิบัติธรรม ด้วยเงินที่ติดตัวมาน้อยมาก แค่พักในห้องพักเล็ก ๆ ราคาถูกไม่กี่วัน กินอาหารตามข้างทางไม่กี่ครั้ง เงินของท่านก็หมดลง นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการจาริกในรูปแบบขอทาน และด้วยการขอทานเศษอาหารเหลือจากร้านอาหารนั่นเอง ที่ทำให้ท่านเกิดอาการอาหารเป็นพิษอย่างรุนแรง ท้องร่วง อาเจียนครั้งแล้วครั้งเล่า ป่วยหนักถึง 5 วัน จนในที่สุดก็หมดสติ และถูกนำส่งโรงพยาบาลในสภาพที่ท่านไม่รู้สึกตัว หายใจรวยริน
ท่านยงเก มินจูเขียนเล่าเรื่องราวที่ท่านได้ประสบพบเจอขณะออกจาริก ไปพร้อม ๆ กับการเล่าเรื่องราวประวัติของตัวท่านเองตั้งแต่เด็ก เล่าวิธีการสอนของเหล่าครูบาอาจารย์ทางธรรมของท่าน ซึ่งในขณะออกจากริกแรมรอนไปตามสถานที่ต่าง ๆ ท่านได้ใช้คำสอนเหล่านั้นพิจารณาธรรมไปพร้อม ๆ กัน
ด้วยเหตุที่ท่านสืบเชื้อสายจากกษัตริย์ธิเบต สภาพแวดล้อมและการเติบโต ย่อมแตกต่างสุดขั้วจากสิ่งที่ท่านเลือกกระทำ แต่ความยากลำบาก ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ความเจ็บป่วยไข้เหล่านั้น กลับกลายเป็นสิ่งทดสอบจิต และเพิ่มมุมมองชีวิตของท่านให้ลึกซึ้งมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ภาวะใกล้ตายที่ท่านเผชิญ ขณะป่วยด้วยโรคท้องร่วงอย่างรุนแรง ทำให้ท่านเข้าถึงสภาวธรรมอันลึกซึ้ง มองเห็นภาวะแห่งจิตในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งตรงกับหลักธรรมคำสอนซึ่งท่านเคยได้เล่าเรียนมา แต่ครั้งนี้เป็นการเรียนรู้โดยมีเดิมพันเป็นชีวิต ว่าจะอยู่หรือจาก โชคดีที่มีคนมาพบร่างของท่าน และนำส่งโรงพยาบาลก่อนท่านจะต้องเสียชีวิต
หลังจากรักษาตัวจนหายดี ท่านได้ออกธุดงค์ต่อจนครบ 4 ปี และกลับมาเป็นธรรมาจารย์ถ่ายทอดธรรมะจนถึงทุกวันนี้
ประสบการณ์ทางธรรมซึ่งต้องแลกมาด้วยชีวิต คล้ายเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งซึ่งเล่าว่า มีครอบครัวยากจนมากครอบครัวหนึ่ง พักอาศัยอยู่ในกระท่อมดิน มีเตาไฟซึ่งก่อด้วยก้อนหินเล็ก ๆ อยู่กลางบ้าน วันหนึ่งคนล่าสมบัติเดินทางมาถึงหมู่บ้าน เขาเดินไปบ้านนั้นทีบ้านนี้ที เพื่อขอแลกขอซื้อของมีค่าต่าง ๆ พอมาถึงกระท่อมของคนจน หญิงชราเจ้าของบ้านก็หัวเราะกับเขาและกล่าวว่า “บ้านเรายากจนที่สุด ไม่มีสิ่งใดที่เจ้าจะสนใจหรอก” แต่ชายคนนั้นถลาจากประตูไปยังเตาไฟ เบิ่งตามองด้วยความประหลาดใจ เขาตรวจดูก้อนหินซึ่งใช้ก่อเตา แล้วบอกกับหญิงชราว่า “เจ้าไม่รู้รึไง นี่ไม่ใช่หิน แต่คือ ผลึกเพชร ข้าจะเอาไปขายให้เจ้า” ชายหาสมบัติจากไปนานหลายเดือน ก่อนจะกลับมาพร้อมเหรียญทองคำเต็มถุง จากยาจกผู้ยากจนข้นแค้น หญิงชรากลายเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหมู่บ้านในทันที
“ธรรมะ” ที่เราเสาะแสวงหา ไม่ต่างอะไรจากเพชรก้อนนี้ มันอยู่ใกล้ตัวเรามาก จนเรามองไม่เห็น อยู่ใกล้มาก จนจิตเผลอไผลไร้สติ และไม่เคยมองเห็นเพชรเม็ดงามที่มีอยู่ในตน
“การบรรลุธรรม” จึงไม่ใช่เป้าหมายที่ต้องไปแสวงหาจากนอกกาย แต่จิตซึ่งยึดมั่นถือมั่นในตัวตนนั่นต่างหาก ที่เป็นปัญหา เพราะธรรมชาติที่แท้จริงแห่งจิตนั้น ตื่นรู้อยู่แล้วในทุกขณะจิต สมบูรณ์อยู่แล้วในตัวมันเอง เราจึงไม่จำเป็นต้องเข้าถึงสิ่งใด ไม่ต้องได้มาซึ่งสิ่งใด ไม่ต้องไปสู่หนแห่งใด เพราะทั้งหมดนั้น มีอยู่แล้วในจิตของเรา
การเดินทางของท่านยงเก มินจูตลอด 4 ปีที่จาริกแรมรอนนั้น จึงไม่ได้นำพาตัวท่านไปยังหนแห่งใด แต่ทำให้ทุกหนแห่งที่ท่านไป คือ ธรรมสถานแห่งจิต นั่นเอง
การเดินทางทำให้เราพบว่า บางครั้งเราก็ต้องหยุด เพื่อจะได้สังเกตเห็นสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว เพื่อจะได้รู้ว่าทุกสิ่งที่เราปรารถนาในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสุข ความสมหวัง ความมั่งคั่ง ความยินดี หรือ ความสงบ ทั้งหมดอยู่ตรงนี้ อยู่ในปัจจุบันขณะของตัวเรา และเราต้องเดินทางเข้าไปสู่สิ่งนั้นทั้งหมด ด้วยตัวเราเอง
Create Date : 10 มกราคม 2564 |
|
25 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:57:40 น. |
Counter : 473 Pageviews. |
|
|
อ่านแต่ข้อความในกรอบ
บางข้อความก็ไม่เข้าใจ
การเล่นคำของนักแปลสมัยใหม่
ก็ยากเกินคนใช้ภาษาเก่าๆจะเข้าใจ
แต่พี่มีพลังที่จะผ่านเลย
เอาที่เข้าใจก็แล้วกัน