:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - ศาสตร์แห่งความเข้าใจ ปรัชญาปารมิตาหฤทยสูตร ::
:: ศาสตร์แห่งความเข้าใจ ปรัชญาปารมิตาหฤทยสูตร ::
เขียน : ติช นัท ฮันห์ แปล : สงบ งามมงคล
ในบรรดาพระสูตรสำคัญของพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน “วัชรปรัชญาปารมิตาสูตร” หรือ “ปรัชญาปารมิตาหฤทยสูตร” นับเป็นหนึ่งในพระสูตรที่สำคัญยิ่ง ได้รับการยอมรับนับถือจากผู้ปฏิบัติธรรมเป็นจำนวนมาก ว่าเป็นพระสูตรที่มีความเก่าแก่ และลึกซึ้งในถ้อยธรรมคำสอน โดยเนื้อหาสำคัญของพระสูตร คือ คำสอนในเรื่องของ “ความว่าง” หรือ “สุญตาภาวะ”
ท่านติช นัท ฮันห์ได้สาธยายธรรมพระสูตรนี้ ให้เห็นรายละเอียดซึ่งซ่อนอยู่ในหลักธรรมคำสอน โดยท่านยกตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นหลักสำคัญของพระสูตรนี้ นั่นคือความสืบเนื่องของสิ่งต่าง ๆ เช่น เมื่อเราหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมา บางคนอาจมองเห็นและคิดว่านี่เป็นเพียงกระดาษแผ่นหนึ่ง แต่หากเรามองกระดาษแผ่นนี้อย่างลึกซึ้งตั้งใจ เราจะมองเห็นดวงอาทิตย์อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น.... เพราะถ้าไม่มีแสงอาทิตย์ ต้นไม้ในป่าย่อมมิอาจงอกงาม ไม่มีต้นไม้ก็ไม่มีวัตถุดิบในการทำกระดาษ ทั้งกระดาษและดวงอาทิตย์ต่างอิงอาศัยกัน หากมองลึกลงไปอีกเราจะเห็นคนตัดไม้ นำไม้ไปยังโรงงาน เห็นคนแปรรูปกระดาษ คนทำงานต้องกินข้าว คนที่ปลูกข้าว ก็เป็นความนับเนื่องอิงอาศัยกัน
“การดำรงอยู่ร่วมกัน” นี้เอง คือ สัจธรรมแห่งความเป็นจริง เรามิอาจตัดขาดตนเองจากสิ่งต่าง ๆ ได้ ความทุกข์ของเรามิได้ดำรงอยู่โดยตัวมันเองโดด ๆ แต่มันกำลังส่งผลสืบเนื่องไปยังคนอื่น ๆ รอบ ๆ ตัวเรา
ทุกข์ของคนหนึ่งคน จึงอาจกลายเป็นทุกข์ของคนนับล้าน ทุกข์ของคนนับล้าน อาจกลายเป็นทุกข์ของคนหนึ่งคน
ความรู้แจ้ง จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเรามองเห็นความจริง ความจริงอย่างที่มันเป็นจริง ๆ ไม่ใช่ความจริงที่เราคิดไปเองว่าจริง หรือเป็นความจริงที่เราเลือกรับเฉพาะส่วนที่ถูกใจเราเท่านั้น
เหมือนเกลือเม็ดหนึ่งซึ่งปรารถนาจะหยั่งรู้ความเค็มของมหาสมุทร ดังนั้นมันจึงต้องโถมตัวเองลงไปเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับกับน้ำทะเล มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เกลือจะบรรลุความเข้าใจอันถ่องแท้ได้
การมองเห็นความเป็นไปของโลก จะทำให้เราเข้าใจและยอมรับความจริงได้อย่างถูกต้องตามธรรม ไม่หลงไปกับสิ่งสมมติที่จิตของตนเองสร้างขึ้น การเห็นความจริงอย่างกระจ่างแจ้ง จะทำให้เราคลายความยึดติดในตัวตน เห็นความทุกข์ของเพื่อนร่วมโลก ประหนึ่งความทุกข์ของตัวเราเอง มนตร์ท้ายบทในพระสูตร คือคำสวดที่ว่า
“คเต คเต ปารคะเต ปาระสังคเต โพธิ สวาหา”
มีความหมายว่า
“ไป...ไป...ไปจากหนทางทั้งปวงสู่ฝั่งโน้น สู่ฝั่งแห่งการตรัสรู้”
คนเราเกิดมา และท้ายที่สุดก็ต้องตายไป แต่ก่อนตาย เราควรตายอย่างผู้ที่เข้าใจชีวิต แต่ละก้าวก่อนล่วงเข้าสู่ดินแดนสุดท้ายแห่งชีวิต ควรเป็นย่างก้าวอันเปี่ยมสุข สงบ สันติ ประจักษ์แจ้งในการอิงอาศัยกันของทุกสรรพสิ่ง เปิดรับสุขและทุกข์ของสรรพสัตว์ ประหนึ่งสุขและทุกข์ของตัวเธอเอง
Create Date : 11 มกราคม 2564 |
|
23 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:57:51 น. |
Counter : 694 Pageviews. |
|
|
ถ้อยคำช่างสร้างความงวยงงได้เป็นอย่างมากคุณก๋า