เหตุเกิดที่โรงแรม #2 : "1408" ... How to... Meet the Ghosts สุดคุ้มค่าในราคา 120
เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่ง "ดอลฟิน" ที่มีชื่อเสียงระดับห้าดาวในนิวยอร์ค... นักเขียนหนังสือจัดอันดับสถานที่โคตรเฮี้ยน "ไมเคิล เอนสลิน" ได้พบกับการท้าทายครั้งสำคัญจากคำเตือนของผู้ประสงค์ดีใครบางคนที่เตือนไม่ให้เขาเข้าพักที่ห้องหมายเลข "1408" ของโรงแรมแห่งนี้ ...หากไมเคิลก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด มิหนำซ้ำยิ่งยุให้เขากระหายอยากจะลอง ด้วยความรู้สึกอันโหยหาเฝ้ารอในห้องพักสักแห่งที่จะทำให้เขาได้พบกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีตัวตน และสิ่งที่เขาไม่เชื่อว่ามันมีอยู่จริงบนโลกใบนี้
ก่อนหน้าที่ไมเคิลจะเข้าสู่ประตูห้อง 1408 ...เขาเคยท้าลองใจกับห้องพักโรงแรมที่ว่าเฮี้ยนมานักต่อนัก แต่ก็ไม่เคยเจอที่ไหนจะให้ประสบการณ์ความกลัวจนหัวหดได้เลย (แล้วที่อุตส่าห์เอามาจัดอันดับว่าเฮี้ยนนั้น มันก็เป็นแค่การเมคไปตามเรื่องเล่า บวกกับความรู้สึกอันเรื่อยเปื่อย เพียงเพื่อได้เงินจากสำนักพิมพ์เป็นการตอบแทน) ซึ่งกับห้อง 1408 ก็เช่นกันที่เขาคาดการณ์ว่ามันคงจะเป็นห้องพักธรรมดาๆ ที่อยู่ในโรงแรมสุดหรูก็แค่นั้น ...ทั้งยังไม่สนในคำปรารถนาดีของผู้จัดการโรงแรม "โอลิน" ที่ย้ำหนักย้ำหนาว่า จงอย่าได้เข้าไปเป็นอันขาด
จนเมื่อไมเคิลได้เหยียบพรมของห้อง 1408 แล้ว ...เขาก็ได้พบกับสิ่งที่เขาคิดว่ามันไม่มีตัวตน ทั้งยังสั่นสะเทือนในความเชื่อทุกๆอย่างที่เขาเคยมีต่อสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า "ผี" ...เขาคิดผิดแล้วที่ริกล้าจะท้ากับห้องสุสานแตกแห่งนี้ ที่ไม่ว่าใครต่อใครจะมาเข้าพัก ก็ไม่เคยมีรายไหนทำสถิติอยู่ได้เกิน 1 ชั่วโมง (และไม่มีคนใดออกจากห้องมาได้โดยมีชีวิตหลงเหลือแม้สักคน)
"1408" ... เป็นผลงานการกำกับของ "มิคาเอล ฮาฟสตรอม" (Evil , Derailed) ที่นำเอานิยายทริลเลอร์ จากเจ้าพ่อสยองขวัญเบอร์หนึ่ง "สตีเฟ่น คิง" มาขึ้นจอในอีกวาระหนึ่ง ...ด้วยตัวภาษาหนังสือที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวชวนขนหัวลุกอยู่แล้วในทุกๆเรื่องของคิง เมื่อถูกจับมาทำเป็นหนังคราใด แล้วถ้าได้อยู่ในมือของผู้กำกับที่เป็นทางสยอง ก็มักให้ผลตอบรับความช็อคซีเนม่าได้รุนแรงไม่ยิ่งหย่อนไปกับต้นฉบับเลยทีเดียว
สังเกตได้จากหนังสยองอมตะคลาสสิคหลายๆเรื่อง ที่ทุกวันนี้ ยังคงได้รับการพูดถึง อย่าง The Shining (สแตนลี่ย์ คูบริก) , Misery (ร็อบ ไรเนอร์) , Carry (ไบรอัน เดอ พัลมา) ล้วนแล้วแต่มีที่มาจากปลายปากกาของปรมาจารย์นามสกุลราชา ท่านนี้แทบทั้งสิ้น
ผกก. ฮาฟสตรอม จึงเหมือนกับโชคดีอย่างกลายๆ ที่ได้มาทำหนังจากเรื่องราวของคิง ...มีโชคมารับหน้าเสื่อที่อาจจะสร้างชื่อเสียงอันน่าจดจำให้กับเขาได้เป็นอย่างดี ถ้าตัวเขาเองสามารถพอจะเล่ามันออกมาเป็นภาษาหนังโรงที่ชวนทำให้ช็อคซีเนม่า ไม่แพ้กันกับภาษาหนังสือได้
แม้ทว่าผมจะยังไม่เคยได้อ่านหนังสือเรื่องนี้ของคิง (หรือกับเรื่องอื่นๆก็ยังไม่เคยได้แตะต้องแม้แต่หน้าปก) ...แต่ 1408 ที่ได้เห็นในโรงหนังกับเวลา 1 ชั่วโมงกว่าๆ ทำให้ผมเชื่อแทนว่า สตีเว่น คิง ย่อมจะต้องรู้สึกปลาบปลื้มเป็นล้นพ้น และเหนือกว่านั้น ฮาฟสตรอม ก็ได้กลายเป็นอีกหนึ่งชื่อของผู้กำกับหนังแนวระทึกขวัญที่ชวนให้ไว้วางใจของผมไปเรียบร้อยแล้ว (ทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูงานสร้างชื่ออย่าง Evil เลยซะด้วยซ้ำ)
สิ่งที่ ฮาฟสตรอม ทำเอาไว้กับเหล่าคนดูตาดำๆ ก็คือ การสร้างบรรยากาศไม่น่าไว้วางใจรุมเร้าเอาไว้รอบๆตัวเรา ...แต่ภายแรก เราคงจะรู้สึกกันว่า 1408 มันก็แค่ห้องพักธรรมดาๆในโรงแรมระดับหรูเลิศ เช่นที่ ไมเคิล คิดอ่านเป็นเดียวกัน จนต่อมาที่ห้องนี้ได้เริ่มกระทำการแผลงฤทธิ์ ด้วยผลกรรมอันเคยสบประมาท ก็นำพาให้เราต้องขวัญหนีดีฝ่อไปกับมุขสยองชวนหลอนต่างๆนานาที่หนังสรรหาเอามาเล่นกับสถานที่ และอารมณ์ของคนโดนกระทำทั้งไมเคิล และคนดู(ที่แค่เฝ้าสังเกตการณ์)ก็พลอยโดนหางเลขไปตามๆกัน
ถึงแม้ตัวหนังจะถูกเน้นการขายมุขสยองด้วยจังหวะ กับความโจ๋งครึ้มเอาให้ใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มซะเป็นส่วนใหญ่ หากแต่การเดินเรื่องของฮาฟสตรอมกลับดูขัดแย้งแบบกลวิธีเนิบๆที่ปล่อยไปเชื่องๆ ให้หนังกัดกร่อนจิตใจคนดูไปอย่างไม่เร่งรีบ ...1408 มีเชิงตะกอนของความเป็นดรามาแอบแฝงอยู่ในทุกช่วงโดยตลอด ในเวลาที่ผ่อนๆความสยองลง หนังก็จะหลีกมาเล่นกับแง่มุมความหลังของตัวละคร ไมเคิล ควบคู่กันไป (ซึ่งความฝังใจในอดีต และอุปนิสัยที่ขวางโลกของ ไมเคิล นั่นเองที่จะมีผลต่อสภาวะทางจิตของเขากันตรงๆตลอดช่วงเวลาที่เขาต้องผจญกับความน่าสะพรึงแห่งห้อง 1408)
สิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกติดใจกับ 1408 เอาอย่างมาก ก็คือ ส่วนของบทหนัง ซึ่งกระทำตัวหนังเองให้เหมือนจะเป็นคู่มือ How to... Meet the Ghosts
ถ้ามองในแง่ของเรื่องราว ก็อาจจะดูเป็นแค่มุขๆหนึ่ง ที่ล้อเลียนอาชีพนักเขียนของไมเคิล ...หากแต่ที่ผมได้เห็นแล้วนึกคิดตามไปเป็นฉากๆ ก็ทำให้รู้สึกเสมือนว่าหนังกำลังแสดงภาพเหตุการณ์จำลอง ที่เอา ไมเคิล มาเป็นตัวตายตัวแทนมนุษย์เราๆทุกคน ขณะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเจอภาพหลอน หรือสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีตัวตน
หนังเดินไปเป็นสเตปจังหวะทีละขั้นตอน ของการเผชิญหน้าความน่ากลัว ...ขั้นหนึ่ง คนเรามักจะประมาท ไม่หวาดหวั่นใจอะไร -> ขั้นที่สอง เมื่อได้เจอก็เสียสติ ทำอะไรลุกลี้ลุกลน คุมตัวเองไม่อยู่ -> ขั้นที่สาม พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะหลีกหนี ต่อให้บางวิธีอาจจะทำแล้วถึงตายก็ยอม -> ขั้นที่สี่ เมื่อรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะตาย ก็จะใช้สมองคิดจินตนาการไปต่างนานาว่าเราไม่ได้อยู่ตรงนั้น -----------> และขั้นสุดท้าย เป็นขั้นที่คนส่วนใหญ่อาจจะทำไม่ได้ ก็คือ สิ่งที่ไมเคิลทำเอาไว้เป็นการตอบแทนห้อง 1408 ในฉากไคลแม๊กซ์ (อยากรู้ว่าคืออะไรต้องไปดูกันเอาเองนะ...)
สถานการณ์ต่างๆที่หนังวางทอดๆกันมาไปเป็นสเตป ดำเนินโดยเพิ่มดีกรีความระทึก อัดความหลอนเข้าไปเรื่อยๆ ...ผกก.ฮาฟสตรอมสร้างความกดดัน ได้ในทุกๆตารางพื้นที่เล็กๆของห้อง 1408 ให้อบอวลไปด้วยความประหวั่นพรั่นพรึงทั้งจากสิ่งที่ได้เห็นบนจอ กับความรู้สึกลึกๆที่อินไปตามการกระทำของไมเคิล
การแสดงของ "จอห์น คูแซ็ค" ได้แบกหนังเอาไว้ทั้งเรื่องแต่เพียงผู้เดียว ความทุ่มเทรับผิดชอบที่เขามีต่อบท ไมเคิล ทำให้ผมรู้สึกประทับใจการเล่นหนังของเขายิ่งกว่าครั้งไหนๆ ...เขาทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาเจอ เขาทำให้เราอินในสิ่งที่เขาทำเขาทำให้เราเห็นใจ ในสิ่งที่เขาเคยผิดพลาดมา การแสดงออกทางอารมณ์อันพลุ่งพล่าน ที่เคลือบแฝงความหดหู่ ของ คูแซ็ค สามารถตึงคนดูให้อยู่กับที่นั่ง และจ้องมองดูไปลุ้นไปว่าเขาจะทำอย่างไรกับชีวิตที่ใกล้จะตายไปอย่างช้าๆทีละนิดๆ ...ส่วนบทสมทบ(ที่เหมือนจะรับเชิญ) ของ "แซมมวล แอล. แจ๊คสัน" ก็ออกเพียงน้อยแต่ให้ได้มาก (ห้อง 1408 ที่ว่าโรคจิตแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับอีตาผู้จัดการโอลิน ที่ดูจะเป็นตัวอันตรายไม่น่าไว้ใจยิ่งไปกว่าอีก)
"1408" ... ถ้าคุณกำลังถามหา หนังสยองขวัญ ที่ให้ความระทึกอย่างเต็มอิ่ม กับความหลอนชนิดที่ออกจากโรงมาก็ยังตราตรึงสะพรึงกลัว (แบบว่าอาจจะรู้สึกปลอดภัยน้อยลง เมื่อไปพักอาศัยอยู่ในห้องพักโรงแรม) หนังเรื่องนี้ คือ หนังที่คุณต้องการ ...เท่าที่ดูหนังสยองมาเป็นสิบ ตลอดเวลา 9 เดือน ยังไม่มีเรื่องไหนที่ให้ความประทับใจได้สูงสุด คะแนนเต็มร้อยเท่านี้ ดีไม่ดีก็อาจจะมีสิทธิ์ติดหนึ่งใน 10 อันดับ หนังในดวงใจของผมในปีนี้ก็ย่อมเป็นไปได้
ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง...ครับ
เกรด A ... {}
ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน
วันนี้ คุณดู "ไชยา" แล้วหรือยัง ...ถ้ายัง ขอเชิญชวนให้ไปดู
ถึงหนังจะไม่เพอร์เฟกต์เลิศเลอ แต่คุณจะรู้สึกประทับใจในสิ่งที่คุณได้เห็นแน่นอน...อย่างน้อยๆ ก็เป็นการให้กำลังใจสนับสนุนกับกลุ่มคนคุณภาพกลุ่มหนึ่งที่ร่วมกันสร้างสรรค์อีกหนึ่งหนังดีๆ ควรค่าให้จดจำครับ
"ไชยา" ... หนัง(มวย)ไทยที่คุณต้องดูด้วยตา แล้วจะ(ต่อย)ทะลวงไส้ไปถึงหัวใจ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=03-09-2007&group=2&gblog=86
"We've Only Just Begun" โดย "Carpenters" อีกหนึ่งบทเพลงสุดคลาสสิคของวงดนตรีโฟล์คร็อคสุดอมตะ ที่ถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในความหลอนของหนังเรื่องนี้
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 21 กันยายน 2550 |
Last Update : 26 กันยายน 2550 23:43:17 น. |
|
13 comments
|
Counter : 2879 Pageviews. |
|
|
|