"Me...Myself : ขอให้รักจงเจริญ" ... เปลี่ยนตัว'คน' กับ เปลี่ยนตัว'ตน' มันแตกต่างกัน
ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณตื่นขึ้นมา แล้วพบว่าตัวเองมานอนอยู่ในโรงพยาบาล พบว่าคุณตื่นขึ้นมาด้วยสภาพที่มึนงง ในหัวเต็มไปด้วยความว่างเปล่า และคุณก็รู้สึกว่า คุณจำเรื่องราวอะไรที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่คุณจะได้มาอยู่ที่นี่ ไม่ได้เลย ...คุณได้กลายเป็นคนสมองเสื่อม กลายเป็นคนที่ไม่มีชื่อ และกลายเป็นคนที่ต้องให้คนอื่น(ที่คุณไม่เคยรู้จัก)คอยมารับผิดชอบชีวิต ...คุณลืมไปหมดว่า ชีวิตที่ผ่านมา คุณเคยเป็นใคร ? ถ้าจะให้พูดกันตามตรงแล้ว หลายๆคนคงคิดเหมือนผมว่า พลอตเรื่องของ "Me...Myself : ขอให้รักจงเจริญ" เช้ยเชย เป็นอะไรที่ทั้งเกร่อ และเว่อร์ในตัวมัน ...เป็นเหมือนกับเหล้าขวดเก่าที่เอาออกมาจากกรุ ผสมโซดาขวดแล้วขวดเล่า เป็นเหมือนเรื่องน้ำเน่าที่มีสูตรตายตัว คนดูต่างรู้ว่าสุดท้ายมันจะต้องจบอย่างไร ...พระเอก(หรือนางเอก)ต้องรู้ตัวว่าตัวเองเป็นใคร คนทั้งคู่จะต้องมีเรื่องระหองระแหงใจนิดหน่อย และสุดท้ายก็ครองรักกันโดยไม่สนเหตุผลของคนรอบข้าง ถึงเรื่องพลอตจะดูซ้ำๆซากๆ แต่มันก็ยังยอมรับกันได้ เพียงถ้าหนังหรือละครเรื่องนั้น สามารถสื่อสารคนดูได้ถึง เป็นเรื่องเป็นราวที่ทำได้โดน ...หรือต่อให้มี บ้านทรายทอง ทำใหม่ออกมาอีกสักร้อยรอบ มันก็ยังจะดี ถ้าความเก่ายังดูเก๋า เอามาทำแล้วทำเล่า คนดูก็ยังสงสารเห็นใจในพจมาน และอยากจะมุดทีวีเข้าไปฟาดหนามทุเรียนใส่คุณหญิงแม่ คุณหญิงเล็ก ...ขอให้ทำได้อินขนาดนั้น มันก็ถือว่าน่าพอใจแล้ว ก่อนหน้าจะมาเป็นงานหนังเรื่องแรกของเขาเรื่องนี้ ผมเองก็เคยติดตามงานละคร ฝืมือการกำกับของ พี่อ๊อฟ-พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง มาก่อน ซึ่งงานแต่ละเรื่องก็นับว่าดูสนุก ...โดยเฉพาะกับ "กุหลาบสีดำ" ที่ถือว่าเป็นละครที่เขาทำออกมาได้ลงตัวมากที่สุด อีกทั้งก็ยังเป็นละครที่ผมติดหนึบ ต้องคอยเฝ้าตามดูมันทุกตอนเลยทีเดียว (อยากจะใช้คำว่าประทับใจ เพียงแต่ตอนจบของมัน กลับทำผิดหวังสุดๆซะงั้น) จนเมื่อเขาได้ก้าวขึ้นมาทำงานหนังเป็นหนแรกแล้ว ...สิ่งที่เคยทำไว้ก่อนหน้าจึงเหมือนว่าเป็นเครดิตดีติดตามตัว สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กับคนที่เคยเห็นฝืมือของเขา ชวนให้มอง Me...Myself ในแง่บวก ...แม้ว่านี่จะดูเป็นงานไม่ใช่แนวถนัดของพี่เขาก็ตามทีเถอะ ด้วยความคาดหวังที่มีอยู่พอสมควร กับตัวอย่างหนังที่ตัดออกมาได้ซาบซึ้ง ... ความคิดที่ผมมีต่อ Me...Myself เมื่อออกจากโรงมาก็คือ 'ความประทับใจ' ซึ่งถึงแม้จะไม่สุดๆ แต่มันก็พอเพียงที่จะพูดว่า 'ไม่ผิดหวัง' ฝืมือของพี่อ๊อฟในคราวนี้ มีการพัฒนาไปอีกขั้น ...หลังจากที่เราเห็นเขาเน้นลุยเน้นบู๊ ทำอะไรให้มันตื่นเต้นเข้าว่า ในงานละครกันมาแทบทุกเรื่อง การปรับตัวในหนนี้เขาทำให้เราเชื่อว่า 'เขาเป็นที่จะทำหนังรัก' แม้มันจะไม่ใช่แนวของเขา เขาก็เก่งสามารถพอที่จะทำ ... Me...Myself มีความกลมกลืนของอารมณ์ขัน-อารมณ์ซึ้งอย่างพอดีพอดิบ ไม่เน้นอะไรให้มากเกินไป ทำสองช่วงอารมณ์ให้เป็นสัดเป็นส่วน แยกครึ่งแรกและครึ่งหลังให้มันแนบเนียนและดูต่อเนื่องไม่โดดไปโดดมาจนเสียบรรยากาศ ...ภาษาทางภาพที่หนังสื่อสาร ก็ดูสวย มีจุดแข็งที่ขับเน้นความอินออกมา ทำให้เกิดความโดนขึ้นมาในห้วงรู้สึกนั้นๆ (ยกตัวอย่าง ฉากที่กล้องแพนภาพไปยังกระเทยรอบข้างแล้วก็เลื่อนมาเจอ แทน ในวัยทารก หรือจะเป็นฉากที่ อุ้ม ฝึกเล่นสเก็ตน้ำแข็ง ตัดขัดแย้งกันกับฉาก แทน ซ้อมเต้น) ซึ่งส่วนนี้ต้องขอชมประสบการณ์ความเชี่ยวชาญของ "คุณสยมภู" ตากล้องมือวางอันดับต้นๆ ของหนังไทยด้วย การแสดง ของ 4 ตัวละครหลัก ถือว่าสอบผ่าน ...คะแนนในเกณฑ์ดีเยี่ยมต้องเทให้ คู่พระ-นาง ที่เคมีลงตัว ในขณะที่ตัวประกอบหนุ่มน้อย และพี่ทอมตุ๊ยตุ่ย ก็แย่งซีนได้ดี (ส่วนตัวละครเพื่อนบ้าน...ไม่ใส่เข้ามา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร) "อนันดา เอเวอร์ริ่งแฮม" ในบท "แทน" ...เขาทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เขาเป็น ทำให้เราได้เห็นว่าเขามีความจริงใจกับนางเอก ไม่ใช่แค่คบกันเพียงเพราะความใกล้ชิด ...ในฉากที่เอาตลกเขาเล่นได้น่ารัก ในฉากขายดรามาก็แสดงความนิ่ง เข้าถึงบทบาทอันสับสนได้เป็นอย่างดี ...ถือได้เลยว่าฝืมืองานแสดงของหนุ่มมาดเซอร์คนนี้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด เมื่อเทียบกับ ชัตเตอร์ (ที่เรื่องนั้นยังถือว่าแข็งสำหรับผม)"ฉายนันทน์ มโนมัยสันติภาพ" ในบท "อุ้ม" ...เธอทำให้เราเชื่อในสิ่งที่เธอจำใจต้องเจอ ทำให้เราได้เห็นว่าเธอเจ็บปวดกับความรัก(ต้องห้าม)มากแค่ไหน ...ในฉากที่เธอทำเปิ่น ทำแบ๊ว ดูขำๆน่ารักมั่กๆ ในฉากหวังกระชากน้ำตา เธอบีบอารมณ์ของคนผิดหวังได้น่าเชื่อถือ ...ถึงจะเป็นเรื่องแรก แต่การแสดงประเดิมจอของเธอ ให้ผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ชวนใครต่อใครต้องตกหลุมรักกันอย่างง่ายดาย ...บางคนอาจจะมองว่าเธอไม่สวยในตอนแรก แต่เธอคุณได้ดูเธอในหนัง เชื่อได้เลยว่ามุมมองคุณจะเปลี่ยนไปอย่างประกาศิตของพี่อ๊อฟ "ผมตั้งใจที่จะให้นางเอกไม่สวย เพียงแต่เมื่อคุณดูหนังจบ คุณจะเห็นว่าเธอสวย" องค์ประกอบความเป็นหนังโดยรวม ช่วยสร้างบรรยากาศของ Me...Myself ให้คงความน่าติดตามได้มาตลอด แต่มันก็มาเสียเอาตอนท้ายๆ ไป ที่หนังต้องการเนิบ และยืดเยื้อความอินมากเกินไม่พอดีกับความพีค แม้ว่าภาพรวมของช่วงท้าย จะยังคงโดนได้อยู่ แต่การตัดต่อก็น่าจะทำให้กระชับกว่านี้ได้อีก ...ซึ่งกับการที่ปล่อยความรู้สึกดีๆให้กินเวลานานจนเกินไป ในบางครั้ง(กับหนังตอนจบสวยๆบางเรื่อง) มันก็มีสิทธิ์จะส่งผลเสียได้มากกว่าผลดี อีกอย่างหนึ่งที่ต้องไม่ลืมยกผลประโยชน์ให้ ก็คือ สิ่งที่ Me...Myself มี และทำได้ดีที่สุด อันคือ บทหนัง จากฝีมือการคิดและเขียนของ "คงเดช จาตุรันต์รัศมี" ...เขาเข้าใจในความสับสนอย่างลึกซึ้ง เข้าถึงนิยามความรักรูปแบบใหม่ การตั้งโจทย์และตีคำตอบของเขาอยู่ในกรอบที่เป็นไปได้ ...แม้ใครบางคนจะคิดว่า "พระเอกสมองเสื่อม ยังไงก็เปลี่ยนตัวตนไม่ได้" แต่คุณคงเดชก็ให้คำโต้แย้งที่มีน้ำหนักพอจะให้คนดูรู้สึกเชื่อในสิ่งที่หนังเป็น เท่าที่ดูหนังที่เป็นงานเขียนบทของเขามานี่คือ งานที่ดีที่สุด และผมก็ชอบมากกว่าสองโรแมนติกตั้งใจบีบ(น้ำตา) "The Letter" และ "เฉิ่ม" ตั้งแต่ตรงนี้ SPOILER ...คนยังไม่ได้ดูหนัง อย่าเพิ่งอ่านนะครับ... เมื่อนำแนวคิดของบทหนังมาตีความ ผมมอง ผมคิด ผมตัดสินว่า... ถึง"แทน" จะยอมเปลี่ยนตัว'ตน' เพื่อได้รักกับคนที่เข้าใจเขา แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนตัว('คน') เองให้คืนกลับมาสู่ความเป็นชาย บทของคุณคงเดช พยายามให้ภาพลักษณ์และสัญลักษณ์อะไรมากมายกับคนดู ... ตั้งแต่การสนทนาของสองหมอ ซึ่งจากที่ได้ยินในตอนแรก มันก็แค่คำพูดภาษาการแพทย์ที่ฟังแล้วงง คิดแล้วไม่เข้าใจ แต่พอเราได้ฟังมันอีกครั้งในฉากจบมันทำให้เราคิดได้ว่า สิ่งที่คนทั้งสองสื่อสารมันมีความหมายตรงๆ กับบทสรุปของหนัง เพียงถ้าเราใส่ใจ เราก็เข้าใจในสิ่งที่หนังต้องการสื่อสารมาทั้งหมด หรือจะเป็นภาพแฟลชแบ๊ค ย้อนความหลังของ แทน นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราเห็นว่า ความเป็นกระเทยของแทนมันเกิดขึ้นมาจากสภาวะแวดล้อมมันพาไป ...ตัวละครผู้เป็นป้าเอง ก็ไม่ได้มีตั้งใจให้เขาเป็นอย่างนี้เพียงแต่ถ้ามันจำใจต้องพาเขาเข้ามาด้วยความจำเป็น ...ที่แทนความจำเสื่อม แล้วลืมเพศของตัวเองไปนั้น มันไม่ได้หมายความว่า หนังก็โม้ไปอย่างนั้น แต่มันหมายความถึง จิตใจของแทนยังคงมีความเป็นผู้ชายอยู่ เขายังคงแอบซ่อนความแมนไว้อยู่ในนั้นลึกๆ ความร้าวรานในใจตัวละคร "ทันย่า" ที่แทน สวมทับ ยิ่งช่วยสร้างความน่าเชื่อถือของเรื่องราว ...การที่เธอเพิ่งผิดหวังกับความรักของผู้ชายหลายใจ เพิ่งแตกสลายกับความไว้ใจที่อุตส่าห์มีให้ มันคือเหตุผลที่มีความนัยลึกๆ ชวนให้คิดถึง การอยากลืมเลือนความเป็นกระเทยในใจของเขา เขาอยากจะละทิ้งมันไปซะ เพียงแค่จะหนีความเป็นจริงที่เพิ่งโดนคนเพศเดียวกันหักอก และเมื่อ แทน ได้รู้ความเป็นจริงว่าเขาคือใคร ...การแสดงออกของแทน ก็ทำให้เห็นเป็นภาพว่า จิตใจของเขา มีทั้งความสับสนและอยากปฏิเสธ ..."ถ้าผมเป็นกระเทยจริง ทำไมเมื่อกี้ผมรู้สึกขยะแขยงล่ะ" คือ คำพูดที่เข้าใจได้ง่ายว่าความสองจิตสองใจของเขา ได้ทำลายล้างตัวตนความเป็นชายไปแทบสิ้นแล้ว สุดท้ายแล้ว แทน ก็ปฏิเสธว่าเขาคือใคร ...สุดท้ายแล้ว แทน ก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น แม้ความรักที่เขามีให้อุ้มอยากคงมี อยากคงอินอยู่กับมัน แต่เขาก็ต้องห้ามหักใจ ไม่อยากให้อุ้มต้องโดนต่อว่า "เป็นเมียกระเทย ไม่อายเหรอ" ในขณะเดียวกัน อุ้ม ก็มีห้วงความคิดที่อายในตัวเองอยู่ อุ้มอายที่จะโดนต่อว่าในรักต้องห้ามของเธอ เธอสับสน เธอฟุ้งซ่าน กับสิ่งที่ใจเธอกำลังเป็น ...จนเมื่อเธอได้ฟังคำพูดของ อาเฮีย(ผู้เป็นทอม)หัวหน้าของเธอ (เขาเองก็สับสนในสิ่งที่เขาเป็นอยู่) ก็ทำให้เธอได้เห็นแสงสว่าง ทำให้เธอได้รู้ว่า แทนไม่ผิดอะไรเลยที่เป็นอย่างนี้ "ถ้าผมเป็นกระเทย น้าอุ้มจะยังรักผมมั้ยครับ" คำถามของโอม คือ ความหมายของการยืนยันว่า ต่อให้อุ้มพยายามจะปฏิเสธความจริงหนีความปวดร้าวสักเท่าไหร่ สุดท้ายแล้วอุ้มก็ไม่มีทางพ้นได้ และเธอก็ต้องยอมรับว่า แทนยังคงเป็นผู้ชายที่อุ้มรัก เป็นคนที่อุ้มตกลงปลงใจจะเป็นรักแท้ และคาดหวังให้เป็นรักสุดท้ายที่ผู้หญิงอย่างเธอตามหามานาน ฉากจบที่ อุ้มมาหาแทน และชมแทนว่า "เต้นเก่งนะ" ทำให้เรารู้ว่า อุ้มพร้อมที่จะยอมอาย พร้อมแล้วที่จะเป็นเมียกับผู้ชายที่ถูกสังคมเรียกขานว่า กระเทย คำถามหนึ่งคำถาม "ยังรักอยู่มั้ย" ที่อุ้มถามแทน ยิ่งทำให้เรารู้ว่า อุ้มไม่สามารถตัดใจจากคนที่ตัดสินจะรักหมดหัวใจคนนี้ไปได้ ...คำตอบที่อุ้มต้องการ ไม่มากมายอะไร แค่คำสั้นๆว่า "รักสิ" แค่นี้มันก็เป็นคำตอบที่ไม่ต้องการความเข้าใจอะไรอีก ..."แค่นี้ก็พอแล้ว" คือ สิ่งที่คนดูรู้สึกได้ถึงความบริบูรณ์สิ้นสุดกันของหนัง และชวนอยากจะโห่ร้องยินดีให้กับความรัก อย่างที่ชื่อหนังว่าไว้ว่า "ขอให้รักจงเจริญ" "สุดท้ายแล้ว ถึงแทนจะยอมเปลี่ยนตัว'ตน' เพื่อได้รักกับคนที่เข้าใจเขา แต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีทางที่เขาจะเปลี่ยนตัว'คน'ให้คืนกลับมาสู่ความเป็นชาย" ...ขอให้เข้าใจว่า ตัวตน กับ ตัวคน มันคนละความหมาย มันแตกต่างกัน ตัวตน คือ สิ่งที่ใจของเขาต้องการ ตัวคน คือ พฤติกรรมที่เขาต้องเป็น เพียงแค่คุณสามารถแยกมันออกได้ คุณก็จะพบกับความเข้าใจในเรื่องราวทั้งหมดที่ Me...Myself ต้องการสื่อสารให้คุณประทับใจMe...Myself : ขอให้รักจงเจริญ ... หนังไทยดีๆ ที่อยากให้คุณได้สัมผัส ถึงมันจะไม่ใช่ที่สุด แต่นี่ก็คือหนังที่พูดคำว่า "ประทับใจ" ได้อย่างเต็มปาก ...คอหนังรัก ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ขอแนะนำ ...ครับเกรด A- ..."สิ่งที่ฉันเป็น" โดย "Ebola" เพลงร็อคโคตรโดนที่เหมือนแต่งมาเพื่อหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 29 เมษายน 2550
Last Update : 29 เมษายน 2550 0:00:19 น.
11 comments
Counter : 5609 Pageviews.
โดย: Raisin IP: 58.64.125.80 วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:1:48:33 น.
โดย: โสดในซอย วันที่: 29 เมษายน 2550 เวลา:9:57:07 น.
โดย: ต.เต่าหลังตุง (pintakai ) วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:16:56:03 น.
โดย: Me...Myself IP: 125.27.171.119 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:19:13:16 น.
โดย: B_Freedomlover IP: 210.1.15.99 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:21:10:20 น.
โดย: Commencer วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:55:56 น.
โดย: natadee IP: 58.9.165.198 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:22:17 น.
โดย: เพิ่งดูมา IP: 58.8.9.165 วันที่: 17 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:41:39 น.
โดย: raku_z IP: 125.24.9.74 วันที่: 21 สิงหาคม 2550 เวลา:16:46:39 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
ขอบคุณที่ลงเพลงให้ฟังจ้า