ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ : The Best of the Year 2010 กับ 10 ฉากในหนัง ..ที่สุดแห่งความประทับใจ
ชวนย้อนไปอ่านภาคที่แล้วกันก่อน ..โดยคลิกไปยัง Banner ด้านล่างนี้ เว้นวรรคจากภาคก่อนไปเสียนาน อาจคิดว่าลืมกันไปแล้ว ..ก็ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกครับ เพียงแต่ว่าช่วงเวลาที่หายไปร่วมสองเดือนนี้ มีอะไรสำคัญๆให้จัดการมากมาย เลยจัดเวลามาเขียน มาบอกกล่าวไม่ได้ดังใจ แต่ในเมื่อเวลานี้ก็ล่วงเลยมาถึงช่วงสงกรานต์ วันปีใหม่ไทยแล้วอย่างงี้ ..สิ่งที่ค้างคามาตั้งแต่ปีก่อน ยังไงก็ควรจัดการให้หมดไปเถิด ดังนั้นผมจึงขอกลับมาเพื่อสะสางกับบทสรุป อีกสองภาคสุดท้ายให้เสร็จสิ้น เพื่อจะได้เปลี่ยนมาโฟกัสหนังใหม่ๆในปีนี้กันได้เสียที และอีกภาคหนึ่งที่ จะนำเสนอในรีวิวครั้งนี้ ก็เป็นการสรุปเรื่องความรักความชอบที่มีต่ออีกส่วนประกอบหนึ่งที่มีอยู่ในหนัง อย่าง ฉาก บางฉาก ก็อาจมีผลต่อเนื้อเรื่อง บางฉาก ก็อาจไม่เกี่ยวกับหนังโดยหลัก หรือบางฉาก ก็เป็นจุดหักมุม หรือถึงขั้นเป็นไคลแมกซ์ (จุดจบ) ..แต่สุดท้ายแล้ว 10 ฉากที่จะนำมาพูดถึงในที่นี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฉากที่ผมเลือกขึ้นมา เพื่อจะบอกว่า ผมประทับใจ กับสิ่งที่ฉากๆนั้นบอกกล่าวให้ผมรู้ เข้าใจ และหลงรัก ในเรื่องราวที่มันได้แสดงออกมาThe Best of Scene ฉาก ที่สุดแห่งความประทับใจ ขอจัดเป็นอันดับ นับจากหลังมาหน้า น้อยกว่าไปหามากกว่า ..รวมเป็น 10 ฉากที่ควรค่าแก่การจดจำ ดังต่อไปนี้หมายเหตุ : ถ้าการพูดถึงฉากบางฉาก จะดูเหมือนเป็นการ SPOILER ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ..แต่ผมจะพยายามบอกให้น้อยที่สุดละกัน อันดับ 10
เป็นฉากต่อสู้ โดยใช้มือเปล่า ที่อัดเต็มทั้งวิทยายุทธ์ ความแข็งแกร่ง หนักแน่น และรุนแรง ..แต่ขณะเดียวกัน คู่ต่อสู้ ก็โหด เหี้ยม และบ้าพลังสุดๆ ชนิดที่ ไม่ว่าใครจะเก่งเชิงหมัดมวยขนาดไหน ขอให้ล้มเจ้านี่ ก็ถือว่าเป็นงานที่ยากแสนสาหัสยิ่งนัก แต่ความสนุกของฉากนี้ ก็ไม่ได้มีแค่ การมองหากลวิธีใดๆ ที่พระเอกจะสามารถเอาชนะตัวอันตรายเจ้านี่ได้ ..หากที่ทำให้มันมีอะไรมากกว่านั้น ก็คือ ความรู้สึกที่หนังมอบให้มาแต่ต้นยันใกล้ถึงจุดจบแล้ว ที่ล้วนส่งพลังความฮึกเหิม ปลุกใจ และทำให้คนดูที่อาจเป็นจีน หรือไม่เป็น ก็ล้วนแต่ต้องกลายพวก เปลี่ยนเป็นคนจีนในช่วงนาทีนั้น อย่างสมบูรณ์ ซึ่งมันเป็นความรู้สึกรักชาติ ที่ไม่ใช่อารมณ์ของชาติคอมมิวนิสต์นำพา ...แต่มันเป็นอารมณ์ของปุถุชนคนหนึ่ง ที่รู้สึกเชื่อในการตอบแทนคุณให้ชาติที่เป็นแผ่นดินแม่ ที่ถือกำเนิดเรามา และควรค่าแก่การดูแลรักษามิให้ชาติอื่นใดเข้ามาทำลาย ..ฉะนั้นประโยคที่ว่า ถึงต้องตายก็ยอม จึงเป็นสิ่งที่หนังเรื่องนี้สื่อออกมาผ่านฉากนี้ได้อย่างเข้มข้น และเอาอยู่อย่างที่สุด ฉากที่ว่า ปรากฏใน Ip Man 2 ฉาก... การต่อสู้ครั้งสุดท้ายของ ยิปมัน อันดับ 9
นี่เป็นฉากที่มันมีในหนังเป็นห้วงสั้นๆ มีความยาวอาจไม่ถึงนาทีเสียด้วยซ้ำ ..แต่กระนั้นมันก็ มิวายเป็นเรื่องที่ติดตรึง คั่งค้างคาใจ มาตลอด ในทุกๆเวลาใดที่คิดถึง นักแสดงสาวที่ชื่อ แองเจลินา โจลี่ ผมมองว่า โจลี่ คือหนึ่งในนักแสดง ที่เก่งกับการเล่นบทเดิมๆ ให้ออกมาไม่ดูซ้ำซาก ..โดยเฉพาะการรับเล่นบทบู๊ ที่ก็ผ่านมาแล้วหลายสิบเรื่อง แต่ทุกเรื่องก็ยังจะสร้างเอกลักษณ์ของตัวละครที่แตกต่าง ภาคลีลาการสู้มีไม่เหมือนเดิม จนยากจะจับทางได้เลยว่าแต่ละเรื่อง เธอจะมาแนวไหน? แต่อย่างหนึ่งที่แตกต่างอย่างรุนแรงสำหรับหนังเรื่องนี้ที่เธอได้เล่นเอาไว้.. ผมมองเห็นมุมมองความดรามาของเธอ(ที่สามารถในระดับเข้าชิงออสการ์มาแล้ว)อย่างเข้มข้น แสดงออกผ่านแววตา แล้วมันก็ฉายออกมาในห้วงเวลาที่ตัวละครของเธอต้องพบกับอารมณ์หลายหลากเข้ามาประดังประเด และประทะโดยพร้อมกันอย่างมิได้นัดหมาย ...และเมื่อสติเธอถูกเรียกคืนได้อีกครั้ง เธอก็คงความนิ่งขึง(แนบเนียน) แต่กลับแสดงออกซึ่ง ความไร้ปราณี ที่สามารถฆ่าใครก็ได้บนโลกใบนี้ หากแค่ลองคิดขวางทางเธอ ...มันสนุกสุดเท้าก็ตรงนี้นี่แหละ! ฉากที่ว่า ปรากฏใน Salt ฉาก... คนรักของซอลท์ ถูกฆ่า อันดับ 8
การรวมเอาศิลปะแห่งการถ่ายทำ มาผสมผสานกับการตัดต่อที่มีชั้นเชิง พบได้ผ่านฉากนี้ ในหนังไทยที่น่ายกย่องในงานเบื้องหลังอย่างยอดเยี่ยมสำหรับปีที่ผ่านมา คือ ถ้ามองในแง่ของเรื่องราว ฉากนี้อาจจะไม่มีอะไรเลย หากนำเสนอแบบเพียวๆ แยกส่วนของใครของมันกันไปเลย ..เมื่อส่วนหนึ่ง คือ พระนางที่พลอดรักกัน ขณะอีกส่วน คือ การตามล่าหาเสือตัวอันตราย แต่เมื่อนำทั้งสองส่วนมาตัดต่อ โดยอิงนัยน์การสื่อถึงกันและกันอย่างล้ำลึก (เสือตัวอันตราย = ผู้หญิงตัวร้าย) ..ซึ่งหากไม่คิดอะไรแล้ว ก็อาจมองว่านี่คือ ฉากที่เล่าได้สวยอีกฉากของหนัง ...แต่โดยส่วนตัว ที่เข้าใจในความหมาย จึงเห็นว่า นี่คือ ฉากที่อินดี้จ๋า แต่พบได้ในหนังไทยเมโลดรามาขายตลาด ที่บาดอารมณ์ได้ อย่างเยือกเย็นนัก! ฉากที่ว่า ปรากฏใน ชั่วฟ้าดินสลาย ฉาก... เลิฟซีน ที่น้ำตก อันดับ 7
การดูหนังแล้วรู้สึกเหมือนว่าเรากำลังบินได้ ..นี่ย่อมไม่ใช่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จาก หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของ เครื่องบิน แต่อย่างใด หากความรู้สึกนี้ มันเกิดขึ้นได้ด้วย จินตนาการอันล้ำเลิศของคนสร้างหนัง มาพบกันกับงานเทคนิคระดับเทพของคนปั้นภาพ โดยได้ตัวช่วยชั้นดีอย่าง 3D มาร่วมสนับสนุน ..เกิดเป็นการร่วมมือร่วมใจที่ลงตัว และสมบูรณ์แบบ ในทุกสิ่งอัน ที่ต้องถือเลยว่า มันมีอย่างใดอย่างหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยจริงๆ ผมเคยรู้สึกเหมือนตัวเองบินได้มาครั้งหนึ่ง เมื่อตอนดู Avatar ..แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็เกิดบินได้อีกครั้ง กับช่วงเวลาที่เป็นเหมือนดังภาพฝัน ซึ่งคลับคล้ายจะเป็นความจริง แต่ก็รู้ตัวว่ามันไม่ใช่ ...ซึ่งหากถึงจะไม่ใช่อย่างไรก็ตาม ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่า ผม(เชื่อว่า)กำลังอยู่บนหลังมังกร และกำลังมอง ท้องฟ้า ผืนน้ำ ขุนเขา ด้วยใจที่ตื่นเต้น เฉกเช่น ความเป็นเด็ก(ที่แอบซ่อนเอาไว้) กำลังลิงโลดถึงขีดสุด ฉากที่ว่า ปรากฏใน How To Train Your Dragon ฉาก... พระเอกขี่เจ้าหลอ ทะยานสู่ท้องฟ้า เป็นครั้งแรก อันดับ 6
เหมือนเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงด้วยดี มีลางว่าชัยชนะจะตกเป็นของฝ่ายพระเอกได้ในที่สุด ..แต่ในโลกความเป็นจริง ที่ไม่อิงความเป็นหนัง ก็ใช่ว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้นเสมอไป เช่นเดียวกับ สิ่งที่หนังเรื่องหนึ่งต้องการนำเสนอ ผ่านการค้นหาความจริงของคนๆหนึ่ง ที่ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังจะเป็นใจ และปัญหาที่ค้างคาก็ใกล้จะหมดไป จนถึงจุดสุดท้ายที่เขาได้นำเอามันมาตีแผ่ (หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่า แฉ) ..แต่ถ้าคิดว่า เรื่องใดที่เป็นความลับ(ระดับชาติ) จะถูกคลายออกมาได้ง่ายๆ นั่นก็คงเป็นความคิดที่ไร้การประเมินความเป็นไปได้ ผมจะไม่พูดว่า สุดท้าย หนังเรื่องนี้ จะจบลงอย่างไร ถ้าอยากรู้ ก็อยากให้ดูเอาเอง ...แต่หากถามว่ารู้สึกอย่างไร หลังจากดูจนจบ ก็บอกตรงๆเลยว่า ..แทบหมดแรงที่ลุ้นมาแทบตาย ฉากที่ว่า ปรากฏใน The Ghost Writer ฉาก... ตอนจบ อันดับ 5
สะใจได้โล่ห์แห่งปี ต้องยกให้ฉากนี้... ที่ระดับความแสบสันต์เต็มสิบ ความเปรี้ยวจี๊ดเต็มอัตรา และความระห่ำพลุ่งพล่าน มันรุนแรงทะลุปรอทจนห้ามอะไรไว้ไม่อยู่ นับว่า นี่คือ ฉากที่ตอบโจทย์ ความมันส์ขั้นพีคสูงสุดเท่าที่หนังแอ๊คชั่นเรื่องหนึ่งจะพึงมีได้ ..ด้วยจังหวะจะโคนอะไรหลายๆอย่างที่ประกอบเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะจากความเข้มข้นของเรื่องราว ความแข็งแกร่งของตัวละคร หรือกระทั่งเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่าง การเลือกใช้เพลงประกอบที่ต้องพ้องกับสถานการณ์แบบเข้าท่าเข้าทาง ทั้งหมดที่อยู่ด้วยกันในฉากๆนี้ มันต่างสอดรับประสานงานกันอย่างเต็มที่ ทำหน้าที่ของตัวใครตัวมันได้อย่างจี๊ดจ๊าด และที่สำคัญ กับการเป็นฉากไคลแมกซ์ คือ... มันต้อง สนุกมากกกกกกก จนเราอยากลุกจากที่นั่ง ขึ้นมาเตะคนเล่น!!? (โชคดีที่ นาทีนั้น ห้ามตัวเองให้อยู่กับที่ได้ 555555+) ฉากที่ว่า ปรากฏใน Kick-Ass ฉาก... Hit-Girl บุกเดี่ยว โชว์เปรี้ยวในรังอธรรม อันดับ 4
แม้หนังเรื่องนี้ จะเป็นเจ้าของฉากเจ๋งๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเมืองพับได้ การต่อสู้ในภาวะไร้แรงโน้มถ่วง หรือการระเบิดของผลไม้ ...แต่ถ้าถามว่า จะมีฉากใดที่รุกล้ำจิตใจคนดูได้รุนแรงและทรงพลังถึงที่สุดแล้วละก็ เชื่อว่าทุกๆคนจะคิดถึงฉากๆหนึ่งเหมือนๆกัน มันคือ ฉากที่อาจจะ ถูกทำขึ้นมาเพื่อมุ่งหวังให้คนอารมณ์ค้างกับเรื่องราวของหนัง หากคิดในมุมหนึ่ง ..แต่ถ้าคิดอีกมุมที่ตรงกันข้าม ก็เชื่อว่า หลายคนคงรู้สึกไปทางเดียวกันกับผมว่า นี่แหละ คือ คำตอบของจุดจบ โดยไม่มีอะไรนอกเหนือไปจากนี้อีกแล้ว (กระทั่งความคิดว่าจะมีภาคต่อ ก็ลืมไปได้เลย) ซึ่งสุดท้าย จะให้เชื่อว่า คำตอบมัน ดี หรือ มันจะ เลวร้าย อย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ(ตอนจบ)ของแต่ละคน ...แต่ให้เชื่อเถอะว่า ลูกข่าง ไม่เคยหลอกใคร แม้มันจะทำให้เรามีภาวะไขว้เขว้ไปบ้างก็ตามทีเถิด! ฉากที่ว่า ปรากฏใน Inception ฉาก... ตอนจบ อันดับ 3
ร้าวรานจิตใจที่สุด คงไม่พ้นห้วงนาทีแห่งการหักมุม ที่หนังมอบกำนัลให้กับคนกลับใจ คนหนึ่ง ให้เขาได้รู้ว่า.. ถึงเวลาที่เขาต้องกลับบ้านด้วยมือเปล่า แม้โดยแรกเริ่ม ตัวละครเอกของหนังเรื่องนี้ จะเป็นคนที่น่าหมั่นไส้เต็มประดา และช่างน่ายินดีที่สังคมดูจะไม่ต้อนรับคนแบบนี้เสียเท่าไหร่ ...แต่เมื่อเราค่อยๆทำความเข้าใจ และศึกษาไปกับพฤติกรรมของผู้ชายคนนี้ ที่เห็นมีเหลี่ยมมุมของมนุษย์ผู้โหยหา อยากได้อยากมี เหมือนเช่นคนอื่นๆ เขาเป็นกัน ..เราก็รู้ว่า เปลือกนอก ไม่ใช่สาระ และเนื้อในก็ยังเปลี่ยนแปลงกันได้ หากมีอะไรไปกระตุ้นให้ต้องเปลี่ยน เพียงแต่ใช่ว่า ทุกการเปลี่ยนแปลง นั้นจะต้องให้ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเสมอไป.. เรื่องบางเรื่องอาจจะมีลับลมคมในบางอย่างที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ แล้วรอการเฉลย กระทั่งเมื่อได้รู้ การเปลี่ยนแปลงนั้น ก็คงสายเกินไปที่จะเปลี่ยนใจใครบางคนได้ในที่สุด ...แต่หนังก็ตอกย้ำให้รู้ว่า สุดท้าย คนที่ร้าวราน ก็คือ คนที่พบว่าตัวเองช้าเกินไป ที่จะคิดเปลี่ยนแปลงตามการหมุนของโลก! กลายเป็นคนเดียวบนโลกใบเก่า ที่งงกับจุดหมายว่า ชีวิตต้องการอะไรกันแน่? ..นี่แหละหนา ที่เรียกว่า เหงา!!? ฉากที่ว่า ปรากฏใน Up in the Air ฉาก... หลังประตูนั้น มี... อันดับ 2
ว่าด้วยความเหงา ยังมีอีกหนึ่งฉาก โคตรเหงา มานำเสนอ นี่คือ ฉากที่เป็นได้ทั้งบทสรุปของเรื่องราวทั้งหมดทั้งมวลจบสิ้นกระบวนความ หรือกระทั่งจะให้เป็นเรื่องราวที่ไม่จบสิ้นในสายสัมพันธ์ของมนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งเหมือนจะรู้ตัวว่า เคยสูญเสียอะไรไป แต่ก็ยังคิดว่าตัวเองสามารถเรียกคืนมันได้ เพียงแค่ให้มีตัวอย่าง เป็นใครสักคน ยอมจะกด ยอมรับการเป็นเพื่อน ของเขาที่ส่งไป ปัญหาของเรื่องราวนี้ก็คือ ใครสักคน ที่ว่านั้น มันดันเป็น คนๆเดียวกันกับที่ เคยถูกปฏิเสธความสัมพันธ์ บนโลกความเป็นจริง มาก่อน ...นี่คือ ความย้อนแย้ง ที่น่าประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อได้รู้ว่า เธอก็ยังคงสนใจในสิ่งที่คนที่เธอ(เคย)รักทำเอาไว้ แต่ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่า เขาคนนั้น ก็คือ ไอ้เด็กเนิร์ดอัจฉริยะบ้าหลุดโลก ที่เคยด่าทอเธอจนไม่หลงเหลือความสมประดีใดๆอีกต่อไป ..กระทั่งจะให้รับเป็นเพื่อน ก็คงเป็นสิ่งที่ยากที่สุดในโลกที่เธอจะสามารถทำได้ ...ถึงที่สุด ตอนจบของมันเหมือนจะน่าสะใจ แต่เอาเข้าจริง ลึกๆของชายคนนั้น ที่ชื่อว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก คงเริ่มรู้สึกผิด จนเอือมระอาในตัวเองเป็นแล้วละ ในนาทีนั้น! ฉากที่ว่า ปรากฏใน The Social Network ฉาก... ตอนจบ และ อันดับ 1
ปีที่แล้ว ถ้าใครยังจำได้ อันดับ 1 ที่ผมมอบให้ ..คือ ฉากหนึ่งที่เกิดขึ้นในหนังอนิเมชั่น และเป็นหนังอนิเมชั่นที่มาจากตัวพ่ออย่าง Pixar Studio เสียด้วย พูดมาอย่างนี้ ก็อย่าได้แปลกใจ.. ที่ในปีนี้ เรื่องราวแบบนี้ จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก กับตัวพ่อเจ้าเก่าเจ้านี้ ...มันไม่ได้เกิดเพราะความเลือกที่รัก มักที่ชัง แต่มันเป็นไปได้ก็เพราะมันมีเหตุผลในตัวของมันเองนะเออ และเหตุผลที่ผมยังคงเลือกให้ Pixar เป็นเจ้าของอันดับที่น่าพึงพอใจนี้อยู่ต่อไป ..มันก็เกิดมาจาก ความรู้สึก ที่ถูกเรียกว่า ความผูกพัน เป็นความน่าอัศจรรย์ของสายสัมพันธ์ที่มีร่วมกันระหว่างคนดูหนังคนหนึ่ง กับเหล่าตัวละครในหนังกลุ่มหนึ่ง ที่รู้จักกันมาอย่างยาวนาน และเราทั้งสอง ต่างก็รู้ว่าเราต้องการอะไรจากอีกฝั่งหนึ่ง ในขณะที่เราต้องการความสนุกสนานจากพวกเขา พวกเขาก็ต้องการสร้างความสุขให้กับเรา ..หน้าที่ที่พวกเขารับผิดชอบ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่า การทำให้เรารู้สึกดี ที่มีพวกเขา และเมื่อถึงเวลา ที่งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา ..พวกเขาเข้าใกล้เวลา จะต้องเดินทางออกไปจากชีวิตของเรา ...มันก็เป็น เวลาเดียวกันกับ หยดหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาจากเบ้าตาทั้งสอง มันร่ำร้องให้ความเสียดาย เสียใจ ที่ต้องสูญเสียอะไรไปจากชีวิตที่เคยร่วมเคียง แน่นอนว่า เรื่องบางเรื่องที่เราเดินจากมา มันอาจจะยากทำใจให้ยอมรับความจริงได้ ..แต่เรื่องบางเรื่องที่เราได้เรียนรู้ และเข้าใจ ในสัจธรรมของมันอย่างถ่องแท้ เราก็จะรู้ในทันทีว่า เราหมดห่วง หมดกังวล ไปได้เลย เมื่อถึงเวลานั้นจริงๆ เช่นเดียวกันกับ สองฉาก ที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องเดียวกัน ..ซึ่งทำให้ผมได้รู้ถึงสัจธรรม ที่แตกออกเป็นสองข้อ... ข้อที่หนึ่ง... พวกเขายังคงรักกันไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งจะรู้ว่า ชีวิตมันมีความเสี่ยง และข้อที่สอง... พวกเขายังอยู่ได้ โดยที่เราไม่จำเป็นต้องดูแลตลอดไป ..ขอแค่เราเลือกที่อยู่ที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาก็เป็นบุญมากพอแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไรไปมากกว่านี้ ที่เพียงพอจะบอกให้รู้ว่า ผมรักในสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้มากขนาดไหน ..แต่อย่างน้อยๆก็ขอให้รู้แล้วกันว่า ผมรักพวกเขามาก และดีใจทั้งน้ำตาจริงๆ ที่ได้เห็นตอนจบอันแสนงดงาม ในชีวิตที่ต้องเดินหน้าต่อไปอีกยาวนานของพวกเขา ...ในขณะที่เราก็ยังต้องเติบโตต่อไป และอาจลาจากโลก เร็วกว่าพวกเขายังอยู่ ก็ได้ ใครจะไปรู้!!? ฉากที่ว่า ปรากฏใน Toy Story 3 ฉาก... Catch Our Hand และ Pay It Forward หมายเหตุ : ไม่อาจตัดฉากใดฉากหนึ่งไปได้เลย เพราะทั้งสองฉากต่างก็มีจุดพีคที่สุดในหนังเรื่องนี้ด้วยกันทั้งคู่ และทั้งหมดนี้ ก็คือ 10 ฉากในหนัง ที่สุดแห่งความประทับใจ ในปี 2010 ของผมแล้วของคุณล่ะครับ ฉากไหนที่ติดตา ตรึงใจคุณ ตั้งแต่ปี 2010 ที่ผ่านมา มาจนถึงวันนี้ ...อยากจะรู้ว่าคุณและผม คิดเหมือนกันหรือเปล่า ? แล้วพบกันอีกทีในภาคจบ กับ "10 หนังโรง...ที่สุดแห่งความประทับใจ" ครับท่าน นอกจากติดตามตัวผมในบล็อกนี้แล้ว ก็ขอชวนไปสนุกกันในอีกช่องทางกับ "Facebook" และ "Twitter" ด้วยครับ Like Me @ //www.facebook.com/Onc3.UPoN.a.MaN และ Follow Me @ //twitter.com/once_upon_a_man ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
Create Date : 19 เมษายน 2554
Last Update : 19 เมษายน 2554 14:34:14 น.
2 comments
Counter : 12575 Pageviews.
โดย: บิ๊ก IP: 223.207.160.227 วันที่: 19 เมษายน 2554 เวลา:18:00:39 น.
โดย: Twenty3 IP: 180.183.114.249 วันที่: 22 เมษายน 2554 เวลา:18:25:05 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30