"Kung Fu Panda" ... เคล็ดหลักวิชาในตำรา(Dreamworks) คือ รวบรวมลมปราณ แล้วปล่อยฮาให้มันสุด
หลังจากขำก๊ากๆ กรามสะเทือนเลือนลั่น ครั้งล่าสุดจาก Shrek 2 ..ก็นานมาแล้วที่ ดริมเวิร์คส อนิเมชั่น ไม่สามารถแจ้งเกิดการ์ตูนที่เกิดมาเพื่อขายขำได้อย่างเต็มเหนี่ยว ..หรือกระทั่งกับ Shrek the Third ที่หวังจะสานต่อ(ยอดบัญชีสะสม) ก็แทบจะไม่เหลือความน่าขำเพื่อพบเจอกับความรู้สึกเดิมๆได้อีกแล้ว จนเมื่อการมาถึงของผลงานชิ้น(หวังจะ..)โบแดงตัวล่าสุด อย่าง "Kung Fu Panda" ถือกำเนิดขึ้นมา ดรีมเวิร์คสที่สร้างความมั่นใจ(ในตัวเอง)ว่า มันจะคืนสู่รากเหง้า(สไตล์)แห่งความก๊ากแบบเดิมๆ ได้โดยแน่ ..ก็คล้ายจะเป็นนิมิตหมายที่ดีขึ้น ในหลายๆทาง สำหรับงานจากค่ายนี้ ที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มักจะขอเทพแต่เรื่องของภาพ และความตลก หากดูใส่ใจในตัวเรื่องราว ไม่เข้มข้นเท่า ค่ายคู่แข่งอย่าง พิกซาร์ ซึ่ง Kung Fu Panda ก็ออกท่าจะน่าสนใจขึ้นมาแต่เริ่มต้น เมื่อคนคิดช่างครีเอท นำเอาศิลปะแห่งกระบวนยุทธ์แดนตะวันออก เข้ามาประยุกต์คลุกเคล้าใส่ความเป็นหนังการ์ตูนกลิ่นมะกัน ลงไปในตัว... นั่นหมายความ ดรีมเวิร์คส อาจได้มีของเด็ดอีกชิ้น เตรียมประดับบารมีโดยแน่ ถ้าเพียงคนทำ มาได้ถูกทาง และคนดู สนุกไปกับมัน หมีแพนด้าตุ๊ต๊ะปุ้มปุ้ยแสนซื่อชื่อ "โป" ..มีชีวิตลมๆแล้งๆ เฝ้าใฝ่ฝันหวังจะเป็น ยอดนักสู้กังฟูที่เก่งกาจเป็นที่สุดในยุทธภพนี้ ...แต่ถ้ามองกันที่ชีวิตจริง มันคงหมดสิทธิ์ที่จะได้เป็นเพียงแค่เบื้องต้นก็เผชิญข้ออ้าง รูปร่างอันไม่สันทัด แล้วดันต้องมารับแรงกดดันจากพ่อ "มิสเตอร์ หว่อง" (ผู้เป็น..นกกระยาง!!?) ที่หวังจะให้เขาช่วยสานต่อกิจการชายตี่ (พี่น้องกะชายสี่อีกทีหนึ่ง) บะหมี่เกี๊ยว อันรุ่งโรจน์ ให้รุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป ...แต่มีหรือที่หนัง จะทำร้ายจิตใจเจ้าโปผู้แสนอาภัพนี้ได้ลงคอ เมื่อเกิดเหตุที่ยุทธจักรจักต้องสั่นสะเทือนในอีกคำรบ เพื่อต้อนรับกับการกลับมาของยอดผู้ร้ายตัวเลวที่เคยคิดคดหักหลังปรมาจารย์ "ชิฟู" ผู้มีศักดิ์คล้ายเป็นพ่อของตัวเอง โดยที่ไอ้เสือดาว "ไต้หลุง" ซึ่งถูกจองจำในคุกเป็นเวลา 20 ปี ก็ต้องการเพียงสิ่งเดียวในการนี้ คือ ตำราแห่งนักรบมังกร ที่ยอดกังฟูทุกคน หวังหมายที่จะได้ครอบครอง เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งอันสุดยอดของนักสู้ที่ไม่อาจมีใครต่อกรได้ ในวันเกิดเหตุประลองยุทธ์ของเหล่า 5 เซียน ศิษย์ชิฟู ..แต่แรกนั้น เจ้าโป ก็หวังเพียงจะมาร่วมดูเหตุการณ์เป็นสักขีพยานร่วมยินดีกับผู้ชนะหนึ่งเดียว แต่ด้วยโชคชะตา (ที่นำมาด้วยความทะเล่อทะล่าซะส่วนมาก) ฟ้าลิขิตไว้หรือจะใด ก็ตกกระไดพลอยโดนเลือกขึ้นมาอย่างงงๆ แล้วไปจบลงด้วยอาการแสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า ของชิฟู และ 5 เซียน ที่พาลผิดหวังกับการตัดสินใจของท่านผู้เฒ่าเต่า (ที่ไม่ใช่พี่น้องของตัวละครใน ดราก้อนบอล แต่อย่างใดเน้อ) ที่เอาแต่เชื่อเรื่องดินฟ้าพยากรณ์ (ที่เป็นคนละเรื่องกับ อุตุนิยมวิทยา เน้อ) หากแต่ไม่นานจากนั้น(ขืนช้า จะทันการมั้ยเล่า) ..เจ้าโป ก็ได้เกิดอารมณ์ฮีกเหิม ต้องปลุกวิญญาณนักสู้หลบในอันหลับใหลออกมา เพื่อเตรียมตัวและใจเผชิญหน้ากับยอดนักฆ่าที่อันตรายที่สุดในยุทธภพนี้ ...ขาดแต่สิ่งเดียวที่ เจ้าโป ไม่มีเลย ก็คือ ความเป็นมวย ..และมันต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด เพื่อการจะเข้าถึงซึ่งศาสตร์ที่ยากและเย็นที่สุดในบรรดากระบวนยุทธ์ต่อสู้แห่งจักรวาลนี้ (แต่บทจะให้เป็นมวยขึ้นมา ..ก็กลายเป็นเรื่อง ง่ายดาย ซ้างั้น!!!) ...อีกทั้งต้องแบกรับความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ เป็นความหวังแห่งมวลมนุ(สัตว์)ยชาติ ที่้ต้องการความหนุ่ม (อ้าว! ฮารับ สันติสุข กันหน่อย) ให้คืนกลับมาในท้ายที่สุด ถ้าเว้ากันแต่เรื่องของพลอต ก็ดูจะเป็นอะไรที่ซิมเปิลๆ สำหรับการหยิบเอาเนื้อหาหนังกำลังภายในเชื้อจีนแท้ๆ ซึ่งพรั่งพร้้อมไปด้วยมุขเคยคุ้น ที่คุ้นเคยหลายๆอย่าง ถูกเวียนมาเล่ากันได้อีก ..หากมันจะแตกต่างและแปลกประหลาดออกไปได้หน่อย ก็เห็นจะเป็นเรื่องของฮอลลีวู้ด กับความพยายามจะจับ Feeling เอเชีย มา Mix แล้ว Make (หรือ Remake) ให้ฟีลเปลี่ยนเป็นกลิ่นสากล (แต่ก็รู้สึกว่าโดยส่วนใหญ่ มันมักออกจะมา Feel Bad มากกว่านะ) และที่แปลกได้อีกนิด ก็คือ การเล่าออกมาในรูปแบบการ์ตูนอนิเมชั่นที่ให้เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ก็ดูดี แต่ถ้ามองกันลึกๆไปถึงตัวเรื่อง ตัวบทกันเน้นๆ ก็เห็นจะต้องยอมรับว่า งานนี้ ดรีมเวิร์คส ทำออกมาได้ดีเกินกว่าคาดไว้ไม่น้อย เรื่องของความมั่วมีอยู่ต่ำกว่ามาตรฐานของค่ายนี้ที่ผ่านๆมา แล้วมันก็ยังช่างดูลงตัวเสียเหลือเกินสำหรับการประยุกต์มาเล่าให้เป็นการ์ตูน (ซึ่งหนังแบบกังฟูจ๋า..ก็มักจะมาพร้อมความรู้สึกที่มัน การ์ตู๊น..การ์ตูนอยู่แล้วเนียนๆ) ขณะเดียวกันก็ยังสอดสาระ โดยใส่มุมมองและปรัชญาแบบตะวันออก มาแอบสอนใจเด็กๆ (และผู้ใหญ่..ด้วยก็ใช่) ด้วยภาษาตะวันตกอันสากล ได้อย่างน่าจำ ซึ่งอย่างน้อยๆ คำพูดของผู้เฒ่าเต่า "Yesterday is history, tomorrow is a mystery, but today is a gift. That is why it is called the present" ..ก็เป็นไดอะล็อกที่คิดได้คมบาดจิต เกินกว่าที่จะคาดหวังได้จากหนังในตระกูลดรีมเวิร์คส สักเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเราคิดจะดู หมีแพนด้า อุตริริเล่นกังฟู เพียงแค่ขอได้ ความขำหรรษา เหนือสิ่งอื่นใดแล้ว ..ก็ขอให้คำยืนยันว่า "สะใจ..จริงแท้!!!" หากสิ่งที่เราหรรษาจากการดู Shrek คือ การยั่วเย้ายำหนังเทพนิยายที่ประโคมกันมามั่วซั่วได้ลงตัว ...เจ้าหมีแพนด้า ก็จะให้อารมณ์ขันที่ใกล้เคียง แต่มีเรื่องของความช่างคิด ช่างเมค มากกว่า และทำการบ้านมาดี เหมือนว่าผู้กำกับและเขียนบท คือ เหล่าคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของ หนังกังฟูตะวันออก เลยทีเดียว โดยเฉพาะ ฉากช่วงที่ชิฟูฝึกวรยุทธ์ให้กับเจ้าโป ...นี่คือ นาทีทองที่หนังประโคมความคิดเยอะมาตอบสนองความฮากับคนดูได้โดนที่จุดล่อหม่ำจ๊ก (มาจากคำเต็มๆว่า หัวล่อหม่ำจ๊กม๊ก) ถ้าใครยังเกิดความสงสัยว่า ทำไมต้องอุตริให้หมีแพนด้าตัวตุ๊ต๊ะมาเป็นพระเอกหนังบู๊ด้วย ..คำตอบของมันอยู่ที่นาทีช่วงนี้ และมันจะเฉลยด้วยความก๊าก แบบที่ต้องทนปวดกรามกัน นันสตอปและอีกอย่างที่ต้องขอแนะนำเป็นไฮไลท์สำหรับคอหนังกังฟูทั้งหลายแหล่ ..ก็คือ บรรดาฉากแอ๊คชั่น ที่แม้จะเห็นๆว่าเป็นการ์ตูน ดูไม่จริงกันชัดๆ หากกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเร้าระทึก ชนิดที่หนังกังฟูบางเรื่องอาจมีให้สนุกไม่ถึงใจด้วยซ้ำไป โดยที่มองไม่ต้องไกลจากนี้เท่าไหร่.. "The Forbidden Kingdom" ก็ได้กลายเป็นอะไรที่อ่อนด๊อยไปเลย เมื่อมาลองเทียบมวย และชั้นเชิงเรื่องราวกับหนังการ์ตูนฝรั่งจ๋า ซะอย่างงั้น ไม่ใช่แค่การทำการบ้านมาเยอะ แล้วใส่เอกลักษณ์ของกังฟูลงไปไว้ได้ครบถ้วนเท่านั้น ..เสน่ห์ของ Kung Fu Panda ก็ยังมาจาก คาแรกเตอร์ตัวละคร ที่คิด แล้วออกแบบวางลักษณะมาดี โดยยังอยู่ในทีหยอกเย้า(คงจะตั้งใจ) เป็นมุขเล็กๆที่แยบยล กับการช่างล้อตามสไตล์ดรีมเวิร์คส หากถ้าแก๊งค์ Shrek พยายามจะแหวกขนบเทพนิยายให้แตกต่างสุดขั้ว ให้ฮารั่วโดยพร้อมเพรียง หรือแก๊งค์เพนกวินใน Madagascar ถูกสร้างขึ้นมา เพื่อสำคัญน้อยกว่า แต่ได้ขโมยซีนชะงักงันกันทุกทีที่ออกจอ ..ความตั้งใจของดรีมเวิร์คส ที่มีต่อแก๊งค์หมีแพนด้าก็จะมาเพื่อสร้างเสียงฮาควบคู่ ไปกับการเพิ่มมุมน่ารักประทับใจให้มีมากกว่าใครเพื่อน ...เพียงแต่ก็ยังมีเรื่องที่เสียดาย สำหรับเหล่า 5 เซียน ที่ดูจะมีความหมายน้อยไป สำหรับการมีบทบาทแค่สมทบลอยๆอยู่ในแก๊งค์ จนไม่ได้เกิดอย่างที่น่าจะทำได้แบบเช่น แก๊งค์เพนกวิน ..แม้ถึงจะมีฉากไฮไลท์บู๊รวมกันเป็นหมู่ของตัวเอง แต่มันก็อาจสายเกินไปที่คนดูจะเกิดความผูกพันได้แนบแน่น และอีกอย่างที่ Kung Fu Panda ยังไม่สามารถตีโจทย์ได้แตกโดยละเอียด ..ก็คือ เรื่องของการสร้างความประทับใจ ที่ยังไม่เต็มที่ในความเข้มข้น ...แม้มันจะยังเป็นความตั้งใจที่ดรีมเวิร์คส หวังจะขายฮามากกว่าความโดนเป็นเรื่องหลักๆอยู่แล้ว แต่ก็ด้วยความเอื้อทางเนื้อหาที่มันมาทางน่าจะโดนได้ด้วยเช่นกันนี่เอง ที่ทำให้ดรีมเวิร์คสยังติดกับดักของตัวเอง ที่ไม่อาจจะน่ารักได้เทียบเท่า งานจากพิกซาร์ ที่ขายขำควบคู่ความประทับใจได้อย่างลงตัวไม่มีเปลี่ยนแปลง หากเมื่อถามถึงอนิเมชั่นจากบ้านดรีมเวิร์คส ที่ได้ใจมากที่สุดแล้ว ..ผมก็ยังคงตอบว่าเป็น "Shrek 1 & 2" ...เพราะความขำเหมือนไร้สติไปให้มันสุดทาง คือเรื่องที่พิกซาร์ไม่อาจเทียบเท่าได้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นแต่ถึงอย่างไรก็ตาม สุดท้าย ท้ายที่สุด ...ผมขอคารวะ หนึ่งจอก ให้กับ "Kung Fu Panda" หนึ่งใน(อนิเมชั่น)ตระกูลดรีมเวิร์คส ที่สามารถพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า "สนุก..อย่างแรง!!!" ...นี่คือ หนังการ์ตูนที่ทุกคนในครอบครัวดูจบ ย่อมจะเกิดความพอใจ โดยพร้อมเพรียง ..ถ้าอยากจะเสียเวลา สักชั่วโมงครึ่ง มาย่อยสลายความเครียดให้หมดสิ้นไปได้ การดูหมีแพนด้า อุตริเล่นกังฟู ก็ย่อมมันส์ล้ำกว่า การถ่อเป็นวันไปเชียงใหม่ เพื่อเห็นเจ้าช่วงช่วง และหลินฮุ่ย ยังคงเครียด เซื่องซึม ไม่ยอมผสมพันธุ์กันซะที (เอิ้กๆ.. เพราะรักดอก จึงหยอกพวกเจ้าเล่น) ขอแนะนำ ...ครับเกรด A- ... { }"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน" ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 20 มิถุนายน 2551
Last Update : 20 มิถุนายน 2551 3:49:27 น.
7 comments
Counter : 4918 Pageviews.
โดย: nanoguy IP: 125.24.135.250 วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:3:46:29 น.
โดย: หอมกร วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:8:29:27 น.
โดย: s.o.s วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:16:49:12 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 มิถุนายน 2551 เวลา:21:46:05 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:14:53:27 น.
โดย: Lynd IP: 58.9.96.117 วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:6:45:42 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3 4 5 6 7
8 9 10 11 12 13 14
15 16 17 18 19 20 21
22 23 24 25 26 27 28
29 30
แต่สำหรับความฮา เอาไปโลด