The Hangover ... ของเขาฮาจริง แต่ขออีกนิด..ก็จะสุดแล้ว!!!
หลังได้เห็นว่า มันทำเงินเสียถล่มยับ เสียงฮาชื่นชมทะลักทะล้นจนเกินความคาดหมายไปเยอะ ในบ้านเขา ..ก็ทำเอาเกิดหวังเล็กๆว่า บ้านเรา คงจะมีโอกาสนั้นบ้าง ...แม้มันจะเหือดแห้งเหลือเกิน อันเนื่องมาจาก ค่ายเจ้าของหนัง เขาเคยใส่ใจคนดูซะที่ไหน ..ถ้าไม่มีเรื่องรายได้และกำไรเข้ามาเกี่ยวข้อง ก็จงเตรียมทำใจ รับชมมันในบ้านท่านๆได้เลย ก็เพราะอย่างงี้ นี่แหละ คนบ้านเรา เขาถึงนิยมดูหนังผี ..แม้มันจะต้องซูมให้ชัด ก็ยังยอม เฮ้ออออออออออ..!! แต่อย่างน้อยก็ยังเกิดโชคดีกับ The Hangover ..แม้จะเป็นโชคที่ค่อนข้างจะโชกเลือดกับคนดู ที่กระเป๋าบาง ไส้แห้ง ในยุคที่เศรษฐกิจทำพิษกันถ้วนหน้าทุกบ้านเรือน เนื่องมาจากเรามีโอกาสได้เลือกดูมันในแบบดิจิตอล ราคาแสนโหด เพียงทางเดียวเท่านั้น The Hangover เล่าเรื่องราว ของ 4 หนุ่มเพื่อนกัน กับวันสุดท้ายก่อนแต่งงานของหนึ่งหนุ่ม ..ที่จะมีโอกาสใช้ชีวิตอย่างสุดเหวี่ยง ในฐานะของคนโสดเป็นวันสุดท้าย ไปพร้อมกับ 2 เพื่อนตาย และ 1 พี่ชายเจ้าสาว ที่หวังกันไว้ว่า การมาเที่ยว ลาส เวกัส ในครั้งนี้ จะทำให้พวกเขาได้จมดิ่งกับความสุข พร้อมกองเงินกองทองที่จะเปลี่ยนชีวิตคนธรรมดาให้กลายเป็นราชาในบัดดล แต่แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิด และไม่อยู่ในแผนการตอนใดมาก่อน มันก็ได้เกิดขึ้น ..พร้อมๆกับการตื่นขึ้นมาในเช้าวันต่อมาของ สามหนุ่ม ที่ทุกๆอย่างรอบตัวของพวกเขา มันได้ผิดเพี้ยนไปสุดตรีน! เมื่อเพื่อนผู้เป็น(ว่าที่) เจ้าบ่าว ได้เกิดหายตัวไปเสียดื้อๆ ..โดยไม่มีสาส์นสั่งลา ไม่มีจีพีเอสบ่งชี้ติดตามตัว หากจะมีก็แต่ความมึนตึ้บที่ค้างคาในหัวจากคืนก่อนของ สามหนุ่มผู้เหลือรอด ที่ต่างต้องเรียกเค้นความทรงจำห้วงที่ลึกสุดใจของตัวเอง ออกมา เพื่อจะได้ตามรอยประวัติศาสตร์ในวันวาน เทียวตามหาเพื่อนรักเพื่อนเลิฟของพวกเขา ให้กลับมาพร้อมหน้า เพื่อที่จะเร่งรุดกลับบ้านให้ทันเวลา ก่อนเจ้าสาว จะกลายเป็นม่ายขันหมาก เพราะไร้ผัวในวันแต่ง! The Hangover เป็นผลงานการกำกับของ ท็อดด์ ฟิลลิปส์ ผู้เคยมีผลงานผ่านตาผม เป็นหนังที่ฮา(ตรงไหน?..ใครบอกที) อย่าง Starsky & Hutch มาก่อน ในครานี้ เขาอาจกลับมาพร้อมด้วยพลอตหนังแนวคอมเมดี้ที่อาจจะดูไม่แปลกใหม่อะไรนัก (เรื่องของความเมา ..ที่ทำให้เกิดความเตลิดเปิดเปิง) ..แต่ในแง่ของความสร้างสรรค์ ก็จัดว่า The Hangover ไม่ได้มาพร้อมกับความจำเจซะทีเดียว โดยเฉพาะ ในมุมมองของการเล่า .. ฟิลลิปส์ เลือกที่จะไม่บอกสิ่งต่างๆนานาออกมาแบบตรงๆโต้งๆ เดินเรื่องเป็นเส้นตรง ที่มุ่งหน้าไปสู่ตอนจบในขมวดเดียว ..หากแต่คิดนอกกรอบ ด้วยรูปแบบและหลักการเดียวกัน อย่างที่ได้ผลมาก่อนแล้วใน หนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่มีชื่อว่า Memento สำหรับใครที่เป็นคอหนังตัวจริง คงนึกภาพออกว่าเป็นเช่นไร ...แต่กระนั้น ก็คงได้รู้ความจริงมาอีกอย่างหนึ่งด้วยว่า.. Memento มันเป็นหนังแนวทริลเลอร์ไม่ใช่เรอะ!!? ความจริงที่ว่านี้ ผมก็ตกอกตกใจแต่แรกรู้เหมือนกัน ว่าหนังสุดนัวร์เรื่องนั้น มันจะมาเกี่ยวข้องกับ The Hangover ได้ ..แต่พอได้ดูกับตาตัวเองแล้วจริงๆ กลับพบว่า มันเวิร์ก และดูลงตัวดีกับเรื่องที่จะเล่าได้อย่างเนียนๆ ในขณะที่คนในหนัง ก็กำลังไล่ล่าหาความจริง เพื่อจะพิสูจน์ให้รู้กันไปว่า เพื่อนของเขา ยังมีชีวิตอยู่ ..คนนอกหนังอย่างเราๆก็ยังต้องคิดตามปริศนาที่หนังทิ้งเรี่ยไรไว้ให้ตามทางที่หนังเดิน เพื่อจะเอามันทั้งหมดมารวมกันในที่สุด ในจุดที่เป็นไคลแม็กซ์ของเรื่อง ถึงกระนั้นแล้ว The Hangover ก็ใช่ว่าจะเป็นหนังคิดมากคิดเยอะ เสียซะที่ไหน ..เอาเข้าจริง ความต้องคิดเหล่านั้น มันก็มีเพียงแค่ระดับหนึ่ง (ประมาณว่า เด็กมัธยมหาค่าตัวแปรจากสมการตรีโกณมิติ ..คงไม่ยากไปใช่ไหม? ) และหนังก็ยังเคารพคนดูที่หวังจะมาผ่อนคลายอย่างจริงจัง ด้วยการประเคนความคอมเมดี้มาเต็มเบอร์ อย่างที่พลอตหนังมันบ่งชัดว่าต้องการขายอะไรกันแน่แต่ต้นแม้ความสนุกโดยหลักๆสำหรับตัวผม อาจจะได้มาจากการเดินเรื่องที่ไม่จำเจก็ใช่ ..แต่ถ้าขาดความกลมกล่อมของมุขตลก ต่างๆนานาไป มันก็คงกร่อยมิใช่น้อยๆอยู่เหมือนกัน ยิ่งพอตัวหนังมาได้นักแสดงที่เล่นตลกเป็นและเก่ง จนอยู่หมัด อย่าง สามหนุ่มตัวชูโรง ..พร้อมพรั่งด้วยตัวละครรอบข้างสามเกลอ ที่มันส์และเพี้ยนในบทของตัวเองโดยถ้วนทั่ว ...ก็ยิ่งส่งให้ ความแรงในแนวคอมเมดี้ของ The Hangover สามารถทะยานตัวแซงตัว นำหน้าหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆที่ฉายผ่านมาตลอดทั้งปีนี้ ของหลายๆคน(รวมทั้งตัวผมอีกคนหนึ่ง) ได้อย่างไม่ยากเย็น แม้สถานการณ์บางอย่างในหนังจะจงใจทำให้ดูเครียดขึงได้ ถ้ามันถูกนำเสนอในแนวทางหนังทริลเลอร์ ..แต่พอหนังมาบิดทวิสต์มันด้วย การจงใจฮา ได้ทุกสถานการณ์ของเหล่าตัวละคร อะไรที่มันดูตึงๆแทบจะทั้งเรื่อง ก็เลยผันเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะยานๆ นานๆ อันต่อเนื่องของคนดู ที่มีโอกาสพักให้หายใจหายคอได้ไม่กี่นาที แล้วยิ่งถ้านาทีไหน เราได้เห็นคาแรกเตอร์พี่เจ้าสาวสุดเฮี้ยน ที่เป็นบทบาทของ แซ็ท กาลิเฟียนากิส ปรากฏขึ้นมาบนจอเมื่อไหร่ ..นาทีนั้น และซีนนั้น แทบจะตกอยู่ในเงื้อมมือของเขาผู้เดียว ที่เหมือนสามารถเลือกได้เองว่า จะให้สถานการณ์ในหนังออกมาในแนวทางอีหรอบไหนดี เพียงแต่ถึงที่สุดแล้ว พี่แซ็ท ก็ไม่ใช่ผู้เดียวที่เกิดจากหนังเรื่องนี้ ...หากยังต้องรวมอีกสองพระหน่อ บทเด่นเป็นรอง(แม้รูปหน้าตาดี และความน่าเชื่อถือ จะมีมากกว่า)ของ แบรดลี่ย์ คูเปอร์ และ เอ็ด เฮล์ม ที่ยังพร้อมมาแจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวในโลกของหนังตลก ..ที่คงเกี่ยวเนื่องให้ อีกสักพักใหญ่ๆ จะขาดหายคนใดคนหนึ่ง ทิ้งช่วงไปจากจอนานๆ ไม่ได้เลยทีเดียว แม้โดยส่วนตัวจะจัดให้ The Hangover ที่หนังที่สนุก มันส์ถูกใจ และยังแอบโดน กับอารมณ์เมาปลิ้น ที่ทำให้ใครต่อใคร(รวมถึงผมก็เคย ..กล้าเมาก็กล้ารับ )กล้าจะทำอะไรที่ไม่ใช่ตัวเอง หรือบางอย่างก็เป็นตัวของตัวเองอย่างสุดโต่งจนเกิน(เกรงใจ)ตัว ..แต่กระนั้นแล้ว ก็แอบให้มีความเสียดายอยู่พอสมควร ที่มันเป็นหนังที่ฮามาก แต่ยังไม่ถึงขั้นสุดโต่ง อย่างที่ตัวเองเคยคิดถึงขอบเขตของมันเอาไว้ซะสูง ก็อาจจะผิดที่หนังเรื่องนี้ มันบังเอิ้ญ..บังเอิญ ดังและดีสุดโต่ง สำหรับคนดูหนังบ้านเขา จนเกินเลยไป ..ทำให้ไม่ผิดที่ใครจะคาดหวัง ถึงความสุดโต่งไว้เช่นกัน ถึงแม้ ความสากลของมุขในหนัง จะเป็นปัจจัยที่ส่งให้หนังขายตลาดนอกบ้านเขาได้ไม่ยาก (รวมถึงบ้านเรา ..ที่รู้ๆกันอยู่ว่า เมื่อตกเย็น เป็นอันไม่ทำอะไร นอกจาก..เมา! เหมือนในโฆษณางดเหล้าเข้าพรรษา บอกไว้เลยเป๊ะ! ) ซึ่ง The Hangover ก็ไม่มีอุปสรรคในตรงนี้เลยด้วยซ้ำ ..แต่ถ้าวัดกันในเรื่องของความได้หัวเราะมากน้อยจากตัวหนังแล้ว สำหรับผม มันน่าจะได้มากกว่านั้นอีกหน่อยก็คงดี สิ่งที่ว่ามันเหลืออีกหน่อย ..ก็หมายถึง การตบและขยี้มุขของหนัง ที่มันยังไม่จบดี และบางอย่างก็ยังค้างคา คล้ายว่า คนเขียนบท ได้ลืมตรงนั้นไปแล้ว เช่น... ไก่มาจากไหน? รถตำรวจมาได้อย่างไร? เหล่าตัวละครเอกไปบ้านของ..(รับเชิญผู้เป็นเซอร์ไพรส์)..เพราะอะไร? และ ความเละเทะของห้องพัก มันลงเอยเช่นไหนได้ เพราะพวกเขาทำอะไรก็ไปบ้างหว่า? เหล่านี้ คือ(น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของ) คำถามที่เกิดขึ้นหลังจากดูหนังจบ(จนครบทั้งโบนัสในช่วงเครดิตเลยทีเดียว) ..ที่ผมอยากรู้ว่า คำตอบของมันคืออะไรกันแน่??? และก็หวังไว้ว่า ถ้าหนังจะได้มีภาคสองขึ้นมาจริงๆ ...มันจะกลับมาเฉลยเรื่องราวเหล่านี้ แบบรวดเดียวจบ และขยี้ทุกอย่างเอาให้เด็ดขาด เพราะถ้าหนัง ยังกลับมาพร้อมตัวละครชุดเดิม ..แต่เลือกจะสร้างความอลเวงครั้งใหม่ขึ้นมาแทนที่ ...ก็เชื่อผมได้เลยว่า The Hangover 2 ..คงจะมันส์ไม่เท่าภาคแรก ความสดน่าจะหดหายไปอีกพอตัว และความแรงของหนังคงไม่เท่าที่ภาคแรกกำลังเป็นอย่างสุดโต่ง ซะละมั้งThe Hangover ... หากใครดูเอาสนุก มันส์ ฮา ขอรับประกันเลยว่า คงจะคุ้มค่าอย่างง่ายดาย และเกิดให้ผิดหวังได้ยาก ..แต่หากบังเอิญเผลอคิดเล็กคิดน้อย(เช่นที่ผมเป็น) ก็คงจะรู้สึกคล้ายๆกันว่า อีกนิด มันจะสุดอยู่แล้ว!!! แม้จะเป็นแค่ความเสียดาย ..แต่หนังก็ไม่น่าพลาดตรงที่ว่า อีกนิด เลยจริงๆ เชียว ขอแนะนำ ...ครับเกรด A- ... { } ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
Create Date : 16 สิงหาคม 2552
Last Update : 16 สิงหาคม 2552 15:14:41 น.
4 comments
Counter : 1830 Pageviews.
โดย: อารีรัตน์ วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:16:51:59 น.
โดย: peeshin วันที่: 16 สิงหาคม 2552 เวลา:17:30:28 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 28 สิงหาคม 2552 เวลา:15:49:28 น.
โดย: wahamanz IP: 118.172.147.30 วันที่: 8 กันยายน 2552 เวลา:10:29:22 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31