นอกจากติดตามตัวผมในบล็อกนี้แล้ว ก็ขอชวนไปสนุกกันในอีกช่องทางกับ "Facebook" และ "Twitter" ด้วยครับ

Like Me @ //www.facebook.com/pages/OncE-UPoN-a-MaN/362974106204

และ Follow Me @ //twitter.com/once_upon_a_man

---

รีวิวนี้ ถูกเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้า ทาง //www.chicministry.com ลิงค์





ความจริงก็ถอดใจจะไม่ดู ที่รู้ว่า เทพนิยำนายเชร็ค จะยังมีภาค 4 คลอดตามออกมาอีก ..ก็ในเมื่อภาค 3 “Shrek the Third” มันทั้งฝืดทั้งเฝื่อนจนแทบไม่เชื่อ ว่า Shrek จะสนุกไปมากกว่าที่เคยเป็นมาได้อีกแล้ว หากยังจะมีภาคต่อ

แต่ในเมื่อ “Shrek Forever After” ออกตัวเอี้ยดเอาแต่โปรโมท บอกว่านี่เป็นการกลับมาเป็นภาคสุดท้ายของ ครอบครัวยักษ์เขียวแล้วนะ ..ไหนๆก็เคยสุขเคยสนุก ยังจำความมันส์ที่ผจญไปด้วยกันในภาคแรก และภาคสองได้ดี ก็ถือซะว่ากลับมาเจอกันอีกที ให้อำลาพอเป็นพิธีก็แล้วกัน




Shrek Forever After ..เล่าเรื่องราวตอนต่อมา ที่แสนสุขสันต์ของครอบครัวยักษ์เขียวซึ่งประกอบไปด้วย “เชร็ค”, “ฟิโอน่า” และลูกๆ ทั้งสาม ...พวกเขายอมทิ้งความหรูหราในวังใหญ่โต ขอมาอาศัยอยู่ที่บ้านริมหนองน้ำ(โคลน)แสนรักของคุณพ่อ ..แต่ด้วยชีวิตภารกิจประจำวันการเป็นคุณพ่อ ที่สุดแสนน่าเบื่อ มันเวียนวน วนเวียน เหมือนๆ เดิม ทุกวัน ประกอบกับ ชาวบ้านชาวช่องก็แทบไม่หลงเหลือความหวาดกลัวใดๆ ต่ออดีตของ เชร็ค ที่เป็นยักษ์กินคนอีกแล้ว (กลายกลับเป็นตัวตลกไปซะงั้น) ..เชร็ค จึงไม่ไหวจะเคลียร์ อ่อนเพลียจะเดินหน้าต่อ แถมเรียกร้องขอชีวิต คราเป็นยักษีแสนดุร้าย กลับคืนมาอีกสักครั้ง

ก็เป็นจังหวะพอดีกับที่ตัวร้ายใน ภาคนี้ “รัมเพลสติลท์สกิน” ล่วงรู้ถึงเรื่องราวความปรารถนาของ เชร็ค เข้า ..ก็เลยยื่นข้อเสนอสุดแสนพิเศษ แลกวันหนึ่งวันในชีวิตจริงที่ผ่านมา เพื่อได้หนึ่งวันที่เวทย์มนตร์ให้ความต้องการสมใจอยาก ...เพียงแต่ เชร็ค ไม่มีทางรู้ตัวหรอก ว่าเมื่อใดที่เขาจรดปากกาเซ็นในสัญญานั้นไปแล้ว เมื่อนั้นชีวิตของเขาจะเข้าสู่หายนะทันที




ดูจากพลอตของ Shrek Forever After แล้ว หลายคนอาจจะรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นจากหนังหลายๆเรื่อง ก็อย่าได้ฉงน ..เพราะยังไง คอนเซปต์ของ Shrek ก็ยังคงเป็น อนิเมชั่นเทพนิยำ ที่นำเอา เทพนิยายสุดอมตะหลากหลายเรื่อง มาผสมปนเปอยู่ในหนังเรื่องเดียวกัน และขณะเดียวกัน ก็ยังล้อเลียนหนังดัง หนังฮิต ทั้งล้าสมัย (หากอมตะอยู่) และตามสมัย อย่างไม่ไว้หน้า

โดยเรื่องราวแล้ว Shrek ภาคสุดท้าย ก็ไม่ได้ทำให้ดูน่าตื่นเต้นกว่าที่เคยเป็นมา แต่อย่างใด (แถมจะว่าไป ยังออกแนวถูไถใช้สีข้างขยับอยู่พอตัว) ..และความสนุกก็คงเทียบกันไม่ได้กับ ภาคแรก และภาคสอง ที่ดูจะลงตัว จนไปถึงจุดอิ่มตัว นับแต่ตอนนั้น (ภาคสาม เกิดขึ้นมาเพราะ เงิน ตัวเดียว.. เชื่อสิ!)

แต่อย่างหนึ่งที่ต้องยอมรับว่า Shrek ภาคสุดท้าย ทำออกมาอย่างน่าสนใจ มากไปกว่าการเป็นเพียงหนังดูเอาฮา คลายเครียดไปส่งๆ ..ก็คือ การเหลาประเด็นน่าคิดที่แหลมคม ให้ดูมีสาระกว่าที่เคยเป็นมาในภาคก่อนๆ

ยิ่งกับใครที่ชีวิตตอนนี้ กำลังมีปัญหาอะไรก็ได้แต่ลงท้ายด้วยคำว่า “เบื่อ” ในเรื่องครอบครัว ..ได้มาดู Shrek ภาคนี้ อาจจะอินเป็นพิเศษ และสุดท้ายอาจจะเข้าใจว่า อะไรๆก็ไม่สำคัญไปกว่าคำว่า “ครอบครัว” จริงๆ




แต่กระนั้น ด้วยเอกลักษณ์ท่าที ที่ Shrek เป็นหนังทีเล่นก็เล่นกันไปถึงไหนต่อไหน ได้มาเปลี่ยนเป็นทีจริงเมื่อไหร่ เมื่อนั้นหนังก็ใกล้จะจบเรื่องจบราวแล้ว ..ภาคสุดท้ายก็ยังเลี่ยงปัญหานี้ไม่พ้นอยู่ดี แล้วมันก็กระทบกับความรู้สึกของคนดู ที่ไม่ค่อยจะได้อะไรในเรื่องสาระนัก ซึ่งแตกต่างจากงานอนิเมชั่นจากค่ายคู่แข่งอย่าง Pixar ซึ่งแหลมคมทั้งตัวประเด็น และตัวบทก็เป็นทีเล่นทีจริงที่ดูลงตัวไปหมดทุกอย่าง

ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดายมาก ที่ Shrek Forever After อุตส่าห์มีพลอตและประเด็นดราม่าที่ดีอยู่กับตัว หากยังพะวงกลัวคนดูจะไม่คุ้มกับการเข้ามาดูหนังตลกเลยเถิด (ที่จะว่าไปมันก็มีอะไรให้ตลกได้ไม่กี่ฉากอยู่ดี) ..ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่มองพลาดอย่างยิ่ง สำหรับการเดินทางมาถึงภาคสุดท้ายของ Shrek

เพราะแทนที่จะสร้างความรู้สึก ห่วงหา อาทร เข้าใจ และอำลาจากไปด้วยความรู้สึกดีๆ อย่างที่หนังภาคสุดท้ายควรจะทำ ...แต่สุดท้าย มันก็ทำแค่ได้รู้สึก แต่คำว่า ดี กลับวิ่งตามมาไม่ทันเอาเสียนี่




หากใครได้ชื่อว่าเป็นแฟน Shrek จะเข้าโรงไปดูภาค Forever After อีกสักที ก็ไม่มีเสียหาย..แต่ในแง่ของความประทับใจ โดยส่วนตัว ยังไงๆ Shrek ก็ควรจะหยุดการเดินทางของตัวเองเอาไว้ที่ ภาคสอง อยู่ดี


เกรด B ... {}

---

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ

ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ

Create Date : 18 มิถุนายน 2553
Last Update : 18 มิถุนายน 2553 11:04:07 น.		2 comments
Counter : 5123 Pageviews.
Share Tweet