"Indiana Jones and The Kingdom of the Crystal Skull" ... วันวานเคยเป็นยังไง วันนี้ก็ยัง..เก๋าอยู่
ก่อนจะว่ากันถึง ภาค 4 ...ผมขอชวนให้ย้อนกลับไปรำลึกถึง 3 ภาคแรก กับรีวิวน้อยๆ ที่ผมได้ตามเก็บดูจากวีซีดีจนครบกระบวนไตรภาค... Raiders of the Lost Ark The Temple of Doom The Last Crusade "กลับมาเถอะวันวาน ..วันวานผ่านพ้นไป ...กลับมาเถอะวันวาน ..วันวานซาบซึ้งใจ วันซาบซึ้งใจ... จะจำเอาไว้ทุกวันว่าเรายังคิดถึงกัน วันวานยังหวานอยู่..." เพลงๆนี้มันช่างเหมาะเหม็งเสียเหลือเกินที่สามารถจะนำมาแทนใจความ การกลับมาพร้อมพันธะสัญญาแห่งความคิดถึงของ อีกหนึ่งตัวละครฮีโร่ที่คลาสสิคตลอดกาล นามกรว่า "Indiana Jones" ผู้นี้นี่เอง หลังจากที่ปีก่อน ป๋า "จอห์น แมคเคลน" กลับมาอึด และอัดอีกหนึ่งหน ..ถัดจากนั้นอีกสักพัก ก็ตามติดด้วย ลุง "จอห์น แรมโบ้" ที่แบกน้ำหนักเทอะทะมาระห่ำอีกสักที ...ก็ได้เวลาถึงจุดบรรจบแห่งความคิดถึงด้วย การรวมกำลังครั้งสำคัญของ 3 ขุมพลังที่เคยผลักและดันให้ชื่อของ อินเดียน่า โจนส์ เข้าไปครองใจคอหนังแอ๊คชั่น-แอดเวนเจอร์ ทั่วโลกอย่างถอนตัวไม่ขึ้น"สตีเว่น สปีลเบิร์ก" ...หลังจาก อีดเอื่อยเต็มพิกัด กับ "Munich" ที่ทำผิดฟอร์มไปไม่น้อย ..พ่อมดฮอลลีวู้ดคนหนึ่งคนนี้ ก็ขอกลับมาสนุกอย่างเต็มที่ ในหนังชุดภาคต่อเพียงเรื่องเดียวในเครดิตที่เขายินยอมจะเป็นผู้กำกับด้วยตัวเองเสมอมา (มีอีกเรื่องคือ "Jurassic Park" ที่ทำภาคแรก และสอง ..ส่วนภาคสาม กลับส่งไม้ต่อให้ "โจ จอห์นสตัน" ไปมั่วนิ่ม)"จอร์จ ลูคัส" ...หลังจาก เสร็จสิ้นภารกิจใหญ่ยักษ์ระดับจักรวาล กับ "Star Wars Ep.1-3" ..ลุงขาวหนวดงามผู้นี้ ก็เปลี่ยนแวะมาเป็นผู้หนุนหลังอีกสักครั้งให้กับโปรเจกต์ในฝันที่ไม่แค่คนดูแฟนๆ แต่คนทำก็อยากจะเอาจริงให้ดิ้นตาย (ถึงขนาดที่มีบทออกมาหลายต่อหลายฉบับ..แต่ก็ยังยอมจะเสียเวลาร่วมยี่สิบปี เพื่อรอที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนจะเห็นพ้อง)"แฮร์ริสัน ฟอร์ด" ...หลังจาก คืนจอได้อย่างผิดฟอร์มหง่อมมหันต์ กับ "Firewall" ..หนทางสุดท้ายที่จะฉุดกระชากให้ลุงฟอร์ดต้องเกิดอีกสักหน ก็คงจะเป็นบทใดไปไม่ได้ นอกเสียจาก ศาสตราจารย์นักประวัติศาสตร์จอมผจญภัยสุดขอบฟ้า คนนี้อีกแล้ว 19 ปีที่ก้าวข้ามมา (พร้อมกับสังขารของดร.อินดี้ และลุงฟอร์ดที่ร่วงโรย ..หง่อมงั่ก) หลังจากภาคสาม ...เหตุการณ์ในภาคนี้ จะเริ่มต้นด้วยการย้อนรอยความจำของคนที่เคยผ่านตาภาคแรกมาก่อน กับฉากเปิดเรื่องที่คุ้นตาเป็นอย่างยิ่ง ภารกิจผจญภัยแต่หนนี้ ของอินดี้ ..ถูกนำพามาด้วย การตามหา MacGuffin (สิ่งของอันเป็นต้นเหตุของหนัง) อีกหนึ่งสิ่ง ที่ว่ากันว่า หากใครได้หาเจอ ครอบครอง และพามันกลับสู่ที่ๆจากมา ผู้นั้นจะได้รับอำนาจที่มิอาจจะประเมินขุมพลังอันมีมหาศาลของมันได้เลย ...ของสิ่งนั้น มีชื่อเรียกขานว่า 'กะโหลกแก้ว' ถ้าถามในแรกเริ่มเดิมที ว่าผมมีความรู้จักมักคุ้นหูคุ้นตากับ กะโหลกแก้วนี้ บ้างหรือไม่? ก็ไม่อาจจะขุดความทรงจำตรงส่วนไหน มาปิ๊งเอากับวัตถุชิ้นนี้ได้... ซึ่งก็ไม่อาจรู้ ด้วยจุดประสงค์ของพลอตที่ต้องการให้คนเกิดความสงสัย หรืออาจเป็นเพราะต้องการซ่อนปริศนาอะไรหรืออย่างใด ก็เลยกลายเป็นเรื่องที่ชักจูงให้คนดูวัยสะรุ่นอย่างผมเกิดความกระหายใคร่รู้ โดยไม่ต้องการจะหาข้อมูลมารองรับเอาไว้ก่อน ...ซึ่งมันก็เป็นอารมณ์เดียวกันกับตอนอ่าน "The Da Vinci Code" ที่เราจะเอาเรื่องราวจากเกร็ดความรู้ของมัน พร้อมๆกันกับการผจญภัยไขปริศนาไปเลยทีเดียว แต่ถ้ายังไม่นับรวมเรื่องของความน่ารู้แล้ว ...ความมุ่งหมายแท้จริงอันต้องการจะดู ก็คงไม่พ้น ความเป็นอีกหนึ่งหนังชุดตระกูลคลาสสิคที่ผมยังไม่เคยได้สัมผัส ...และด้วยความรักในโลกของพ่อมดสปีลเบิร์ก ที่อย่างน้อยๆ การทำหนังตล้าด..ตลาดของลุงเขา ก็ต้องมีความสนุกเป็นจานหลักอยู่เสมอ"The Kingdom of the Crystal Skull" ...เวียนรากเหง้าของแนวทางเดินเรื่องจากภาคแรก(และภาคสาม..ก็มีอิทธิพลนิดๆ) กลับมาใช้อีกหนึ่งหนในภาคใหม่นี้ ด้วยการสร้างสถานการณ์ให้ ดร.อินดี้ มีศัตรูเป็น พลพรรคทหารชั่ว ผู้หวังจะครอบครองโลกนี้จากอำนาจทางด้านมืดของวัตถุซึ่งเป็นที่สุึดแห่งความปรารถนา ...แต่แทนที่จะขุดหลุมปลุก กลุ่มนาซี ให้มีชีวิตอีกหนึ่งหน ก็เลือกสาระวนไปเอา 'โซเวียต' มาเป็นตัวชั่ว ที่สอดคล้องกันกับวันเวลาอันล่วงจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บรรจบเข้ามาสู่ยุค สงครามเย็น ในบัดดล แต่ที่สำคัญเหนือยิ่งไปกว่า การรู้จักกับ โซเวียต (ซึ่งเราคงได้รู้มาบ้าง ในบทเรียนวิชาสังคมแล้ว) ...ก็คือ ประเด็นเรื่องจริงๆของหนังภาคนี้ ที่คงจะขอกระซิบบอกใบ้เผื่อเอาไว้ ว่าเราควรจะตามเก็บสังเกตรายละเอียดกันตั้งแต่ช่วงฉากแรกๆไปเลย ...เพราะมันจะมีผลต่อความเข้าใจว่าแท้จริงแล้ว Indy 4 ต้องการนำเสนอแนวคิดของสิ่งใดในท้ายที่สุด (หากไม่เข้าใจ ...ก็ย่อมจะส่งผลตรงกันข้าม และอาจจะเซ็งกับมันในบัดนั้น) การกลับมากอดคอดอมดมความสำเร็จ(ที่หมายจะ..)ถล่มทลายร่วมกันได้อีกหนนี้นั้น ...เรื่องของความเข้าขาแห่งงานอลังการบันเทิงของ ลุงสตีเว่น กะ ป๋าลูคัส น่าจะทำให้ใครหลายๆคน คาดว่ามันก็คงแค่ ความหวังลมๆ ที่จะเห็นหนังทำเงินมหาศาล อีกเรื่องหนึ่ง ในเครดิตของพวกเขาเท่านั้น ..ซึ่งหากลองมอง Indy 4 ในแง่หนังตลาดลูกเดียวแล้ว ก็ย่อมไม่ผิดที่จะคิดถึงจริง แต่ถ้าใครที่เคยได้สู้ตามดูตามเก็บเรื่องราวของฉบับไตรภาค ไว้ใน Membrain มาก่อน ..ก็ย่อมอยากจะให้คำรับรองว่า 'อาณาจักรกะโหลกแก้ว' เรื่องนี้ ยังคงสามารถรักษาธรรมเนียมแบบอินดี้ไว้ได้ หรือที่เรียกมันเป็นคำนิยามสั้นๆ ว่า 'มนต์เสน่ห์'ความสนุกจากเหตุการณ์ ความหรรษาของมุขตลก เรื่องน่าคิดแห่งการไขปริศนา รวมไปยังจุดเล็กๆน้อยๆที่สอดแทรกมุมประทับใจเข้ามา ก็ล้วนแต่มีอยู่ครบถ้วน ไม่ขาดหาย ...และถึงมันจะมีเนื้อเรื่องที่มาพร้อมความเหนือจริง (และเป็นความเหนือ..ที่หลุด'โลก' มากกว่าทั้ง 3 ภาคอีกต่างหากด้วยนะนั่น) แต่ทั้งหมดนี้นั้น ก็ออกมาคละเคล้าได้อย่างลงตัว ทั้งยังผสมจนเป็นมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวที่คงความต่างไปจากหนังแอ๊คชั่น-แอดเวนเจอร์ อีกมากมายที่เคยพยายามจะเลียน แต่ก็ไม่สำเร็จโดยถ้วนทั่ว (ตัวอย่างชัดๆ ก็เช่น "National Treasure" ทั้งสองภาค ..ที่ความเป็นสมัยใหม่ ก็เอาเปรียบไม่ได้กับความเป็นอมตะ)สำหรับใครที่เป็นแฟนเก่า(และอาจแก่..รึเปล่า) ก็คงจะสนุกกับการได้เห็นภาพอะไรต่อมิอะไร ในเวลาราวๆ 2 ชั่วโมง ที่อาจดูคุ้นๆตา ปรากฎขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ ให้ชวนนึกย้อนและเกิดคิดถึง ...ในขณะเดียวกับ(ว่าที่..)แฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งจะมาทำความรู้จักจากภาคนี้ ก็คงจะคุ้มค่า กับอภิมหางานบันเทิงแบบฉบับพ่อมดสปีลเบิร์ก ที่ยังเนรมิตทุกสิ่งทุกอย่าง(ที่ไม่น่าเป็นไปได้บนโลกจริง)ให้เกิดขึ้นได้บนจอหนัง ...หากแม้ฉากไล่ล่า จะมาแบบอัดๆ ยัดๆกันเยอะอยู่ไม่น้อย (แอบดูล้นๆไปบ้าง) แต่เรื่องของความสนุก อันชวนตื่นเต้น ก็ทำให้มันสอบผ่านในทุกๆฉาก แบบกินกล้วย กันเลยทีเดียว ...โดยยิ่งเฉพาะกับ ฉากขับรถ Jeep ไล่ขยี้ในป่าดิบ ที่เรื่องของความเคยๆ ไม่ได้ลดความลุ้นลงไป ทั้งยังออกแบบจังหวะจะโคนที่อลวนเสียงปืนและดาบ ปนเสียงฮา ได้อย่างเพลิดเพลิน (ถึงเวลานี้...ก็ขอถือเป็นฉากแอ๊คชั่นยอดเยี่ยมแห่งปี ในใจผมไปก่อนละกัน) การกลับมาอีกครั้ง และสำคัญเป็นที่สุดในชีวิต 60 กว่าปีของ ลุงฟอร์ด ...ให้ผลตอบรับกลับมาที่คุ้มค่า และไม่เป็นอันผิดหวัง กับภาพลักษณ์ของ ดร. อินเดียน่า โจนส์ ที่ทุกคนยังยกให้เขาเพียงผู้เดียวที่เหมาะเหม็ง ..และด้วยความที่มีเพียงคนเดียวในโลกนี้นี่แหละ ก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่นำสายตาของเราไปสู่จอ โดยแทบจะไม่ต้องมามัวจ้องจับผิดเรื่องของความหง่อมให้เสียเวลา ...แม้ว่าเรื่องของพละกำลังอาจไม่ได้แข็ง เปี่ยมด้วยแรงม้าสูงเหมือนแต่ 19 ปีที่แล้ว หากถ้าวัดแต่ความคล่องแคล่วกับคนอายุ 60 กว่าๆทั่วไป ก็ต้องถือว่าปรู๊ดปร๊าด จุ๊กกรูใช่ย่อย ส่วนอีกหนึ่งตัวละครสาวร้าย "สปัลโก้" ที่โดนคนจับตาหมายเห็นไม่ด้อยไปกว่าพระเอก โดยมีชื่อคุณภาพของ "เคท แบล็นเช็ตต์" ไว้ประดับบารมี ...ก็เป็นอะไรที่ระดับเทพอย่างเธอยังเอาได้อยู่จริงๆ (ถึงจะต้องยอมข่มตัวเองไม่ให้เด่นเกินลุงพระเอกก็ตามทีเถอะ) ...การสวมวิญญาณคาแรกเตอร์ชั่วโฉ่งฉ่าง คงเป็นเรื่องที่อาจจะเบสิคมากๆ สำหรับเธอ แต่การทำให้ตัวเองเป็น โซเวียต ได้โดยสมบูรณ์ทั้งตัวตน ภาษาพูด และหัวใจนี่สิ ที่พอจะน่าให้ลุ้น ..ชิงออสการ์สมทบหญิงอีกสักที ดีมั้ยหนอ? ในขณะที่คนอื่นๆ ยังไม่อาจโดดเด่นได้เทียมเท่าสองคนแรกนั้นได้ซะเท่าไหร่ ...ช่วงเวลาที่อยู่บนจอของ 2 สมทบ(ค่อนข้าง)สำคัญ อย่าง "ไชอา ลาบัฟฟ์" และ "คาเรน อัลเลน" (นางเอกจากภาคแรก..ที่ถูกตามตัวให้คืนมาสู่วงศ์คณาญาติสกุล โจนส์ สักที) ก็มีความหมายเพียงพอจะให้จดจำ แม้โดยเรื่องของความบันเทิง ดูเอาเพลินๆ ไม่คิดมาก จะเป็นสูตรสำเร็จเก่าๆ ที่ Indy 4 ก็ปรุงออกมาได้กำลังดี เข้ารส ไปถึงเนื้อในที่เอร็ดอร่อย ...แต่ก็น่าเสียดายที่ความสนุกอันเป็นจานหลักแบบสปีลเบิร์กนั้น ยังติดกับดักลิ้นหนาๆ ที่สะดุดกึกเอากับฉากจบที่รวบๆเอากันง่ายๆ โดยไม่หมายสานต่อให้การเผชิญหน้าของ อินดี้ และ สปัลโก้ จบลงในแบบที่คนสุดท้าย พบเจอกับมุขอวสานที่สมน้ำสมเนื้อ ...ทั้งๆ(มองแง่ดี)จะว่าไปแล้ว การแสดงของ เคท ก็อุตส่าห์เอื้อหนุน ความน่ารังเกียจของตัวละครนี้ อย่างถึงที่สุดได้อยู่แล้วเชียว และด้วยเหตุนั้น.. จึงไปเกี่ยวเนื่องให้หนังภาค 4 ย่อมไม่อาจจะสูงส่งพอแตะต้องคำว่า คลาสสิค ได้เฉกเช่น ภาคแรก ...หากแม้ในกรณีของความสนุก ภาค(น่าจะ..)สุดท้ายนี้ จะสามารถทำได้ถูกใจผม ถึงมากที่สุดกว่าภาคไหนๆแล้ว ก็ตามทีเถอะ"Indiana Jones and the Kingdom of the Crystall Skull" ... สมศักดิ์ศรี กับการคืนจอหนที่ 4 ซึ่งคงความสนุก เพลิดเพลิน และเจริญไปด้วยความรู้สึกเปี่ยมสุข ที่เรียกหาได้จาก อินดี้ทุกๆภาค ..หากจะพิเศษสำหรับผม ก็ตรงที่ภาคนี้ มีมากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา ...แต่ก็คงจะยอดเยี่ยมกว่านี้ได้อีก ถ้าเวลา 2 ชั่วโมงของมัน จะรักษาระดับความสุขไว้ได้คงที่ และจบลงอย่างสมบูรณ์ โดยไม่มาติดขัดกับความง่าย(ที่จัดว่าเรียบ)ในตอนท้าย ถ้าบวกลบคูณหารในภาพรวมทั้งหมด ...ก็ขอสรุปว่าเป็น อีกหนึ่งหนังซัมเมอร์สูตรสำเร็จ ที่ย่อมคุ้มค่าความเก๋า กับการได้ดูในโรง โดยแท้จริง ขอแนะนำ ...ครับเกรด A- ... { }"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน" ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 28 พฤษภาคม 2551
Last Update : 28 พฤษภาคม 2551 1:04:39 น.
3 comments
Counter : 3525 Pageviews.
โดย: ตรีนุช3903 วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:55:26 น.
โดย: สิงห์อมบ๊วย วันที่: 28 พฤษภาคม 2551 เวลา:8:01:45 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:10:39:10 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
(แต่ว่าลืมภาคแรกๆไปหมดแล้วค่ะ)