"The Prestige" ... มายากลบนความเชื่อ
"มายากล" เป็น สิ่งที่ลวงล่อใจคนให้หลงตกอยู่ในภวังค์อำนาจแห่งความฉงน"มายากล" เป็น ศาสตร์และศิลป์แห่งความงงที่คนได้ดูได้เห็นไม่สามารถจะเข้าใจมันได้อย่างถ่องแท้ และ "มายากล" ก็ยังเป็น การท้าใจคนทุกคนให้ลองหากลเม็ดเด็ดพรายค้นความเป็นจริงที่อยู่ในเบื้องหลังของสิ่งนั้น การตบตา คือ กลวิธีของการเล่นมายากลที่ดี ...สำหรับนักเล่นทุกคนล้วนต้องมีความเก่งกาจในการหลอกล่อ มีเทคนิคดึงดูดใจให้คนยอมรับในสิ่งที่เขากำลังจะทำให้ดู และก็สามารถมากพอที่จะสำเร็จกลๆนี้ให้จบลงด้วยความตื่นตาตื่นใจ และเสียงปรบมือของผู้ชมทุกๆคน บนหน้าฉากที่เราเห็นคือความเก่ง ความพยายามของคนเล่นกล แต่เบื้องหลังที่อยู่ข้างในกลๆนั้นอีกที มันกลายเป็น ลูกเล่นแห่งการตบตาที่ใช้ได้ผลสำหรับคนได้ดูได้เห็นมัน ด้วยความที่เราเห็นมันเป็นความบันเทิงซะมากกว่า จะไปคิดหาเหตุผลอะไรในตัวมันอย่างจริงจัง ...มันเลยเข้าแผนเข้าล็อกที่เหล่านักมายากลต้องการจะให้เป็น ต้องการให้แผนตบตาของเขาสัมฤทธิ์ผลด้วยการทำให้คนดูรู้สึก "เชื่อ" ในการหลอกลวงของเขา การแสดงมายากลต้องมีพื้นฐานสำคัญที่ทุกๆองก์จะต้องตั้งไว้อยู่บน "ความเชื่อ" ... ทั้งคนเล่นและคนดู ต่างต้องเชื่อในสิ่งที่ทำ และก็เชื่อในสิ่งที่เห็น ส่วนของนักมายากล ...คนเล่นเป็นทุกๆคน ล้วนแล้วแต่มีความสามารถความเก่งกาจแตกต่างในทางของเขาออกไป คนหนึ่งเก่งในทางแสดงพลังจิต อีกคนเก่งในทางแสดงพลังกาย ส่วนอีกคนอาจจะเชี่ยวชาญการใช้อุปกรณ์ประกอบ แต่อีกคนก็ไม่จำเป็นต้องใช้อะไรนอกจากทักษะมือเปล่าของตัวเขาเอง ...แม้ว่าคนเหล่านี้จะมีความเฉพาะทางที่ไม่เหมือนกัน แต่สิ่งหนึ่งที่ผู้คนเหล่านี้จะต้องมีเหมือนๆกัน ก็คือ "ความเชื่อ" ความเชื่อ... ที่เชื่อว่าเขามีความสามารถพอที่จะเอาชนะความรู้สึกขัดแย้งของผู้ชมได้ เชื่อว่าเขาจะเก่งพอหลอกตาหลอกใจของคนที่นั่งอยู่เบี้องหน้าของเขาได้ ...การที่แต่ละคนจะเชื่อว่าตัวเองทำได้นั้น มันไม่ได้ขึ้นอยู่อะไรกับ นอกจากความตั้งใจที่ปรารถนาและต้องการจะเป็นนักมายากลชั้นเยี่ยมให้ได้ ...เฉกเช่นเดียวกันกับ "แองเจียร์" และ "บอร์เดน" สองนักมายากลที่พยายามกับการก้าวหน้าไปสู่จุดสูงสุดของอาชีพ คนทั้งสองต่างก็ปรารถนาและต้องการ ในสิ่งที่เหมือนๆกัน นั่นก็คือ การได้เป็นที่สุดของคนเล่นกลในโลกนี้... แต่แรกเริ่มเดิมที แองเจียร์ และ บอร์เดน คนทั้งสองนั้นเป็นเพื่อนร่วมคณะมายากลด้วยกัน ในเวลานั้นคนทั้งคู่ยังมีความสนิทสนมซึ่งกันและกัน ฐานะของเพื่อนรักยังคงทำให้เขาและเขาไม่มีปัญหาความขัดแย้งอะไรเกิดขึ้นในใจลึกๆ ...แต่อาจจะมีอยู่บ้างก็ตรงที่เขาและเขา ต่างก็ต้องการจะแข่งขันซึ่งกันและกัน ในฐานะของคนที่กำลังพยายามปีนป่ายฝึกฝนเพื่อจะเป็นนักมายากลที่เป็นสุดยอดด้วยกันทั้งคู่ แต่แล้วจุดแตกหักของความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่มันก็เกิดขึ้นในตอนที่ เหตุการณ์อันไม่มีทางจะควบคุมได้แย่งเอาชีวิตของคนที่แองเจียร์รักมากที่สุดไป ...เมื่อตัวบอร์เดนเอง ก็อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำอยู่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด และเขาก็ไม่คาดคิดด้วยว่าความเชื่อของเขาจะกลับตาลปัตรในตอนจบที่ทำให้ชีวิตหญิงสาวของเพื่อนรักต้องตาย ... แองเจียร์ทั้งทรมานและแค้นใจ จนทำให้เขาเชื่อว่า การกระทำของบอร์เดนมีขึ้นมาด้วยความจงใจ ... ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ความเป็นเพื่อนก็สลายหายไป และความเป็นศัตรูได้เข้ามาแทนที่...แองเจียร์ไม่เคยสนใจในการแก้ตัวของบอร์เดน ตัวเขาขอแค่เพียงจะได้ล้างแค้นคนชั่วในความเชื่อของเขาเท่านั้นก็พอใจ... ความเชื่อ... ของทั้งสองได้วนเวียนไปวัฏจักรแห่งการเอาคืนซึ่งไม่มีอันได้สิ้นสุด ถ้าใครคนใดคนหนึ่งยังไม่ตายไปข้างหนึ่ง ...ในขณะที่ต่างคนก็ต่างคิดจะไต่เต้าไปสู่จุดที่ปรารถนา ในเวลาเดียวกันคนทั้งคู่ยังเวียนกลับมาคิดถึงวิธีการที่จะเคลียร์อุปสรรคขัดขวางความปรารถนาซึ่งเกิดขึ้นมาฝ่ายตรงข้าม ...เมื่อไม่มีใครเคยยอมใคร ก็ต้องไม่มีใครที่ยอมแพ้ ถ้าแองเจียร์หรือบอร์เดนเอาชนะในเกมที่หนึ่งได้ มันก็ต้องมีเกมที่สอง เกมที่สาม ตามมาไม่มีอันได้จบลง แองเจียร์ และ บอร์เดน เลือกที่จะเชื่อตัวเอง และเชื่อในความเก่งกาจที่ต่างคนต่างก็มีอยู่ ...เขาและเขาสามารถที่จะเอาชนะความรู้สึกขัดแย้งของผู้ชมได้ แต่เขาและเขาก็ไม่เคยสักทีที่จะชนะความสัมพันธ์ขัดแย้งที่ต่างคนต่างก็มีกับใจของตัวเขาเอง ดังจะเห็นได้จากการพยายามขวนขวายหาวิธีการของฝ่ายตรงข้าม โดยใช้ลูกไม้ผิดๆ และบางครั้งก็จำเป็นต้องสกปรก ...เขาไม่เคยคิดจะขัดแย้งในใจของตัวเองสักหน ว่าสิ่งที่ทำอยู่มันผิดจรรยาบรรณ เพียงเพราะ เขาเลือกจะเชื่อว่าสิ่งที่เขาทำมันดีแล้ว เลือกจะเชื่อว่าสิ่งๆนี้จะนำพาชัยชนะอันใสสะอาดมาตกเป็นของเขาแค่เพียงผู้เดียว และเขาเลือกจะไม่กังวลไปถึงจุดจบของมันว่าจะเป็นไปอย่างไรก็เพราะไม่มีใครจะได้จะเสียกับมันอีกแล้ว ไม่ใช่กับ แองเจียร์ และบอร์เดน ที่มีความเชื่อ ...กับผู้คนที่อยู่รอบข้างของเขาและเขาทั้งหมด ต่างก็ต้องการที่จะมีความเชื่อเช่นเดียวกัน วิศวกรนักสร้าง "คัตเตอร์" เบี้ยล่างของแองเจียร์ ...ต้องการที่จะเชื่อถือความทะเยอทะยานที่เจ้านายของเขามี เหมือนที่เจ้านายก็เชื่อว่าเขาคือข้าบริวารผู้ซื่อสัตย์ ผู้ที่จะคอยสนับสนุนการสร้างผลงานตบตาชิ้นยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครจะเทียบเท่าเขา ผู้ช่วยสาว "โอลิเวีย" ...ต้องการที่จะไว้เนื้อเชื่อใจฝากชีวิตอันอ้างว้างของเธอให้เป็นของแองเจียร์ เหมือนที่แองเจียร์ก็เชื่อว่าเธอคือผู้ช่วยที่เขาจะไว้ใจมอบหมายหน้าที่เป็นสาย คอยจับตามองความเป็นไปของบอร์เดนทุกฝีก้าวภรรยาของบอร์เดน "ซาร่า" ...ต้องการที่จะเชื่อว่าสามีของเธอรักเธอด้วยความจริงใจ ไม่ใช่หลอกลวงไก่กาไปวันๆ อย่างที่เธอรู้สึกและสัมผัสได้อยู่ เหมือนที่บอร์เดนก็เชื่อว่า เขารักภรรยาของเขามากกว่าใครๆ และไว้ใจว่าเธอจะไว้ใจเขาได้เช่นเดียวกัน คนทุกๆคนล้วนต่างก็มีความเชื่อเป็นตัวของตัวเอง ...คนเราล้วนมีวิธีการหาหนทางที่จะเชื่อถือคนอื่น และตัวของเราเองได้แทบทั้งนั้น เพียงแต่มันก็ยังต้องขึ้นอยู่เพียงกับว่า เรามีความตั้งใจในความเชื่อนั้นหรือไม่ ...เราต้องตั้งใจจะเชื่อว่าคนรักของเรานั้นรักเรา , เราต้องตั้งใจจะเชื่อว่าเพื่อนสนิทของเราจะไม่มีวันหักหลังเรา , เราต้องตั้งใจจะเชื่อว่าสักวันหนึ่งเราต้องได้เป็นคนที่เก่งกาจที่สุด ...เพียงถ้าเราได้ลองตั้งใจจะเชื่อมั่นในสิ่งที่เราปรารถนาแล้ว ความเชื่อนั้นมันก็ไม่ยากเย็นที่จะเกิดขึ้นได้จริง ...อย่างเช่นเดียวกันกับตอนจบของ The Prestige ที่ผู้เขียนบทตั้งใจจะเชื่อตัวเองว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันดีที่สุดแล้วThe Prestige ... ผลงานการกำกับชิ้นล่าของ "คริสโตเฟอร์ โนแลน" หลังจากความสำเร็จอันเนื่องจากความเชื่อที่เขาสามารถปลุกวิญญาณแบทแมนให้ฟื้นคืนขึ้นมาได้อย่างสมเกียรติภูมิ ...นี่เป็นหนังที่เขาบอกว่าตั้งใจอยากจะทำเพราะความชอบที่มีต่อนิยายชื่อเดียวกันกับหนัง ของ "โจนาทาน ฟรีสท์" ... ความสนุกของผมได้ถือกำเนิดเกิดขึ้นเพียงตั้งแต่แค่เห็นพลอตเรื่องแล้ว ...หนังทริลเลอร์ดรามา ที่ผนวกเอาเรื่องราวการหักเหลี่ยมเฉือนคม ซ้อนทับลงไปบนความมหัศจรรย์ชวนตื่นตาของการแสดงมายากล ...ผมตั้งใจจะเชื่อว่างานกำกับที่ได้ โนแลนมาจัดการเรื่องนี้ ต้องสร้างความเริงสราญหัวใจของผมได้เป็นแน่นอน ...และแล้วผมเองก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆที่เลือกจะเชื่อใจหนัง พร้อมทั้งตัวเองด้วยการสละค่าตั๋วเพื่อแลกกับความสุขที่ได้รับตลอดการชมความบันเทิงสุดมหัศจรรย์ในครั้งนี้ ผกก.โนแลน สามารถผนวกเอาความเยี่ยมของฝีมือตัวเอง ความยอดของบทหนัง ความเจ๋งของนักแสดง และความดีของงานโปรดักชั่น มารวมกันเป็นหนังความยาวสองชั่วโมงกว่าๆ ที่ไม่มีช่วงเวลาไหนให้รู้สึกเบื่อหน่ายในอุราเลย1. ความเยี่ยมของผู้กำกับ ...ความเชื่อใจที่ยังคงหลงเหลือมาจากงาน Batman Begins ของเขา ทำให้ผมมั่นใจว่าหนังเรื่องนี้คงจะออกมาดูดีได้ไม่ต่างกัน ...โนแลน ควบคุมการแสดงมายากลองก์ใหญ่องก์นี้ให้ออกมาได้เป็นที่ประทับใจของคนดู เขามีความเก่งกาจสามารถที่จะหลอกล่อ ดึงดูดใจในเหตุในผลของหนังให้คนดูเลือกจะเชื่อถือมันได้ สิ่งที่เขาทำให้เราเห็นก็คือ ความตื่นเต้นเร้าใจในการดำเนินเดินเรื่องที่ทุกฝีก้าวไม่สามารถจะกระพริบตาได้ ทุกๆการพูดทุกๆไดอะล็อกที่นักแสดงแลกเปลี่ยนต่อกันและกันสร้างความน่าติดตามให้เราต้องจับจดในน้ำคำอย่างตั้งใจ ...การแสดงกลของเขาในครั้งนี้ เลือกจะใช้เทคนิคการตบตาที่ฉลาดเฉลียวเกินความคาดคิดของคนดู จนเมื่อมันถึงจุดจบ ผลกระทบที่มันส่งมาถึงเรา เลยได้กระแทกจิตใจของคนที่ตั้งใจชมได้อย่างรุนแรง และสะท้านสะเทือน 2. ความยอดของบทหนัง ...สองพี่น้องโนแลน "คริสโตเฟอร์" และ "โจนาทาน" ร่วมด้วยช่วยกันบรรเลงเพลงกลชวนฉงนให้น่าตื่นตาและตื่นใจ ด้วยงานบทชั้นเลิศที่สร้างสรรค์ออกมาผ่านกระบวนการคิดที่เฉียบแหลม ...ฉากแล้วฉากเล่าที่เรื่องผ่านพ้นไป ล้วนแต่มีเหตุมีผลในตัวของมันให้เราจำเป็นต้องคิดถึง ความโยงใยในความสัมพันธ์ของเหล่าตัวละครทำให้เราต้องคิดระแวงแล้วระแวงเล่าว่ามันจะไปจบลงด้วยเหตุฉะนี้กันหรือเปล่า บทของมันใช้การหลอกล่อด้วยวิธีการต่างๆนานาจูงใจให้คนชมต้องคิดแล้วคิดอีกถึงความน่าจะเป็นของมัน ...การใส่เรื่องราวปลีกย่อยเป็นเฉพาะของตัวละคร ก็สำคัญไปพร้อมกับเรื่องหลัก ที่มันเกี่ยวเนื่องซึ่งกันและกัน มันทำให้หนังได้เปิดโอกาสกับนักแสดงทุกๆคนได้ใช้ความอินของตัวเองให้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด ซึ่งส่งผลทำให้ตัวละครหลักและตัวละครรองต่างก็มีช่วงเวลาที่น่าจดจำเป็นของตัวเองแทบทั้งนั้น ...3. ความเจ๋งของนักแสดง ...ตัวของบทหนังชั้นยอดก็ยังน่าจะเป็นแค่ส่วนหนึ่งเล็กๆที่เสริมส่งการแสดงให้เจ๋งเท่านั้น ซึ่งถ้าหนังขาดการแสดงที่มีคุณภาพเปี่ยมล้นไปแล้ว บทหนังก็อาจจะช่วยเหลืออะไรได้ไม่เต็มที่นัก ...ต้องยกนิ้วให้กับดาราทุกคนที่มามีส่วนร่วมรู้เห็นในเหตุการณ์ของหนังเรื่องนี้ ซึ่งแต่ละคนล้วนปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นเยี่ยมกันทั้งสิ้น ..."ฮิวจ์ แจ๊คแมน" สามารถสร้างภาพความเป็นสุภาพบุรุษนักมายากลที่ดูดีอย่างที่หนังต้องการให้เป็นกับ "แองเจียร์" พลังความแค้นที่ตัวละครนี้มีต่อบอร์เดน ส่งออกผ่านทางตา ท่าทาง และการใช้กำลังที่สมจริง จากตอนแรกซึ่งเขาเคยทำให้คนดูเห็นใจในตอนที่เขาสูญเสียคนรักไป แต่ในตอนท้ายเขาก็กลายเป็นผู้ร้ายสุดน่ากลัวที่โดนด้านมืดครอบงำให้ไม่เห็นเงาหัวใครอีกเลย ..."คริสเตียน เบล" ดูอันตรายชั่วร้ายอย่างเป็นที่สุดในเวลาที่เขาเอาคืน แต่พอถึงเวลาที่โดนตอกกลับ ตัวละคร "บอร์เดน" ก็กลายเป็นผู้ถูกกระทำที่โดนกลั่นแกล้งจนน่าเกลียด ในชะตากรรมเลวร้ายของตัวละครนี้ที่ต้องพบเจอ มักจะมาพร้อมกันกับความสงสารที่คนดูมีให้ เบลแสดงบทบาทความเป็นผู้ชายที่กระหายในชัยชนะได้อย่างเข้าถึง แต่พอได้แสดงภาพที่อ่อนแอในตัวตนของเขาแล้วมันก็ชวนให้เราเชื่อว่าเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ บทบาทของดาราสมทบทุกคนทั้ง ไมเคิล เคน (คัตเตอร์) , สการ์เล็ต โจแฮนสัน (โอลิเวีย) , รีเบคก้า ฮอลล์ (ซาร่า) ทำได้อย่างที่ควรจะเป็น ความสำคัญของพวกเขาช่วยส่งความสนุกให้เข้มข้นคลั่กยิ่งไปกว่าเดิม ...พลังความแรงของการประกบคู่ ฮิวจ์ และ เบล อาจจะไม่แรงได้สุดๆขนาดนี้ ถ้าขาดซึ่งบุคคลรอบข้างเหล่านี้ไป 4. ความดีของงานโปรดักชั่น ... ในทุกส่วนประกอบที่รวมร่างกันเป็นองก์การแสดงสุดยิ่งใหญ่ชุดนี้ นอกเหนือไปจากสามข้อข้างต้นแล้ว ในข้อสุดท้ายที่เป็นตัวงานโปรดักชั่นอาจจะไม่ต้องเน้นความสำหลักสำคัญอะไรมากมาย แต่ถ้าจะให้ขาดแคลนแล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ ...คนทำทุกส่วนงานสามารถเลือกสรรวัตถุดิบชั้นดีมาประกอบภาพของหนังให้ดูขลัง มีพลัง และบ่งบอกความนัยที่หนังแอบซ่อนเร้นเอาไว้ได้ ไล่ไปตั้งแต่ การถ่ายภาพ การตัดต่อ การสร้างฉาก เครื่องแต่งกาย และสุดท้ายก็คือ เพลงประกอบบรรเลงที่เน้นแนวคลาสสิค ซึ่งควบคุมอารมณ์หนังเอาไว้ได้เต็มหมัดเต็มแข้ง เอามาฟาดหัวใจให้คนดูรู้สึกเร้าระทึก และลุ้นตามหนังกันจนลืมเหนื่อย The Prestige ... เป็นอีกหนึ่งหนังเข้าข่ายยอดเยี่ยมในปีนี้ ที่ความสนุกสุดบันเทิงสามารถบีบคั้นหัวใจคนดูให้ต้องกระหายอยากติดตามแต่ต้นเรื่องไปจนจบราว ...ขอรับประกันว่านี่คือ โปรแกรมที่คอหนังไม่สมควรจะพลาดเลยด้วยประการทั้งปวงอีกทั้งถ้าคุณได้ดูในโรงภาพยนตร์ ก็กล้าที่ยืนยันได้ว่า มันจะต้องเป็นอะไรที่สุดยอดในความรู้สึกของคุณโดยแน่แท้ ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ...ครับดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ : 4 หัวข้อข้างบน ที่รวมกันเป็นหนัง 1 เรื่องโคตรประทับใจเรื่องนี้ เกรด A ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2549 0:15:31 น.
5 comments
Counter : 3193 Pageviews.
โดย: espoir วันที่: 14 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:48:45 น.
โดย: pOOngTO* IP: 58.136.93.202 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2549 เวลา:3:05:24 น.
โดย: mannnn IP: 124.121.105.21 วันที่: 3 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:38:14 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ