"Once" ... ขอเพียงสักครั้ง แค่เจอใครสักคน ต่อให้ต้องทำอะไรสักเท่าไหร่ก็ยอม
โปรโมตสักนิด ปล่าวประกาศสักหน่อย นอกไปจากการเริงรมย์ Bloggang ตะแร๊ดแต๊ดแต๋ที่ พันทิพ แล้ว ...ตอนนี้ นาย OncE UPoN'-'a MaN คนนี้ มีสถานที่ของคนรักหนังแห่งใหม่มาชวนให้คุณๆไปเถิดเทิงด้วยกันครับ //vreview.yarisme.com Vreview = We review = การรวมบทความรีวิวเกี่ยวกับหนังของแต่ละคน อาทิเช่น อัพเดตรีวิวสั้นๆถึงหนังโรงที่ได้ดูพร้อมคะแนนเพื่อช่วยตัดสินใจ พร้อม link ไปอ่านฉบับเต็มของแต่ละคน หรือ รีวิวเต็มๆตามสไตล์ใครสไตล์มัน ผม OncE UPoN'-'a MaN คนนี้ คือคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสมาอยู่ในทีม Vreview นี้อันประกอบไปด้วยสมาชิกอีก 5 คน คือ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (คุณหมอเป็นโต้โผใหญ่ในการนี้) , "บลูยอชต์" , "Nanoguy" , "renton_renton" และ "เทพบุตรตบะแตก!!" ...พวกเราทั้ง 6 มีหน้าที่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว คือ การมาร่วมอัพเดทเปิดประเด็นคุย ให้รีวิวถึงอะไรก็ได้ที่เรียกว่า "หนัง" เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้พวกเราและคุณๆคนรักหนังได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน ก็ขอเชิญชวนคนรักหนังทุกๆท่าน มาร่วมคุยร่วมแจม ณ ที่บล็อกแห่งนี้กันครับ ...และ Toyota Yaris เจ้าของบล็อก ฝากบอกมาว่า ถ้าเราไปร่วมรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนใหญ่ๆแล้ว เขาจะจัดกิจกรรมดีๆ ให้เราได้มาสนุกกันจริงๆจังๆอีกด้วยนะ "How often do you find the right person?" ...บ่อยแค่ไหนที่คุณจะได้เจอใครที่ถูกใจ? นี่คือ ประโยคคำโปรยที่หนังรักเชื้อชาติไอร์แลนด์ อันชื่อว่า "Once" ได้เปิดประเด็นเอาไว้ ...หนังพูดถึง เรื่องราวความรักในมุมของคนเหงาสองคน ที่ต่างก็เคยมีรักกันมาก่อนหน้า หากแต่ทั้งสองก็ต้องพานพบกับความผิดหวัง เมื่อฝ่ายคนที่พวกเขารักชิ่งหนีจากลาไป ด้วยเหตุผลที่ไม่อาจเข้าใจในความจริงแท้ผู้ชาย (Guy) ...เป็นนักดนตรีริมถนน ที่ชื่นชอบการร้องเพลงเปิดหมวก โดยไม่หวังจะต้องการเงินทองอะไรนัก ...เพราะสิ่งที่เขามุ่งหวังมากกว่าผลพลอยได้ คือ ความสุขจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก และได้เผื่อแผ่ให้คนอื่นรู้สึกดีตามไปด้วย แต่มันก็น่าแปลกนัก ที่ความรู้สึกดีๆ ของคนที่เขารักมันมีอยู่น้อยยิ่ง ...น้อยเสียจน ไม่มีเหตุผลที่จะพูดจะบอกเลิกผู้ชายแสนอบอุ่นคนนี้ ปล่อยทิ้งเขาไว้ให้จมอยู่กับเพลงรักที่เขาเคยพร่ำร้อง บอกรักเธอ และทำให้วันนี้ เขายังต้องร้องเพลงนี้(เพราะความคิดถึง)ต่อไปด้วยจิตใจอันรวดร้าว ผู้หญิง (Girl) ...ทำงานหลักเป็นสาวใช้ ที่สามารถเรียกใช้ให้เธอทำงานได้ทุกอย่าง ตราบใดที่มีเงินเป็นสินตอบแทน ...แต่เงินที่เธอได้มานั้น ก็ใช่ว่าจะเอามาประโลมความสุขฟุ้งเฟ้อใดๆ กลับเลือกจะเทมันไปให้กับลูกสาวตัวน้อย และแม่ของเธอ แต่มันก็น่าเสียใจนัก ที่การเป็น Working Woman เดี่ยวๆ ของเธอนั้น ...มันไม่อาจสามารถล้างความจริงที่เธอเคยมีใครสักคนทำอะไรให้เธอมาก่อน เป็นคนที่เธอเคยรัก และเขาคนนั้นก็เคยรักเธอเช่นกัน ...ติดแต่ด้วยเหตุผลที่ผู้ชายของเธอ บอกว่าไม่แน่ใจในความรักครั้งนั้น จึงทำให้เขาและเธอต้องแยกกันไป เพียงเพื่อรอคอยให้สักวันหนึ่ง คนๆนั้นแน่ใจที่จะรักเธอได้สักที ซึ่งไม่มีทางรู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ จนแล้วก็มีวันหนึ่งที่ Guy และ Girl คู่นี้ได้โคจรมาพบกัน บนเส้นทางแห่งความเหงา ...จากคนสองคนที่เคยเข็ดหลาบกับความรัก และปิดตายหัวใจให้รู้จักแต่ความเหงา ก็ได้โอกาสเปิดประตูสีชมพูบานนั้นอีกครั้ง เพื่อเตรียมพบกับรักครั้งใหม่ที่ต้อนรับพวกเขาทั้งสองให้เดินเขาไปหามัน ...จะติดก็แต่ว่า มันอาจจะสายเกินไป ที่เขาและเธอเพิ่งจะได้มาพบกันบนโลกใบนี้ แต่แรกเริ่มเดิมทีนั้น ชื่อของหนังที่แปลว่า 'ครั้งหนึ่ง' เรื่องนี้เข้าข่าย โนเนมโนเนะ ในความรู้จักของผม... ทั้งในฐานะที่ผมไม่ค่อยได้ติดตามข่าวคราวหนังอินดี้ (อาจเพราะมันชึ้นชื่อว่าอิสระเสียจนแทบไม่มีอะไรบอกกล่าว จนหนังเสร็จก็ปรากฎออกมาทันที) และในฐานะที่เป็นหนังอินดี้ ซึ่งถือกำเนิดมาจากประเทศเล็กๆ ที่มีภูมิประเทศเป็นหมู่เกาะอย่าง ไอร์แลนด์ ...ก็อย่าให้นึกเลยว่า มีหนังอื่นๆจากประเทศนี้เรื่องไหนบ้าง ที่ผมเคยรู้จัก จนแล้ว เมื่อ Once ได้มีโอกาสเข้าชิงออสการ์กับสาขา เพลงประกอบยอดเยี่ยม เช่นนี้นั่นเอง... จึงทำให้ผมได้เริ่มทำความรู้จักกับหนังเรื่องนี้ ได้มารู้ว่าหนังเป็นที่ชื่นชอบของคออินดี้เป็นอย่างมาก ถึงขั้นคะแนนของหนังในเว็บ Rottentomatoes ยอดเยี่ยมเป็นอันดับ 1 ในหนังอินดี้ด้วยกันของปีที่แล้วเลยทีเดียว ยิ่งเมื่อออสการ์ได้ตัดสินใจจะมอบ ตำแหน่งเพลงประกอบยอดเยี่ยม ให้ "Falling Slowly" ด้วยแล้วนั่นเอง ...จึงทำให้ผมดั้นด้นหาโหลดมาฟัง เพื่อพิสูจน์ความเยี่ยมของมัน ...และจากที่ได้ฟังอย่างใคร่ครวญแล้ว ผมก็ต้องยอมรับในความเหมาะสมที่ได้รางวัลมาจริงๆ ...หากแต่ถ้าวัดคุณค่ากัน ในความรู้สึก ก็ถือว่า ความโดนยังไม่มีนัก เมื่อลองเอาไปเทียบกับอีกหนึ่งเพลงที่ได้ชิง(และผมเชียร์)อย่าง "So Close" ของ Enchanted และด้วยเหตุฉะนี้ ที่เพลงเพราะ แต่ไม่ยักโดนนั่นเอง ...จึงทำให้สุดท้าย ผมไม่ลังเลที่จะตีตั๋ว เพียงเพราะในใจลึกๆ ก็หวังว่า การฟังในหนัง มันคงช่วยทำให้ซึมซับติดใจดีขึ้นได้ ...และในท้ายที่สุด ผมก็ได้พบว่า ความเพราะของเพลงยังมีเท่าเดิม แต่ความโดนกลับเพิ่มพูนขึ้นมาดั่งใจหวังจริงๆ หนังดรามาปนโรแมนซ์ เรื่องนี้มีการเดินเรื่องที่เรียบง่าย ขั้นตอนของมันไม่กล้าให้ซับซ้อน ไม่พยายามฝืนใส่อะไรให้ดูเกินเลยจากความเป็นธรรมชาติ ...ซึ่งนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังค่อนข้างจะไปเรื่อย จนเอื่อยในอารมณ์คนดู ถ้าใจไม่คล้อยตามหนังไปด้วย เผลอข่มตาหลับแล้วก็อาจมีหลับเลยตามเลย และอีกปัญหาหนึ่งที่คนดูหนังในหมู่ใจไม่คล้อย อาจจะได้เจอชัดกว่าคนที่ชิลตาม ...ก็คือ การถ่ายทำที่สารคดีสุดขั้น (เหมือนจะใช้กล้องวิดีโอแฮนด์เฮลด์เดินตามถ่าย) ขณะที่หนังเล่าไปเรื่อย ภาพถ่ายไปเรื่อย กล้องที่เคลื่อนก็เหมือนมือสมัครเล่นถ่ายทำยังไงชอบกล แล้วยังมาสะดุดอารมณ์เอากับภาพบนจอที่ขุ่น และไม่คมด้วยอีก ก็อาจเป็นอันจบความรู้สึกอยากตามติดในห้วงสุดท้ายที่อดทนได้ การที่หนังตามติด 2 ตัวละครหลักไป แต่ไม่ยักจะให้คนดูได้รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของพวกเขา แม้แต่ชื่อเล่นๆเลย ...นั่นก็คือ ความเป็นสารคดีอย่างหนึ่ง ที่หนังเมคขึ้นมา ...ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ตั้งใจ(ลืม) หรือไม่ตั้งใจ(ให้คนดูต้องรู้) อย่างใดอย่างหนึ่ง ผมมองว่า กลวิธีนี้ใช้ได้ผลยิ่งนัก กับการเล่นความรู้สึกของคนดู เสมือนเราๆ เป็นเพียงแค่บุคคลที่สาม ที่เฝ้ามองพฤติกรรมของพระ-นาง คู่นี้อยู่ห่างๆ ...จนเมื่อได้งวดมาถึงช่วงเวลาที่หนังเดินถึงตอนจบนั่นเอง จะทำให้เราตัดสินได้ง่ายดายว่า เรารู้สึกเชื่อในความรักของพวกเขามากน้อยแค่ไหน ...มันคือส่วนหนึ่งในความเรียบง่ายของหนัง ที่จะบิวต์ได้/ไม่ได้ ก็ล้วนขึ้นอยู่กับใจคนดูแต่ละคนเป็นสำคัญแล้วในความเรียบๆเหล่านั้น ที่หนังใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆดำเนินไปอย่างง่ายๆในวิธีการ ...Once กลับแฝงความงดงามไว้ได้พอเหมาะพอตัว และ ทำให้อิ่มในอารมณ์แบบพอดีๆ ...ความงดงามของหนัง ในที่นี้ ไม่ใช่เรื่องของงานหลังกล้อง (ต้องยอมรับว่ามันถ่ายทำแบบธรรมดา จนเหมือนไม่บิวต์อะไรให้กับเราสักเท่าไหร่) แต่ล้วนมาจาก ความสัมพันธ์ของคู่พระ-นางบนจอ ที่ก่อตัวอย่างเงียบๆ ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังคลอไปกับเรื่องราวในหนังโดยตลอด สองสิ่งนี้ เป็นการสวนทางกันในแง่ภาษาหนัง ที่ทำอย่างแยบยล แต่ให้อารมณ์ที่ไม่ฝืน ...ความเป็นไปที่เกิดขึ้นนั้น คือ ความเป็นธรรมชาติ ที่ค่อยๆสร้างความผูกพันของ Guy และ Girl เอาไว้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆพาให้เราเข้าใจในความรู้สึกของคนสองคน จนก่อให้เกิดอารมณ์ร่วมที่สมจริง และส่งผลให้จุดจบของตัวหนัง เข้าถึงความลึกในหัวใจได้อย่างไม่ยากเย็น ด้วยเหตุฉะนี้แล้ว ความรักของคู่พระ-นาง "เกล็น แฮนซาร์ด" และ "มาร์เกตา เออร์โกว่า" ที่เล่นกันอินจัดจนกลายมาเป็นความจริงหลังกล้องนั้น... จึงไม่ใช่เรื่องของการโปรโมตที่พบเห็นได้ทั่วไปตามละคร/หนังบ้านเรา หากแต่ว่ามันคือ ความรู้สึกร่วมอันถ่องแท้และบริสุทธิ์จากใจสองใจ ที่ไม่อาจหาคำใดๆมาบอกกล่าวในความเว่อร์ได้เลย แม้ Once จะเป็นหนังดรามาโรแมนซ์ ที่ไม่มีนิยามใดๆสามารถบ่งบอกอย่างเต็มปากว่ามันเป็นหนังมิวสิคัล (ร้องไป เต้นไป เรื่องเดินไป) ...แต่เราก็ไม่อาจเถียงได้ ว่านี่มันเป็นหนังเพลงโดยแท้จริง ...เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้ทุกเพลง เข้าข่ายเป็นงานดี มีคุณภาพ และสามารถรับใช้อารมณ์ของตัวละครที่ร้องปล่าวออกมาได้อย่างมีพลัง ...มันอาจจะไม่ได้มีส่วนทำให้เรื่องราวหนักแน่น ได้เท่าเทียมกับส่วนบทหนังที่มีบทบาทต่อตัวหนังมากกว่า แต่ในแง่ของความรู้สึก มันทำให้เราเชื่อกับสิ่งที่เขาและเธอร้องออกมาด้วยใจที่รักในเสียงดนตรี ...และมันก็คือ พลังแอบแฝง ที่ช่วยนำทางให้ความรักของเขาและเธอ จบกันอย่างเข้าใจ ลงเอยได้ไม่รวดร้าว ทั้งยังเกิดความสุข ที่จะนำพาชีวิตพวกเขาเดินก้าวหน้าไปในทางที่สวยงาม ถึงแม้ตอนจบของ Once จะไม่เป็นไปดังใจที่ใครๆอยากให้เป็น ...แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในหนัง ก็คือ อีกรูปแบบความรักที่เราคงต้องยอมรับว่ามันมีจริง ...แม้มันจะไม่สวยงามเลิศเลอ ไม่น่าอภิรมย์เท่าไหร่จะได้เจอ แต่อย่างน้อยๆ นี่ก็คือ ธรรมชาติอย่างหนึ่งของชีวิตมนุษย์ ที่ต้องมีทั้งสมหวังและผิดหวังคละเคล้ากันไป เป็นเรื่องของโชคชะตาที่ต้องเสี่ยงทายไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพบจุดจบที่ลงตัวอย่างพอดี... เมื่อถึงเวลานั้น ความรักที่เคยผ่านพ้นแล้วนำมาจำเป็นบทเรียน ก็จะเป็นตัวที่ช่วยยืนยันถึงความสุขใจที่ในวันนี้ เราได้เจอใครสักคนที่ถูกสักที ...แม้เขาหรือเธออาจมาให้เห็นไม่บ่อย แต่ถ้าลองได้เห็นเมื่อไหร่ หลังจากนั้นคงได้แสดงออกถึงความรักกันบ่อยๆแน่นอนขอเพียงสักครั้ง แค่เจอใครสักคน ต่อให้ต้องทำอะไร แสดงออกสักเท่าไหร่ก็ยอม... "Once" ...หนังรักดีๆ ที่ก่อให้เกิดความงดงามในความรู้สึก อิ่มในอารมณ์ และชวนเชื่อในความสัมพันธ์ที่เป็นไปของเขาและเธอ ...แม้โดยภาพรวม จะยังไม่แตะคำว่า เพอร์เฟ็กต์เป็นที่สุด แต่ความอินของหนังก็มีมากพอ จะทำให้เรามองเห็นความเลิศเลอในความเรียบง่าย ...เป็นครั้งหนึ่งที่น่าจดจำ กับประสบการณ์ความรักที่ไม่หวานจนเลี่ยน ไม่เอียนกับการใช้คำพูดอันสวยหรู ...ทุกอย่างๆเกิดขึ้นมาจากความจริงใจโดยล้วน ฉะนั้นแล้วสำหรับคนที่อยากจะดูอะไรที่สบายอารมณ์ แต่ให้ความแช่มชื่นกับหัวใจอย่างล้นปรี่...นี่คือหนังที่ควรดูสำหรับคุณๆครับ ขอแนะนำ ...ฉายวันนี้ที่ ลิโด ครับเกรด A- ... { } ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 18 มีนาคม 2551
Last Update : 18 มีนาคม 2551 9:59:05 น.
7 comments
Counter : 2192 Pageviews.
โดย: noteaukko IP: 125.26.29.61 วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:5:18:02 น.
โดย: jumwilly วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:5:25:32 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 18 มีนาคม 2551 เวลา:19:24:45 น.
โดย: หมิง IP: 203.121.167.243 วันที่: 19 มีนาคม 2551 เวลา:10:52:40 น.
โดย: fungjai IP: 125.27.215.233 วันที่: 21 มีนาคม 2551 เวลา:13:23:06 น.
โดย: AccessError วันที่: 22 มีนาคม 2551 เวลา:7:56:18 น.
โดย: รักแห่งสยอง IP: 203.185.130.105 วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:15:28:35 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30 31
อยากดูจังเลยค่ะ
หาซื้อได้ที่ไหนบ้างค่ะ
จะได้ดูแล้วมาบอก