+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
"Stardust" ... ความรักรายรอบดวงดาว แพรวพราวสกาวยิ่งกว่าแสงใด



มองแบบผิวเผิน วัดจากหน้าหนัง "Stardust" ก็ดูเป็นหนังแฟนตาซีที่สุดแสนจะธรรมด๊า ธรรมดา ไม่ได้น่าดูมากไปกว่า การเป็นหนังรวมดาวที่ได้นักแสดงมีชื่อดอดมาร่วมแจมด้วย ...ซึ่งอาจพอให้ความบันเทิงจากการแสดงของพวกเขาได้อยู่ หากแต่ก็มองกันไม่ค่อยชัดเจน ว่าตัวหนังจะดี จะสนุกอย่างที่หนังตัวอย่างพยายามทำการล่อใจได้อย่างจืดชืด

แล้วถ้าถามว่ามีใครบ้างที่รู้จักว่า Stardust เคยเป็นหนังสือมาก่อน จะมีสักกี่คนเชียวที่รู้ความนี้ ...แล้วกับคำโปรยที่ว่าสร้างมาจากนิยายขายดี มันก็ไม่ได้สร้างความสนใจให้ผมได้มากสักเท่าไหร่ อย่างที่ The Lord of the Rings หรือจะ Narnia ก็ยังดูจะมีชื่อเล็ดลอดเข้าหูผมมาก่อนจะได้รู้จักฉบับหนังกันบ้าง

ความที่ให้รู้สึกจะอยากดู มันก่อขึ้นมาก็ตอนที่คำวิจารณ์โดยรวมๆของแทบทุกคนยันว่า เป็นหนังที่ดูเพลินๆ เอาสนุกได้ดี... แล้วกับโดยส่วนตัวที่เคยได้ดูงานชิ้นก่อนของ "แมทธิว วอห์น" ใน "Layer Cake" ก็ถือว่าสนุกดี ถึงแม้มันจะดูเหมือนเป็นการลอกสไตล์ กาย ริชชี่ ยังไงๆอยู่ก็ตามที (และที่สำคัญ ก็ต้องขอบคุณหนังเรื่องนี้ด้วย ที่ช่วยผลักดัน พี่แดเนียล เครก ได้กลายเป็น เจมส์ บอนด์ คนใหม่ ที่โคตรๆเท่ห์ได้ใจอย่างแรง)



"Stardust" ... มีพลอตย่อยหลักๆ 3 อย่าง ที่นำมาเล่ารวมๆโดยมีดวงดาวที่ชื่อ "อีฟเว่น" เป็นตัวกลางของเรื่องราวทั้งหมด



หนึ่ง... ไอ้หนุ่มหมาวัด "ทริสตัน" มีความหวังลมๆแล้งๆ จะเด็ดดอกฟ้าสวยเลิศ "วิคตอเรีย" ให้ลงมาจากปลายกิ่งด้วยเจตนาอันใสซื่อบริสุทธิ์ ...เมื่อมีดาวดวงหนึ่งได้ตกลงมาจากฟากฟ้า เขาก็ได้ให้คำมั่นสัญญากับสาวเจ้าเอาไว้ ว่าเขาจะไปเดินทางด้วยใจมุ่งมั่น ไปเก็บเอาดาวดวงนั้นให้เธอได้เชยชมแต่เพียงผู้เดียว ...แต่ ทริสตัน หารู้ไม่ว่า การตกของดาวดวงนี้ จะมีอันทำให้ชีวิตของเขานับตั้งแต่เดินข้ามกำแพงต้องเปลี่ยนไปอย่างไม่มีวันเหมือนเดิม



สอง... กษัตริย์วัยชราง้ำเงอะแห่งนครสตรอมโฮลด์ (ที่อยู่ในอีกฟากฝั่งหลังกำแพงที่ทริสตันข้ามมา) มีอันจะต้องเสียชีวิตอยู่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้แล้ว หากแต่พระองค์ก็ยังไม่ได้ตกลงปลงใจจะเลือกใครมาครองราชย์ต่อจากกัน แล้วด้วยความที่ลูกชาย (ที่ยังหลงเหลือชีวิตอยู่ 4 จาก 7 คน) ก็ไม่มีใครที่จะเอาไหนให้ไว้ใจอะไรได้เลยสักคน จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ พระองค์ต้องการจะพิสูจน์หาใครสักคนที่น่าจะดีที่สุด สำหรับตำแหน่งที่ลูกๆทุกคนหมายปอง(และพากันแก่งแย่งแบบที่ไม่รู้จักคำว่าพี่และน้อง)



สาม... สามพี่น้องแม่มดจอมร่าย(มนต์)และร่าน(ชีวิต) มีจุดประสงค์คิดเห็นร่วมกันอย่างหนึ่ง ถึงความพึงพอใจในรูปโฉมอันสะสวยแต่หัวจดเท้า ที่พวกเธอหวังจะคงไว้แบบเป็นอมตะ... เมื่อเธอได้เห็นภาพของดวงดาวที่ตกร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้าก็เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่า ถึงเวลาต้องกลับมาสวย เลิศ เชิด หยิ่ง อีกครั้งหนึ่งของพวกเธอแล้ว ..."ลาเมีย" สมาชิกน้องนุชสุดท้องเลยขันอาสา จะไปหมายปลิดเอาดาวดวงนี้มาประทังชีวิตให้พวกๆเธอได้เอามารักษาความสะพรั่งให้คงอยู่กับเธอไปอีกนานนับร้อยปี

อีฟเว่น... เธอ คือ ดวงดาวที่ ทริสตัน หมายปอง(จะเอามาให้คนที่เขารัก) , เธอ คือ คนกลางที่จะไกล่เกลี่ยให้ใครคนใดคนหนึ่งเหมาะสมได้ตำแหน่งกษัตริย์แห่งสตรอมโฮลด์ไป และเธอ ก็คือ สิ่งมีชีวิตที่ลาเมียจะต้องไล่ล่าด้วยทุกวิธีการอันสกปรกเพื่อความปรารถนาที่จะกลับมาสาวได้เป็นความจริง ...เธอ คือ เจ้าของชื่อหนัง "Stardust" และก็คือตัวละครสำคัญที่จะทำให้เราคนดูได้ลึกซึ้งกับคำว่า ความรัก อันแสนงดงาม ซึ่งเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่บนโลกใบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริงเป็นอันขาด



เรื่องราวของ "Stardust" ยังคงสไตล์แบบว่าโลกเบี้ยวเฉกเช่นกับงานเรื่องก่อนของ แมทธิว วอห์น ที่สร้างความโยงใยยุ่งเหยิงให้เกิดขึ้นกับคนหมู่หนึ่งที่ต่างฝ่ายต่างก็มีจุดมุ่งหมาย พฤติกรรม และการกระทำของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป ...ถ้า Layer Cake เป็นความยุ่งเหยิงบิดเบี้ยวในโลกความจริง แห่งแวดวงอาชญากรรม และการค้ายา Stardust ก็ย่อมเป็นความยุ่งเหยิงในอีกรูปแบบของ วอห์น ที่คราวนี้เป็นการพยายามบิดโลกของนิยายและจินตนาการให้เบี้ยวออกไปจากความเป็นปกติแบบเดิมๆ

ด้วยการที่หน้าหนังพยายามทำตัวให้ดูธรรมดาเข้าไว้ ...คงรูปแบบเหมือนเป็นหนังแฟนตาซีอีกเรื่องที่สร้างขึ้นตามกระแส อภินิหารแห่งแหวน และตู้เสื้อผ้า เลยทำให้ผมพยายามไม่คาดหวังอะไรให้มันมากนัก (ถึงแม้โดยส่วนหนึ่งก็ได้หลงเชื่อคำโฆษณาว่าดีมาก่อนแล้ว) และคิดว่าถ้าสนุกสมคำร่ำลือจริงๆ นั่นก็ถือเป็น สิ่งที่เหนือจากความคาดหวังอีกทีหนึ่ง

(ที่คิดอย่างนั้น อาจจะเป็นเพราะโดยส่วนตัว ผมก็ไม่ถึงกับปลื้มการดูหนังแนวแฟนตาซีโบราณๆซะเท่าไหร่หรอก ...อย่างที่อยากจะดูจริงๆ มันก็มีน้อยมากๆจนจำไม่ได้ว่ามีเรื่องไหนบ้างซะงั้น ...และที่แน่ๆ ก็ไม่มี The Lord of the Rings (ภาคแรก) กับ Narnia รวมไว้ในกลุ่มหนังแฟนตาซีในสเปคของผม กลุ่มที่ว่านี้อีกเสียด้วยซ้ำ)



และแล้ว Stardust ก็ให้ผลลัพธ์ในแง่ที่ดีสมประโยคบอกเล่าที่สืบๆต่อกันมา ...สำหรับผม เป็นหนังที่สนุก ดูเอาเพลิน แฝงอารมณ์ไว้หลากหลายกำลังดี ทั้งยังเด็ดดวงกับการแสดงของทีมดาราชั้นเยี่ยม รุ่นใหม่ยันถึงวัยสูงอายุ



สนุก... ไปตามกลวิธีการเล่าแบบเบี้ยวๆ ของ แมทธิว วอห์น ที่ดัดแปลงมาใช้กับหนังแฟนตาซีได้เนียนๆ ...แถมยังเป็นการบิดรูปแบบธรรมเนียมเก่าๆที่หนังแนวนี้เขาไม่ทำกัน ได้เข้าท่า และดูมีสไตล์ที่แปลกใหม่เร่งเร้าใจดี ทั้งยังกระชับ ไม่เยิ่นเย้อ น่าเบื่อแบบที่ Narnia เคยทำให้รู้สึกเซ็งอย่างรุนแรงที่เผลอคาดหวังไปเยอะ



เพลิน... จากตัวหนังสือและฝีปากกาของ "นีล ไกแมน" ที่เขาว่ากันว่า บรรเจิดสุดโต่งโดนใจวัยสะรุ่น ในทุกๆงานเขียน ...ก็อาจมีส่วนอย่างรุนแรง ให้เป็นอะไรที่เพลินมากๆสำหรับผม คนดูวัยขบเผาะที่ได้เห็นจินตนาการแบบหลุดจากโลก ในรูปแบบที่หลุดจากความเป็นโลกนิยายทั่วไปอีกทีหนึ่ง ...ไม่ว่าจะในแง่ของคาแรกเตอร์ตัวละครหลักๆที่มีลักษณะโดดเด่นแตกต่างในแต่ละผู้ หรือกระทั่งฉากในเรื่องต่างๆ ที่ดูจะแหวกและแปลกกว่าที่เคยเห็นมาจากหนังแฟนตาซีสร้างภาพโดยทั่วไป



อารมณ์หลายหลาก... ช่วงแรกๆ ก็ออกแนวจะเป็นละครไทยยังไงๆอยู่ ถัดมาอีกสิบนาทีได้ หนังก็เริ่มออกเดินทางไปสู่การพบผจญภัยที่อุดมปนด้วยความฮาจากคำพูด ความคิด และการกระทำของบรรดาเหล่าตัวละครสีสันจัดจ้าน ทั้งยังแอบโรแมนติกใส่กันระหว่างทางของคู่พระนางที่กัดกันไปกัดกันมาก็ลงเอยด้วยรักกันตามแบบแผน ...แต่ที่ผมชอบมากๆในแง่ของอารมณ์ตัวเรื่อง ก็คือ ฉากที่ดวงดาวกล่าวถึงความรักของมนุษย์บนโลก ที่ให้คำพูดเชิงประชดเสียดสีในนาทีแรก แล้วหักมุขจบลงด้วยมุมมองน่ารักๆในแง่บวกที่ทำให้เราต้องยิ้มทั้งน้ำตาในนาทีต่อมา



การแสดง... "แคลร์ เดนส์" ดูสวยแบบแปลกๆ (แบบไม่น่าจะเคยใช่ จูเลียตมาก่อนไงงั้น) แต่เธอก็มีเสน่ห์ที่น่ารักช่วยประคองจอเอาไว้ , "ชาร์ลี ค็อกส์" ยังดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ แต่เขาก็เล่นดีใช้ได้กับการเป็นพระเอกครั้งแรก , "มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์" ร้ายจริตได้เนียนแถมยังแอบฮา แบบน่าจำประมาณเช่น Hairspray , "ปีเตอร์ โอ ทูล" ปู่แกโผล่มาสั้นๆ แต่ก็ขโมยซีนด้วยเสียงหัวเราะแบบเฮียได้ใจ , "โรเบิร์ต เดอ นีโร" โคตรฮาอย่างแรง และ เซอร์ไพรส์สุดโต่ง ที่ได้เห็นลุงแกกล้าจะเล่นเยี่ยงนี้

โดยรวมๆ แล้วใน 4 ข้อนี้ อาจทำให้ Stardust ดูเป็นหนังที่น่าพอใจมากๆ ได้อยู่ ...แต่ในแง่ความรู้สึกและประทับใจแล้ว ผมกลับเห็นว่า มันยังดูกั้กๆ และสร้างความเพลินได้ไม่สุด ตัวหนังยังขาดซึ่งความอิ่มเอมทั้งในแง่ของเรื่องราว (ตอนท้ายดูรวบรัดเกินไปหน่อย) และในแง่ของการบิวต์อารมณ์ ที่ยังดูมีช่องว่างจะเติมความอินเข้าไปได้อีกเป็นหย่อมๆ ...ถ้าหนังจัดการในส่วนนี้เพิ่มเข้าไปอีกสักหน่อยอย่างมีเหตุมีผลที่ลงตัว มันก็น่าจะทำให้โดยรวมๆ ของหนังจะเป็นที่น่าพอใจ และดูน่าจดจำ ชอบใจได้มากไปกว่านี้

"Stardust" ... 'ความรักรายรอบดวงดาว แพรวพราวสกาวยิ่งกว่าแสงใด' คือ นิยามหลักๆที่หนังแฟนตาซีเรื่องนี้พยายามจะบอกกับคนดู ในแง่ของความรู้สึก ยอมรับว่าโดน แต่ถ้าวัดจากความประทับใจ ก็เสียดายที่นิยามประโยคนี้ ยังไม่ดีพอจะได้เป็นอมตะอย่างที่มันน่าจะเป็นไป ...สุดท้ายก็เป็นเพียงหนังอีกเรื่องที่ผมชอบมากๆตอนที่อยู่ในโรง แต่เมื่อออกมาแล้ว ความรู้สึกก็เลือนสลายหายไปกลายเป็นหนังที่น่าพอใจ คุ้มค่า แต่ไม่ได้ปลาบปลื้มอะไรเป็นพิเศษ

เกรด B+ ... {}

ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ



Create Date : 17 ตุลาคม 2550
Last Update : 17 ตุลาคม 2550 2:15:23 น. 6 comments
Counter : 5837 Pageviews.

 
อ่านแล้วอยากไปดูเลย... ไว้พรุ่งนี้จะไปดูนะคะ... ว่าแต่อยากไปดูอีกสักรอบมั๊ย


โดย: พริมภิพัทรา IP: 124.121.12.139 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:4:01:19 น.  

 
เหอๆๆ โนคอมเมนท์ เพราะเซย์โนไปนานแล้วแหะ...
ไว้ว่ากันอีกที - -*


โดย: nanoguy วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:5:09:44 น.  

 
ไปดูมาแล้วค่ะ เห็นตามที่คุณเจ้าของบล็อกว่าไม่มีผิดเพี้ยนเลยค่ะ เป็นหนังที่ดูสบายๆ บู๊นิดหน่อย โรแมนติกเล็กน้อย กับความฮาที่ดูท่าว่าจะมีมากกว่าอารมณ์อื่นๆ แต่มันไม่ใช่ฮาแบบดูหนังตลกนะคะ มันฮาแบบน่ารักๆ อ่ะค่ะ

เรื่องนี้บอกได้ว่าไม่ถึงกับปลื้มมากๆ (ขอเป็นปลื้มนิดๆ ละกัน) แต่ก็คุ้มค่าเงินที่เสียไปแน่นอนค่ะ


โดย: อัศวินสีส้ม IP: 203.113.76.74 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:7:31:29 น.  

 
มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ ...หายไปนาน แต่กลับมาอีกทีก็ทำได้ดี.....

โรเบิร์ต เดอ นีโร ....ดูแล้วถูกใจ ฮาดีค่ะ ...

ส่วนที่ชอบที่สุด คือภาพของหนังค่ะ สวยดี.....


โดย: Michiru วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:9:33:40 น.  

 
ถ้าตามนิยาย "ลาเมีย" น่าจะเป็นพี่สาวคนโต (เพราะในนิยาย แม่มดไม่มีชื่อ แต่คนที่ออกไปตามหาดวงดาวคือ พี่สาวคนโต เพราะเจ้าเล่ห์สุดในบรรดาพี่น้อง)
เราชอบการแสดงของCharlie Coxมากกว่าClaire Daneนิดๆ (อาจจะเพราะหวังให้ดวงดาวสวยปิ๊งกว่านี้อีกนิด หน้าเด็กอีกหน่อย)พระเอกเหมือนในนิยายเลย คือ โผล่มาไม่่เอาไหน น่ารำคาญ ไม่น่ารักเอาซะเลย แต่พอเดินทางไปเรื่อยๆ ก็จะดูดีขึ้น แมนขึ้น มีสเน่ห์มากขึ้น แต่ยังคงความไร้เดียงสาเอาไว้ในตัว ส่วนตัวละครที่เหลือดัดแปลงยังไงก็ได้ (ชอบตรงที่เค้าดัดแปลงให้จบลงภายใน 1 สัปดาห์ ในนิยายล่อกันเป็นครึ่งปีเลยมั้ง)


โดย: zoe IP: 203.149.61.198 วันที่: 17 ตุลาคม 2550 เวลา:12:19:31 น.  

 
+ แหะๆ พี่ขอญาตเอาที่พี่เขียนไว้ที่บล็อกคุณหมอพีฯ มาแปะโดยดัดแปลงนิโหน่ยแว้วกันเน้อครับ ...
+ สำหรับ 'จุดติ' ของเรื่องนี้ ... พล็อตมันออกจะ 'แอบเชย' แล้วก็เป็นสูตรไปหน่อยนึง และถึงแม้หนังจะจบแบบ "... And they live happily ever after" เหมือนเทพนิยายทั่วๆ ไปที่ธรรมะต้องชนะอธรรม แต่อุปสรรคระหว่างทางที่พระเอกกับนางเอกต้องเผชิญ มันดูจะราบรื่นไปหน่อยอ่า
+ สำหรับการ casting นักแสดงจัดว่าโอเชเลย ... ไม่ว่าจะเป็นแก๊งผีพี่น้องของ เซปติมุสที่เอาไว้เรียกเสียงฮา,
... เด่นสุด น่าจะเป็นแม่มดใจร้าย Lamia ... มิเชล ไฟเฟอร์ เธอร้ายต่อเนื่องจาก Hairspray และเรื่องนี้เธอก็ยังร้ายได้สวยเด่นเช่นเคย
... กัปตัน "เขย่าหอก" โรเบิร์ด เดอ นีโร ฮามั่กๆ กับบทนี้อ่ะครับ ... เซอร์ไพรซ์
... แคลร์ แดนส์ เธอสวยแปลกๆ เหมาะกับการเป็น 'สะเก็ดดาว' ซะจริง
... ชาร์ลี ค็อกซ์ พระเอกหน้าใหม่ จัดว่าทำได้ดีที่สามารถพาหนังทั้งเรื่องไปได้อย่างตลอดรอดฝั่ง
... ปู่ปีเตอร์ โอ'ทูล บทพระราชาชรามาดสูงศักดิ์ คงไม่มีใครเหมาะเท่าปู่แล้วกระมัง (แต่แอบโหดซะ)
... มาร์ค สตรอง (ใครหว่า?) แสดงเป็น Septimus ได้โฉดดี
+ พวกโปรดักชั่นต่างๆ (ถ้าไม่เอาไปเปรียบกับพวกระดับ 'อลังการ' ของหนังแฟนตาซีเรื่องก่อนๆ) ก็จัดว่าอยู่ในระดับดีใช้ได้
... ก็ถือว่าเป็นหนังแฟนตาซีที่ดูสนุก เพลินๆ อ่ะครับผม


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 18 ตุลาคม 2550 เวลา:10:14:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 ตุลาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.