"Juno" ... เรื่องของวัยรุ่น ที่ปุ๊บปั้บรับโชค โดยมิได้เจตนา
การ 'ท้องก่อนแต่ง' ...อาจจะถือเป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้วในวันนี้ ที่สังคมเปิดรับเรื่องของวัตถุและความพึงใจ มากไปกว่า จิตใจและวัฒนธรรม ที่พูดอย่างนี้ อาจยังไม่ต้องถึงกับเหมารวมว่าเราๆต่างยังมุ่งสนใจไปทางแรกกันอย่างเดียว เพียงแต่คนส่วนใหญ่ ก็มักจะให้อะไรที่อยู่นอกกาย มาเป็นตัวการสำคัญ สำหรับการตัดสินใจที่จะทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้สุดท้ายเกิดความพึงพอใจของตัวเองกันทั้งนั้น ...ถึงใครจะว่าอย่างไร ก็ขอเพียงแค่ได้ตามใจตัวเองเป็นการดีที่สุด ซึ่งนี้ก็ย่อมคือ ตัวการสำคัญอีกเช่นกัน ที่มักจะให้ผลลัพธ์ในสุดท้ายเป็นสิ่งที่ไม่ทันได้ตั้งตัว อาทิเดียวกับ การตั้งครรภ์ของวัยรุ่น ...ที่การตัดสินใจให้เกิดความสุขเพียงชั่วข้ามคืน อาจจะนำพาให้ผลลัพธ์อันใหญ่โตเกินใจจะคิดเกิดขึ้นได้ ...แล้วนั่นก็มักจะจบลงด้วยการลงเอย เป็นเรื่องเป็นราวอันน่าไม่ยินดี ที่พบเห็นได้ตามข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ อย่าง การฆ่าลูกในท้อง (ทำแท้ง) หรืออาจร้ายแรงถึงขนาดฆ่าตัวเองตาย ไปกระทั่งรอให้เด็กคลอดก่อนจะนำไปทิ้งให้สังคม(ต้องช่วย)สงเคราะห์ กลายเป็นลูกไม่มีแม่ หรืออย่างดีก็มีแม่เป็นคนอื่น ถึงแม้ การท้องก่อนแต่ง จะยังไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายที่สุดที่เด็กวัยรุ่นไม่ควรได้พบเจอ ..แต่ในมุมของคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะแล้ว การปล่อยตัวปล่อยใจให้เพลิดเพลินไป จนเกินเลยโดยมิได้เจตนา ก็ย่อมจะนำพามาซึ่ง ความน่ากลัวเป็นที่สุดในชีวิต ...มันเป็นความน่ากลัวเหลือคณานับ ที่ผู้หญิงทั่วๆไปซึ่งเลือกเป็นแม่โดยสมัครใจ สามารถจะหลีกเลี่ยงได้ หรือยอมรับอย่างไม่เจ็บปวด การที่เด็กผู้หญิงสักคน ต้องโตก่อนวัยอันควร ..ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นแม่คน โดยที่มีประสบการณ์เคยเป็นลูกคนมาแค่ไม่กี่สิบปีนั้น ...มันย่อมเป็นความยากเย็นที่จะไม่รู้จักกลัวความจริงที่อยู่ในร่างกายทนโท่อย่างนี้ และถ้าได้ขึ้นชื่อว่าเป็นส่วนเกินอันไม่พีงปรารถนา เช่นเดียวกับเจ้าก้อนไขมันตุ่ยๆ การมีอะไรบวมๆที่หน้าท้อง ก็ย่อมเป็นสิ่งที่เพศผู้รักสวยรักงาม ต้องเลือกที่อยากจะกำจัดความจริงเกินจะแบกนี้ทิ้งไปเป็นที่สุด ...ต่อให้ตราบใดที่ตาเห็นแล้วใจไม่พร้อมจะยอมรับ มันก็เป็นการยากนักที่จะไม่กลัวผู้ชายอื่นๆมองด้วยใจที่ค่อนขอดว่า คนอย่างเธอได้เคยเสียความบริสุทธิ์ให้ชายสักคนมาก่อน ก็ไม่อาจแน่ใจว่าเหตุผลหนึ่งใหญ่ๆที่เด็กสาวมักเลือกจะทำแท้งนั้น มันเกี่ยวกับการแคร์ความรู้สึกที่มีต่อผู้ชายคนอื่นๆ กลัวจะไม่มีใครอยากมาคบหาเป็นแฟนด้วยหรือเปล่า ...แต่สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างแน่ใจได้เลย ว่าเด็กสาวทุกคนรู้สึก ก็คือ การกลัวที่จะไม่มีใครรัก กลัวคนที่ได้รู้ความจริงแล้วจะปฏิเสธมาข้องเกี่ยว ...นั่นก็อาจเป็นเพราะอุดมคติในสังคมทุกวันนี้ มักจะหาผลสรุปลงเอยด้วยการลงโทษ ตราหน้า ผู้หญิงที่ท้องก่อนแต่ง ว่า ใจง่าย และ ไม่มีหัวคิด ..แถมถ้าบางคนพยายามทำกลบเกลื่อน แล้วเรื่องมันยังแดง สุดท้ายก็ไม่วายจะโดนแอนตี้ แทบหาที่ยืนในสังคมไม่ได้อีกเลย (อย่างกรณีของอดีตนักแสดงสาวแถวหน้าคนหนึ่งของไทยเรา อักษรย่อ "ม.ม้า") หากเมื่อเราได้ย้อนมองกลับมาในจุดที่ไม่มีคำว่า อุดมคติ คอยกำกับเอาไว้ ...สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับและทำความเข้าใจ เหล่าผู้คนในสังคมเดียวกัน ก็คือ การที่ไม่มีใครเกิดมาแล้ว เพอร์เฟกต์ สักคน... ถึงต่อให้เราจะพยายามช่วยป้องกัน หาทางปกปิดมันมากสักแค่ไหน เพียงถ้ายังมีช่องว่างที่ความผิดพลาดแสดงตัวขึ้นมา ก็ไม่อาจจะทำอะไรได้อีกนอกไปจากการทำใจ ...และก็ให้อภัยกับความผิดพลาดเหล่านั้น เพื่ออย่างน้อยๆแล้ว ยังเปิดโอกาส และไม่ปิดใจ ทั้งจะทำให้เรื่องที่น่าเสียใจเหล่านี้ กลายสภาพไปเป็นบทเรียน สร้างเสริมประสบการณ์ชีวิตอันมีค่า ที่ย่อมจะทำให้ใครคนนั้นได้เติบโต และเกิดพัฒนาการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกได้รอบคอบมากขึ้น ถึงต่อให้หลังจากวันนั้น เด็กสาวคนนั้น ยังอุตริจะอยากเป็นแม่คน ..แต่อย่างน้อยๆ สิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ก็ย่อมจะทำให้เธอรู้คุณค่าในการเป็นแม่ ได้มากกว่าเก่า ...และย่อมจะทำให้เด็กคนนั้น(น่าจะ)เติบโตขึ้นมาได้ด้วยความอบอุ่น ..ที่ได้รับทั้งจากคนที่เขาเรียกว่าแม่ และจากคนที่แม่เรียกเขาเหล่านั้น ว่าเป็นคนที่เธอรัก ในปีก่อน ได้เคยมีหนังอยู่เรื่องหนึ่ง ถูกเล่านำเสนอเรื่องราวของ การท้องก่อนแต่ง มาก่อนหน้า แต่ถึงกระนั้นก็ยังดีที่เป็นเรื่องราวของหญิงสาวที่ได้เติบโตขึ้นมาอยู่ในวัยที่มีวุฒิภาวะจะทำอะไรได้อย่างมั่นใจ ...นั่นคือ "Knocked Up" โดยในหนังเรื่องนั้น ได้นำเอารสรักโรแมนติกจากคู่พระนาง มาเป็นตัวการเดินเรื่องที่ก่อให้เกิดความสนุกสนานอลวน ไปพร้อมกับความฮาดิบห่าม ที่ตัวละครนำชาย(และผองเพื่อน)รังสรรค์อย่างทะลึ่งตึงตัง และก็แอบกระเทาะเปลือกความสัมพันธ์ในครอบครัว เล็กๆน้อยๆแต่พองาม อย่างน่าประทับใจ มาในปีนี้ (ถ้าเป็นในอเมริกา ต้องพูดว่าเป็นหนังปีเดียวกันเสียด้วยซ้ำ)... "Juno" ก็คือ หนังท้องก่อนแต่ง เรื่องต่อมา ที่เลือกจะผลักไสเอาประเด็นความรักระหว่างคู่พระนางไปให้ไกล (แต่ก็พอมีบ้าง ไม่ถึงกับแห้งแล้ง) และแทนที่ด้วย ความเป็นหนังดรามา-ครอบครัว ซึ่งแฝงข้อคิด คติสอนใจ ลงไปอย่างไม่ขวยเขิน ...และก็อาจด้วยความที่มันทำออกมาได้ดีสำหรับนักวิจารณ์ และเหล่ากรรมการแจกรางวัล จนถึงดีมาก..ในมุมของคนดูเองอีกด้วย จึงเกิดปรากฎการณ์อีกหนึ่งครั้งที่หนังอินดี้เล็กๆถล่มBox Office หนังทำเงิน เสียราบคาบ กวาดเรียบไป 100 ล้าน(อัพ) อย่างน่าแปลกใจ (จะน้อยกว่าก็แค่ "My Big Fat Greek Wedding" อีกเรื่องเดียวเพียงเท่านั้น)Juno ...เป็นชื่อคาแรกเตอร์ของเด็กสาวผู้ท้องก่อนแต่งในหนังเรื่องนี้ ..เธอได้ลอบมีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งเกินเพื่อน (ที่ถึงจะไม่ใช่แฟน..ก็ยังทำแทนให้ซะงั้น) กับหนุ่มหน้าจื๊ด..จืดชื่อ "พอล" ...และเพียงแค่ครั้งเดียวที่ลองมีเซ็กซ์หวังสนุกๆเท่านั้น ก็สุดแสนจะโชคดียิ่งที่ได้รับโรคหน้าท้องโป่งพองเข้าตัวขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งใจ ...แล้วด้วยเหตุฉะนั้นก็ได้นำพามาซึ่ง เรื่องราวแสนอลวน ของน้องหนู จูโน่ ที่จู่ๆก็อยากโชว์เหนือกว่าเด็กสาวคนไหน(แก่แดดแก่ลม..ว่างั้น) ยอมเก็บเด็กไว้ เพื่อจะหา สามี-ภรรยา(ที่ไม่มีสามารถมีลูกได้) สักคู่ มารับอุปการะแทนเธออีกทีหนึ่ง ความฉลาดคิด ฉลาดทำ(เกินตัว) ของ น้องหนู จูโน่ ...ต้องถือเป็น ความกล้าหาญอย่างหนึ่ง ที่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่น่าสดุดียิ่งๆ แต่ก็ย่อมต้องยินดีกับความคิดอ่าน ที่ก้าวหน้ากว่าเด็กสาวบนโลกแห่งความจริง ...ในขณะที่เด็กคนอื่น อาจจะยังติดอยู่ในกรอบที่ท้องตัวเองสกัดกั้นเอาไว้ จูโน่ กลับเลือกที่จะออกนอกกรอบ แล้วปล่อยใจให้นำท้องไปฝากกับใครคนอื่นที่มีความพร้อมมากกว่าเธอ ...ซึ่งนี่ต้องถือเป็นหนี่งในความสร้างสรรค์น่าประทับใจ ของคนเขียนบทมือใหม่ "ไดอะโบล โคดี้" ที่สามารถหลุดกรอบของขนบหนังท้องก่อนแต่งเรื่องอื่นๆ ที่มักจะลงเอยให้พระนางต้องเป็นพ่อแม่ของเด็กผู้เดียวเท่านั้น จากแต่ก่อนที่เคยเป็นสาวขายบริการ ผู้มักในทางบำบัดทางใคร่มาอย่างโชกโชน ...ความก้าวหน้า(เกินตัว)ของ โคดี้ ย่อมต้องเป็นเครดิตสำคัญที่น่าเซอร์ไพรส์ ผู้ทำให้เรื่องราวใน Juno นี้ มีความลงตัวทั้งในส่วนที่พูดเรื่องวัยรุ่นและเซ็กซ์ ไปพร้อมๆกับพลอตที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของครอบครัวตัวละคร ด้วยแนวทางที่เธอบอกว่า มันเคยเป็นส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตอันโชกโชนของเธอมาก่อน ...แล้วยิ่งถ้ามองอย่างเจาะลึกลงไปถึงเรื่องของจังหวะจะโคนในการเล่าเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นส่วนไดอะล็อกที่แอบคม หรือมุมตลกที่แอ๊บๆให้เกิดรอยยิ้ม แค่เพียงเรื่องแรกเรี่องเดียว โคดี้ ก็สามารถพิสูจน์ตัวเอง เข้ามาอยู่ในวงการหนังได้อย่างเต็มตัวได้แล้ว บทที่ดีเยี่ยมอยู่(สมรางวัลออสการ์) เมื่อมาได้งานกำกับที่เข้าใจสภาวะสังคม แล้วแสร้งทำออกมาแบบเสียดสีของ "ไอวาน ไรต์แมน" ด้วยแล้ว... ก็ช่วยให้ Juno เป็นมากกว่าหนังเรื่องหนึ่งที่มีคาแรกเตอร์นำเป็นเด็กมีปัญหาที่ทำตัวเก่งล้้นๆเกินภาวะ แล้วน่ารำคาญ ..หากความรำคาญนั้น ก็ถูกปรับมาเป็นอารมณ์ประชดประชันที่ส่งภาพให้น้องหนู จูโน่ ดูเด่นเป็นวัยรุ่นที่แตกต่าง และน่าจะทำให้เด็กวัยรุ่น(คนดู)อีกหลายคนได้ฉุกคิดถึงชีวิตที่อยู่บนพื้นฐานที่ต้องการมีเซ็กซ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์นัก ถึงต่อให้เด็กคนนั้นจะมองโลกในแง่ดี เช่น จูโน่ สักแค่ไหน การแสดงของ "แอลเลน เพจ" ถือว่าดูตรงมากๆ ทั้งในส่วนที่แสดงความซื่อประสาวัยรุ่นแรกแย้ม และจริงใจกับการแสดงออก ที่ไม่ต้องมาอ้อมค้อมตามประสาเด็กรุ่นใหม่ในสังคมมะกันที่เปิดรับเรื่องเซ็กซ์สุดกู่ ...คาแรกเตอร์ จูโน่ อาจจะมีเสน่ห์แบบแห้งๆก็ย่อมได้ ถ้าหากนักแสดงไม่สามารถเข้าถึงซึ่งใจความของบทหนัง และใจคอของวัยรุ่นวันนี้ ..แต่ถึงกระนั้นแล้วถ้ามองไปถึงความโดดเด่น ประกายออสการ์จับ เธอก็ยังดูจะเป็นแค่ตัวเลือกที่เล็กที่สุด(ในคุณวุฒิและวัยวุฒิ) ของเหล่าดารานำหญิงที่เต็มไปด้วยเขี้ยวลากดินอยู่ดี ...ขอเพียงแต่ ยังมีคนเปิดโอกาส ให้ได้เล่นที่ลึกซึ้งมากกว่านี้ บวกกับพัฒนาการที่มากขึ้น ก็ย่อมมีหวังจะชิงออสการ์ได้อีกยาวไกล ขณะเดียวกันในกลุ่มดาราสมทบผู้ล้อมรอบ จูโน่ ก็ย่อมถือว่าทำหน้าที่ได้ดีตามสมควร ...ช่วยเสริมภาพให้น้องหนูดูแรง แต่ไม่เกินเลย โดยเฉพาะคาแรกเตอร์คู่รัก "รอลิ่ง" ของ "เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์" และ "เจสัน เบทแมน" ..ที่มีบทบาทความเป็นครอบครัวอันง่อนแง่น ให้น้องหนูมาช่วยเติมเต็ม หากก็จบลงด้วยการ(เหมือนจะ)เป็นส่วนเกิน ..ถึงจะไม่อาจเรียกว่าเป็นมือที่ 3 แต่การเข้ามาของ จูโน่ ก็เป็นการทดสอบความแข็งแรงของสภาวะความรักของสองคนรอลิ่งนี้ได้อย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นแล้ว ความชัดเจนที่ Juno นำเสนอ ก็ย่อมไม่ได้หมายความจะให้คนดูต้องมองให้เห็นด้วยกับทุกสิ่งทุกอย่างกันเต็มที่ ...ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ก็เป็นคนหนึ่งที่ยังไม่ยักกะโดนหนังเรื่องนี้ได้สุดๆสักเท่าไหร่ ทั้งที่จะว่าไปก็ไม่ได้ตั้งความต้องการอะไรสูง นอกไปจากความอยากดูเก็บตกอีกหนึ่งหนังชิงออสการ์ยอดเยี่ยมเรื่องที่เหลือ (สุดท้ายก็เก็บได้ครบทั้ง 5 เรื่องเป็นปีแรกแล้วล่ะ) ความไม่โดนที่รู้สึกกับน้องหนู จูโน่ นี้ ย่อมเป็นคนละเรื่องกับคุณภาพของตัวหนังที่ถือว่าทำได้ดีเยี่ยม สมเป็นหนังขวัญใจคออินดี้แห่งปี... แต่กับแง่ของมุมมองในหนังนี่สิ ที่สามารถจะแบ่งฝักความเข้าถึงในเรื่องราวของหนังที่คนแต่ละคนจะมีไม่เหมือนกัน ...แม้ผมจะเข้าใจในความแก่เกินตัวของ จูโน่ ที่นำพาให้เกิดประสบการณ์ดีๆกับชีวืตของเธอก็จริง แต่โดยความรู้สึกลึกๆ ของผมที่เป็นเพียงคนดูภายนอกอยู่ห่างๆ ก็ยังเหมือนว่าหนังไม่ได้พาเราให้เข้าไปอยู่ในครอบครัว และกลุ่มคนใกล้ตัวของน้องหนูด้วย จึงไม่ได้ซึ้งกับใจความของหนังได้เต็มอิ่มอะไรนัก (แถมมีแอบงีบหลับเล็กน้อยนับสิบที ในช่วงกลางๆเรื่องอีกต่างหาก) ยิ่งถ้าเอาไปเปรียบชั้นกับกลุ่ม 5 หนังยอดเยี่ยมเข้าชิงออสการ์ด้วยกัน ก็ถือว่ามีกระดูกที่แข็งแรง หากแต่เป็นเบอร์ที่น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 4 เรื่องอื่นๆด้วยอีกต่างหาก (แม้ความชอบที่มีต่อ "Micheal Clayton" จะยังมีน้อยที่สุด.. แต่ชั้นเชิงความเข้มข้น ก็ยังมากกว่าน้องหนูอยู่พอสมควร)แต่ถึงกระนั้นแล้ว "Juno" ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นหนังดี ...คือ หนังคุณภาพอีกเรื่องที่น่าสนใจ และคงจะถูกคอพลพรรคคนอินดี้ได้แน่นอน ...แม้จะถือว่ามาช้าเกินไปหน่อย ในประเทศที่วิสัยทัศน์ของการท้องก่อนแต่งค่อนข้างจะปิดกั้น แต่การได้ฉายในโรงก็ย่อมต้องน่ายินดี ที่เราไม่ได้ถูกบีบบังคับให้ต้องทนโดนยัดความโบราณเข้ามาแทนที่ จากผู้ใหญ่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรยิ่งไปกว่า เด็กที่ท้องแล้วไม่รับ เสียอีก ...เฮ้ออออ! ก็ยังถือว่าโชคดีที่ไม่ปุ๊บปั้บรับโชค.. เจอ 'เซ็นเซอร์' โดยเจตนา ก็แล้วกัน เกรด B+ ... { } "สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน" ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 26 พฤษภาคม 2551
Last Update : 26 พฤษภาคม 2551 0:03:11 น.
7 comments
Counter : 1709 Pageviews.
โดย: mango moment IP: 203.153.172.16 วันที่: 26 พฤษภาคม 2551 เวลา:3:04:09 น.
โดย: nanoguy IP: 125.24.130.24 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:24:51 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 30 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:55:51 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 29 มิถุนายน 2551 เวลา:14:51:03 น.
โดย: นิตต้า IP: 118.175.170.243 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:49:52 น.
โดย: นิตต้า IP: 118.175.170.243 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:52:37 น.
โดย: หาข้อมูลทำรายงานค่ะ IP: 125.25.247.222 วันที่: 12 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:23:07 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31
ส่วนตัวแล้วชอบคาแรกเตอร์ของจูโนกับแบรนดาที่สุดเลยค่ะ
อ่อ.. แล้วที่ประทับใจอีกอย่าง
ก็คงเป็นไตเติ้ลต้นเรื่องกับเพลงประกอบ
ที่ทำออกมาได้น่ารักมั่ก ๆ ^^
ปล. ขาพระเอกสวยเว่อร์ :D