"The Village Album" ... รูปถ่ายหนึ่งใบ กับ หลายใจจดจำ
กล้องหนึ่งตัว มือหนึ่งข้าง นิ้วชี้หนึ่งนิ้ว ของคนถ่ายหนึ่งคน กดย้ำชัตเตอร์ลงไปหนึ่งครั้ง มีเสียงดังแชะขึ้นมาหนึ่งที เสร็จสมบูรณ์กลายเป็นรูปถ่ายหนึ่งใบ ที่ทำให้คนโดนถ่ายทุกคนอยากจะจดจำเสี้ยวเวลาหนึ่งเวลานั้นไปจนวันตาย ...ถ้าตราบใดที่รูปนี้ยังไม่สูญสลาย มันก็จะติดตรึงเป็นภาพถ่ายในอัลบั้มรูปที่เขาจะรักและผูกพันกับมันตลอดไป ตัวผมเองมีเรื่องเกี่ยวกับ "รูปถ่าย" เรื่องหนึ่งที่อยากจะเล่าให้ทุกคนได้อ่านกันครับ... มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ ในการไปล้างรูปครั้งล่าสุดที่มีเรื่องอะไรให้ต้องรู้สึกผิดหวัง... ในช่วงเดือนตุลาที่ผ่านมา แม่ของผมได้ไปทำธุระการงาน พร้อมกันนั้นยัง(หนีลูก)เที่ยวไปตามที่ต่างๆ ในเชียงใหม่อีกด้วย ...ซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่ได้ขึ้นไปเที่ยวดอยแห่งหนึ่ง (ซึ่งต้องขอโทษที่ผมจำชื่อไม่ได้) กับกลุ่มเพื่อนๆของแม่ ...แม่ของผมประทับใจกับหมู่บ้านบนดอยแห่งนี้เอามากๆ โดยเฉพาะกับผู้คนที่อาศัยอยู่บนนั้น ทุกๆคนล้วนแต่มีไมตรี มีความน่ารัก ต้อนรับพวกๆของแม่เป็นอย่างดี จนทำให้แม่อยากจะชวนพวกเขามาถ่ายรูปเก็บเอาไว้ ...พวกผู้เฒ่าคนชราบนดอยที่ห่างไกลซึ่งแสงแฟลชและโลกดิจิตอล พอโดนชวนก็ได้แต่ตื่นเต้นกันใหญ่ และอยากจะถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งสักครั้งจะมีผ่านเข้ามาในชีวิต ... เขาเตรียมตัวเตรียมการกันอย่างครบครันครบถ้วนด้วยการสวมใส่เครื่องประดับต่างๆนานา เสื้อผ้าเสื้อผ่อนสวมกันให้หล่อสวย สร้อยเครื่องเงินที่เก็บรักษาเอาไว้เป็นอย่างดีก็เพิ่งจะมามีวันนี้ที่จะได้ใช้ ... พอได้เวลาที่แม่ผมจะแชะ แต่ละคนก็จัดท่าจัดทางที่แสนจะน่ารัก หวังขึ้นกล้องให้ดูดี ...แม่ผมถ่ายรูปพวกคุณตาคุณยายมาก็สัก สี่ห้ารูปได้ ทั้งนั้นก่อนจะกลับก็ให้คำมั่นสัญญาอีกด้วยว่า รูปทุกรูปจะต้องส่งไปรษณีย์กลับมาให้ถึงมือเป็นแน่นอน ... รูปถ่ายยังคงเก็บเอาไว้ในเมมโมรี่การ์ดของกล้องเป็นอย่างดี ไม่สูญสลายจากไป จนถึงตอนที่ผมกับแม่นำมันไปล้างรูปที่ร้าน ... ก่อนที่จะอัดภาพได้ ทางร้านก็จะต้องขอให้เราได้ลองเช็ครูปก่อน และเลือกภาพที่ต้องการ ในตอนนั้นยังไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น รูปทุกรูปยังคงปกติอยู่ทุกประการ ...จนกระทั่งแม่เลือกรูปจนเสร็จ และผมก็ทำการปิดไดร์ฟ โดยเข้าโหมดปิดฮาร์ดแวร์อย่างปลอดภัยเป็นปกติที่ผมจะทำ หลังจากที่ผมถอดการ์ดออก ตั้งแต่ตอนนั้นปัญหามันก็เกิดขึ้นอย่างไม่น่าเป็นไปได้ ผมแน่ใจว่าผมทำทุกอย่างๆถูกต้องแล้ว แต่ทำไมตอนที่นำการ์ดเปิดไว้ในคอมส่งรูป ถึงเปิดไม่ได้เลย ...มิหนำซ้ำพอลองฟอร์แมตใหม่แล้ว รูปถ่ายบางรูปก็เกิดเสีย อีกทั้งบางรูปก็ไม่มีข้อมูลแสดงอีกเลย (แต่รูปที่ไม่อยากจะล้างก็ดันเหลือรอดมาได้ซะนี่) ...ซึ่งรูปของคนเฒ่าคนแก่ที่แม่ต้องการอยู่นั้น ต่างก็เกิดความเสียหายอยู่ในกรณีหลังทุกๆรูป ผมถามทางร้าน และตอบคำถามทุกคำถามของร้านโดยละเอียด ... ถึงสาเหตุของมัน ถึงปัญหาต่างๆที่น่าเป็นไปได้ ซึ่งสุดท้ายในบทสรุปมันก็ไม่มีใครฝ่ายไหนจะตอบถึงสิ่งที่มันเป็นไปได้ถูก จะไปโทษทางร้านเลยก็เห็นไม่ได้ หรือจะโทษตัวเอง ผมก็คิดดีแล้วว่าไม่น่าจะทำอะไรผิดพลาดเลย แต่ทำไมนะทำไม ...คำมั่นสัญญาที่แม่เคยเอาไว้จะต้องสูญสลายเพราะเรื่องที่ไม่อาจหาสาเหตุอันแน่นอนได้เรื่องนี้ ทั้งแม่และผมรู้สึกใจหายและเสียใจ กับเรื่องๆนี้ จนรู้สึกกังวลในสิ่งที่เคยพูดเอาไว้กับคนที่นั่นอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะ ... ผมเองก็ไม่รู้ ทางร้านก็ไม่รู้จะแก้ปัญหาได้อย่างไรจริงๆ พอได้มีโอกาสลองฟอร์แมตใหม่อีกครั้งมันก็ให้ผลที่ไม่แตกต่างไปจากครั้งแรก มันก็เลยหมดปัญญาจะไปสืบเสาะหาวิธีให้รูปคืนกลับมาได้เหมือนเดิมอีก ซึ่งสุดท้ายแล้ววิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดของเรื่องราวนี้ มันก็คือ การเขียนจดหมายตอบกลับไปเพื่อขอโทษซึ่งคำสัญญาที่ไม่อาจรักษาได้ และแม่ของผมยังขอสัญญาอีกครั้งหนึ่ง ว่า...ถ้ามีโอกาสกลับไปเที่ยวใหม่ จะกลับไปถ่ายรูปทุกๆคนด้วยอย่างแน่นอน แม้เราแม่ลูกต่างรู้ล่วงหน้าเช่นกันว่า คนที่นั่นทุกคนคงจะไม่ว่าอะไร และตอบกลับมาด้วยคำว่า "ไม่เป็นไรหรอก" ...แต่เราทั้งคู่ก็รู้ดีอยู่ ถึงในใจลึกๆของเขาที่น่าจะบ่นเสียดายในโอกาสดีๆที่ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีใครมาใจดีถ่ายรูปสวยๆหล่อๆให้เขาได้อีกกล้องหนึ่งตัว มือหนึ่งข้าง นิ้วชี้หนึ่งนิ้ว ของคนถ่ายหนึ่งคน กดย้ำชัตเตอร์ลงไปหนึ่งครั้ง มีเสียงดังแชะขึ้นมาหนึ่งที เสร็จสมบูรณ์กลายเป็นรูปถ่ายหนึ่งใบ แต่ด้วยปัญหาหนึ่งเรื่องแท้ๆเลย ที่ทำให้หลายใจที่อยากจะจดจำในภาพถ่ายต้องสูญสลายหายไป... ชาวบ้านใน The Village Album นับว่าโชคดีที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเขาได้มีภาพของตัวเองเก็บเอาเป็นความทรงจำอันไม่ลืมเลือน ...แต่ชาวบ้านบนดอยแห่งนั้นคงจะได้แต่เสียดายและเสียใจที่ครั้งหนึ่งในชีวิตไม่ได้ถูกบันทึกเก็บไว้ในอัลบั้มความทรงจำที่นับวันจะมีแต่เลือนลานไปเรื่อยๆ อีกทั้งในชีวิตจริงของพวกเขา ก็คงจะไม่มีตาแก่เจ้าของร้านถ่ายรูปคนไหน คิดจะเดินจ้ำขึ้นเขาลงห้วยอย่างบากบั่นเอาเป็นเอาตาย เพื่อขอถ่ายรูปพวกเขาเก็บเอาไว้อย่างที่ในหนังเรื่องนี้เป็นอยู่หรอก ...The Village Album ... หนังญี่ปุ่นดรามาอารมณ์ละเมียดอีกหนึ่งเรื่องซึ่งได้รับโอกาสดีๆเข้ามาฉายอย่างเงียบๆในบ้านเรา เล่าเรื่องราวของหมู่บ้านสุขสงบแห่งหนึ่งซึ่งกำลังจะต้องพบความเดือดร้อน เพราะส่วนหนึ่งของที่แห่งนั้นกำลังจะกลายสภาพไปเป็นเขื่อนกั้นน้ำเพื่อสร้างความเจริญให้กับคนในชนบท ...เนื่องด้วยคนที่นั่นบางส่วนจะต้องจำใจจากลาไปหาที่อยู่แห่งใหม่อย่างถาวร เลยทำให้สำนักงานหมู่บ้านคิดจะทำอัลบั้มอนุสรณ์ที่ระลึกฝากไว้ให้กับชาวบ้านทุกครัวเรือนที่เคยมีส่วนร่วมเป็นสังคมของที่นี่ ...ตาแก่เจ้าของร้านถ่ายรูปในหมู่บ้าน "เคนอิจิ" ขันอาสาจะทำหน้าที่นี้ด้วยความเต็มใจ โดยขอข้อแม้เพียงแค่ให้ช่วยตามลูกชาย "ทาคาชิ" ที่หนีไปอยู่โตเกียว กลับมาช่วยเหลืองานเป็นผู้ช่วยให้เขาสักครั้งหนึ่ง ทาคาชิ มีความใฝ่ฝันที่จะเป็นตากล้องฝีมือดีเฉกเช่นที่พ่อเขาเป็น แต่ด้วยความขัดแย้งบางอย่างกับพ่อในเรื่องของพี่สาวจึงทำให้เขาต้องออกจากโลกชนบทที่เขาอยู่แต่เกิด มาเผชิญกับสังคมขนาดใหญ่ในเมืองหลวงที่คนทุกคนต่างแก่งแย่งซึ่งหน้าที่การงานความเป็นใหญ่ โดยที่ทาคาชิก็คิดไปเองว่า พ่อเขาก็ไม่เคยใส่ใจใยดีเขาอยู่แล้วแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นการกลับไปบ้านที่จากมานานในครั้งนี้ เขาจึงไม่ได้คิดจะกลับไปคืนดีหรือจะขอโทษในสิ่งที่เขาเคยทำมากับพ่อ ...ขอเพียงแค่ได้ทำหน้าที่ลูกที่ดีก็เท่านั้นเอง ตลอดการเดินทางที่พ่อกับลูกคู่นี้ ต้องเดินไปด้วยกัน มีเรื่องราวมากมายที่ได้เกิดขึ้น ให้ต้องประสบพบทั้งเรื่องดีๆ และสิ่งที่เป็นอุปสรรค ...การผ่านพ้นซึ่งเหตุการณ์ต่างๆนานาทำให้เคนอิจิและทาคาชิ ได้กลับมาศึกษาความเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่งอย่างรู้จักและลึกซึ้งมากกว่าเดิม การปรับเปลี่ยนทัศนคติ และความคิดที่เคยแตกแยก ทำให้พ่อลูกทั้งสองหันกลับมามองหน้ากัน และสร้างความสัมพันธ์อันจริงใจในสายเลือดเดียวกันที่ยังคงผูกพันแน่นแฟ้นเสมอมา แม้วันเวลากำลังจะเปลี่ยนผันอีกหนึ่งชีวิตให้ใกล้วันตายเข้าไปเรื่อยๆก็ตามที หนังมาพร้อมกับการนำเสนออันราบเรื่อย เชื่องช้า ที่เดินหน้าเป็นเส้นตรงไม่คดโค้ง หนังไม่มีลูกเล่นหลอกล่อใจอะไรให้แพรวพราว หนังไม่ได้ใส่ใจจะสร้างจุดกระตุ้นให้คนดูอินจนเกินเลย ...TVA ทำในสิ่งที่หนังดรามาพื้นๆเป็นกัน คือ การสร้างเรื่องราวของความสัมพันธ์ในกลุ่มคนที่เน้นความเรียบง่ายเอาเข้าว่า ถ้าคนบางคนจะหลับเพราะความอืดไม่ชวนเร้าอารมณ์ของมันก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดปกติวิสัยอะไรเลย ...แต่สำหรับคนที่รักจะดูหนังดรามาเนิบนาบแล้ว นี่คงเป็นอีกหนึ่งหนังที่น่าจะทำให้คุณเกิดความรู้สึกดีๆไปกับมันได้ไม่ยากเลย หนังได้งานกำกับอารมณ์ ที่เข้าขั้นพอดิบพอดี ไม่อัดอั้นจนล้น และไม่ปล่อยปะละเลยจนงั้นๆ ... หนังใช้ภาพบรรยากาศบ้านนอกอันดูสวยเจริญตาได้คุ้มกับการช่วยเล่าเรื่องที่มีทั้งด้านแสนจะอบอุ่นและชวนให้โศกเศร้าหัวใจ ได้การแสดงสื่ออารมณ์ของกลุ่มนักแสดงที่ฝีมือดี (ที่ผมชอบมากก็คือบทเคนอิจิ ของ "ทัตสุยะ ฟูจิ" ) และทำการรับส่งทอดความอินได้อย่างเข้ากันมีความลงตัว ได้บทหนังอันละเมียดละไมในการปลดปล่อยอารมณ์คนดูให้รู้สึกอยากติดตามไปพร้อมกับหนังที่เดินหน้าด้วยความเป็นธรรมชาติอย่างเรียบง่าย และข้อคิดดีๆเป็นการปลุกหัวใจให้คนดูรู้สึกถึงความงดงามในความรักและผูกพันของคนเป็นพ่อ-ลูก อีกทั้งยังสร้างความรู้สึกดีๆในด้านบวก ต่อสถานที่ที่เราเรียกกันง่ายๆอย่างติดปากว่า 'บ้านนอก' หนังถึงพร้อมไปด้วยความเป็นหนังดรามาชั้นดีที่ช่วยให้อิ่มเอิบในอารมณ์จนล้นกระเพาะอาหารความสุขได้ตลอดแต่เริ่มต้นจบจบเรื่อง ผมรู้สึกประทับใจในสิ่งที่หนังเป็นอยู่ ผมชื่นชมในความสวยงามบนเรื่องราวของมัน ...เพียงแต่กับความรู้สึกสุดท้ายที่มีต่อหนังเรื่องนี้หลังดูจบของผมกลับไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคาดไว้ซะทั้งหมด ...อัลบั้มรูปถ่ายเรื่องนี้ ยังขาดหายไปซึ่ง 'ความโดน' และ 'จุดสูงสุด' ที่หนังดรามาเรื่องหนึ่งควรจะพึงมี ด้วยความที่หนังถูกโปรโมตยกย่องให้มีระดับความเยี่ยมเดียวกันกับ Always ผมก็เลยเกิดความคาดหวังและตั้งใจอยากจะรักหนังเรื่องนี้อย่างเต็มที่... เป็นข้อความอันถูกต้องที่ผมได้สมหวังในความคิดแต่เริ่มต้นซึ่งมีต่อ TVA แต่ข้อความอันผิดพลาดไปจากสิ่งที่ปรารถนามันก็ส่งผลให้ผมรู้สึกซาบซึ้งกับหนังเรื่องนี้ได้อย่างไม่ถึงที่สุด ...ยังมีบางฉากที่ผมปล่อยใจให้เสียน้ำตาไปกับฉากที่จังหวะลงและอารมณ์ได้ แต่มันก็ไม่มีฉากไหนใน TVA ที่ทำให้ผมได้อิ่มในความรู้สึกจนเต็มหัวใจที่อยากสุขล้นอย่างเต็มที่"The Village Album" ... คือหนังดรามาเรียบๆ อารมณ์เรื่อยๆ ที่ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรในการดูให้มากมาย เพียงแค่คุณเตรียมค่าตั๋ว และเตรียมใจมาให้เพียงพอ ก็พร้อมจะสุขในอารมณ์ไปกับมันได้แล้ว ... แม้มันจะไม่ใช่หนังที่สุดยอดสำหรับผม แต่ก็ขอเต็มใจจะชวนให้ทุกคนได้ลองไปสัมผัสความละเมียดด้วยตัวของคุณเอง เผื่อว่าบางสิ่งที่มันขาดหายไปสำหรับผม อาจเป็นคุณที่โชคดีได้รับมันเข้าไปเติมเต็มจนอิ่มเอมหัวใจ และอยากจดจำมันไว้ในฐานะของหนังดีๆอีกเรื่องในชีวิตของคุณก็เป็นได้ ... ก่อนจะจบรีวิวนี้ ผมขอตั้งสัตย์ความมั่นผ่านหน้าบล็อกนี้ ที่คาดหวังจะรอคอยวันหนึ่งวันนั้น อันเป็นวันที่...กล้องหนึ่งตัว มือหนึ่งข้าง นิ้วชี้หนึ่งนิ้ว ของคนถ่ายหนึ่งคน กดย้ำชัตเตอร์ลงไปหนึ่งครั้ง มีเสียงดังแชะขึ้นมาหนึ่งที เสร็จสมบูรณ์กลายเป็นรูปถ่ายหนึ่งใบ ซึ่งอยากจะลบล้างความผิดที่เคยทำให้ใครหลายคนที่ดอยแห่งนั้นต้องผิดหวัง ...แม้มันอาจไม่ใช่ความผิดที่เจตนา แต่แม่และผมก็พร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่มันเป็นไป ...ผมขอให้สัญญาครับ ขอแนะนำ ...ครับดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ : 1. อารมณ์ของหนังที่เป็นธรรมชาติ ไม่ฟูมฟาย 2. การแสดงของทัตสุยะ ฟูจิ ...แสดงออกน้อย แต่ให้ความอินได้มากมาย 3. ภาพบรรยากาศของบ้านนอกญี่ปุ่น ...ชวนให้อยากไปเที่ยวสักครั้ง ดู{ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ : ความโดนที่ยังไปได้ไม่ถึงจุดสูงสุดเท่าที่หวัง เกรด A- ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 21 พฤศจิกายน 2549 0:06:37 น.
6 comments
Counter : 1924 Pageviews.
โดย: C'est Si Bon (C'est Si Bon ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2549 เวลา:1:05:06 น.
โดย: อิฮั้น(เอง) IP: 202.28.181.10 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:45:33 น.
โดย: คนขับช้า IP: 158.108.134.133 วันที่: 24 พฤศจิกายน 2549 เวลา:8:54:46 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราตั้งใจจะไปดูค่ะ...
มีชีวิตอยู่หลังชัตเตอร์เหมือนลุงเคนอิจิ เลยค่อนข้างอินกับบทความในบล็อกคุณ