ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ {Best of the Year 2011} Part 4 : Top Secret
แล้วมันก็ได้เดินทางมาถึงตอนจบกันเสียที สำหรับคอลัมน์แห่งปี ที่กว่าจะมีเวลามาจัดการจนจบก็ปาไปร่วมจะ 6 เดือน จนเรียกได้ว่า ล่าช้าที่สุด!! ...แต่เมื่อตั้งใจจะทำให้เสร็จ ผมก็ต้องเสร็จ แล้วมันก็เสร็จผมจนได้ ฮ่าๆๆๆ Part 4 ของ ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ {Best of the Year 2011} ก็คือ การสรุปสิ่งที่เป็นที่สุด 5 อันดับแรกของหนังสุดประทับใจแห่งปี ทั้งที่เป็นหนังแผ่นดูที่บ้าน หรือจะเป็นหนังโรงเสียเงินไปดู เอาเป็นว่า ไม่ต้องพร่ำพรรณนากันให้มากแล้ว เข้าสู่ประเด็นเรื่องกันเลยดีกว่า เริ่มต้นจากส่วนที่เป็นหนังแผ่นก่อนเลยThe Best of Movie ..in Home หนังที่เป็นที่สุดแห่งความประทับใจ..ในบ้าน อันดับ 5 : Beginners หนังอินดี๊อินดี้ที่ดูแล้วอินดี กับการเล่าเรื่องความสัมพันธ์แบบคู่ขนานระหว่างความรักของหนุ่มสาวกับจุดเริ่มต้นของการคบหา ไปพร้อมๆกับการคายปมความผูกพันฉันท์พ่อลูก ที่คนพ่อเพิ่งกล้าจะเปิดเผยตัวตนว่า เป็น เกย์ และเริ่มต้นมองหาความสัมพันธ์ชายรักชายอย่างจริงจัง ขณะที่คนลูกต้องประคับประคองความรักกับสาวสวยที่เขากำลังผูกใจ ไปพร้อมๆกับทำความเข้าใจในตัวพ่อเสียใหม่ ในมุมมองทางเพศที่เปลี่ยนไป ตัวละครหลักทั้งสามในหนัง ต่างก็เป็น Beginners (ผู้เริ่มต้น) ด้วยกันทั้งนั้น ถึงต่อให้ผ่านโลกมามาก เจอเรื่องมาเยอะ แต่สุดท้ายก็เริ่มต้นใหม่เสมอ กับการเรียนรู้เรื่องราวของการอยู่ร่วมกันกับคนอื่นๆบนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เจอหน้ากันทุกวันอย่างคู่พ่อลูก หรือทำความรู้จักใหม่ๆกับคนแปลกหน้า ที่เจอกันจนไม่แปลก ..ก่อนที่เราจะให้ใจคนๆนั้นไป มันต้องมีอะไรที่ทำให้เรารู้ และเราสามารถจะปรับตัวให้อยู่ร่วมกับเขาได้ อย่างที่เขาพูดว่า พบกันที่ครึ่งทาง Beginners มันจะดูเอาน่ารักก็ได้ ดูเอาความอาร์ตก็ประมาณหนึ่ง แต่ดูเพื่อเป็นกรณีตัวอย่าง ศึกษาการอยู่ร่วมสังคมกับคนอื่น ก็ไม่ถือว่าขัดข้องจะดูแต่ประการใด อันดับ 4 : Paul จะเอาอะไรจากหนังเรื่องนี้อีกล่ะ..ก็แค่ขึ้นชื่อเป็นผลงานของผู้กำกับหนังเกรียนแตกแบบ Superbad ก็เหมือนเป็นเครื่องหมายการันตีอยู่ในตัวแล้วว่าเราจะได้เจออะไร สิ่งที่เราเจอแน่ๆ คือ เอเลี่ยนที่ทั้งป่วง ทั้งป่วนชวนตบเกรียนแตก อีกมีตัวละครคู่หูคู่ฮาจาก Hot Fuzz และ Shuan of the Dead ที่มันน่า...นัก ส่วนตัวหนังก็มากันครบครันทุกอารมณ์ หนักๆไปทางฮา ลูกบ้าในการจิกกัดก็มาตรึม แถมจะมีหักมุมน้อยๆ สอยดรามาหน่อยๆ ก็ยังจะเอา! เอาเป็นว่า เป็นหนังที่ทำท่าจะเสียสติเสมอๆ แต่ดูจนจบ ก็รู้เลยว่าคนทำมีสติตลอดเวลา.. เพราะถ้าไม่มีสติ มันคงเป็นหนังรั่วๆ ที่ดูจบแล้วก็จบกัน แต่นี่คือ รั่ว แต่รัวด้วยความมันส์แบบไม่มั่ว และทั่วถึง ..คือ หนึ่งในหนังฮาอย่างหนักที่ควรสดับรับความรั่วให้ทั่วถึงจริงๆนะเออ อันดับ 3 : Bridesmaid ความเกรียนไม่ได้มีไว้เฉพาะกับหนุ่มๆเท่านั้น แต่สาวๆก็เกรียนได้ แถมทำได้ดีซะด้วย ถ้าชีใจกล้าและด้านพอ ..เช่นเดียวกับในหนังที่ได้ชื่อว่าเป็น The Hangover ภาคผู้หญิงยิงเรือ เรื่องนี้ ซึ่งเกิด และเจิดจรัส เพราะดาราหญิงในหนัง จัดเต็มโดยไม่ห่วงสวย และไม่ห่วงทั้งกิริยามารยาทแสนงาม ความรักนวลสงวนตัวไม่มีอยู่ในระบบ!! ลำพังแค่เล่นกันแบบไม่เกรงใจความเป็นหญิงก็ว่าหนักแล้ว แต่วิธีการแสดงออกของแต่ละตัวละครก็ยิ่งแล้วใหญ่ เพราะมันไม่มีลิมิต ชีวิตเกินร้อยในทุกๆนาง ..ดูตัวอย่างแค่ฉากฟิตติ้งชุดแต่งงานเจ้าสาว ก็ฮาน้ำหูน้ำตาไหล ไปกับการแข่งขันกันทำตัวให้ดูย่ำแย่เข้าไว้ โดยไม่อายฟ้าอายดินเสียเลยนะเธอว์ แล้วก็ไม่ใช่หนังดูเน้นสนุกเว่อร์ๆ มันก็ยังซึ้งเว่อร์ๆ ให้ข้อคิดได้ดีเว่อร์ๆ แถมยังทำออกมาได้ถูกหัวอกคนเป็นชายสามศอกก็ยังได้ ทั้งๆที่หนังเน้นจะขายให้สาวๆอยากดู อย่างกะจะแข่งบารมี Sex and the City ก็ไม่ปาน ..คือ ที่สุด แล้ว มันดีไม่ห่างเหิน จริงๆนะ!! อันดับ 2 : Rear Window เมื่อนึกถึง อัลเฟรด ฮิทช์ค็อก คงจะมีหลายคนนึกถึงหนังโหดลากเลือดอย่าง Psycho ขึ้นมาก่อนใครเพื่อน ..แต่อย่าลืมนะ เพื่อน ก่อนหน้าจะมี Psycho ก็ยังมีอีกหนึ่งแนวทริลเลอร์ที่ถือเป็นผลงานขึ้นหิ้งตลอดกาลที่อาจจะลืมนึกถึงกันไป Rear Window เรื่องนี้ก็คือ Disturbia ในเวอร์ชั่นหนุ่ม ไชอา ลาบัฟฟ์ ที่ทันรุ่นเรา มันคือหนังที่เปิดโอกาสให้เรารู้จักวิธีการสร้างความระทึกขวัญภายในที่แคบ ไปพร้อมๆกับการดำเนินเรื่องให้อยู่ในขอบเขตสถานที่เพียงแห่งเดียวในหนังทั้งเรื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากจะเป็นหนังที่ใช้ในกรณีศึกษาเรื่องการทำหนังได้แล้ว ..นี่ยังเป็นหนังเชยๆ ซึ่งสนุก แบบที่กาลเวลาไม่อาจทำลายลดระดับความน่าสนใจมันลงได้เลย ทั้งๆที่ก็ผ่านมาแล้วร่วม 60 ปีนะนั่น ...ถ้าดูแล้ว จะเชื่อเลยว่า จิตวิญญาณแห่ง ฮิทช์ค็อก ไม่มีวันตายจริงๆ และ... อันดับ 1 : Shutter Island ตำนานที่ยังมีลมหายใจ ชื่อ มาร์ติน สกอร์เซซี่ อาจจะเป็นเจ้าของผลงานสร้างชื่ออยู่มากมาย แต่อีกหนึ่งในผลงานของเขาที่คงฝังใจผมไปนานแสนนาน คงมีเรื่องนี้ในสารบบเป็นอันดับต้นๆ คงเป็นเพราะ..นี่คือ หนังที่ทำให้เรารู้สึกว่า ปู่มาร์ติน ยังคงความหนุ่มแน่นเอาไว้ ผ่านสไตล์การกำกับที่ตื่นเต้นเร้าอารมณ์บีบบังคับเราให้รู้สึกตามทุกวิถีทาง ทั้งๆที่หนังก็ออกจะเป็นสไตล์เก่าๆเก๋าๆ เหมือนย้อนไปยังยุค 30-40 ปีที่แล้ว แล้วถ้านับรวมอีกเหตุผลว่า หนังเรื่องนี้ คือ หนังที่ฉลาด กับการเล่นกล(ลวง)กับคนดู คุณอาจจะรู้สึกนึกไปเอง(อย่างผม)ด้วยซ้ำว่ากำลังดูหนังของ คริสโตเฟอร์ โนแลน อยู่หรือไร? ซึ่งมาร์ตินก็มาร์ติน โนแลนก็โนแลน คนละคนนั่นแหละ ..แต่การทำหนังแบบกระชากวัย แล้วได้ใจคนดูในยุคปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็ตอบโจทย์คนที่ถวิลหาหนังในยุคเก่าได้ด้วย มันไม่ใช่ส่วนผสมที่จะหากันได้ง่ายๆในวันนี้ เพียงแต่ Shutter Island มีสิ่งเหล่านี้ครบ และทำได้ถึง ..ดูจบก็ได้แต่อึ้ง ว่าตกลง เราก็เป็นคนไข้ในโรงพยาบาลบ้าแห่งนี้ไปด้วยแล้วใช่ไหม? Best Movie of the Year 2011 ..in Cinema : No. 1-5 หนังที่เป็นที่สุดแห่งความประทับใจ..ในโรง : อันดับ 1-5 อันดับ 5 : X-Men : First Class แม้การมาไกลขนาดนี้ จะไม่ใช่เพราะด้วยฝีมือของผู้สร้างจุดแรกให้แก่ X-Men (ฉบับหนัง) ได้อย่างแข็งแกร่ง ไบรอัน ซิงเกอร์ (แต่เจ้าตัวก็เป็น โปรดิวเซอร์ ให้) แต่ครานี้ การมีอยู่ของ แมธธิว วอห์น ก็คือ จุดต่อมาที่เสริมส่งให้ X-Men กลับมาสู่รากฐานของการเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ใช้คำว่ายอดเยี่ยมได้อีกครั้ง ในแง่ของเป็นหนัง หากจะดูเอาความรู้สึกสนุก ก็ถือว่าเป็นความบันเทิงขนานเอกที่มีครบทุกรสชาติ แต่ถ้าดูเอาเนื้อหา กับมุมมองที่ตีแผ่สะท้อนภาพสังคมในหลากทาง ก็ล้ำลึก และร้ายกาจ เรียกว่าในหนังเรื่องเดียวกันเป็นความสุดที่มาครบทุกมิติ โดยไม่ต้องพึ่งพาให้ทำเป็นหนังสามมิติ เพื่อตอบสนองความทันยุคทันสมัยแต่อย่างใด นี่แค่จุดเริ่มต้นของ วอห์น เท่านั้น ..ถ้าจุดต่อมา ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ออกมาได้เหนือกว่า แบบเดียวกับที่ ซิงเกอร์ เคยทำไว้กับ X-Men 2 มันจะสุดทีนขนาดไหนเชียว!! อันดับ 4 : Blue Valentine เรื่องรักขมๆ ของคนหมดหวาน ที่ต้องข่มใจอยู่กันไปเพียงเพื่อยังเป็นครอบครัว.. นี่คงอาจจะเป็นหนังที่สร้างด้วย แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงที่ชีวิตคู่ของคนมากมายเคยได้เป็น หรือเป็นกันอยู่ เวลาที่หลายคนดูเลยอาจจะเจ็บหัวใจแปลบๆ แล่นเข้าเส้นเลือดหลักอย่างปวดร้าว แต่กับคนที่ยังไม่มีอารมณ์แบบนี้ ก็ไม่ใช่ดูเพื่อเป็นแรงบันดาลใจจะทำอย่างนั้น (ถ้าอย่างนั้น ไม่ผิดที่หนังแล้ว แต่ผิดที่คน!) แต่มันคือการดูเพื่อยึดเป็นเยี่ยงเป็นอย่าง มองมันเป็นอุทาหรณ์ และก้าวข้ามความไม่เข้าใจ ด้วยความเอาใจใส่มากขึ้น อย่าทำเหมือนตัวพระนางของหนัง ที่เหมือนอยู่กันคนละโลก สุดท้ายจะพยายามจูนอย่างไร มันก็กลับไปติดอยู่ในโลกเดียวกันอีกครั้งไม่ได้อีกแล้ว นี่อาจจะพูดว่า เป็นหนังที่เหมาะแก่การดูในวันวาเลนไทน์ ก็คงไม่ผิด ..แม้มันจะไม่หวานเอาเสียเลย แต่ถ้าดูแล้วตรึกตรอง รู้สึกตาม และเข้าใจ คุณอาจจะกลายเป็นคู่รักที่หวานไม่มีวันจืดจางไปตลอดกาลก็เป็นได้ เพราะได้รับวัคซีนจากหนังเรื่องนี้ อันดับ 3 : The Help หนังพลังหญิงแท้ๆ แต่อาจหาญมาขโมยใจชายไปมากโข ไม่ใช่แค่เพราะสาวๆในเรื่อง ช่างเป็นกลุ่มก้อนตัวละครที่จัดจ้านกันเหลือร้าย ทำให้หนังดรามาที่ออกจะเมโลเรื่องนี้ กลายเป็นมีสีสัน ผสมโรงกับความสนุกสนาน ที่เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เพลินๆ แต่ชื่อว่าเป็นดรามา มันก็ดรามาจัดๆจ้านๆ กะเอาตายกันเลยทีเดียว ..มันคือ หนังที่ใช้องค์ประกอบของการเหยียดผิวในยุครุ่งเรือง มาเหยียบกระตุ้นความคิดของคนในวันนี้ว่า ความแตกต่างกำลังนำพามาซึ่งความแตกแยกเหมือนวันวานหรือไม่ ...แล้วถ้ามันถึงจุดแตกหักขึ้นมาจริงๆ เราจะทำอย่างไรระหว่าง นิ่งเฉยไม่สนใจ สะใจที่มันเกิด หรือจะ หันหน้ามาประนีประนอมก่อนที่อะไรๆจะสายจนเกินไป ดูหนังเรื่องนี้ แล้วมันก็ให้นึกถึงสภาวะการณ์คล้ายๆกัน ที่เกิดกับบ้านเรา ..แล้วยิ่งในวันนี้ เหตุการณ์แบบนั้นมันกำลังจะหวนกลับเข้ารูปฟอร์มเดิมๆด้วยแล้ว หนังเรื่องนี้ก็ยิ่งสมจริงทันตา แม้มันจะแค่เป็นความขัดแย้งในเบื้องต้น(ระดับในบ้านเดียวกัน รั้วเดียวกัน)ก็ตามเถอะ ...แล้วที่พูดมาตกลงนี่เป็น หนังพลังหญิง หรือพลังประชาชนกันแน่เนี้ย!!? อันดับ 2 : Rise of the Planet of the Apes ขณะที่เรื่องก่อน คือ พลังหญิง เรื่องนี้ก็ต้องเรียกว่า พลังลิง แล้วยิ่งเห็นภาพความขัดแย้งที่ใหญ่กว่าด้วยซ้ำ เมื่อบรรดาพลังลิงทั้งหลายลุกฮือกันขึ้นมาปฏิวัติโลกทั้งใบ ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ ความสมจริงของงาน CG ที่ละเอียดทุกรูขุมขน และการแสดงอารมณ์ตัวละครของลิงก็เหมือนว่ามันมีลมหายใจอยู่จริง หรือการพูดถึง การกระทำของคนที่มีต่อสัตว์ อย่างโหดร้ายทารุณ ไม่สนว่าจะเป็นจะตาย เราก็จะเอามันมากระทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน ...แต่ที่เหนือกว่าหนังที่พูดถึงสัตว์ก็มีชีวิตจิตใจ อีกหลายๆเรื่อง คือ การทำให้เราเห็นว่า สิ่งที่มันทำอยู่นั้น ทั้งหมดทั้งมวลแล้ว คือ น้ำมือและการเลือกกระทำของมนุษย์ ณ จุดเริ่มต้นโดยแท้จริง แม้มันจะเป็นสิ่งที่อ้างอิงว่า เทคโนโลยี นำพา มนุษย์ต้องก้าวหน้าเพื่อไปพบกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า นั่นก็จริง ..แต่ถ้าบางครั้งเราก้าวไปข้างหน้าอย่างเดียว จนลืมเหลียวหลัง และไม่ยั้งคิดถึงสิ่งที่ก้าวผ่าน สักวันสิ่งที่เราผ่านไปนั่นแหละ มันอาจจะย้อนกลับมาทำร้ายเราเอง ...ดีมิดีอาจถึงขั้นจะยึดครองโลกแบบในหนังก็เป็นได้!! และ... อันดับ 1 : Black Swan ถ้าถามว่า ทำไมถึงยก หนังดรามา ระทึกขวัญ ของ ดาร์เรน อะโรนอฟสกี้ เรื่องนี้ ให้เป็นอันดับ 1 ในดวงใจ ..เรื่องราวบัลเล่ต์ ที่ดูไกลตัวเสียเหลือเกินสำหรับผู้ชายคนหนึ่ง เต้นกันในท่าไหนหนอถึงได้เข้าไปสิงสู่ในห้วงความทรงจำของผมได้แบบนี้ นี่คือ หนังที่นำสิ่งที่งดงาม อ่อนช้อย และงานประณีต มานำเสนอในรูปแบบของความแข็งกระด้าง รุนแรง และทรงพลัง ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ..ด้วยเรื่องราวที่ขับดันด้านมืดของมนุษย์ออกมา กับการแข่งขันทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง เพื่อพาไปสู่จุดสูงสุดในชีวิตการทำงาน ซึ่งเหมือนกับว่ามันจะสวยงาม หากให้คนอื่นภายนอกมองเข้ามา แต่เอาเข้าจริง มันเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี มุ่งร้าย อาฆาต ..ขาอาจร่ายระบำได้พริ้วไหว แต่ในมือนั้นมันเปื้อนเลือด! ก็เปรียบได้ดั่งหงส์ ซึ่งลักษณะความเป็นหงส์ ก็คือ สัตว์ปีกมีขนสีขาว ที่ดูดี มีความงามสง่า แต่เมื่อมันถูกย้อมสีจากน้ำมือของคน หรือกระทั่งตัวมันที่ยอมให้ถูกย้อม มันก็กลายเป็นหงส์ดำ ที่มืดทะมึน ดูแปลก ไม่เหมือนที่เคยคุ้น กลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ไปเสียเลย ก็อย่างที่บรรยายไป ว่าหนังสามารถผนวกเอา สิ่งที่ดีที่สุด มาพบกับสิ่งที่ดูไม่ดีที่สุด ซึ่งแตกต่างอย่างสุดขั้ว หากหลอมรวมกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียว และมีพลังมากพอจะส่งให้หนังค่อยๆถีบตัวเองจากระดับความสนุกเรื่อยๆ ไปถึงจุดพีคที่สุดในฉากจบได้อย่างมหัศจรรย์ ..นี่คือ หนังที่เป็นได้ทั้ง ศาสตร์ และ ศิลป์ ที่ลงตัว ใครดูก็รู้สึกได้ถึงความน่าพึงพอใจ เพราะมันเป็นได้ทั้งหนังที่ถึงพร้อมคุณภาพความเป็นหนัง และดูเอาความรู้สึก อารมณ์ร่วม ก็จับต้องได้เหมือนว่าเราหลุดไปอยู่ในโลกเดียวกันกับตัวละคร เราอาจไม่เคยได้อยู่ เรียนรู้ และเข้าใจใน บัลเล่ต์ มาก่อนเลยก็เถอะ ..แต่เมื่อได้ดูหนังเรื่องนี้จนจบปุ๊บ ก็เข้าใจได้เลยทันทีว่านี่คือ ความมหัศจรรย์ที่โลกนี้มี และมอบหน้าที่ให้คนซึ่งเหมาะสม กับการลงทุนลงแรงยอมสาหัส ยอมโดนบีบบังคับ และยอมกระทั่งเจ็บเนื้อเจ็บตัว เพื่อจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับความงดงามที่สุดเช่นนี้ ...มันก็เป็นเช่นเดียวกับหนัง โลกนี้ได้มี อีกหนึ่งความมหัศจรรย์บนแผ่นฟิล์ม และคนที่เหมาะสม ผู้เป็นหนึ่งในหนังเรื่องนี้ทุกคน ก็ทำหน้าที่ได้อย่างสุดความสามารถเท่าที่ชีวิตนี้เคยทำมาแล้วจริงๆ Black Swan จึงเหมาะสมที่สุดแล้ว กับการเป็นหนังอันดับ 1 ในดวงใจ ประจำปี 2011 ของผม ด้วยเหตุผลประการฉะนี้ แล้วก็ได้ล่วงรู้ Top Secret ความลับสุดยอดในปี 2011 ของผมไปหมดไส้หมดพุงแล้ว ..นั่นก็เท่ากับเหลือเวลาอีก 6 เดือนข้างหน้า นาฬิกาจะตี เพื่อกลับมาเริ่มยกใหม่อีกครั้ง ผมก็ยังจะกลับมาประกาศอยู่เรื่อยไป ว่าแต่ละปีที่ผ่านมา อะไรคือจุดที่เรียกว่า ความรักหนัง ของผม ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ {Best of the Year 2011} ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ พร้อมโบกมือลา ..พบกันใหม่ในปีหน้า กับตัวเลขที่เปลี่ยนไปเป็น Best of the Year 2012 ครับผม ^^ สำหรับเกรดหนังโดยรวม ตั้งแต่ เกรด A ถึงต่ำกว่านั้นทั้งหมด ในรอบปี 2011 ผมเก็บรวบรวมไว้ในบล็อกนี้ครับ//www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=02-01-2011&group=11&gblog=6 และติดตามอ่าน Part ก่อนหน้า ด้วยการ คลิก คลิก คลิก คลิก คลิก..!! ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
Create Date : 02 มิถุนายน 2555
Last Update : 2 มิถุนายน 2555 2:25:49 น.
1 comments
Counter : 8217 Pageviews.
โดย: คนขับช้า วันที่: 6 มิถุนายน 2555 เวลา:22:37:08 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2
3 4 5 6 7 8 9
10 11 12 13 14 15 16
17 18 19 20 21 22 23
24 25 26 27 28 29 30
ตรงใจหลายเรื่องเลย โดยเฉพาะที่อยู่ในโรงภาพยนตร์