ก่อนจะอ่านภาคสอง ตามไปเก็บรีวิว ภาคแรกก่อน ได้ที่นี่... "Night at the Museum" ... สนุกอลวน กับคนและหุ่นอลเวง



หลังจากที่ภาคแรก ได้จบเรื่องราวในตัวของมันไป อย่างไม่มีอะไรให้ค้างคา นอกเหนือไปจากความรู้สึกสนุก เต็มอิ่ม ถูกใจ ได้เกินกว่าระดับที่คาดหวังไว้แต่ต้น

การกลับมาอีกครั้งของ "Night at the Meseum" ในภาคใหม่ จึงเป็นอะไรที่ทำให้ผมอดมิวายจะตื่นเต้นไปกับมันไม่ได้ ..แม้จะทั้งๆที่รู้ว่าหนังภาคต่อ เป็นอะไรที่หาความสดใหม่ได้ยาก และถ้าถามว่าจะมีสักกี่เรื่องที่สนุกได้พอๆ หรือมากกว่าภาคก่อนๆ ก็จัดว่าน้อยเอามาก

แต่ก็ด้วยความพอใจนิดๆ ที่ได้เห็นทีมงานเก่ากลับมากันครบหน้า ..มันก็เลยแอบหวังว่า ความเข้าขากันมาแต่หนก่อน คงจะทำให้หนังภาคสอง ตามรอยเก่า ออกมาได้น่าพอใจ

ซึ่งสุดท้าย ผลลัพธ์ของมันก็ไม่ใช่ คำว่า น่าพอใจ ...แม้จะไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหร่ แต่โดยความสนุกก็ถือว่า ไม่เต็มอิ่มอะไรนัก

จากพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติในเมืองนิวยอร์ค อันเก่าคร่ำคร่า ...“Night at the Meseum 2” ได้พัฒนาตัวเองให้ใหญ่ขึ้น อลังขึ้น ให้มาพร้อมกับการโยกถิ่นย้ายฐาน นำพาพลพรรคหุ่นขี้ผึ้งมีชีวิต เปลี่ยนมาผจญภัยใน “สมิธโซเนี่ยน” พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสหรัฐฯ อันมีที่ตั้งอยู่ห่างจาก รั้วทำเนียบขาว ในวอชิงตัน ดีซี เพียงแค่ย่างเดินไม่กี่ก้าว



โดยเรื่องราวของหนังในภาคสอง ได้เริ่มต้นด้วยการบอกกล่าวเล่าความถึง ชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีกว่าเดิมมากๆ ของ “ลาร์รี่ เดลีย์” ผู้เคยมีอดีตเป็นรปภ.กะกลางคืน เงินน้อย ที่เต็มเปี่ยมด้วยความพยายามสูงส่ง จะดีดตัวเองขึ้นไปสู่การเป็นผู้บริหารในบริษัทที่มีเขาเป็นเจ้าของเสร็จสรรพ ...ซึ่งเขาก็ทำได้สำเร็จจนได้ เป็นการทำความฝันอันเคยลมๆแล้งๆ(ในภาคแรก) ให้ตื่นมาเป็นความจริงได้อย่างน่าอัศจรรย์

เพียงแต่กระนั้นแล้ว ด้วยความผูกพันที่ยังฝังอยู่ในมโนสำนึกอย่างลึกๆ กับอดีตที่เคยเป็นส่วนร่วม ส่วนหนึ่งในเรื่องราวสุดอัศจรรย์มาก่อน.. ลาร์รี่ ก็ได้หมุนเวียนกลับไปเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าอีกครั้ง ...แต่ในครั้งนี้ เขาก็เพิ่งจะได้รู้ว่า พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติแห่งนี้ กำลังถูกปรับเปลี่ยนขนานใหญ่ และยังจะเตรียมโละหุ่นเก่าๆทั้งหลายแหล่ที่อยู่คู่ที่แห่งนี้เรื่อยมา ออกไปส่วนหนึ่ง เพื่อไปเก็บไว้ยัง พิพิธภัณฑ์สมิธโซเนี่ยน

และถึงจุดนี้ ..ก็คงไม่ต้องบอกเล่าอะไรอีก ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นตามมา ...มันแน่นอนอยู่แล้วที่จะต้องเป็นเรื่องอันอลวน ของคน(หนึ่ง)และหุ่น(นับสิบๆ) ที่จะมาปั่นป่วน สรวลเส เฮฮาด้วยกัน ให้กลายเป็นหนังภาคสอง ที่ยกขบวนหน้าเก่าเกือบทั้งกะบิ มาพร้อมเพรียงกับกองทัพหุ่นมีชีวิตชุดใหม่ ที่จะเข้ามาบวกความสนุกเข้าไปเพิ่มได้อีกดังที่เป็นเช่นจุดประสงค์ของตัวหนัง ที่หวังว่ามันคงจะทำได้ ออกมาดีกว่าภาคก่อน



หากนั่นมันก็ยังถือเป็นเพียงความคิดแบบคนสร้างหนัง หวังทำบันเทิง (แต่ที่หวังมากกว่าอะไร ก็คือ ตังค์)...ที่ลืม และมองข้าม ไปซึ่งสิ่งที่เรียกว่า มนต์เสน่ห์ ของตัวหนังเรื่องนั้นๆ ...และอย่างในเช่นกรณีของ Night at the Meseum ก็คือ การขายเสียงหัวเราะ ผ่านความสร้างสรรค์ในทางมุข ที่เอื้อเฟื้อมาจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ตำนาน ความเชื่อต่างๆ อันว่าเคยเป็นเรื่องที่ดูสด และใหม่ในภาคแรกของหนังมาแล้ว

แม้ว่าในภาคใหม่นี้ จะพยายามใส่ตัวละครใหม่ๆ มุขตลกใหม่ๆ และความสร้างสรรค์ใหม่ๆ ลงไปให้ดูว่าใหม่ ..แต่ถ้าวัดกันในเรื่องของความสด ผมกลับมองหา มุขที่น่าซื้อ ในภาคใหม่ ไม่เจอ และบางครั้งบางคราว ก็ยังออกจะช้ำๆชอบกล เหมือนว่าเคยเจอใน(หนังตลก)ตลาดมานักต่อนัก

ถึงอาจจะต้องยอมรับว่า ในความช้ำที่ว่า ..บางครั้ง มันก็ทำให้ผมขำออกมาได้ ...แต่โดยแทบทั้งหมด มันมักจะอยู่ในอารมณ์ขำแบบ อิอิ มากกว่าจะ ก๊ากๆ

(ส่วนตัวผม มีเพียงมุขเดียวเท่านั้น ที่ผมว่าเวิร์คที่สุดในภาคนี้ ..และมันก็ไม่ได้อยู่ในเรื่องราวของหนัง แต่กลับเป็นฉากเล็กๆที่ฉายข้างๆในระหว่างเครดิตตอนจบกำลังขึ้นซะอย่างงั้น)



ซึงปัญหาหลักๆที่ทำให้หนังภาคนี้ ไม่ค่อยจะเต็มที่ ..ส่วนหนึ่งก็คงต้องโทษไปยังบท และกำกับ ที่มีความสะเปะสะปะในทิศทางของตัวหนัง ปนอยู่กับความขาดๆหายๆที่ไม่ต่อเนื่องของตัวเรื่อง ...ซึ่งทำให้หนังยังสะดุด และเด่นชัดในความอ่อนเปราะของเหตุผล ..ที่ภาคแรกก็ว่าเคยมีเหมือนๆ แต่ในภาคนี้ ไม่สามารถหาอะไรอย่างอื่นมากลบเกลื่อนได้มิดชิดดีพอ

ในขณะที่อีกส่วนหนึ่ง ..มันก็เกิดมาจากตัวนักแสดง ที่ไม่ว่าจะเป็นตัวเก่า หรือตัวใหม่ แทบทุกคนก็ล้วนไม่สามารถเรียกเสน่ห์ส่วนตัวให้ออกมาโลดแล่นบนจอได้อย่างเต็มที่

ยิ่งโดยเฉพาะกับ “เบน สติลเลอร์” ที่เคยทำให้หนังภาคแรกดูตื่นเต้น โลดโผนได้แทบจะตลอดเวลา ..ในภาคนี้ พี่ท่านออกจะดูเนือยๆ และเรื่อยๆ เสียจนผิดธรรมชาติอันเคยคุ้น เช่นในบรรดาคาแรกเตอร์ที่พี่ท่านเคยเป็นมาในหนังเรื่องก่อนๆ

คนเก่าอาจว่าน่าผิดหวังแล้ว ..แต่ที่น่าเสียดายในความเป็นสีสัน จนไปถึงกระทั่งน่ารำคาญ ในลักษณะคาแรกเตอร์ ก็คงต้องยกให้เป็นโทษสถานหนัก แก่บรรดาเหล่า(หุ่น)ตัวร้ายของภาคนี้ ที่ว่ามีความสำคัญแบบแกนๆกับหนัง ไม่พอ ก็ยังดูขี้เอะอะ จอมโวยวาย จนกลายเป็นความน่าเบื่อ ทุกครั้งที่พวกเขาปรากฏบนจอ

นี่ถ้าสุดท้าย ไม่ติดว่ายังมีสาวแบ๊วตัวแม่ นาม “เอมี่ อดัมส์” มาช่วยกู้หน้าให้ในเหล่านักแสดงด้วยกันครั้งนี้ ..ผมก็คงอาจจะคิดไม่ดี ไม่ชอบ ในหนังภาคใหม่ หนักหนามากไปกว่านี้



ซึ่งถึงแม้ว่าหน้าที่ของ สาวอดัมส์ ในบทบาท(หุ่น)สาวนักบินชื่อก้องโลก “เอมิเลีย เอียฮาร์ท” ..จะมาเพื่อเป็นลูกคู่ ที่ทำได้แค่ช่วยเป็นแบ๊คให้กับ พี่เบน ...แต่เอาเข้าจริง ความโดดเด่นสะดุดใจ ทั้งส่วนเครื่องหน้าอันสวยหวาน การโชว์หุ่นกระชับโค้งเว้า ในเสื้อรัดรูปที่ทำให้เธอดูเท่ห์เกินพิกัด อีกยังจะเปี่ยมล้นไปด้วยเสน่ห์การแสดงแบบแบ๊วๆ ที่เคยประสบความสำเร็จอย่างงดงาม ใน “Enchanted” มาช่วยเป็นใบรับประกันความเนียนให้แล้ว ...ทั้งหมดนี้ล้วนแล้ว แต่เอามารวมผสานกันเป็นอันหนึ่งอันเดียว จนทำให้เกิดการแย่งซีนได้อย่างชะงัด

เรียกได้ว่า งานนี้(ที่ห้อมล้อมไปด้วยดาราตลกหลากหน้าหลายตา) ไม่มีใครเกิด เจิดจรัสได้เท่าสาวอดัมส์ ..ผู้ที่ทำให้หนังออกมามีภาพลักษณ์ที่ดูสดใสได้ ...ทั้งๆที่ว่ากันตามเนื้อผ้า หนังเรื่องนี้ ก็แทบจะไม่มีสิ่งใดที่เรียกว่า ความสด ได้เลย



เพราะฉะนั้นแล้ว สำหรับใครที่เคยดูและ ชื่นชอบในภาคแรกของ Night at the Mesuem มาเป็นอันเรียบร้อย แล้วยังพาลจะเกิดอารมณ์อยากดูภาคสองขึ้นมา ..ก็ขอให้เตรียมทำใจ ด้วยความไม่คาดหวังให้อะไรๆ มีเทียมเท่ากับภาคแรก

ส่วนใครที่คิดจะดูหนังแบบบันเทิงเข้าว่า ในหน้าฤดูซัมเมอร์อย่างนี้ ..ผมขอไม่แนะนำให้ดู "Night at the Mesuem 2" เพราะไม่ว่าคุณจะรู้ หรือไม่รู้เรื่องภาคแรก ...มันก็คงไม่ต่างกันเท่าไหร่ ในความรู้สึกสนุก ที่คงมีให้เพียงแค่แกนๆ ไม่อิ่มเอม ไม่โดนใจ และย่อมไม่น่าจะใช่หนังดี ที่จะทำให้คุณคุ้มค่าตังค์ได้อย่างถึงที่สุด

เกรด B ... {}

---

ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ

ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ

Create Date : 01 มิถุนายน 2552
Last Update : 1 มิถุนายน 2552 3:09:37 น.		8 comments
Counter : 2614 Pageviews.
Share Tweet