"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
นอกจากติดตามตัวผมในบล็อกนี้แล้ว ก็ขอชวนไปสนุกกันในอีกช่องทางกับ "Facebook" และ "Twitter" ด้วยครับ Like Me @ //www.facebook.com/Onc3.UPoN.a.MaN และ Follow Me @ //twitter.com/once_upon_a_man รีวิวนี้ ถูกเผยแพร่ไปแล้วก่อนหน้า ทาง //www.chicministry.com ลิงค์ ประโยคที่เป็นหัวข้อเรื่องนี้ หากใครเป็นคอหนังสือตัวจริงเสียงจริง คงจะรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้เห็นผ่านตามาก่อน ..ก็เพราะถ้าคุณรู้จัก Harry Potter จริงๆ คุณคงจะต้องจำอะไรบางอย่างได้ลางๆ (หรือคนที่แน่ๆ เลยก็ต้องแม่นยำ) เช่นเดียวกับประโยคหนึ่งที่ปรากฎในหนังสือ ฉันเปิด เมื่อปิด ที่เป็นตัวกุมความลับที่สำคัญบางอย่างเอาไว้ ใครที่อ่านเรื่องราวของ Harry Potter ในเล่มสุดท้ายจบแล้ว คงรู้แล้วว่าคือความลับอะไร แต่สำหรับใครที่ยังไม่เคย ตอนนี้มัน ก็ได้เวลาที่จะไปล้วงรู้ความลับนั้นแล้ว ...มันอยู่ในหนังที่จะกลับมาเป็นภาคสุดท้าย เพื่อทำการปิดตำนานให้ตัวเอง Harry Potter and the Deathly Hallows แต่ก่อนอื่นใดที่จะเข้าไปดู สิ่งสำคัญที่ควรต้องรู้เป็นอย่างยิ่งเอาไว้ก่อน (เพื่อเป็นการทำใจ) ก็คือ ภาคสุดท้ายที่ว่านี้ ..มันจะถูกตัดแบ่งออกเป็น สองตอน เพื่อที่จะทำการขยายขอบเขตเล่าเรื่องราวที่กว้างเอามากๆ ของหนังสือเล่มสุดท้าย ให้ได้เก็บรายละเอียดสำคัญๆ เอาไว้ได้มากที่สุด เมื่อมาทำเป็นหนัง The Deathly Hallows ...นำเสนอเรื่องราวต่อเนื่องจากปีที่ 6 แห่งการศึกษาในฮอกวอตส์ของเด็กชายพ่อมดผู้รอดชีวิต Harry Potter ซึ่งเพิ่งจะผ่านพ้นอีกหนึ่งประสบการณ์อันเลวร้าย กับการต้องสูญเสียบุคคลที่รักและนับถือดั่งเป็นพ่ออีกคนอย่าง Professor Dumbledore ไป ...ในปีที่ 7 ที่เขากำลังจะจบการศึกษานี้แล้ว เขามิอาจได้กลับไปเรียนอย่างเพื่อนพ้องคนอื่นเขาเป็นกันได้ เพราะ แฮร์รี่ ยังต้องมีหน้าที่อีกอย่างที่สำคัญยิ่งกว่า คือ การหนีรอดจากการตามล่าของ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร! ควบคู่ไปกับทำการออกค้นหา สิ่งของที่เป็น ฮอร์ครักซ์ ซึ่งเป็นดังตัวแทนที่ทำการปิดผนึกในแต่ละส่วนของเสี้ยววิญญาณแห่ง คนที่คุณก็รู้ว่าใคร! เอาไว้ ให้ยังเป็นอมตะ แต่ แฮร์รี่ ก็ไม่ได้โอกาสบินเดี่ยว อย่างที่ตัวเองตั้งใจเอาไว้ ..เพราะในทุกๆที่ ที่เขาต้องไป เขายังคงต้องมีเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมยาก อย่าง Hermione และ Ron เดินทางไปด้วย ทั้งพึ่งพาความสามารถ และเป็นดั่งสมอง กับกำลังใจให้ แฮร์รี่ กล้าที่จะสู้กับศึกด้านมืด ที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์แห่งโลกเวทย์มนตร์ ให้ผ่านพ้นไปจนได้ โดยมีชัยชนะคือ การทำลายล้าง คนที่คุณก็รู้ว่าใคร! ให้หมดสิ้น ไม่เหลือแม้เศษซากตะกอนใดๆ ให้สิงสถิตได้อีกต่อไป Harry Potter 7.1 ..ยังคงเป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับแห่งภาค 5 และ 6 อย่าง David Yates ที่ทำให้ โลกพ่อมดในหนัง กลายเป็นความมืดมน อลหม่านด้วยความทุกข์ แทบจะหมองเศร้าจนไม่หลงเหลือสิ่งใดๆ ให้บันเทิงใจ ชวนหัวเราะร่า ได้อย่างภาคต้นๆ ครั้งที่ แฮร์รี่ ยังคงเป็นเด็กน้อย ถ้าใครที่ชอบ ภาคต้นๆ เอาอย่างมาก จะไม่น่าแปลกใจเลย ที่รู้สึกต้องเหนื่อยกับการดูภาคหลังๆ เพราะแทบไม่มีอะไรให้รู้สึกชื่นมื่นได้เลย ..แต่กับใครที่หลงเสน่ห์ในโลกด้านมืด (หรือไม่ต้องพูดจาอ้อมค้อม ก็คือ โลกความเป็นจริง อย่างที่มักเกิ้ลเราๆ ก็กำลังอาศัยอยู่นี่แหละ) ก็เชื่อได้ว่า ภาคหลังๆ คือ คำตอบที่ถูกต้อง ที่เรารอคอยจะได้ดู โดยส่วนตัว ที่อ่านหนังสืออยู่แล้ว (แต่เรื่องรายละเอียด ต้องยอมรับว่า บางอย่างมันก็เลือนๆ ไปจากหัวบ้าง) ..คงต้องบอกว่า รู้สึกดี กับ การดัดแปลงตัดตอน ในฉบับหนังของภาค 7.1 นี้ เพราะถ้าวัดจากการที่หนังสือมันหนามาก และเรื่องราวที่ต้องเล่ามันก็เยอะ หากจะเอามาพูดในหนังโดยคงรายละเอียดเอาไว้แบบไม่หมกเม็ด บางเรื่องก็มีแต่จะทำให้หนังทั้งยวงดูเยิ่นเย้อ ยาวนาน เกินไปด้วย แถมจะให้ซอยเป็นสองตอนอยู่อย่างนี้ ก็คงต้องใช้เวลามากกว่า สองชั่วโมงครึ่ง ที่เป็นมาตรฐานของหนังชุดนี้ (และเป็นมาตรฐาน มากที่สุดสำหรับเด็กที่จะทนดูหนังสักเรื่องให้จบได้) เพื่อทำให้มันจบลงได้! อาจจะเป็นเรื่องที่ดีอย่างหนึ่งก็ว่าได้ ที่ตัวผู้กำกับ เยตส์ เอง ไม่เคยได้เป็นแฟนหนังสือตัวยงมาก่อนจะได้ทำหนังชุดนี้ จึงเป็นคนที่ไม่ยึดติดเงื่อนไขว่าต้องเล่าทุกอย่างแบบเป๊ะๆ เต็มร้อย เช่นในหนังสือ ..แต่ด้วยความที่โดนค่อนขอดว่า สองภาคที่ผ่านมา ลดความเอาใจแฟนหนังสือน้อยลงไป ก็เลยเป็นเงื่อนไขจำเป็นของเยตส์ ที่ต้องปรับตัวเพื่อจะทำหนังภาคสุดท้ายนี้ ให้ออกมามีความพอดีทั้งสำหรับ คนที่อ่าน และไม่อ่านหนังสือ ยังสนุกไปได้โดยพร้อมกัน ซึ่งกับการปรับตัวเท่าที่เห็นใน 7.1 นี้ ก็คงทำให้แฟนหนังสือหลายคนมีความพอใจมากขึ้น ที่ตัวหนังได้อยู่ในเส้นเรื่องที่ไม่นอกลู่ นอกทาง และมีความตรงไปตรงมากับสิ่งที่หนังสือเคยเล่า ..แต่ขณะเดียวกัน กับเรื่องราวบางอย่างในหนังสือที่ดูไม่จำเป็นเท่าไหร่นักที่จะต้องเอามาเล่าในหนัง มันก็ได้หายไปอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ทำให้เรื่องราวดูยืดเยื้อจนเกินไปอย่างที่ในหนังสือทำให้รู้สึก ส่งผลต่อคนที่ไม่อ่านหนังสือ สามารถจับประเด็นที่หนังต้องการพูดได้ในโฟกัสที่ดีไปด้วย แต่นั่น มันคือความรู้สึกในห้วงของคนที่เห็นดีเห็นงามกับการตัดตอนตัวเรื่องราวที่กำลังดี ..หากโดยส่วนตัว ให้มองลึกๆ ไปกว่านั้นแล้ว ก็ยังไม่อาจรู้สึกดี ไปกับหนังภาค 7.1 ได้อย่างเต็มที่ เพราะถ้าวัดกันที่การนำเสนอออกมาเป็นภาพแล้ว มันยังขาดความลงตัวไปอีกเยอะเลยทีเดียว เพราะถ้าจะให้ลงตัวจริงๆ จังหวะของหนังจะต้องสมูธ อย่างเท่าเทียมกันไปทั้งเรื่อง ไม่ควรแก่การที่ปล่อยให้บางห้วงก็เดินเรื่องแบบเนือยๆ ชวนหน่าย อีกบางห้วงก็ดันมาอัดสปีดซะเต็มพลังจนพาให้ดูเหตุการณ์ตอนนั้นไม่ทันรู้เรื่อง ..มันล้วนแต่ไม่ส่งผลดี ทั้งกับคนที่เป็นคอหนังสือ หรือว่าคนที่ไม่เคยแตะหนังสือ ให้รู้สึกขึ้นๆลงๆไปกับการตามติดในตัวหนัง ในส่วนของการแสดง 3 หนุ่มสาวตัวเอกของเรื่องนั้น มีทั้งคนที่นิ่งๆ (ไม่ด้อยลง แต่ก็ไม่ถือว่าดีขึ้น) กับคนที่ถีบตัวเองให้มีพัฒนาการได้อีก โดยเฉพาะกับสาว Emma Watson ที่ยิ่งโตยิ่งสวยยังไม่พอ ขอเก่งได้อีกกับความดราม่าที่ยิ่งแกร่งกล้าในพลัง ..นอกเหนือจากนั้น กับคนอื่นๆ แล้ว คงต้องถือว่านี่เป็น Harry Potter ภาคที่รวบรวมดาราตัวพ่อตัวแม่แห่งเกาะอังกฤษมาไว้ในเรื่องเดียวกันได้อย่างครบครันจริงๆ แม้บางคนจะไม่ค่อยโดดเด่น มีความสำคัญอะไรมากมายนักก็ตาม สำหรับใครที่เป็นแฟนหนังสือ คงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก ถึงความน่าสนใจ เพราะถึงต่อให้หนังภาคเปิดหัวจะไม่ได้ดีอะไรมากมายนัก แต่ยังไงก็คงต้องดู เพื่อให้ครบเซ็ตทั้งหัวและท้ายอยู่ดี ...ส่วนคนที่ขอเป็นแค่แฟนหนัง ก็คงต้องดูเช่นกัน เพื่อให้เป็นการเรียกน้ำย่อยความสนุก ที่ควรจะจัดมาเต็มๆเสียที ในตอนต่อไปของภาคสุดท้ายนี้ ก็เกริ่นสักเล็กน้อยก่อนแล้วกัน ว่า การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้นตามหลังมาใน 7.2 คือ อภิมหึมามหาความมันส์อันยิ่งยวดชวนระทึกใจเป็นที่สุด (และส่งผลโดยตรงที่ทำให้ผมปลาบปลื้มกับเล่ม 7 มากที่สุดในบรรดาหนังสือทั้งหมดด้วย)..ฉะนั้น จึงอย่าได้ทำให้ผมผิดหวังเลยทีเดียวเชียวกับการรอคอยในอีก ครึ่งปี ต่อจากนี้ เพราะผมหวังไว้มากว่า ภาคสุดท้ายที่เป็นหนังจะสนุกมากที่สุด เช่นเดียวกัน! เกรด B+ ... { } ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ
Create Date : 15 ธันวาคม 2553
Last Update : 15 ธันวาคม 2553 10:46:21 น.
1 comments
Counter : 4057 Pageviews.
โดย: aonlove IP: 125.27.2.69 วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:10:54:31 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
ขอบคุณที่เอาข้อมูลมาบอกนะค่ะ