+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
"Hairspray" ... ฝันให้ไกล (แล้วก็ดิ้น)ไปให้ถึง



มีคุณครูคนหนึ่ง เมื่อสมัยประถม เคยชอบพูดกับผมและเพื่อนๆ ว่า "เราต้องพยายามฝันให้ไกล แล้วไปให้ถึง"

ตอนนั้น ที่ผมฟังก็ยังไม่ได้คิดอะไรไปตามประสาเด็กที่ไม่ค่อยจะนึกฝันมากกว่าอนาคตอยากจะโตขึ้นเป็นนู้นเป็นนี่ ...แต่เมื่อมาถึงวันนี้ ที่ได้ผ่านอะไรมามาก กับประสบการณ์ก็สั่งสมมาพอควร ได้เรียนและรู้ถึงความจริงในคำพูดที่คุณครูเคยให้ไว้

ยกตัวอย่าง เหล่าเจ้าสัวอันดับต้นๆของเมืองไทยแทบทุกคน ...ก่อนหน้าที่จะร่ำรวย เขาก็เคยเป็นเพียงยาจก ที่เข้ามาหวังอยู่อาศัยซุกหัวนอน ด้วยเสื่อผืนหมอนใบ หากเหนือไปกว่าที่เขาต้องเป็นอยู่นั้น เขาก็ยังมีความกล้าที่จะฝันว่าสักวันหนึ่งเขาจะต้องได้ดี และเขาก็พยายามทำทุกๆอย่างเพื่อให้สิ่งที่เขาฝันได้เป็นความจริง จนในวันนี้ เขาก็กลายเป็นคนที่มีทุกๆอย่าง อย่างที่เคยฝัน

หรือกระทั่ง "ทาทา ยัง" ก็คืออีกหนึ่งตัวอย่างของคนที่กล้าจะฝัน แล้วพยายามโอ้อวดว่าจะไปให้ถึง... แม้ทว่าสิ่งที่เธอพูดออกไปถึงหูคนไทยแล้ว จะทำให้คนที่ได้รู้ได้ยิน(โดยส่วนใหญ่)จะนึกชิงชังหมั่นไส้เธอซะ แต่ทุกวันนี้เธอก็ทำได้ ลบคำปรามาสสบประมาทได้เป็นล้นพ้น ชื่อเสียงระดับซูเปอร์สตาร์เอเชียที่ได้มา ไม่ใช่เพราะความฟลุค หรือว่าเส้นสาย แต่เป็นที่ความสามารถเธอจริงๆที่พิสูจน์สิ่งที่เธอโอ้อวดได้เป็นอย่างดี

คนเราชอบที่จะฝัน ชอบที่จะนึกคิดไปถึงความ(อยากให้)เป็นไปได้ไม่ว่าเรื่องนั้นมันจะเป็นสาระ หรือไม่เป็นสาระ ก็ตามที ...หากแต่ในโลกความเป็นจริงก็ยังมีอีกหลายต่อหลายคนที่ทำได้แค่ฝัน แล้วไม่เคยพยายามจะทำให้มันเป็นความจริง

บางคนอาจจะนึกว่าตัวเองไม่พร้อม บางคนอาจจะคิดว่าตัวเรามันเฟื่องในสิ่งที่ใหญ่จนเกินไป ทั้งๆที่สิ่งที่ฝันเหล่านั้นยังไม่เคยได้ลองลงมือเริ่มทำแม้เพียงสักขั้นตอนเดียว ก็โบ้ยโทษให้คำว่า "อุปสรรค" กันเสียแล้ว ...การที่เราๆสบประมาทตัวเองว่า ไอ้นู้นคงไม่มีทางเป็นไปได้ ไอ้นั่นอย่าไปคิดหวังเพราะมันต้องไม่เป็นจริง นั่นน่าจะถือเป็นการดูถูกคุณค่าของความเป็นมนุษย์ยิ่ง

ผมเคยคุ้นๆกับคำกล่าวในสมัยโบราณที่ว่า "มนุษย์ ถือเป็น สิ่งมีชีวิตที่เบื้องบนได้สั่งให้ถูกต้องคำสาปว่า 'เกิดมาแล้วต้องสู้' หากใครไม่คิดจะสู้ ก็ไม่ถือว่าผู้นั้นเป็นมนุษย์" ...แม้มันจะแค่คุ้นๆ (จำที่มาที่ไปเจอไม่ได้) แต่ก็มีหลักตรรกะในคำเหล่านั้นที่บอกได้เลยว่า มันคือความจริง

ความฝันที่ทำได้แค่นึกฝัน ก็ถือได้ว่าเป็นการฝันที่น่าเสียดาย ...แล้วยิ่งที่มนุษย์คนไหนไม่ทำอะไรแม้แต่จะนึกสู้ มันก็ชวนให้ยิ่งน่าเสียใจ ที่สุดท้ายแล้วชีวิตของเขาคนนั้น ก็ยังอยู่ที่เดิม อยู่อย่างนิ่งเฉย และคงจะอยู่อย่างนี้จนถึงวันสิ้นใจ

ผมไม่ได้พยายามจะพูดจะบอกว่า ทุกสิ่งที่ฝันของคุณสามารถเป็นความจริงได้ ...อย่างน้อยๆ มันก็อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดไม่ใช่ทุกสิ่งที่คุณฝันหรอก หากแต่ก็ใช่ว่าเมื่อล้มเหลวแล้วเราจะต้องล้มละลายไปทั้งชีวิต ...เพราะ มนุษย์อย่างเราๆมีสิทธิ์ที่จะฝัน ก็มีสิทธิ์ที่จะทำ เราจะสิทธิ์ที่มีนั้น มากน้อยเพียงไรไม่สำคัญ ขอแค่เพียงเราไม่ดูถูกตัวเอง ไม่มองว่าตัวเองด้อยค่าต่ำต้อย แล้วอะไรๆที่นึกที่ฝันมันก็เป็นไปได้ที่มันจะเป็นจริง ...ถึงโอกาสที่เกิดมันจะมีเพียงครึ่งต่อครึ่ง แต่ไม่ว่าจะครึ่งในทางขวาหรือทางซ้าย ตอนท้ายที่สุดของสิ่งที่ทำ มันก็จะแสดงผลว่า คุณได้ทำมันดีจนถึงที่สุดแล้ว

สิ่งที่คุณครูเคยสอนผมไว้ ในวันนี้ มันอาจจะยังไม่ถึงฝั่งฝันที่คุณครูเคยอยากให้พวกเราเป็น ...แต่ถึงอย่างไร ผมก็เป็นหนึ่งคนที่จะขอพยายามทำให้คุณครูเชื่อให้ได้ว่า "ผมจะทำมันให้จงได้ครับ"



"Hairspray" ...เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องของความฝัน ของเด็กสาวคนหนึ่ง "เทรซี่ เทิร์นแบรด" ...เธอเป็นเด็กอีกคนหนึ่งในหลายๆคนของบัลติมอร์ ที่ชื่นชอบในรายการเต้นโชว์ชื่อกระฉ่อน "Corny Collins Show" อย่างตัวเทรซี่เองก็ปลาบปลื้มมากถึงขนาดที่ทุกๆเย็นหลังเลิกเรียนต้องรีบจ้ำอ้าวกลับบ้าน เพื่อไปเปิดทีวีแล้วร่วมสนุกเต้นไปกับ "คอร์นี่ คอลลินส์" และ เหล่าเพื่อนๆนักเต้น นอกเหนือไปกว่านั้น เธอยังมีความฝันที่ปลาบปลื้มมากกว่า ว่าสักวันเธอจะต้องได้ไปปรากฏตัวอยู่ในรายการนี้อีกด้วย ...หากแต่มันก็ยังมีอุปสรรคใหญ่ๆอยู่หนึ่งอย่างที่ว่า เธอเป็น'คนอ้วน'



แต่ เทรซี่ ก็ไม่คิดย่อท้อ (ทั้งยังไม่คิดจะไปลดน้ำหนัก เหมือนสาวๆสมัยปัจจุบันที่ฮิตในรถไฟทำสวยกันซะเหลือเกิน) และเมื่อโอกาสมาถึงเธอ เธอก็รีบไปคว้ามันไว้มาในทันใด ...การเต้นของเธอ ได้สอบผ่านในสายตาของ คอร์นี่ (ทั้งยังไปต้องใจหนุ่มหล่อ "ลิงค์" นักเต้นคนสำคัญและเพื่อนร่วมห้องอีกด้วย) ยังผลลัพธ์สุดท้าย เธอก็สมหวังได้ร่วมเป็นอีกคนในรายการจนได้ ...แต่แล้วมันก็ยังมีอีกหนึ่งอุปสรรค ที่รอขวางทางเดินของเธอทุกฝีก้าว อุปสรรคนั้นก็คือ "เวลม่า" สาวมั่นผู้กำกับรายการทีวี และคุณแม่นักดันดาราของสาวน้อยนักเต้นดาวเด่น "แอมเบอร์" ...เธอพยายามจะดับดารา เทรซี่ ทุกวิถีทาง เพียงเพื่อให้รายการดำเนินไปตามประกาศิตความมั่นของเธอ

นี่คือเนื้อเรื่องส่วนหนึ่ง ที่ผมพอจะเล่าให้อ่านกันได้ ...หากใครอยากจะรู้ว่า สุดท้ายเรื่องราวความฝันของ "เทรซี่" จะทุลักทุเลจนสวยงามได้อย่างไร ต้องไปติดตามเอาในหนังเพลงสนุกๆเรื่องนี้



Hairspray เป็นหนังที่ถูกจริตของผมตั้งแต่ต้นได้รู้ข่าว (แต่ก็ไม่ได้รู้ถึงขั้นว่าเคยสร้างเป็นหนัง และกลายเป็นละครบรอดเวย์มาแล้ว) ...รู้ว่าหนึ่ง คือ หนังเพลง อีกหนึ่งแนวหนังที่ผมชื่นชอบ ...และรู้ว่าสอง อดีตเท้าไฟในฟลอร์ดิสโก้ "จอห์น ทราโวลต้า" จะมารับบทเป็นแม่ของนางเอก (ห๊า!!! ผมอ่านเนื้อความย้ำอีกทีหนึ่ง) จะมารับบทเป็นแม่ของนางเอก ...ข้อแรกว่าเป็นเหตุผลที่หนักแน่นอยากจะดู เจอข้อสองเข้าไป ถึงขั้นที่ต้องเห็นกับตาว่า ดาราแมวเก้าชีวิต จะกลับมาเกิด(อีกที)ในบทแม่ของนางเอก ...เกิดในที่นี้ จะหลอน หรือจะแหล่ม ต้องขอไปพิจารณากันให้จนได้



Hairspray เป็นฝีมือการกำกับของอดีตแดนเซอร์ และนักออกแบบท่าเต้น (ที่ผันตัวเองมากำกับหนังแล้วหลายเรื่องอยู่) "อดัม แชงค์แมน" ...เขาอาจจะไม่ได้ถือว่า เป็นผู้กำกับหนังที่ดีสักเท่าไหร่ (จากที่เคยดู The Wedding Planner และ The Pacifier ...ผมว่า หนังมันไม่ค่อยจะหนุกเท่าที่ควร) แต่เขาก็มีความสามารถและประสบการณ์ที่คู่ควรกับหนังเรื่องนี้มากเลยทีเดียว ...ซึ่งมันก็ถูกต้องอย่างที่คิดเลย จากที่ผมได้ดูมา นี่คือ หนังที่สนุก ดูเพลิน และส่วนที่เกี่ยวข้องกับ 'เพลง' ทุกอย่างทำออกมาได้ยอดเยี่ยม



ผกก. แชงค์แมน รู้จังหวะการทำหนังเพลงเป็นอย่างดี ...เขาวางเพลงลงไปในการดำเนินเรื่องได้อย่างเหมาะเจาะ และกลมกลืนไปกับการเล่า การตัดปะต่อทำได้อย่างมีความต่อเนื่อง ให้ความพอดีและเป็นธรรมแก่ทั้งสองส่วน

เพลงประกอบหนัง เป็น สิ่งสำคัญสำหรับหนังเพลง และใน Hairspray ก็ยอดเยี่ยมมาก จนเกินหน้าเกินตาหนังซะด้วยซ้ำ ...เพลงทุกเพลงนั้นมีการประดิษฐ์ถ้อยคำ ทำนอง และการใส่อารมณ์ของคนร้อง ให้รวมตัวเป็นส่วนประกอบของหนังได้อย่างเข้ากั้นเข้ากัน ฟังแล้วลื่นหูเพลินใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อบวกลงไปกับการเต้นสวิงสวายของเหล่านักแสดง และการเร้าอารมณ์ทางภาพ แล้วก็ยิ่งทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะต้องขยับเท้าไปตามจังหวะเพลง ซึ่งถ้าเกิดไม่อายคนรอบๆข้างที่เขานั่งดูกันนิ่งๆ ก็จะขอแหกคอกลุกขึ้นเต้นถวายชีวิตแบบไม่กลัวยางหลุดออกจากหน้าเลยทีเดียว



ส่วนเครดิตที่ทำให้ผมชอบหนังเรื่องนี้ ไม่ได้ตกไปอยู่กับเพลงเพียงอย่างเดียว ...การเต้นของทีมดาราที่ร่ายรำประสานงานได้ดียกทีม ก็ช่วยพาให้อารมณ์คนดูได้สนุก มันส์เคลิบเคลิ้มไปกับการวาดลีลาเต้นที่ดูไหลลื่น ไม่ผิดจังหวะให้ขัดข้องในนัยน์ตา ...อดีตนักเต้นเก่า แชงค์แมน กำกับการเต้นได้เลิศ และแร่ดมากค่ะ



การเต้นชมว่าดีแล้ว การแสดงออกทางคาแรกเตอร์ก็ถือว่าดียกทีมด้วยเช่นกัน ...เหล่าหน้าเก่า ทำหน้าที่มากน้อยต่างกันไป แต่ทุกคนก็เยี่ยมในบทบาทของตัวเอง ... "จอห์น ทราโวลต้า" ก็เนียนมากกับการเป็นคุณแม่ร่างอวบเกินพิกัด (ตอนแรกๆแอบฮาแบบหลอนๆ แต่พอชินก็เชื่อในสิ่งที่เขาเป็น) แม้จะต้องใส่ชุดเสริมอ้วนตัวหนักๆ แต่ก็ยังยักย้ายส่ายสะโพกได้พริ้วเหมือนเคย , "มิเชล ไฟฟ์เฟอร์" เล่นร้ายน่าหมั่นไส้ , "คริสโตเฟอร์ วอลเคน" เป็นคุณพ่อที่น่ารักจัง , "เจมส์ มาร์สเดน" เคยปล่อยแต่ลำแสงคงเก็บกด พอมีโอกาสปล่อยเท้าปล่อยตัวเต้น ก็ฆ่าศัตรู(ร่วมจอ)ได้รุนแรงไม่เบาเลยนะ , "ควีน ลาติฟาห์" เคยเจ๋งใน Chicago อย่างไร มาเรื่องนี้ก็ยังเจ๋งไม่ต่างกันเลย



เหล่าหน้าใหม่ใสกิ๊ก ...ตกหลุมรัก "นิกกี้ บลอนสกี้" เข้าอย่างจัง ถ้าเธอผอม เชื่อว่าเธอจะเป็นคนที่สะสวยไม่เบา (แต่อ้วนอย่างนี้ก็มีเสน่ห์ดีแล้วนะ รักษาหุ่นปุ้มปุ้ยไว้อย่างนี้แหละจ้ะ) , "แซค เอฟรอน" ความหล่อเป็นแค่อะไรที่เล็กน้อย เมื่อเทียบกับลีลาโยกขาโยกเท้าสุดเร้าใจ , "อแมนด้า ไบนส์" แอ๊บแบ๊วน่ารักดี , "เอลิจาห์ เคลลี่" มีแววรุ่งถ้าได้ออกอัลบั้มเพลงป๊อบแดนซ์ (แบบว่า คนดำเต้นฮิปฮอป มันมีมากจนเฝือแล้วอ่ะ)



ถึงในภาพพจน์โดยรวม Hairspray จะถือเป็นอีกหนึ่งหนังเพลงที่ดีมากๆ ที่ผมเคยดูมาได้อยู่ ...หากแต่มันก็ไม่ใช่หนังที่น่าประทับใจ อย่างที่ Moulin Rouge , Chicago หรือล่าสุด Dreamgirls ทำให้ผมรู้สึกได้ ...อาจจะเพราะด้วยความที่ "Hairspray เอาใจใส่กับการเป็นหนังเพลงมากไปหรือเปล่า ?" อันเป็นคำถามในสมองหลังจากดูจบ คงคลั่งค้างให้ผมรู้สึกไม่สุดกับสิ่งที่บทหนังเล่าออกมา



บทหนังดีเด่นในการเล่าส่วนเรื่องราวของ เทรซี่ ...หากแต่ส่วนอื่นๆที่เป็นพลอตย่อย กลับยังดูประดักประเดิดไปหน่อย (ยกตัวอย่าง เช่น ความรักของคู่พระนาง ทั้ง 2 มันเริ่มได้ง่ายเกินไป) อีกทั้งหนังยังเล่นกับความรู้สึกของคนดูในประเด็นสังคมได้ไม่แรงไม่โดนเท่าที่ควร ...ถ้าผู้สร้างจะทำให้หนังมีอะไรให้น่าจดจำมากไปกว่าการเต้นได้แล้ว ก็น่าจะเพิ่มเวลาให้ ผกก.แชงค์แมน ได้ทำอะไรกับความเป็นดรามาอีกสักนิดสักหน่อย ...ผมเชื่อว่า ผกก.คงจะจัดการได้ เพราะเท่าที่ได้เห็นในหนังก็นับว่า เกือบๆจะถึงจุดพีคแล้วเชียว



"Hairspray" ...เป็นหนังบันเทิงๆแบบซัมเมอร์ที่สนุก ดูแล้วอิน ชวนให้เราอยากทำอะไรมากไปกว่าการนั่งดูเฉยๆ หากแต่มันก็น่าเสียดายที่หนังน่าจะทำประทับใจผมได้ ถ้ามันมีเวลาให้ได้แรงมากกว่านี้อีกสักหน่อย ...สำหรับใครที่ชื่นชอบหนังเพลง ผมขอรับรองว่า คุ้มค่าเวลาและเงินที่เสียไปอย่างแน่นอน (มิหนำซ้ำ ก่อนกลับบ้าน อาจจะต้องจ้ำอ้าวเข้าร้านซีดี เพื่อซื้อซาว์ดแทร็ก กลับไปอินต่อที่บ้านด้วย ก็เป็นได้)

เกรด B+ ... {}

ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ปล. ขอทำตัวเป็นหน้าม้าให้หนังอีกสามเรื่องที่ทำประทับใจผมมากในช่วงนี้ "Ratatouille" , "Paris Je T'aime" และ "Little Children" ...ชวนให้ต้องดูครับ ไม่อยากให้พลาดเลยจริงๆ



"You Can't Stop the Beat" โดย "นักแสดงร้องรวม"

หนึ่งในเพลง ที่มันส์ สนุก และเพราะจนขนลุกซู่


ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ



Create Date : 10 สิงหาคม 2550
Last Update : 10 สิงหาคม 2550 0:11:36 น. 3 comments
Counter : 2110 Pageviews.

 
หนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จมากมายระดับเทพ ในด้านการให้ความบันเทิง หลั่นล้าร่าเริง และเอนเตอร์เทนคนดูสุดชีวิต ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่ "หนังเพลง" ได้เปรียบหนังประเภทอื่นๆ มากพอสมควร (ในระดับที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับแนวหายนะโลกเช่น Transformers)

เสียดายที่หนังเลือกจะหยิบประเด็นสังคมมาใส่ไว้ในหนัง แต่กลับเล่นประเด็นที่ตัวเองเลือกมาใช้เองได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร หนังจึงยังไม่ประสบความสำเร็จทั้งด้านบทภาพยนตร์ ควบคู่ไปกับการเอนเตอร์เทนคนดูได้ยอดเยี่ยมทั้งสองด้าน เหมือนกับที่ Chicago เคยทำได้และประสบความสำเร็จมาแล้ว

ปล. โพสที่ไหนก็ต้องขอลงท้ายว่า "John Travolta แรดจริงๆ"


โดย: nanoguy วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:1:52:47 น.  

 
+ พี่ชอบมากมายครับกับเรื่องนี้ ... ถึงแม้อารมณ์ดราม่า กับ 'ประเด็นการเมือง' (การแบ่งชนชั้น-การเหยียดสีผิว-คลั่งศาสนา) จะไม่เข้มข้นดังว่า ... แต่สำหรับความบันเทิงนี่ได้ใจสุดๆ (คือถ้าเทียบกับ Dreamgirls ซึ่งอารมณ์หนังมันไปทางดราม่า แต่พอมันไม่เข้มข้นพอ เลยเหมือนมัน 'ไปไม่สุด' สำหรับพี่อ่ะครับ แต่กับเรื่องนี้มันเน้นฮา เน้นบันเทิงจ๋ามาเลยตั้งแต่แรกแล้ว ... แล้วก็เอาไปเปรียบกับต้นฉบับก็คงไม่ได้ เพราะจอห์น วอลเตอร์ส เป็นเจ้าพ่อหนังแนวใดก็เป็นที่รู้ๆ กัน หนังเค้าก็ต้อง 'แรง' อยู่แล้วล่ะ เพราะมันมีของ เหอะๆๆ) ฮากระจาย ... คอสตูม/ท่าเต้น/แคสติ้งก็เจ๋งโคตะระ

+ จอห์น ทราโวลตา เธอกลับมา grease (in) Saturday night fever ได้เจ๋งเจงๆ
/ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ก็กลับมาร้ายได้สมศักดิ์ศรี (เร็วๆ นี้จะไปร้ายต่อใน Stardust)
/ คริสโตเฟอร์ วอลเคน ... ชอบอ่ะครับ ทั้งความอบอุ่นต่อลูก, ความฮา, ตอนเต้นกับเมีย ฯลฯ (คิดแล้วยังขำว่านี่หรือคือ คนขี่ม้าหัวขาดใน Sleepy hollow)
/ นิคกี้ บลอนสกี้ แจ้งเกิดได้สมศักดิ์ศรีที่สอบผ่านจากการคัดเลือกนับพันคน ... ตอนไคลแม็กซ์บนเวทีช่วงท้ายหนัง (เลิกตีโป่งผม) ดูน่ารักขึ้นมาโดยพลัน
/ อแมนด้า ไบนส์ ... ถึงจะดูเขินๆ ขำๆ แต่ก็เซอร์ไพรซ์ที่เธอร้องเพลง & เต้นได้เยี่ยงนั้นนะ
/ แซค แอฟรอน ... พ่อหนุ่มดีสนีย์ เริ่มโตขึ้นอีกหน่อยแว้ว
/ ควีน ลาติฟาห์ ... ไม่แปลกใจที่เธอได้บทนี้ เพราะเสียงอันทรงพลังและดีไม่มีตก ของเธอนั่นเอง
/ เจมส์ มาร์สเดน ... หายไปเป็นหลินฮุ่ย (ช่วงๆ) กลับมาซะที


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:10:53:45 น.  

 
อยากจะทำเรื่องนี้เป็นทีซีส มากค่ะ อยากได้บทละครเรื่องนี้เป็นฉบับละครเวทีอ่ะค่ะ มีใครแนะนำได้บ้างเอ่ย


โดย: Jeje'Ny IP: 124.120.171.71 วันที่: 10 มีนาคม 2551 เวลา:21:06:54 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.