"ก้านกล้วย" ... เมื่อการ์ตูนไทยริจะไปอินเตอร์ ...?
หลังจากคอยเฝ้าติดตามความเป็นไปของอนิเมชั่นฮอลลีวู้ดมาได้นานนม ก็ถึงทีที่อนิเมชั่นเมืองไทยจะออกมาปรากฏสู่สายตาของนักดูหนังกันเสียที "ก้านกล้วย" อนิเมชั่น 3D ไทยพันธุ์แท้ ฝีมืองานสร้างโดยคนไทยล้วนๆ นำทีมโดย ผู้กำกับที่ผันตัวเองมาจากการเป็นนักอนิเมเตอร์ที่เคยร่วมงานกับสตูดิโออนิเมชั่นชื่อดัง ทั้งดิสนีย์ และบลูสกาย ของฟ็อกซ์"คมภิญญ์ เข็มกำเนิด" หลังจากได้ประสบการณ์ที่เขาเรียนรู้ทั้งจากการเรียน และทำงานจริงๆแล้ว ...ผกก.คมภิญญ์ ก็ได้รับการยื่นโอกาสจากกันตนา ให้กลับบ้านเกิดเข้ามาสานสร้างงานอนิเมชั่นสไตล์ไทยๆ เริ่มแรก จากการผลิตหนังการ์ตูนโทรทัศน์ เรื่อง "ซน" (ฉายทางช่อง 7) ...ต่อมาก็เป็น "ก้านกล้วย" เรื่องนี้นี่แหละที่ได้ถือกำเนิด การจับเอาเรื่องราวเสี้ยวหนึ่งในประวัติศาสตร์ จากเหตุการณ์ "พระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถี" มาแต่งเติมเสริมพลอตเข้าไป ใส่ความสำคัญให้กับอีกหนึ่งตัวละครที่มีส่วนร่วมในหน้าประวัติศาสตร์ ...ช้างทรงคู่พระบารมีองค์นเรศวร กับความเก่งกล้าที่ยังสามารถเอาชนะพระเจ้าหงสาได้แม้เกือบพลาดพลั้งแล้วก็ตามที จากช้างทรงที่เคยมีบทบาทแค่เป็นตัวประกอบในหนังคนแสดงจริงนั้น ก็ได้ทีขึ้นจอใหญ่ในมาดของพระเอกอย่างเต็มตัว ในหนังการ์ตูนอนิเมชั่น ...ด้วยความที่มันเป็นการ์ตูน กลุ่มตลาดก็ต้องเน้นความเป็นเด็กๆ ไว้ก่อน เรื่องราวช้างทรงอันยิ่งใหญ่นี้ที่ผู้ใหญ่หลายต่อหลายคนเคยรับรู้มาจากการเรียนวิชาสังคม เลยจำเป็นต้องถูกถอดรูปออกมาเป็น "ก้านกล้วย" ที่หวังทำขึ้นมา เพื่อสร้างความสนุกถูกใจให้กับเด็กๆโดยเฉพาะ แต่ก็ยังมีแอบสอนประวัติศาสตร์นอกหนังสือเรียนไปในตัวอยู่ด้วย จากการที่อ่านเบื้องหลัง สัมภาษณ์ของผู้กำกับ ในหนังสือเอนเตอร์เทน ...ก็รู้เลยว่า ผกก.คมภิญญ์ และทีมงานมีความตั้งใจตั้งมั่นต่อหนังเรื่องนี้อย่างเต็มร้อย ...จากขั้นตอนของการคุยกันถกกันถึงความต้องการของทีมงานแต่ละคน สู่การสร้างงานในทุกส่วนให้ดูดีเท่าที่เป็นได้มากที่สุด ด้านภาพก็ไม่ท้อ ด้านบทก็ไม่ถอย เมื่อมีปัญหาทีมงานทุกคนก็ต้องตั้งหน้าหันมาร่วมแก้กันไป ...เหล่าทีมงานผู้ทำหน้าที่เหมือนเป็นกลุ่มหนูทดลอง ในการลองงานที่ไม่มีคนไทยคนไหนกล้าทำมาก่อน เลยต้องเหนื่อยหนักเป็นพิเศษ กว่าจะป่วนปั่นงานหนังการ์ตูนเรื่องนี้จนเสร็จสิ้น ก็ปาเข้าไป 3 ปีกว่าได้ ช่างน่าดีใจแทนทีมงานทุกคนจริงๆ ที่การตอบรับของคนดูล้วนมีแต่ความชื่นมื่นต่อหนังเรื่องนี้กันทั้งนั้น... แม้ทุนสร้าง 150 ล้านจะไม่ได้คืนจนครบ (เฉพาะในบ้านเรา) แต่ก็ยังถือว่าน่าภูมิใจที่หนังการ์ตูนทุนสร้างต่ำกว่ามาตรฐานโลกเรื่องนี้ ทำได้ดีพอสู้กับการ์ตูนแห่งฮอลลีวู้ดอยู่เหมือนกันความภูมิใจที่ 1 ...งานด้านภาพอนิเมชั่นดูสวยงาม เสมือนเป็นพระเอกของเรื่องเลยทีเดียว ...แม้อาจมีรายละเอียดต่างๆที่ยังเก็บได้ไม่ดีพอ และมีบางช่วงบางฉากที่แสดงความไม่เนียนอยู่บ้าง แต่โดยภาพรวมแล้ว การสร้างฉาก แบ๊คกราวด์ ก็ดูไม่โดดจากความเป็นจริง การออกแบบรูปตัวละคร ทำออกมาได้ดูดีน่ารัก เอาแค่ครั้งแรกก็เจ๋งเป๋งไปแล้ว ได้เท่านี้ก็เพียงพอมีค่าต่อเม็ดเงินที่สูญเสียไปแล้วล่ะ เอาแค่ฉากขายฉากสุดท้ายก็กินขาดความภูมิใจที่ 2 ...บทหนัง ที่เขียนโดยคุณ อมราพร แผ่นดินทอง (ชื่อนี้คุ้นมากๆแต่ก็คิดไม่ออกว่าเคยเขียนบทให้หนังเรื่องไหนมาก่อน) เป็นส่วนที่ช่วยส่งความโดดเด่นให้กับความมีอะไรใน ก้านกล้วย คนส่วนใหญ่ก็รู้อยู่ว่า หนังการ์ตูนเรื่องนี้คิดจะขายแต่ความสนุกใสๆวัยเด็กซะมากกว่า แต่ก็เนื่องด้วยวัยวุฒิของผู้ใหญ่วัยพ่อแม่(จำเป็นต้องพาลูกมาดู) ที่ชอบความเข้มข้นของเรื่องราว ถ้าขาดซึ่งส่วนเสริมในความขึงขังแล้วเหล่าคนมีอายุทั้งหลาย คงได้แต่นั่งง่วงๆพาลจะหลับในโรงหนังเท่านั้นเอง ... ส่วนผู้เขียนบทร่วมอย่าง คุณจรูญพร ปรปักษ์ประลัย ที่รับหน้าที่เล่าเรื่องวัยเด็กของก้านกล้วย ก็สร้างความสนุกให้กับการดำเนินเรื่องที่เด็กก็ชอบ ผู้ใหญ่(พยายามทำ)ใจเด็กก็อยากติดตามไปด้วยความภูมิใจที่ 3 ...เพลงประกอบหนังของ ชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ ที่รับใช้ตัวหนังได้เป็นอย่างดี ...ภาพที่ต้องการความสดใส ก็ใช้เพลงเล่าเรื่องได้อย่างน่ารัก พอถึงช่วงเวลาที่ต้องจริงจัง ภาคดนตรีออเครสต้าก็สร้างความขึงขัง ยิ่งใหญ่ ทรงพลัง ความรู้สึกของคนดูในฉากรบสุดท้ายคงไม่มีทางถึงจุดพีคได้ ถ้าไม่มีเพลงสกอร์ที่ช่วยส่งอารมณ์สร้างสารกระตุ้นความรักชาติได้ ...ฝรั่งเห็นฉากนี้อาจต้องซึ้งตาม อย่างคนไทยก็น้ำตาป้อยเลยทีเดียว ส่วนของเสียงพากย์ ก็ถือว่าทำได้ดี แต่ในความรู้สึกของผมก็ยังไม่มีใครที่โดดเด่นเป็นพิเศษ และมีที่แอบขัดใจอยู่บ้างในเสียงพากย์ที่ไม่เหมาะกับตัวละคร (เช่น เสียงของภูริ หิรัญพฤกษ์ที่ไม่เหมาะจะสวมบทพระเอกตอนโต น้องเก็ทก็ดูพยายามจะใส่เสียงใสผิดธรรมชาติมากไป) ...อาจเกี่ยวกับที่เป็นเพราะผมอิ้งกับภาพมากไปด้วยมั้ง เลยรู้สึกว่าการพากย์ของดาราก็ได้เพียงงั้นๆ มีส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกสนุกกับการ์ตูนเรื่องนี้ได้น้อยลงไปก็คือ ความยืดยาดเยิ่นเย้อ ในช่วงเวลาวัยเด็กของ ก้านกล้วย หนังเล่นตรงนี้มากเกินไป ถึงแม้จงใจจะขายให้เด็กดูแต่การที่ใส่ความสดใสนานเกิน เลยทำให้หนังเรื่องนี้ดำเนินไปอย่างทื่อๆในอารมณ์ซะมากกว่า ถ้าหนังใส่ใจในการดำเนินเรื่องในวัยผู้ใหญ่เร็วขึ้นและแบ่งสัดส่วนได้เท่ากันคงจะทำได้ลงตัว ...แถมยังเสียดายแทนตัวละครบางตัว ที่โดนตัดฉากออกไปทั้งๆที่ถ้าจะเล่นเน้นไปอีกคงทำให้หนังเรื่องนี้เพลิดเพลินมากยิ่งขึ้น ตัวขโมยซีนอย่าง จิ๊ดริด หรือเหล่าก๊วนช้าง พี่มะโหนก ก็ควรจะมีความหมายต่อหนังมากกว่าที่เป็นแค่ตัวเสริมอารมณ์ขันเท่านั้น (ก๊วนช้างที่โดนจับไป พอให้เห็นภาพไปถึงหงสาเท่านั้น ก็ตัดบทไม่เอามาใส่อีกเลย) กับการทำงานอนิเมชั่นเรื่องแรกนั้น อาจทำได้เข้าข่ายดีก็จริงอยู่ แต่ด้วยความไม่ลงตัวในบางอย่าง... หนัง "ก้านกล้วย" ในความคิดของผมเลยยังไม่ถึงขั้นประทับใจอย่างที่ใครหลายคนบอกกล่าว แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเห็นด้วยกับทุกๆความคิด คือความภาคภูมิใจที่ประเทศไทยก็สามารถในงานอนิเมชั่นได้ อีกทั้งหนังเรื่องนี้ก็พร้อมจะเอ๊กซ์พอร์ตโกอินเตอร์ได้ ไม่ต้องอายใครเลยจริงๆ ดู {ดี} วิธ มายเซลฟ์ : 1. งานอนิเมชั่นดูสวยอร่ามตระการจิต 2. บทหนังที่มีอะไรให้น่าติดตาม 3. เพลงประกอบน่ารัก และทรงพลัง ดู {ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ : 1. เสียงพากย์ของดาราบางคนที่ไม่เหมาะกับคาแรกเตอร์ตัวละคร 2. ความยืดยาดเยิ่นเย้อ ในช่วงเวลาวัยเด็กของก้านกล้วย 3. การตัดบทตัวละครดีๆ ที่น่าจะมีส่วนสร้างความสนุกให้กับคนดูมากกว่านี้ เกรด B ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 18 มิถุนายน 2549
Last Update : 18 มิถุนายน 2549 11:41:11 น.
3 comments
Counter : 12073 Pageviews.
โดย: 9A วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:18:31:23 น.
โดย: Fruit_tea วันที่: 18 มิถุนายน 2549 เวลา:21:55:08 น.
โดย: YoiChi_KunG วันที่: 27 มีนาคม 2551 เวลา:16:50:36 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30