X-Men : The Last Stand ... ยำรวมมิตรจานใหญ่ใส่มิวแทนท์
แม้จะไม่ใช่อาหารจานเด็ดที่รอคอยอยู่ ... แต่มันก็ยังเป็นอีกหนึ่งอาหารจานดีที่ผมเองก็อยากลองลิ้มชิมรสซะเหลือเกินX-Men : The Last Stand ... จานใหม่ จานนี้ ได้เชฟใหญ่คนใหม่มาทำหน้าที่ปรุงรสให้ แทนที่คนเก่าซึ่งหนีงานลาเหาะไปอยู่กินกับฮีโร่เป้าตุงซะแล้ว ... แต่เริ่มแรกที่เข้ามารับงาน "เบรทท์ แรทเนอร์" ไม่เป็นที่ไว้วางใจของแฟนหนังตระกูลเอ๊กซ์ซะเลย ...ถ้าจะลองมองย้อนไปยังงานเก่าๆที่ผ่านมือเขามาก็จะรู้ว่าหนังที่เขาคือผู้กำกับ ก็นับว่าสนุกเอาเรื่องอยู่ทีเดียว แต่มันก็แค่สนุกในแง่บันเทิงซะมากกว่า (Rush Hour ...ก็เน้นฮาๆขำๆสไตล์หนังคู่หูที่ไม่น่าเข้ากันได้ ส่วน Red Dragon ... ก็พอมีอะไรให้ลุ้น แต่ถ้าดูเอาจริงเอาจังแล้วก็ยังเทียบกับงานภาคเก่าๆไม่ได้ ) ...เหล่าแฟนพันธุ์เอ๊กซ์ซึ่งล้วนคาดหวังอยากจะเห็นพัฒนาการสุดยอดความสนุกและสาระเข้มข้นกับภาคสุดท้ายของไตรภาคนี้ เลยออกแนวอยากกินสมหวังกันทั้งนั้น (ก็แห้วนะซิ) ... ก็เพราะว่า สิ่งที่ ไบรอัน ซิงเกอร์ เคยได้ทำเอาไว้ในภาคหนึ่ง และสอง นั้น ...มันยังมีดีหลงเหลือในความทรงจำของแฟนๆอยู่ และเหมือนเป็นคำสาปที่ต้องห้ามเอาไว้แล้วว่า หนังเรื่อง X-Men นั้นจะไม่มีคนอื่นใดที่จะสามารถมาจับต้องได้อีกแล้ว นอกจากซิงเกอร์เพียงผู้เดียวเท่านั้นที่แฟนพันธุ์เอ๊กซ์นั้นไว้วางใจ ... ซิงเกอร์ จะไปก็ต้องไป ในเมื่อ Superman Returns มันมีอะไรให้น่าทำกว่ากันเยอะ ... แล้วก็ใช่ว่า การเข้ามาของ แรทเนอร์ จะเป็นแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยอะไรเลย เพราะอันที่จริงทีมงานสร้างหนังเรื่องนี้ในหนังภาคแรก ก็เกือบจะได้ แรทเนอร์ คนนี้นี่แหละ เป็นผู้กำกับ ...ถือได้ว่า ความไว้วางใจของผู้สร้าง ในตัวคนนี้ มันมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมเองต้องออกตัวก่อนว่า ไม่เคยได้อ่านการ์ตูนคอมมิคส์ชุดนี้เลย (จำได้ว่าหนังสือคอมมิคส์สามเล่มที่เคยแตะ ก็คือ Batman Superman และ Spider-Man เท่านั้น) ผมเลยไม่ค่อยคิดจริงคิดจังอะไรกับหนังเรื่องนี้สักเท่าไหร่... ก็อย่างที่ผมว่าตั้งแต่ย่อหน้าแรกนั่นแหละ หนังแอ๊คชั่นเรื่องนี้นั้นยังไม่ใช่หนังที่ผมต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ผมรอคอย ไม่ได้ดูก็ไม่ถึงกับลงแดง ...แต่ยังไงก็ตามแล้ว มันก็ย่อมคืออีกหนึ่งหนังซัมเมอร์ที่ท้ายที่สุด ผมก็ต้องดูมันให้ได้อยู่ดี ถ้าไม่ได้ดูอาจจะท้องเสีย ท้องผูกกันเลยทีเดียว (เว่อร์ไปนั่น) X-Men : The Last Stand ... สานต่อจากตอนจบอารมณ์เศร้า ของภาคสอง ที่ ซิงเกอร์ ได้ทิ้งเชื้อเอาไว้ให้เกิดภาคนี้ต่อมาจนได้ ด้วยภาพเงาฟินิกซ์ที่สะท้อนเหนือผิวน้ำ มันก็คือการบอกใบ้ให้แฟนพันธุ์เอ๊กซ์ทุกคนให้ได้รู้ไว้ว่า ภาคสุดท้ายนี้ ดาร์ค ฟินิกซ์ มาแน่ๆ ...และตัวผกก. แรทเนอร์ก็คล้อยตามคนก่อน โดยเอาเธอมามีส่วนร่วมด้วยจริงๆซะเลย ความสนุกของหนังชุด X-Men ก็คือ ... การจับเหล่าฮีโร่พันธุ์มิวแทนท์ทั้งหลายแหล่ จากการ์ตูนคอมมิคส์แห่งค่ายมาร์เวลนี้ มาประจัญหน้าอาละวาดความมันส์บนจอหนังแทน พื้นที่ในกรอบสี่เหลี่ยมแคบๆ เห็นกันมานานนับหลายสิบปี และด้วยความที่ฮีโร่แต่ละคน ล้วนก็ถูกกำหนดขึ้นมาอย่างแตกต่าง ซึ่ง ความสามารถ ความเก่งกาจ และความคิดความอ่านในอุดมการณ์ ...ในการต่อสู้ระหว่างพลพรรคธรรมะ (ชาร์ลส เซเวียร์) และ อธรรม (แมคนีโต) ประจำหนังเรื่องนี้ จึงถือเป็นความมันส์ของไตรภาค X-Men ที่แฟนหนัง และคอการ์ตูนต่างก็ต้องการอยากรู้อยากเห็นเหมือนกัน ในสองภาคแรกของหนังพันธุ์เอ๊กซ์ เรื่องนี้ ...มีครบถ้วนในซึ่งส่วนผสมทั้งสองสิ่งนี้ ความสนุกความมันส์ มีอยู่อย่างเต็มน้ำเต็มเนื้อ แถมยังได้เนื้อเรื่องอันเข้มข้นเข้าไปช่วยเสริมทั้งสองส่วนให้หนักแน่นเข้าไปอีก ผกก. ซิงเกอร์ วางแนวทางสร้างมาตรฐานเอาไว้ได้เป็นอย่างดีแล้ว ... ซึ่งกับใครที่คิดจะเดินตามรอยซิงเกอร์แล้วคงต้องคิดหนักหน่อยนึง เพราะถ้าไม่เก๋าพอไม่เจ๋งจริง คงจะโดนตัดพ้อต่อว่าอยู่เป็นแน่ และสำหรับ The Last Stand ก็เป็นอย่างที่หลายๆคนเคยคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเลย ...หน้าที่อันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่งของ แรทเนอร์ ในภาคสุดท้ายนี้ ยังไม่ดีพอจะเอามาสู้กับงานเก่าภาคก่อนของซิงเกอร์ได้ แต่ก็ใช่ว่า แรทเนอร์ จะไม่มีดีอะไรให้ทำเลย ในหนังเอ๊กซ์ภาคสุดท้ายนี้ ...เอาแค่อย่างน้อยแล้ว สิ่งที่แฟนหนังเอ๊กซ์ทุกคนจะได้กลับคืนมาในหนังเรื่องนี้ก็คือ "ความบันเทิง" (ตามฟอร์มของผกก.คนนี้นั่นแล) ...แรทเนอร์ เดินหน้าลุย ภาคสามไปพร้อมกับฉากบู๊แอ๊คชั่นบุกตะลุยที่มีให้เห็นมากกว่า สองภาคที่แล้วของซิงเกอร์เสียอีก ... ความมันส์ที่แรทเนอร์สมนาคุณแด่ท่านผู้ชม ขอเน้นแต่มันส์ๆ เอาเนื้อๆ กันไปเลย ถ้าจะดูเอาเพลินแล้ว ก็ได้อารมณ์สนุกอยู่ไม่น้อย แล้วกับการจัดการงานยักษ์ในครั้งนี้ ของ ผกก. แรทเนอร์ ก็ต้องถือว่ารอดตัวไปได้อยู่ ... ผกก.คนใหม่ เดินตามทางของ ผกก.คนเก่า ได้อย่างถูกต้องตรงตามสเตปที่วางเอาไว้ ...ภาคสามยังคงอนุรักษ์ไว้ซึ่งความเข้มข้น ของโครงเรื่องที่แข็งแรง แง่มุมที่เลือกมาเล่นในภาคนี้ มีความน่าสนใจ มีอะไรให้น่าติดตามอยู่มาก ... มันเป็นทั้งจุดจบ และจุดผูกปมทั้งหลายแหล่ที่สองภาคก่อนเคยทิ้งเอาไว้ การตามเก็บประเด็นที่หลงเหลือไว้ซึ่งความคั่งค้างคาใจ ทำให้คนดูหนังที่ไม่ใช่คอการ์ตูน รู้สึกเข้าใจในตัวเรื่องของ X-Men มากยิ่งขึ้น ... บวกกับการที่ภาคนี้มีความเป็นดรามาในตัวเองสูงขึ้นกว่าเก่าไปอีก ความสัมพันธ์ของตัวละครก็มีทั้งที่แน่นแฟ้นและให้ความคลุมเครืออยู่มากขึ้น จึงกลายเป็นผลประโยชน์และแต้มต่อ ที่ผกก.แรทเนอร์ พยายามใช้ดึงใจให้คนดูคล้อยตามไปกับหนังได้อยู่ไม่น้อย ...การใช้สถานการณ์ลองเชิงถามใจคนดูในหลายๆฉาก ก็ทำให้เกิดความรู้สึกกดดันตามตัวละครไปด้วย (เช่น ฉากที่แองเจิล ยินยอมเข้ารับการฉีดยาแล้ว แต่ด้วยความไม่ไว้วางใจ ทำให้ท้ายที่สุดเขาต้องหนีออกมา หรือจะเป็นฉากที่ จีน เกรย์ ต้องเลือกจะเข้าข้างใครระหว่าง ชาร์ลส์ และ แมกนีโต) อีกส่วนที่ทำให้ X-Men ภาคนี้ มีอะไรให้คนดูรู้สึกอยากติดตามและสนุกสนาน ก็คือ ส่วนของโครงเรื่องที่แข็งแรง ... การนำเอาประเด็นความขัดแย้งของมนุษย์ และมิวแทนท์ ที่ภาคสองทิ้งเหลือเอาไว้มาใช้งานสานต่อ บวกกับการสร้างประเด็นใหม่ๆ ให้เกิดการขัดแย้งในพลพรรคมิวแทนท์กันเองอีกด้วย ซึ่งทั้งสองส่วนได้เดินขนานควบคู่ไปพร้อมกับความเข้มข้นของเรื่องราวที่เป็นบทสรุปในตัวครั้งนี้ ... เรื่องราวของภาคสาม มีความเป็นการเมืองมากขึ้นกว่าภาคก่อน ด้วยความที่หนังพยายามโยงความขัดแย้งทั้งหลายแหล่ ที่เห็นในหนัง มาพร้อมกับสถานการณ์เหตุการณ์ต่างๆ ที่พบเห็นได้ในชีวิตจริง (...การรวมตัว การสร้างกองทัพต่อต้าน การประท้วง และการใช้กำลังในท้ายที่สุด) ด้วยโครงเรื่องที่มีความเอาจริงเอาจังกับการสร้างเงื่อนไขเรื่องราวต่างๆ บวกกับ การได้บทภาพยนตร์ที่ทำยาได้ ของ ไซมอน คินเบิร์ก และ แซ็ก เพนน์ ...ก็พอช่วยทำให้ X-Men ภาคนี้มีอะไรดีๆให้ดูอยู่ ส่วนของฉากแอ๊คชั่น และสเปเชี่ยลเอฟเฟคท์ อาจพอจะทำให้ผมเกิดความตื่นตาตื่นใจ และเพลิดเพลินได้อยู่ในตอนที่ดูหนัง ...แต่ด้วยความทรงพลังของมันที่ยังน้อยกว่าภาคก่อนๆ ออกโรงมาก็แทบจะไม่ค่อยมีอะไรให้น่าตื่นเต้นซะเท่าไร แถมยังพาลรู้สึกไปอีกว่า ทั้งๆที่ภาคแรกภาคสองจะมีบทบู๊บทสู้น้อยกว่ากัน แต่ก็ยังได้คุณภาพความมันส์มากกว่าเยอะ ... หนัง X-Men ทั้งสองภาคก่อน สนุกได้สนุกดี เพราะมีนักแสดงเจ๋งๆ ...ถึงแม้จะได้นักแสดงคนเดิมๆยกขบวนกลับมาเล่นหมดเข่งอยู่ก็จริง แต่กับความรู้สึกต่อทีมดาราในหนังภาคสุดท้าย กลับไม่ใช่อย่างที่เคยเป็นในภาคสอง ...ด้วยคุณภาพของนักแสดงแต่ละคนที่เคยมีก็แทบไม่ต้องได้ใช้ บทบาทของแต่ละคาแรกเตอร์ดูจะยังไม่สุกได้ที่ เหมือนว่าคนเขียนบททั้งสองพยายามทำออกมาแบบลวกๆส่งเร็วๆซะมากกว่า รวมทั้งช่วงเวลาการโชว์ศักยภาพตัวละครก็ยังไม่ทันจะพอดีเลย บทหนังก็ตัดบทให้หมดความหมายซะง่ายๆ ...ผกก.แรทเนอร์ พยายามบีบเวลาหนังให้สั้นจนเสียศูนย์ไปไม่น้อย ในขณะที่แบ๊คกราวนด์ประกอบฉากของแต่ละตัวละครนั้นก็แทบจะไม่มีความหมายอะไรเลย ทำเหมือนต้องการใส่เข้ามาเพื่อให้พอดูมีแก่นสาร แต่หนังก็ทำเล่นๆขอผ่านๆซะมากกว่า (ภาคสองที่ว่าบทน้อยแล้ว ภาคสุดท้ายนี้ "โร้ค" ทำเหมือนแค่ให้เดินผ่านกล้องเท่านั้นเอง ... สามสี่ฉากที่ "แองเจิล" โผล่มา ก็มีได้เพียงแค่สั้นๆ ทั้งๆที่ตัวละครนี้มีบทบาทสูสีพอกับ จีน เกรย์ เลยด้วยซ้ำ ... คู่ปรับเก่า "ไอซ์แมน" และ "ไพโร" ก็กลับมาเพียงเพื่อสร้างฉากขำๆเพียงฉากเดียวเท่านั้นเอง) เสียดายความยาว 100 กว่านาที ที่ไม่สามารถต่อความยาวสาวความยืดให้มากกว่านี้ได้ ... การทำงานเป็นทีมภาคนี้อาจจะดูไม่สามัคคีเสียเท่าไหร่ ตัวละครบางตัวที่สำคัญในการ์ตูนก็ดูไร้ค่าไปอีก ...แต่กับเหล่าตัวละครที่ถือว่ามีน้ำมีเนื้อต่อหนังภาคสุดท้ายมากอย่าง โปรเฟสเซอร์เซเวียร์ (แพคทริค สจ๊วร์ต) , แมคนีโต (เอียน แม็คเคลเลน) , วูลฟ์เวอรีน (ฮิวจ์ แจ๊คแมน) , สตอร์ม (ฮัลลี่ เบอร์รี่) ก็ยังทำหน้าที่ได้สมบทบาทดี และที่ลืมไปไม่ได้ก็คือ ตัวเอก อย่าง "ดาร์ค ฟีนิกซ์" ที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของภาคนี้ ...ได้เรียกใช้ศักยภาพความสามารถของ แฟมเก้ เจนเซ่น กันอย่างเต็มที่ ไม่ใช่แค่ความสวยคมบาดที่ภาคนี้มีมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้น ...การแสดงครั้งนี้ก็ยังเข้าขั้นเยี่ยมไปอีก... ด้วยสายตาอันพยาบาท แสดงออกทางใบหน้าที่ตึงทึงของเธอ เป็นการสร้างความเหี้ยมโหดอำมหิตให้กับตัวละครนี้ได้น่ากลัวสมจริง ... เธอทำให้คนดูได้เศร้าเคล้าไปตามความรู้สึกผิดที่เธอแสดงออกต่อหน้าวูล์ฟเวอรีน และยังทำให้คนดูเกิดรังเกียจได้ในฉากที่เธอกำลังจะฆ่า..."ใครบางคนที่รักเธอ"X-Men : The Last Stand ... ความมโหฬารถูกจัดใส่จาน นานาไปด้วยสีสันอันสวยสด และยังอุดมไปด้วยสารอาหารพลังงานสูง ... เชฟใหญ่ เบรทท์ แรทเนอร์ คลุกเคล้าผสมยำทำความจัดจ้านให้กับบทสรุปสุดท้ายได้แบบไม่มีอะไรให้เสียดายของ ถึงเนื้อจะไม่สด (การแสดงที่ด้อยคุณค่า) ผักมีบอบช้ำไม่ค่อยสวย (งานบทที่เร่งรีบ) และเกิดความผิดหวังในคำสุดท้าย ซึ่งไม่เหลืออารมณ์ให้พริ้มใจ (ฉากจบที่ไม่ได้เรื่อง) ...รสชาติไม่อร่อยอยู่ก็จริง แต่ยังถือว่าพอกินได้ (สนุกบันเทิงตามแบบฉบับหนังซัมเมอร์) ...สำหรับผมแล้ว แค่จานเดียว ก็พออิ่มอยู่ และไม่มีความคิดจะสั่งเพิ่มอีกด้วย ดู {ดี} วิธ มายเซลฟ์ : 1. โครงเรื่องที่แข็งแรง และมีพลัง 2. "แฟมเก้ เจนเซ่น" สวย เท่ห์ เฉี่ยว เก๋ ในการเป็น "ดาร์ค ฟินิกซ์" 3. ความเป็นหนังแอ๊คชั่น ที่ดูสนุก และมีความน่าติดตาม ดู {ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ : 1. หลายคาแรกเตอร์เจ๋งๆ ดูไร้ค่า กับการแสดงที่ไม่ได้โชว์พาว 2. หนังเร่งตัวเองเร็วเกินไป จะตัดบทก็ทำอย่างมักง่าย 3. การจบที่ยังไม่บริบูรณ์ และทิ้งเชื้อเพื่อจะสร้างภาคต่อไปอีก เกรด B ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 10 มิถุนายน 2549
Last Update : 24 มิถุนายน 2549 1:12:40 น.
3 comments
Counter : 3181 Pageviews.
โดย: vicky IP: 58.9.76.70 วันที่: 12 มิถุนายน 2549 เวลา:13:52:23 น.
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 14 มิถุนายน 2549 เวลา:17:57:22 น.
โดย: CrisTooNo วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:11:30:50 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
ดูแอคชั่นเอามันส์ได้ดีเยี่ยมเลยอะค่ะ แต่สำหรับที่ดูภาคแรกมาจนถึงภาคนี้ มัน...
ตัวละคร บทหายเรียบอ่ะค่ะ ออกมาคนละ 3 ตอน 4 ตอน สู้ตัดทิ้งไม่ออกมาเลยไม่ดีกว่าเหรอ Night เราหายไปไหน... แล้วทำกับ scott แบบนี้เหรอหะ ตาเบรท