"300" ... เถื่อน ดิสม์ ติสต์ ได้ใจ
ถามเหตุผลของคนส่วนใหญ่ที่เลือกดูหนังเรื่องนี้ เชื่อได้ว่า เกินครึ่งคงจะบอกว่า "อยากดูภาพสวยขั้นเทพ" ซะมากกว่า ...ซึ่งถ้าพูดกันตามตรงแล้ว "300" มันก็ดูจะไม่มีอะไรที่แปลกใหม่ในความเป็นหนังสงครามเลย มันเหมือนกับสิ่งที่เราเคยเห็นมาแล้วเป็นสิบๆปี เป็นภาพลักษณ์เก่าๆที่ถอดไม่ออกของเรื่องเล่าสงครามสมัยกรีก-โรมันบนจอที่ซ้ำจนดูช้ำ เมื่อเอามาเล่าอีกเรื่อยๆ อารมณ์เรื่อยๆมันก็เลยพาลมีมากขี้นไป ...ยกตัวอย่างดูได้จาก Troy เวอร์ชั่นพี่แบรด ซึ่งต้องยอมรับว่าฉากอลังการงานสร้างต่างๆที่หนังทุ่มเททุ่มทุนมาดูยิ่งใหญ่จนน่าขนลุก แต่พอหนังจบแล้วก็ไม่มีอะไรให้น่าจดจำเลย กับอะไรๆที่น่าจะอัศจรรย์ใจมันก็กลายเป็นสิ่งที่เคยคุ้นมักจักกันมาก่อนจากหนังสงครามคลาสสิค หลายๆเรื่อง เอาบรรทัดฐานมาวัดจากตัวผมเองที่เป็นคนชอบดูหนังสงครามแล้ว มุมมองแรกที่เคยเห็นต่อ 300 ก็คิดไปว่า มันคงเป็นอะไรที่ซ้ำซากจำเจเดิมๆ พาลรู้สึกไม่อยากดูตั้งแต่แรกรู้จัก ...จนเมื่อมาเห็นและได้รู้จักกับวิธีการสร้างหนังในรูปแบบที่แปลกใหม่ของเขานั่นเอง (สตอรี่บอร์ดภาพร่าง และภาพตัวอย่างเล็กๆน้อยๆ) ถึงได้เริ่มเกิดความคิดที่อยากจะลองดูลองชม วิธีคิดแนวใหม่ของผู้สร้าง"300" คือ จำนวนนายทหารของกองทัพกรีก ผู้มีบุตรสืบสกุลแล้ว ที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธพร้อมสู้ ร่วมเป็นร่วมตายกับกษัตริย์ "ลีโอไนดัส" แห่ง เมืองหน้าด่าน สปาร์ตา ...พวกเขาทั้ง 300 คนต้องรับมือป้องกันการรุกรานจากกองทัพเปอร์เซีย ไม่ให้ก้าวผ่านข้ามพ้นไปยังเขตบ้านอันเป็นที่รักของพวกเขา อันเป็นปราการด่านแรกที่จะนำพาให้เปอร์เซียกลายเป็นใหญ่ในดินแดนกรีก ทั้งหมดทั้งมวล หลังจากผลงานนิยายภาพเลื่องชื่อนาม Sin City ได้กลายสภาพไปเป็นหนังบนจอใหญ่อันโด่งดังด้วยฝีมือของคู่หูสองผู้กำกับหนังคัลต์เยี่ยมยุทธ์ เควนติน ทาแรนติโน่ & โรเบิร์ต รอดริเกวซ ... 300 ก็คือ วัตถุดิบสุดรักสุดหวงชิ้นต่อมาที่ "แฟรงค์ มิลเลอร์" ยอมให้ฮอลลีวู้ด ได้นำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ...ด้วยความที่เขาคือนักเขียนเรื่องที่มีอารมณ์ติสต์สุดขั้ว บวกกับไม่ชอบให้ใครเอาสิ่งที่เขารักไปทำปู้ยี่ปู้ยำเล่นๆ มิเช่นนั้นการจะกลายมาเป็นหนังแต่ละเรื่องเลย จึงเป็นเรื่องที่สาหัสสากรรจ์สำหรับคนริจะทำหนังอันเป็นเรื่องของเขา แต่ "แซ็ค สไนเดอร์" ก็สามารถฝ่าด่านอรหันต์ของมิลเลอร์มาได้อย่างสำเร็จ กลายเป็นผู้กำกับหนังสงครามที่ดูสนุก และเร้าใจ ในทุกๆนาที ที่ภาพจากแผ่นฟิล์มกำลังลื่นไหลไปบนจอหนัง ...สไนเดอร์ จัดการเรื่องราวในนิยายได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งที่เคยมีในต้นฉบับของมิลเลอร์ทั้งหมดไม่ได้ขาดตกหล่นพร่องไปไหน เขานำมาเล่าให้กลายเป็นหนังได้ครบถ้วน เรียกได้ว่า ภาพต่อภาพ-ฉากต่อฉาก แม้โดยภาพรวมของตัวหนังจะมีความอ่อนด้อยในเรื่องของบท ที่ดูบางทีก็ง่ายไป บางครั้งก็ไม่มีรายละเอียดบอกเล่า ... แต่ความเป็นภาษาหนังก็สามารถกลบเรื่องเหล่านี้ไปได้พ้นจากใจคนที่คาดหวังจะมาบันเทิงกับมันอย่างเต็มที่ ความบันเทิงทั้งหลายทั้งแหล่ ที่เราจะได้รับจาก 300 เกิดขึ้นมาจาก 3 ส่วนหลักๆ ที่หนังสงครามทั่วไปต้องมีเป็นองค์ประกอบสำคัญ คือ1. ฉากสงครามที่มันส์ถึงลูกถึงคน ...ถ้าขาดส่วนนี้ไป จะเป็นหนังสงครามที่ดีได้อย่างไร 2. ตัวละครผู้นำและฮีโร่ของคนดู ...ใน 300 ก็คือ กษัตริย์ ลีโอไนดัส 3. ความลึกซึ้งกินใจ ...ดรามาภาคบังคับที่จะต้องมี ให้ใส่มาเป็น พลอต หรือว่า ไดอะล็อก รูปแบบไหนก็ได้แล้วแต่ ฉากสงคราม คือ ส่วนขายไฮไลท์ที่หนังเรื่องนี้ตั้งใจพรีเซนต์ ...เวลาของ 300 หมดไปกับภาพ เถื่อน-ดิสม์-ติสต์ เหล่านี้ ราวๆ 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งหมดทั้งมวลของเรื่องราวเรต R ถูกเล่าออกมาเป็นภาพที่ไม่ต้องบรรยายสรรพคุณอะไรมากถึงความโหด แต่งดงาม ความน่ากลัว แต่ขึงขัง ศิลปะจากซีจีถูกสร้างสรรค์ให้กลายเป็นพระเอกตัวจริง ที่แบกรับหนังทั้งเรื่องไว้บนบ่าและสองอุ้งมือ กับภาพที่สร้างขึ้นมาไม่ต้องการความสมจริงน่าเชื่อถือ แต่ต้องการความละเอียดอ่อนในทุกอณูสเปเชียลเอฟเฟกต์ ...เทคนิคการเล่นภาพกับ แสง สี เสียง ที่เห็นและได้ยินในหนัง สามารถสะท้อนอารมณ์ของหนังในฉากนั้นๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะต่อให้ตัวละครไม่ต้องพูดอะไรเลยสักคำ คนดูก็ยังรู้อยู่ว่า เขา/เธอกำลังคิดอะไร หรือรู้สึกอย่างไร"เจอราร์ด บัตเลอร์" สวมบทบาท "ลีโอไนดัส" ได้สมบทบาท เขาสลับหน้าเป็นได้ทั้ง ผู้นำที่ยิ่งใหญ่ และคนธรรมดาที่น่าเกรงขาม ในเวลาเดียวกัน ...ในตอนแรก เราคนดูจะเห็นว่าเขาคือคนนำทัพ แต่ในตอนต่อๆมา ความรู้สึกจะกลับกลายเปลี่ยนแปลงให้ ลีโอไนดัส เป็นเสมือนนักรบตัวเล็กๆคนหนึ่งที่มีความสัตย์ซื่อรักถิ่นยิ่งชีพ เห็นลูกน้องอีก 300 ในความภักดีกลายเป็นผองเพื่อนร่วมสาบานที่พร้อมจะแลกเลือดหลั่งชีวิตเพื่อกอบกู้เอกราชสปาร์ตาให้คงอยู่ ...นอกจากร่างที่กำยำ จะทำให้ภาพของเขาดูขึงขังแล้ว การแสดงออกผ่านหัวใจที่อยู่ในร่างของบัตเลอร์ ยังทำให้เราเชื่อในความคิดและการกระทำของธีโอไนดัส อย่างเต็มร้อย แม้ 300 จะเน้นตัวเอก ลีโอไนดัส อย่างเกินหน้าเกินตาเพื่อนร่วมจอ แต่ก็ยังละเว้นความทรงจำไปไม่ได้กับบทบาทตัวประกอบคนอื่นๆ ซึ่งล้วนให้การแสดงเป็นทีมเวิร์กที่ดีด้วยเช่นกัน โดยมีที่เป็นความประทับใจมากกว่าใครหน่อย ก็คือ ตัวละครมเหสี "ราชินีกอร์โก้" ...ลีน่า ฮีดลี่ย์ ทำหน้าที่ของเธอในฉากสำคัญอีกหนึ่งฉากได้อย่างทรงพลัง และน่าขนลุกกับผลลัพธ์ของพลังหญิงที่ต่ำต้อยในสภาสูงของเธอ ช่วงเวลาสุดท้ายที่ 300 มี ก็คือ ดรามาภาคบังคับที่หนังสงครามทุกเรื่องจงใจต้องมี ...ช่วงเวลาที่เป็นจุดพีคของเรื่องราวอันขึงขัง และสร้างพลังความฮึกเหิมกับคนดู ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนังต้องการสื่อจะมาบรรจบพบกันในฉากจบของสงครามที่พร้อมจะสะเทือนใจทุกๆคน หรือต่อให้คุณจะรู้มาก่อนว่าหนังจะจบลงเช่นนี้แล้ว มันก็ยังต้องมีห้วงอารมณ์ที่ใจหายไปอยู่ดี ...ซึ่งผมก็คือคนในกรณีหลัง ที่ล่วงรู้ตอนจบของหนัง และก็ไม่มีผลปฏิกิริยาอะไรที่จะทำให้ความอินลดลงไปตามลมปากของคนที่บอก 300 อาจจะดูเป็นหนังที่ว่ากันด้วยเรื่องของความสามัคคีและรักชาติยิ่งชีพ เพียงแค่นี้ในเปลือกนอก แต่เนื้อในลึกๆของมันยังมีแอบสะท้อนภาพปัจจุบันไว้ได้อย่างแนบเนียน ...พลอตเรื่องประกอบหนึ่งพลอตที่หนังใส่เข้ามาแบบซ่อนๆ กระทบใจดังปังไปกับการเสียดสีแดกดัน ไว้อาลัยให้กับคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็น 'หนอนบ่อนไส้' ...หนังแสดงออกผ่านสองตัวละคร หนึ่งนักการเมือง และหนึ่งนักสู้ตัวประหลาด สองสปาร์ตันที่นอกรีตเพราะเงิน และความอาภัพ ต่างคนต่างมีแรงจูงใจในการทรยศของตัวเอง คนหนึ่งต้องการความยิ่งใหญ่ อีกคนต้องการแค่การยอมรับ แต่เมื่อต่างคนต่างมีอุปสรรคขวางกั้นในสิ่งที่คาดหวัง และโดนขัดคอด้วยอุดมการณ์ที่คิดไม่เหมือน พวกเขาจึงล้างแค้นคืนด้วยการนำพาความหายนะมาสู่แดนสปาร์ตัน ยื่นมือขอความเห็นใจให้เปอร์เซียตอบแทนพวกเขาด้วยการเปิดทางนำพาเข้าไปสู่บ้านเกิดเมืองนอนที่พวกเขาหลงลืมที่จะรักมัน ...ตัวละครทั้งสอง ก็เหมือนเช่นคนบางคนในปัจจุบัน ที่หาเรื่องหาอันตรายนำพาความหายนะมาสู่ดินแดนเคยพักพิงอาศัยมาแต่อ้อนแต่ออก กว่าจะรู้ตัวอีกที ทุกวันนี้ บ้านแห่งนั้นก็ไม่ใช่ที่ของเขาอีกต่อไปแล้ว"300" เป็นหนังสงครามที่ เถื่อน ดิสม์ ติสต์ ดูมันส์ และสนุก จนได้ใจ ใครไปหลายๆคน รวมถึงผม ที่ออกจากโรงมาด้วยความรู้สึกที่ค้างคา หลงเหลือ ความอัศจรรย์ใจให้น่าจดจำ ทั้งภาพและเสียง ...ประโยคสั้นๆว่า "This is Sparta!!!" กลายเป็นแฟชั่นคำติดปากพูดเล่นกับเพื่อนด้วยความคะนองใจ และภาพของทูตเปอร์เซียโดนทีบจะต้องเป็นภาพติดอันดับประทับ(สะ)ใจในรอบปี ของผมแน่นอน ...นี่แหละ คือหนัง เถื่อน ดิสม์ ติสต์ ได้ใจ ที่อยากให้คุณๆไปสะอารมณ์ด้วยกันครับ ขอแนะนำให้ดูแบบดิจิตอล โนเซ็นเซอร์ เห็นหน่มน้ม ...ครับ เกรด A- ...ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 27 มีนาคม 2550
Last Update : 27 มีนาคม 2550 0:00:48 น.
12 comments
Counter : 6289 Pageviews.
โดย: once_day วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:0:47:09 น.
โดย: CaFe NEs วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:4:33:50 น.
โดย: Kurt Narris วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:8:52:21 น.
โดย: bigwores วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:44:57 น.
โดย: น้ำหวานพิษ วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:15:03:30 น.
โดย: มดมารน้อย วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:16:11:21 น.
โดย: ชีตาร์น้อย IP: 202.142.217.130 วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:15:00:22 น.
โดย: bua ja วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:21:58:51 น.
โดย: pae_ phitsanulok IP: 202.183.233.11 วันที่: 19 กรกฎาคม 2550 เวลา:12:46:58 น.
โดย: เจมส์ IP: 203.157.30.1 วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:9:11:32 น.
โดย: ไรนาม IP: 125.26.107.220 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:16:13:13 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31