+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
Mission:Impossible:3 ... Mission Complete



เมื่อคุณนึกถึง Mission:Impossible คุณจะนึกถึงอะไร ...

เพลงธีมสุดอมตะอันเป็นเอกลักษณ์ ที่มาพร้อมเครดิตเท่ห์ๆ ภาพสายชนวนจุดไฟที่ใกล้จะระเบิด
หรือว่า ซี่รี่ส์ทีวีแบ่งตอน ยุคยี่สิบสามสิบปีที่แล้ว เขาว่ากันว่ามีความสนุก น่าติดตาม และใช้จินตนาการสูงส่ง
หรือว่า ภาพยนตร์เรื่องยาว ผลงานการแสดงชิ้นโบว์แดงของ พระเอกหน้าหล่อ ทอม ครูซ

สามข้อที่ว่ามาข้างต้น หนีไม่ได้ที่เราจะต้องนึกถึงทันที ที่พูดถึง MI ... แต่ MI ที่ผมกำลังจะพูดถึงอยู่นี้ ผมจะหมายความถึงแค่ข้อสุดท้ายเท่านั้น

Mission:Impossible เป็นที่รู้จักครั้งแรกของผมในปี 1996 ...แน่นอนที่ผมย่อมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า จอทีวีถือเป็นต้นกำเนิดที่แท้จริงขององค์การ IMF ตอนนั้นที่อายุยังน้อยด้อยการศึกษา ก็รู้เพียงแต่ว่า หนังเรื่องนี้สนุกดีจัง ฉากลักลอบขโมยข้อมูลของพระเอก แสนจะเท่ห์มากเลย ...ก็แค่นั้นเอง

Mission:Impossible III ... การกลับมาครั้งที่สาม และถือเป็นครั้งสุดท้ายของ ยอดสายลับมือฉมังประจำหน่วย Impossible Mission Force ... "อีธาน ฮันต์" (ทอม ครูซ)

หลังจาก อีธาน ได้เกษียณตัวเองออกมาจากงานภาคสนามแล้ว เขาก็หันหลังมารับหน้าที่เป็นครูฝึกสร้างสายลับรุ่นใหม่ให้แทน และดูเหมือนว่าหน้าที่ใหม่ของเขาจะเดินหน้าควบคู่ไปด้วยดี เช่นกันกับชีวิตคู่ ที่กำลังจะเริ่มของเขา คุณหมอ "จูเลีย" (มิเชลล์ โมนาแฮน) คือ ผู้หญิงที่อีธานเลือก ...แม้ว่าเขาจะเลิกทำงานเสี่ยงอันตรายแล้วก็ตามที แต่อีธานก็ไม่วายจะหลอกเธอว่า เขาเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ทำงานด๊อกต๊อยอยู่ใน กรมการขนส่ง ก็เท่านั้น (พอเข้าใจกันได้ว่า "ชีวิตของสายลับ อยู่บนความหลอกลวง")



แต่ที่สุดแล้ว อีธาน ก็ไม่มีวันหนีงานเก่าไปได้พ้น ...เขาได้รับสั่งจากหัวหน้าหน่วย "จอห์น" (บิลลี่ ครูดัพ) ให้ปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ ลูกศิษย์สาวที่เขาเคยฝึกปรือมากับมือ "ลินด์เซย์" (เคอรี่ รัสเซลล์) เธอพลาดท่าเสียทีให้กับผู้ร้ายตัวเขื่องที่เธอตามสืบ พ่อค้าอาวุธ "โอเว่น ดาเวี่ยน" (ฟิลิปส์ ซีมัวร์ ฮอฟแมนน์) และถูกจับขังไว้ในเยอรมัน

เป็นโชคร้ายที่อีธานช่วยเหลือเธอได้แต่สายเกินไป ...เพียงแต่โชคดีอยู่บ้าง ทันเวลาที่เธอบอกข่าว ล่วงรู้มาในหน่วยงาน IMF นั้นกำลังมีหนอนบ่อนไส้ที่คอยบอกข่าวให้กับดาเวี่ยนอยู่ จึงเป็นหน้าที่ที่อีธานต้องรับไม้ต่อมา เพื่อตามหาหนอนบ่อนไส้ และไล่ล่าจับตัวการ ดาเวี่ยน เป็นการเอาคืนให้ได้

ด้วยการวางแผน และสอดประสานทีมเวิร์คอันสามัคคี เดินหน้าปฏิบัติการจับ ดาเวี่ยน ได้ผลโดยละม่อม ...แม้ว่า อีธาน จะเป็นผู้ชนะในเกมนี้ แต่ว่ามันยังไม่โอเวอร์ เมื่อดาเวี่ยน ประกาศสาบานตนด้วยความหมายมั่นว่า จะจัดการเอาคืนอีธาน ต่อหน้าคนที่อีธานรักมากที่สุด ...

ความสนุกของภาคสามมันก็อยู่ตรงที่ อานุภาพความรักอันยิ่งใหญ่ มีหรือจะยอมสิโรราบให้กับความร้ายกาจในครั้งนี้ ...ที่สุดแล้วปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของ อีธาน ฮันต์จะลงเอยในรูปแบบไหน มิชชั่นจะคอมพลีทหรือไม่ ... ผมยังไม่อยากสปอยให้หมดสนุก เรื่องพรรค์อย่างนี้มันต้องดูด้วยตาตัวเองจะดีกว่า

M:I:3 เป็นผลงานการกำกับของ เจ.เจ. แอบรามส์ เจ้าของเดียวกับ Alias และ Lost สองซี่รี่ส์ทางทีวีที่มีคนคอยติดตามมากที่สุดในอเมริกา ...การที่มีเครดิตดีอยู่อย่างนี้ บวกกับเคยเขียนบทภาพยนตร์ให้หนังแอ๊คชั่นสุดซึ้ง อย่าง Armageddon อีก ... จึงไม่มีอะไรให้แปลกใจเลย กับความสำเร็จในหน้าที่การงานของเขาที่กำลังขึ้นสุดๆ อย่างน้อยแล้ว พ่อมดฮอลลีวู้ด สตีเว่น สปีลเบิร์ก ก็เคยร่ำๆอยากให้เขามาเขียนบทให้ใน War of the World อยู่เหมือนกัน

ด้วยความที่ เจ.เจ. คุ้นเคยกับเรื่องราวของสายลับ จนเชี่ยวกราดแล้ว (ทำ Alias มาได้สี่ห้าปี และกำลังจะจบสมบูรณ์ในปีนี้แล้ว) ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ไม่เลวสำหรับ ทอม ครูซ ที่เลือกเขา เข้ามารับหน้าที่สานต่อ ในหนัง MI ฉบับสุดท้ายนี้

จึงไม่ต้องแปลกใจอีกเช่นกัน ...เมื่อคนดูที่คุ้นเคยกับซี่รีส์ Alias หลายปีมานี้ จะรู้สึกตุๆ ทุกขณะจิตที่กำลังรับชม M:I:3

แต่ก็ใช่ว่า ผกก.เจ.เจ. จะลอกงานเก่าของเขามาทั้งดุ้น มันก็เป็นแค่เพียงกลิ่นอันคุ้ยเคยเท่านั้น ...แต่ รูป รส เสียง และสัมผัส ที่ผิดแผกแปลกไปจากงานทีวี ให้หาเรื่องจับผิดคงไม่ได้

และก็คงไม่ผิดอะไรเหมือนกัน กับการที่เขาจะขอเรียกใช้ความคุ้นเคยที่มีอยู่นั้น มาเป็นแต้มต่อ ในการทำหนังจอใหญ่ครั้งแรกของเขา ...

ด้วยความเก่ง บวกเก๋าที่เขามีอยู่พอตัว ... กับการสอบสนามใหญ่หนแรก จึงไม่เหลืออะไรให้แปลกใจอีกแล้ว เมื่อวิชา MI ของ เจ.เจ. ได้ทำคะแนนเอาไว้ซะสูง เข้าขั้นเยี่ยมกันเลยทีเดียว

ผลคะแนนที่ได้นี้ จะมีก็แพ้แค่รุ่นพี่อาวุโส "ไบรอัน เดอ พัลมา" อยู่บ้างเพียงนิดๆ ...แต่ก็ยังผิดกับ เจ้าพ่อ "จอห์น วู" ผู้สอบตก ที่จนถึงทุกวันนี้แล้ว วิชาการทำหนังของเขาก็ยังกู่ไม่กลับสักที



MI ในแบบฉบับของ เจ.เจ. แอบรามส์ ได้ผนวกเอาโครงส่วนที่ดี ของสองภาคแรก (ความลุ่มลึกจากภาค 1 และความเถิดเทิงจากภาค 2) มารวมเอาไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แต่ก็ยังมี แอบเพิ่มเนื้อเพิ่มหนังเข้าไปอีก กับอารมณ์หนังในทางดรามา เพื่อได้ตัวหนังที่จริงจังและหนักแน่นมากขึ้น ...

ความจริงจัง ในที่นี้ หมายความถึง ว่านี่คือ หนัง MI ที่มีชีวิตมากขึ้น มีความเป็นมนุษย์มากขึ้น... ภาคสามพยายามสะท้อนภาพให้เราเห็นว่า สายลับก็คือคนธรรมดาคนหนึ่งที่มีหัวใจ มีความต้องการส่วนตัว อยากมีรัก (ในกรณีนี้ ขอยกเว้นรักลงแขกชั่วข้ามคืน ของ เจมส์ บอนด์) แต่เพราะหน้าที่การงานที่ต้องเป็นความลับระดับชาติจึงต้องปิดบังตัวตน ...ต่อให้เราไม่ใช่สายลับก็ตามทีเถอะ ถ้าเราเป็นอะไรสักอย่างที่ต้องปกปิดเอาไว้ มีความสำคัญต่อชีวิต มีหรือที่เราจะยอมบอกคนรัก เพราะต่อให้เชื่อใจเธอมากแค่ไหน มันก็ยังต้องเสี่ยงอยู่ดี ...แล้วกับสถานภาพของ อีธาน ฮันต์ ที่มีชีวิตไม่แน่ไม่นอนแล้วล่ะ มีหรือที่เขาจะเอาชีวิตคนรักมาเสี่ยงในหน้าที่ของเขาด้วย

จึงไม่แปลกอะไรที่เราคนดู จะต้องลุ้นเอาใจช่วย ตั้งแต่ฉากแรกของ M:I:3 ทั้งๆที่เรายังไม่ทันรู้ว่าฉากนี้มันเป็นมาอย่างไร ...อาจรู้เพียงแต่ว่า คนข้างหน้าพระเอก และข้างปืนตัวร้ายก็คือ คนรักของ อีธาน ฮันต์ นั่นเอง

ส่วนของบทหนัง ที่ทำออกมาได้อย่างหนักแน่น ...ช่วงแรกเริ่ม ไปจนถึงเกือบปลาย แทบไม่มีจุดใดๆให้จับผิด เรียกว่า ดูเพลินจนไม่เหลืออะไรให้เอะใจ แน่นอนที่หลายต่อหลายฉากมัน Impossible ซะเหลือเกิน แต่ความ Impossible ของมันนี่แหละที่ทำให้หนังภาคนี้สนุกเข้มถึงใจ... อย่าได้ไปเทียบกับความ Impossible ของภาคสอง เพราะฉากเหล่านั้นมันเหนือมนุษย์จะทำแล้ว



ฉากแอ๊คชั่นที่ไม่น่าเป็นไปได้ แต่เมื่ออยู่บนจอหนังแล้วทุกอย่างล้วนเป็นไปได้ทั้งนั้น ... ผกก.แอบรามส์ ยัดเยียดความเว่อร์เข้ามาเต็มอัตราศึก กับเหตุการณ์แอ๊คชั่นต่างๆที่หนังใส่เข้าไปล้วนแต่ดูสนุก น่าตื่นเต้น และระทึกใจ
หนังแอ๊คชั่นที่จะดีได้นั้นย่อมต้องได้มือกำกับ ที่แม่นคิว จับจังหวะได้แน่น และก็รู้วิธีเล่นกับคนดูอีก ...แอบรามส์ ล้วนมีคุณสมบัติทั้งสามอย่างครบครัน เขารู้ว่า คนดูต้องการอะไรจากหนังเรื่องนี้ ...

เขาจัดแจงจัดฉาก สร้างความเข้มข้นของบทบู๊ ได้อย่างมันส์ถึงลูกถึงคน ...ไม่ว่าจะฉากในโรงงาน วาติกัน บนสะพาน หรือว่าเมืองจีน ล้วนแต่มีลีลา มีลูกล่อลูกเล่น ที่ชวนกระตุ้นต่อมอยากติดตามได้โดยตลอด ...ยิ่งถ้าไม่เคร่งเครียดอะไรกับชีวิตมากกันเกินไปแล้ว ช่วงเวลาสองชั่วโมงที่สูญเสียไปในหนังเรื่องนี้ ก็ไม่มีอะไรให้น่าเบื่อเลย

อาจเพราะอย่างนี้ ...จึงไม่ต้องแปลกใจอะไร ที่คนดูหนังแบบปล่อยวางหลายๆคน จะถูกอกถูกใจในหนังเรื่องนี้กันนักต่อนัก

แม้ว่า การตอบโจทย์ ความเป็นหนังแอ๊คชั่น จะถือว่าสอบผ่านได้คะแนนเต็มก็ตาม ...แต่กับการตอบโจทย์ ความเป็นหนัง MI แล้ว ก็พอเพียงแค่ถูไถเท่านั้นเอง ในทางนี้ยังไม่ทันสามารถข่มความเก๋าของต้นฉบับ แห่ง ผกก.
เดอ พัลมาได้ ...ในภาคนั้นได้วางมาตรฐานความสนุกไว้ในแนวที่ซับซ้อน ซ่อนเงื่อน หักกันไปหักกันมา ซึ่งถ้าจะมองว่ามันเรียบเรื่อยเอื่อยเฉื่อยจนเกินไปก็ใช่อยู่ ...แต่กับความคาดหวังของแฟนๆหนัง MI ก็ล้วนแต่อยากให้งานภาคต่อมาอยู่ในมาตรฐานแรกเริ่มที่วางไว้ ...ฉากในวาติกัน ที่ว่าเข้มข้นมันส์หยดแล้ว ในความคิดผมยังไม่อาจเทียบได้กับฉากอมตะในห้องแลบนั้น หรือว่าจะฉากจบที่เป็นอยู่ในภาคสามอีก ก็แตกต่างอย่างลิบลับกับภาคแรก
ที่มีอะไรให้น่าลุ้นน่าระทึกมากกว่านั้น

แล้วกับ ฉากจบภาคสาม อีก ต้องถือว่ามักง่ายไปหน่อย ...คนดูเหนื่อยใจมาเกือบทั้งเรื่องแล้วทั้งที แต่ความอ่อนระทวยกลับโหยหาก่อนหนังจะจบบริบูรณ์ซะงั้น ...เพราะ หนังพยายามที่จะเร่งตัวเองเร็วเกินไป ช่วงเวลาสุดท้ายขาด
ซึ่งการใส่ใจในเหตุในผลไปอย่างง่ายๆ ... นางเอกเก่งง่ายดาย ตัวร้ายตายง่ายดาย แฮปปี้เอนดิ้งกันง่ายดาย ทุกๆอย่างใน 5 นาทีสุดท้ายง่ายดายไปซะหมด

เพราะความที่ภาคนี้มันต้องจริงจังในเรื่องราว หนักแน่นในความสนุกมากกว่าภาคก่อนๆ... ทีมดาราที่ถูกเรียกใช้จึงไม่ใช่แค่พอมีชื่อเสียงเรียงนามเท่านั้น แต่ยังต้องเป็นนักแสดงที่มีคุณภาพอยู่พอตัวเลยทีเดียว ...

ทอม ครูซ ...ถ้าตัดข้อติในเรื่องหน้าตา(ที่หล่อเหลาแต่ก็ชอบเก๊กซิม)แล้ว การแสดงของเขาก็ยังคงมาตรฐานที่ดี แถมบท อีธาน ในครั้งนี้ ก็มีอะไรให้ต้องเล่นเยอะมากกว่าก่อน ...ดูเอาแค่ฉากแรกก็พอ สีหน้าท่าทางความกลัว
ความบ้าไปพร้อมกับการใส่อารมณ์ตีหน้าได้ชวนให้สงสาร , ฟิลิปส์ ซีมัวร์ ฮอฟแมนน์ ...ผมยังไม่ได้ดูหนังออสการ์รับประกัน (Capote) ของเขาเลย แต่ก็คิดเอาไว้ตั้งแต่มีข่าวคราวรับบทแล้ว บทดาเวี่ยนใน M:I:3 ของเขา
แตกกระจุยแน่ๆ และก็เป็นอย่างที่คิด อำมหิตเต็มขั้น โหดเต็มกำลัง ความมีเล่ห์เหลี่ยมซ่อนเร้นอยู่ในสีหน้านิ่งขรึม สร้างภาพให้เขาเป็นตัวร้ายที่น่ากลัว เป็นศัตรูที่เลือดเย็น ถ้าจะบอกว่า ดาเวี่ยน คือน้องชายตัวจริงที่ถูกพลัดพราก
ไปของ "ฮันนิบาล เลคเตอร์" ผมจะเชื่อเลยจริงๆเชียว

นักแสดงประกอบคนอื่นๆ ก็นับว่า ต่างช่วยเสริมส่งความสนุกขับเคลื่อนให้กับหนังได้ดีตามอัตภาพที่ถูกเรียกใช้ ...แต่ แม๊กกี้ คิว ขอยกเว้นให้ต้องพูดนอกเรื่อง ฉากวิงวอนขอไม่ระเบิดรถอาจขโมยใจผมไปมากโข แต่ก็ยังไม่เทียบเท่ากับความสวยล้ำสไตล์เอเชีย ความเซ็กซี่สัดส่วนทรงกระทัดรัดของเธอได้เลย ...ชุดแดงชุดนั้น เล่นเอาน้ำลายผมแตกฟองฟู่ กันเลยทีเดียว

ฉากแอ๊คชั่นที่ว่ายอด ...เป็นธรรมดาที่ตากล้อง และคนตัดต่อต้องได้รับอานิสงส์ความเยี่ยมไปด้วย ... แอบรามส์ ได้ตัวช่วยชั้นดีทั้งสองส่วนมาสรรสร้างเนรมิตความเร้าใจตามแบบฉบับของเขา เทคนิคมุมกล้องที่สั่นไหว สร้างความ
ตื่นระทึกอลเวงกับเหตุการณ์ได้เป็นอย่างดี บวกกับการตัดต่อที่คล่องแคล่ว ฉับไว ทำให้การเคลื่อนไหวทุกท่วงท่าของตัวละครดูเท่ห์ ทำให้ภาพที่ออกมาบีบอารมณ์ได้ถึงที่สุด

ส่วนเพลงธีมสกอร์ในภาคสามนี้ ที่ถูกเปลี่ยนแปลงไปสู่อีกจังหวะแนวดนตรีหนึ่ง ...ก็ยังคงสร้างความตื่นระทึกในใจคนดู ธีมที่คลอไปตามไตเติ้ลเปิด ภาพชนวนระเบิดติดไฟที่ยังคงอมตะ กับดนตรีที่เร่งเร้าแฝงเสน่ห์ไม่เคยเปลี่ยนไป
ผมฟังเพลงนี้ทีไร ต้องมีเคาะเท้าตามไปด้วยทุกที



หมดซึ่งความแปลกใจแล้ว ...คำยืนยันทั้งหมดนี้ แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ตัวผมมีความประทับใจกับหนังเรื่อง M:I:3 ...หนังแอ๊คชั่นสุดยิด ที่เปิดประเดิมภาคฤดูซัมเมอร์ได้อย่างสวยหรู สำหรับคอหนังแอ๊คชั่นฮาร์ดคอร์ ขอรับรองว่าคุณต้องถูกใจ ยิ่งถ้าอยากจะดูหนังโนซีเรียสแล้ว เรื่องนี้ก็จะปลดล็อกความสนุกในตัวคุณ ให้โลดแล่นโลดโผนไปพร้อมกับหนังได้แน่แท้

ไม่ต้องแปลกใจหรอก ... ในช่วงที่บ้านเมืองของเรามีแต่เรื่องให้เคร่งเครียด หนังเรื่องนี้เหมาะสมกับจิตใจคุณเป็นอย่างยิ่ง ขอแนะนำครับ

แล้วนี่ผมเป็นอะไรไป ? "ไม่ต้องแปลกใจอะไร"กันหนักหนาหรอก... เพราะว่าผมก็แปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกัน

ดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ :
1. สุดยอดหนังแอ๊คชั่น มันส์สะอารมณ์
2. การกำกับของ เจ.เจ. แอบรามส์
3. การแสดงของ ทอม ครูซ + ฟิลิปส์ ซีมัวร์ ฮอฟแมนน์ และความสวย-เซ็กซี่ ของ แม๊กกี้ คิว
4. บทหนังที่จริงจัง และหนักแน่น
5. การกำกับ-การตัดต่อภาพ ที่แม่นยำถูกจังหวะ

ดู{ด้อย} วิธ มายเซลฟ์ :
1. เสน่ห์ของ M:I ที่ยังสู้ภาคแรกไม่ได้
2. ตอนจบง่ายดายไปหน่อย

เกรด A-

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ




Create Date : 22 พฤษภาคม 2549
Last Update : 24 พฤษภาคม 2549 18:39:42 น. 4 comments
Counter : 4419 Pageviews.

 
ไปดูมาแล้วเหมือนกันแอบ Posted บางตอนของเรื่องนี้ไว้ที่ blog เราด้วย ไม่ชอบตอนจบเหมือนกัน


โดย: aiauannit (aiauannit ) วันที่: 22 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:31:22 น.  

 
xxxxx


โดย: xxx IP: 203.113.81.132 วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:20:42:57 น.  

 
ผมอยากรู้ครับteenกระต่ายคือไรมันบอกตอนสุดท้ายว่าอยู่ต่อสิแล้วจะรู้


โดย: นามิ IP: 125.24.135.229 วันที่: 6 ตุลาคม 2552 เวลา:11:17:49 น.  

 
ท่านใดพอทราบไหมครับว่า เพลงที่ใช้ในฉากแรกๆปาร์ตี้ในบ้าน เพลงที่ใช้เต้นรำ ครับ จังหวะสนุกๆหน่อย ชื่อเพลงอะไรครับ ขอบคุณครับ


โดย: ez1725 IP: 171.97.148.114 วันที่: 15 กรกฎาคม 2558 เวลา:11:32:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2549
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
22 พฤษภาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.