"Enchanted" ... เทพนิยายรักแท้'ดิสนีย์' ของโฉมงาม สวยใส(เกือบ)ไร้สติ กับเจ้าชาย(ผู้รู้ตัวว่า)หลุดโลก
คุณคงจะเชื่อว่า 'รักแท้' นั้น มีอยู่จริงบนโลกกลมๆ(ทรงเบี้ยวๆ)ใบนี้ ...แต่คุณจะเชื่อมั้ย ถ้าผมจะบอกว่า 'รักแท้' ที่เราตามหา มันอาจจะเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนก็เป็นไปได้ ผมไม่ได้ชี้ชวนให้คุณๆ มามองโลกในแง่ลบกันหรอกนะ... แต่ที่ผมพูดไปอย่างนั้น เพราะผมเชื่อว่า เรื่องบางเรื่องให้มองในแง่บวกโดยตลอดก็คงใช่ที่ ดูได้จากวันนี้ ก็ยังได้ ที่เราจะได้มองเห็นเรื่องราวของความรักอันฉาบฉวยมากมายหลายคณา ...เรื่องบางเรื่องดูเหมือนจะมีความสุขดี แต่ในความลึกลับที่แอบแฝงซ่อนเร้นไว้ก็สามารถย่องเข้ามาบุกทำลายความราบรื่นนั้นได้ลงเพียงแค่เรากระพริบตา ...ถ้าให้คิดถึงเรื่องรักแบบนี้ ก็ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกล ดูทีวีช่อง 5 ตอนนี้ก็เห็นๆอยู่ (ให้มองเรื่องของละครนะ ...อย่าไปมองลึกถึงเรื่องคดีความใดๆให้ปวดเศียรเวียนนางฟ้า) คนบางคนอาจบอกกับผมว่า นั่นมันก็แค่เรื่องของละคร ซึ่งนั่นก็จริง ...แต่ผิดหรือ ถ้าบางทีเรื่องราวของละครจะถูกรังสรรค์แปรเปลี่ยนให้มันกลายเป็นความจริงขึ้นมาได้ ...แล้วคงไม่ผิดอะไร ที่เรื่องบางเรื่องมันก็มีให้เห็นกันอยู่ตามหน้าหนังสือพิมพ์ ...ผัวหึงเมีย เมียหึงผัว ตบตีแย่งคนรัก หรือ ผัวจะอยากมีเมียน้อย เมียใหญ่ก็เลยจัดกระสุนให้ชุดใหญ่ๆตายลั่นบ้าน (และหัวข้ออื่นๆอีกมากมายจะสาธยายได้หมด) ถึงแม้เรื่องราวความรักบางเรื่องจะดูเป็นสิ่งที่เลวร้ายโดยแท้ แต่ยังไงๆ โลกกลมๆ ก็มีด้านสองด้าน... ด้านตะวันส่อง กับด้านที่ไม่มีตะวัน มันต่างหมุนเวียนสลับเวลากันไปเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด ...ไม่ต่างกับความรักที่อาจจะมีเลวร้ายในบางเวลา แต่ในอีกเวลาก็ยังมีตะวันช่วยส่องแสงนำทางให้เราเห็นสิ่งดีงามในตัวของมัน ซึ่งแสงลำหนึ่ง ที่ช่วยส่องให้ตัวเราได้พบเห็นแต่กับ ความรักอันดีงาม มาตลอดหลายช่วงเวลาอันยาวนาน ...ก็คือ แสงตะวันที่ส่องลอดมาจากหน้าต่างปราสาทอันงามงด ที่มีคำว่า "Walt Disney" เป็นตราประทับประดับอยู่ที่หน้าประตูอันคุ้นตา ซึ่งนั่นก็คือเครื่องหมายสัญลักษณ์ ที่คงจะทำให้คุณเคยเชื่อว่า 'รักแท้' นั้น มีอยู่จริงบนโลกกลมๆ(ทรงสี่เหลี่ยมของจอหนัง) ...มันเป็นรักแท้ที่ฉาบไว้ด้วยความหวานเอียนเลี่ยนลิ้น หากกระนั้นก็ยังฉวยไว้ด้วยความซาบซึ้งประทับใจ ที่อย่างน้อยๆก็เคยทำให้เราเชื่อในภาพที่พระนางได้พบกับความสุขชั่วนิรันดร์ในตอนจบ ตอนที่ผมยังเป็นเด็กๆ ...เด็กคนนี้ก็คือคนหนึ่งที่เคยเชื่อว่า ความรัก เป็นสิ่งที่สวยงาม และเราจะต้องพบกับจุดสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความหวานชื่น ...ก่อนหน้านั้นไม่เคยได้คิดเลยว่า ความหวานในช่วงเวลาที่ผ่านพ้นอีกสักพัก ก็มีวันที่ต้องจืดชืดลงไปได้เหมือนกัน ตอนที่ผมยังคงใสๆ ไร้เดียงสา ...ผมคนนี้ก็คือคนหนึ่งที่อยากจะมีเรื่องราววันชื่นคืนสุข แบบที่เหล่าเจ้าชายในหนังแต่ละเรื่องเขาต้องพบเจอกัน ...ก่อนหน้านั้นไม่เคยได้เอะใจว่า นั่นมันคือนืทานหลอกเด็ก ที่เพียงเล่าให้ฟัง เพื่อให้วันๆของเรา มีแต่รอยยิ้มและหลงเชื่อมันอย่างงมงาย จนเมื่อวันนี้ ผมได้ผ่านโลกมาพอควร มีประสบการณ์กับความรักมากขึ้นกว่าวันก่อนๆที่เนิ่นนานมา ...ผมก็คืออีกคนหนึ่งที่จะว่าผิดหวังในสิ่งที่เคยฟังก็ย่อมใช่ แต่ถึงยังไงผมก็เชื่อลึกๆว่่า ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม โดยไม่ต้องจำเป็นที่จุดสุดท้ายของเราจะต้องเต็มไปด้วยความหวานชื่นเฉกเช่น ที่นิทานในวันวานเคยกรอกหู ให้ผมต้องศรัทธา แม้กระทั่งวันนี้ ผมอาจจะโตเกินที่สามารถพีงพอใจอย่างเต็มที่กับเรื่องราวความรักของเจ้าชายและเจ้าหญิงที่สุขสมอารมณ์หมาย จนวันตายจาก ...แต่ผมก็ยังพึงใจที่ ดิสนีย์ เคยเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ที่พึงพยายามสร้างโลกในแง่บวกอันงดงาม และก็ยังคงทำให้ผมจมกับความประทับใจในนิทานสีลูกกวาด โดยไม่สนว่า เรื่องราวในหนังย่อมไม่มีวันจะเกิดได้จริงเป็นอันขาด รวมทั้งกับหนังเทพนิยายเรื่องใหม่ล่าสุด ที่อาจจะเป็นเรื่องราวอันชวนน่าหลงใหลที่ได้หลุดโลกแห่งกาลเวลาไปแล้วในวันนี้ ... "Enchanted" ...อาจจะถือว่าเป็นหนังเทพนิยายของดิสนีย์อีกเรื่อง ที่เต็มไปด้วยความสดใส ซาบซ่าน ที่ฉาบหน้าไว้ด้วยความร่าเริงผ่านเรื่องราว'การ์ตูน'สีลูกกวาด ของเจ้าหญิงและเจ้าชาย ที่ครองรักเพียงใช้ชั่วเวลาอันสั้น พลันเกิดประทับใจเพียงแค่การกระทำอะไรบางอย่างเพียงง่ายดาย ...หากแต่เรื่องราวโดยแท้จริง หลังความประทับใจนั้นเริ่มขึ้น มันก็จบลงและกลับกลายเป็นหนังเทพนิยายที่มี เรื่องราวอันจริงแท้ของ สิ่งมีชีวิตที่เป็น'มนุษย์' เข้ามาเกี่ยวข้อง..."จิเชล" คือ หญิงสาวแสนงามที่ขังตัวเองอยู่ในบ้านป่า(แต่เมืองไม่เถื่อน)... ผู้ร้องเพลงรอคอยจะเจอรักแท้จากเจ้าชายรูปงามที่ควบม้าขาวมาเพื่อรับเธอเข้าสู่ห้องหอปราสาทเรือนยักษ์สมศักดิ์สมศรีที่เธอคาดหวัง ...จนกระทั่งวันนั้นมันก็มาถึง เมื่อมีเจ้าชาย "เอ็ดเวิร์ด" ควบม้าขาววิ่งตามเสียงเพลงอันกังวานใสของเธอ พร้อมยังช่วยปกป้องเธอจากเจ้าอสูรร่างยักษ์ที่วิ่งโล่มารังควานเอาชีวิต(ชนิดที่ไม่ต้องออกแรงใดๆเลยด้วยซ้ำ...ง่ายไปปล่าว!!!) ด้วยเพียงเวลาไม่นานแค่สบตา แล้วความรักก็บังเกิดชั่ววูบ ...และวันต่อมา ทั้งสองก็หมั้นหมายจะเข้างานวิวาห์กันในทันที โดยไม่รีรอจะรู้จักตัวตนของอีกคนจนแน่ใจ แต่มีหรือที่ความรักแสนดีงาม จะไม่เจออุปสรรคอันร้ายกาจมาขวางกั้น ...และนั่นก็เป็นเรื่องที่ต้องเคลียร์อย่างเร่งด่วนของยัยแม่มดราชินี "นาริสซ่า" ที่ต้องกำจัดว่าที่ราชินีคนใหม่ืทิ้งไปให้พ้นทางซะ ...และแผนการที่เลวร้ายของเธอ ก็คือ การส่ง จิเซล เดินทางมาสู่อีกโลกที่จะไม่มีวันได้พบกับความสุขอันชั่วนิรันดร์ ...และนั่นก็คือ โลกของเรา อันกลมๆ(ทรงเบี้ยวๆ)นี่เอง เมื่อตัวละครในโลกเทพนิยาย ดันหลุดจากอีกภพ มามีชีวิตอยู่บนโลกของความจริง ...เมื่อโฉมงามตัวการ์ตูน ผู้สวย ใส (คล้ายจะ)ไร้สติ ดันมีเลือดมีเนื้อ และมีจิตใจดุจดั่งมนุษย์คนหนึ่งพึงมี ...มันจะเป็นอย่างไร ถ้าโฉมงามที่ไร้เดียงสาคนนี้ ต้องเผชิญพบกับอะไรๆที่คนเป็นมนุษย์เขาต้องประสบพบเจอกันจริงๆ ...และสิ่งที่เธอได้พบก็คือ 'ความรัก' ...สิ่งที่อาจไม่ใช่เรื่องแสนงามอันจีรังยั่งยืนเมื่อมีชีวิตและลมหายใจอยู่บนโลกใบนี้ Enchanted ...เป็นหนังดิสนีย์เรื่องหนึ่งที่ผมสนใจเป็นยิ่งๆ ตั้งแต่รู้คอนเซปต์ แถมรู้ล่วงหน้าว่ามันจะต้องออกมาอีหรอบไหนกัน ...แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมอยากรู้มากไปกว่านั้น ก็คือ หนึ่งหนังเทพนิยายเรื่องนี้ จะทำให้ผมรู้สึกเชื่อกับความรักอันหวานชื่นได้อีก เหมือนเคยหรือไม่ และแล้ว สิ่งที่ผมอยากรู้ ก็ได้แสดงตัวออกมาในรูปของหนังโรแมนติก-คอมเมดี้ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่ารัก แสนเย้ายวนชวนให้อมยิ้มจนแก้มแทบแตก ...ในขณะเดียวกัน มันก็ยังมีความซาบซึ้ง มีแง่มุมที่น่าประทับใจแฝงอยู่ในที ...หนังสรุปทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งทำให้ผมยังเชื่อกับวันเวลาอันแสนสุขอีกครั้ง ...แม้จะไม่ได้หมายความ หลังจากฉากจบนั้นก็จะยังเป็นเรื่องที่คงนิจนิรันดร์ก็ตามทีเถอะ ผู้กำกับ "เควิน ลิมา" ทำการแหวกขนบ ปลดเปลื้องประเพณีอันเคยคุ้นของเทพนิยายดิสนีย์ทั้งหลายแหล่ลง ...แลกกันกับการนำแง่มุมความรักที่อยู่บนโลกของความจริงมาเคลือบใส่หน้าหนังอันยังใสแหววคงแนวทางเดิมไว้... ถ้าผู้กำกับไม่อาจสามารถจะคุมโทนทั้งสองส่วนให้กลืนกันได้ ความลงตัวประดักประเดิดก็อาจจะเกิดขึ้นที่ก่อจุดสะดุด ทำให้หนังไม่สามารถเข้าถึงหัวใจคนโรแมนซ์ได้ ...ซึ่ง Enchanted ไม่ใช่อย่างงั้นเลย หนังดูลงตัว กลมเกลียว ความหวานชื่น แฝงแนวคิดของเรื่องอันขื่นๆ ได้อย่างน่าเชื่อ แล้วกับความเป็นหนังคอมเมดี้เอาขำๆ ก็นับว่ายิงได้ผลชนิดไม่มีลูกแป้กกระทบดังกระเทือน... ซึ่งนั่นก็อาจจะไปเกี่ยวเนื่องกับความที่หนังไปหยอกเย้า เร้าเล่นๆ กับบรรดาเทพนิยายสุดอมตะทั้งหลายแหล่ ที่เคยผ่านตาผม และยังคงจำได้มาแทบทั้งหมด ...ถึงเคยดู Shrek แล้วจะรู้สึกมันส์สนั่นกันเหลือแสนรุนแรงกว่านี้ แต่ดิสนีย์ล้อดิสนีย์กันเอง มันก็ยังน่ารักฮาเฮกันเอง อยู่ไม่หยอก...โดยมีหนึ่งฉากที่นับว่าเป็นไฮไลท์ที่ฮาหนักๆ แต่น่ารักยิ่งๆ ที่ผมขอรับประกันว่าคุณต้องยิ้มสถานเดียว... "How that's she know... You love Her... How that's she know ...She's your..." (ใครที่ชอบ Musical ...ฉากนี้ ฉากเดียวโคตรคุ้ม) นอกเหนือจากนั้น ฉากอื่นๆ ก็มีอะไรที่น่ารักๆ อยู่อีกเหมือนกัน... และขณะเดียวกันก็ยังมี บางฉาก ที่แอบแฝงความซาบซึ้งลงไป ชวนประทับใจ อยู่อีกไม่หยอก...ความซาบซึ้งที่ว่า เกิดมาจาก ความรักโรแมนติกของเจ้าหญิง กับเจ้าชายตัวจริงและตัวเป็นๆ...โฉมงาม "จิเซล" ในเรือนร่างของคนจริงๆ ที่ชื่อ "เอมี่ อดัมส์" ...ทำให้เราต้องเชื่อและอินอย่างมหัศจรรย์ กับกิริยาท่าทางประดุจดังหลุดจากโลกเทพนิยายมาจริงๆ ...เธอลอกลักษณะของหญิงสาวที่มองเป็นแต่โลกในแง่ดี ชนิดที่สมจริงจนน่าทึ่ง ...ทั้งความสวย และใส ของ เอมี่ ที่ทำให้ผมต้องตะลึงพรึงเพริดตามิอาจละจากจอ ในขณะเดียวกันนั้นเธอ ก็สามารถปรับตัวเปลี่ยนแปลงความเป็น'จิเซล' จากอีกโลกที่เหมือนไม่มีสติรับรู้อะไร มาสู่อีกโลกที่ได้ละลายพฤติกรรม หล่อหลอมสติ ให้เธอกลายเป็นคนที่มีเลือดเนื้อ และหัวใจที่เรียกว่า 'มนุษย์' ได้อย่างเต็มเต็ง ได้เห็นอย่างนี้แล้วก็ไม่แปลกใจเลย ที่เคยมีคนหมายตาว่าเธอน่าจะได้เข้าชิงออสการ์ ...จะว่าก็เสียดาย ที่สุดท้ายก็ไปได้ไม่ถึง เจ้าชาย "โรเบิร์ต" ในมาดของมนุษย์เดินดินแสนธรรมดา ผู้ที่เหมือนจะไม่แหนงหน่ายเรื่องราวปรัมปรา ..."แพคทริค เดมป์ซี่ย์" สวมบทเป็นตัวละครที่หลุดจากโลก(นิยาย)โดยสิ้นเชิง แต่ในทางกลับกันที่ยิ่งเขาแสดงออกว่าไม่เชื่อ ก็ยิ่งทำให้เราแน่ใจว่าเขานี่แหละต้องเป็นรักแท้(ที่ไม่ไร้สติ)ของ จิเซล เพียงผู้เดียวเท่านั้น ...ด้วยลักษณะของทนายพ่อหม้ายชวนน่าหลง กอปรยังมีภาพคาแรกเตอร์ที่อบอุ่นชุ่มชื่นใจ ...โรเบิร์ต คือ เคมีที่ลงตัว เป็นส่วนผสมแห่งความคิดอุดมคติเพ้อฝันที่มีน้ำหนักเท่าเทียมกันกับความเป็นจริงของชีวิต ความเป็น'โรเบิร์ต'ของเขาทำให้ผมเชื่อมั่นใน จิเซล จะไม่มีทางสามารถขาดซึ่งสารตัวนี้ได้เลย ...เพราะเขาเป็นได้ทั้งลมหายใจ และชีวิตที่ทำเติมเต็มให้จิเซลกลายมาเป็นหญิงสาวสุดมหัศจรรย์ ที่กลมกลืนกับโลกเบี้ยวๆใบนี้ได้อย่างมีความสุขส่วนกับตัวละครบทบาทอื่นๆ ก็นับว่าดีโดยเท่าเทียม ...อาจไม่เด่นไปกว่าพระนาง แต่ก็ช่วยหนุนความสนุกควบคู่ฉากน่ารักกับเทพนิยายบทนี้ได้อย่างเต็มอิ่ม ...ถ้าเกิดขาดพวกเขาไป Enchanted ก็อาจจะพาลเสื่อมมนต์ขลังอันแสนประทับใจ อย่างที่ผมรู้สึกชอบอย่างมากมายเหลือล้น เช่นนี้ก็เป็นได้ "Enchanted" ... ถ้าคุณยังคงเชื่อใน 'รักแท้' และยังอยากพิสูจน์ว่าสิ่งนี้มันจะมีตัวตนอยู่ หรือเป็นแค่สสารที่ลอยล่อง ...หนังเรื่องนี้ท้าให้คุณพิสูจน์ ท้าให้คุณเข้าโรงมาหลงใหลไปกับมนต์เสน่ห์สุดมหัศจรรย์ของเทพนิยายแห่ง 'ดิสนีย์' ที่ยังคงมีชีวิตและลมหายใจเสมอ ...ตราบใดที่เราคือ "มนุษย์" และ เรายังคงมีหวังว่า "ความรักคือสิ่งที่สวยงาม" นี่คือหนังที่ทำให้ผมต้องทนยิ้มอย่างไม่หุบด้วยความจำยอม... แถมยังมีความสุขอย่างมากมายเมื่อหนังจบ จนต้องปรบมือให้กับความมหัศจรรย์น่าหลงใหลในครั้งนี้ ขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ...ครับเกรด A ... { }คุยแหกโค้ง..สุดท้าย Oscar 2008 : การที่หนังได้เข้าชิงออสการ์สาขาเพลงถึง 3 เพลง ไม่ใช่เรื่องที่โอเว่อร์อย่างที่ผมคาด... เพลงทุกเพลงทำหน้าที่ของมันได้ดีจริงๆสมมาตรฐานเพลงประกอบดิสนีย์ โดยเฉพาะ เพลง "So Close" ฟังแล้วขนลุกทั้งน้ำตาเลยทีเดียว ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันความเป็นไปของหนังกับผมทั้งปีหมู แห่ง 2007 ที่ผ่านมา ...ได้สรุปลงสู่บล็อกแล้ว ขอเชิญติดตามความประทับใจของผม OncE UPoN'-'a MaN ตามติดทั้ง 5 สาขา และร่วมให้คอมเมนต์ แห่งความประทับใจของคุณกันได้ครับผม ดู{หนัง} วิธ มายเซลฟ์ [The Best of 2007] 10 หนังดูที่'โรง'สุดประทับใจ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=16-01-2008&group=9&gblog=14 5 หนังดูที่'บ้าน'สุดประทับใจ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=12-01-2008&group=9&gblog=13 5 หนัง'โรง'อยากลืมเป็นที่สุด //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=10-01-2008&group=9&gblog=12 5 ฉากน่าจดจำในหนังสุดประทับใจ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=09-01-2008&group=9&gblog=11 15 การแสดงยอดเยี่ยมในหนังสุดประทับใจ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=onceupon&month=07-01-2008&group=9&gblog=10 ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 28 มกราคม 2551
Last Update : 29 มกราคม 2551 1:53:41 น.
13 comments
Counter : 15130 Pageviews.
โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:13:32:51 น.
โดย: lak IP: 125.27.93.46 วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:15:12:03 น.
โดย: Nukaew IP: 58.8.21.120 วันที่: 28 มกราคม 2551 เวลา:23:33:53 น.
โดย: nanoguy IP: 125.24.76.12 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:2:05:03 น.
โดย: Onlineza วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:20:10:28 น.
โดย: BoOKend วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:13:48:40 น.
โดย: little bear IP: 202.44.8.100 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:23:39:10 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:55:33 น.
โดย: mutineer IP: 203.146.133.10 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:11:34:49 น.
โดย: เเ IP: 119.42.65.32 วันที่: 6 มิถุนายน 2551 เวลา:11:54:23 น.
โดย: ฝ้าย IP: 118.172.171.97 วันที่: 18 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:17:41 น.
โดย: ณ ที่นี้มีความรัก IP: 203.172.210.225 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:12:59 น.
โดย: ฮองเฮา IP: 118.174.81.9 วันที่: 9 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:02:08 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31
ตั้งใจจะไปดูเรื่องนี้แหละ
หายป่วยมะไหร่จะไปเยี่ยมโรงหนังทันที