"The Spiderwick Chronicles" ... ตำนานมั่วๆ ที่สนุกชัวร์ ไม่มั่วนิ่ม
โปรโมตสักนิด ปล่าวประกาศสักหน่อย
นอกไปจากการเริงรมย์ Bloggang ตะแร๊ดแต๊ดแต๋ที่ พันทิพ แล้ว ...ตอนนี้ นาย OncE UPoN'-'a MaN คนนี้ มีสถานที่ของคนรักหนังแห่งใหม่มาชวนให้คุณๆไปเถิดเทิงด้วยกันครับ
//vreview.yarisme.com
Vreview = We review = การรวมบทความรีวิวเกี่ยวกับหนังของแต่ละคน อาทิเช่น อัพเดตรีวิวสั้นๆถึงหนังโรงที่ได้ดูพร้อมคะแนนเพื่อช่วยตัดสินใจ พร้อม link ไปอ่านฉบับเต็มของแต่ละคน หรือ รีวิวเต็มๆตามสไตล์ใครสไตล์มัน
ผม OncE UPoN'-'a MaN คนนี้ คือคนหนึ่งที่ได้รับโอกาสมาอยู่ในทีม Vreview นี้อันประกอบไปด้วยสมาชิกอีก 5 คน คือ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" (คุณหมอเป็นโต้โผใหญ่ในการนี้) , "บลูยอชต์" , "Nanoguy" , "renton_renton" และ "เทพบุตรตบะแตก!!" ...พวกเราทั้ง 6 มีหน้าที่ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว คือ การมาร่วมอัพเดทเปิดประเด็นคุย ให้รีวิวถึงอะไรก็ได้ที่เรียกว่า "หนัง" เพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้พวกเราและคุณๆคนรักหนังได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน
ก็ขอเชิญชวนคนรักหนังทุกๆท่าน มาร่วมคุยร่วมแจม ณ ที่บล็อกแห่งนี้กันครับ ...และ Toyota Yaris เจ้าของบล็อก ฝากบอกมาว่า ถ้าเราไปร่วมรวมตัวเป็นกลุ่มเป็นก้อนใหญ่ๆแล้ว เขาจะจัดกิจกรรมดีๆ ให้เราได้มาสนุกกันจริงๆจังๆอีกด้วยนะ
"The Spiderwick Chronicles" ...นับเป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่เราได้ดูหนังที่มีต้นกำเนิดมาจากนวนิยายเยาวชน ซึ่งเข้าขั้นฮอตฮิตจนต้องมีคนริหยิบเอามาสร้างเป็นหนังสักหน่อยเหอะ ...แม้มันอาจจะเป็นอะไรที่เกร่อไปแล้วสำหรับคอหนัง แต่คนสร้างก็คงคิดเข้าข้าง อย่างน้อยๆคอหนังสือที่เคยอ่านก็น่าจะทำให้หนังฮิตได้บ้างแหละ
ตัวผมเป็นคอหนังคนหนึ่งที่ในวันนี้ ค่อนข้างจะรู้สึกเฉยๆ กับการสร้างหนังจากนิยาย ที่ถ้าให้นับในช่วงเวลาให้หลังมาจาก พ่อมดแผลเป็นสายฟ้าภาคแรกที่ประเดิมเปิดยุคทองเป็นต้นมา จนกระทั่งตอนนี้ ก็จำไม่หมด ว่ามีเรื่องอะไรที่ถือกำเนิดมาบ้าง ...แล้วก็ไม่ทราบว่าด้วยอานิสงส์ที่หนังไตรภาคแห่งแหวน สามารถปิดท้ายตำนานด้วยการกวาดออสการ์อย่างเรียบยุทธ์ด้วยหรือเปล่า จึงทำให้เหล่าบรรดาผู้สร้างสตูดิโอใหญ่ๆตาร้อนผ่าวๆ พากันเฮโลเททุนสร้างหนับหนุนให้เกิดหนังแนวๆแฟนตาซีขึ้นมาอีกมากมาย... แต่ไม่่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดที่ทำให้เกิดกระแสขึ้นมาได้ ก็คงต้องมองว่า มันก็เพียงผิวเผินในช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อถึงวันหนึ่งมันก็ต้องหมดมนต์เสน่ห์ไปเป็นธรรมดา... (อันนี้มันถือเป็นเรื่องของความรู้ึสึกคนทั่วๆไป ที่มักจะฟีเวอร์กันเป็นพักๆ แล้วก็ร้างลาเลิกคิดถึงมันไป)
แต่เอาเหอะ แม้วันนี้จะยังมีหนังแนวนี้ กำเนิดเกิดมาอยู่เรื่อยๆได้อีก จนเกิดความเฉยชาตายด้าน ...หากถ้าหนังสักเรื่องจะมีอะไรที่ทำให้ไม่ตายจากความน่าสนใจ มันก็คือเรื่องที่เราไม่อาจจะเมินเฉยไปกันโดยง่าย ...และตำนานสไปเดอร์วิค ก็มีอะไรบางอย่าง ที่มีอิทธิพลมากพอจะดึงดูดให้ผมรู้สึกอยากรู้อยากเห็นความน่าสนใจในตำนานสไปเดอร์วิคของผม ไม่ใช่ในฐานะที่เป็นคอหนังสือคนหนึ่งที่เคยอ่านมา หากเป็นเพียงคนดูหนังอีกคนหนึ่งที่เคยได้ยินคนเคยอ่าน เขาบอกว่าสนุก ...ทั้งในตัวอย่างหนัง ก็มีจุดเด่นบางอย่างที่ผมรู้สึกได้ ว่าคงมีอะไรที่มากไปกว่าการเป็นหนังแฟนตาซีดูเอาเพลินอีกเรื่อง (แอบคิดไกลด้วยซ้ำว่า มันจะออกมาดรามาหนักๆ ครือกับ Bridge to Terabithia หรือเปล่าหว่า?)
และจุดเด่นที่ว่า มันก็ออกมาชัดเจนในความต้องการ ...เพราะเรื่องราวของ ตำนานสไปเดอร์วิค มีแก่นสำคัญที่พูดถึง ครอบครัว เดินคู่ขนานไปกับเนื้อหาแฟนตาซีจ๋า พาจินตนาการโลดแล่น ...และครอบครัวของ ตำนานสไปเดอร์วิค ก็แบ่งออกเป็น 2 ตระกูลที่มีความแตกต่างในลักษณะ หากก็มีจุดเชื่อมที่ทำให้พวกเขาได้มาพบกัน
ครอบครัว "เกรซ" เป็นครอบครัวเล็กๆที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน อันมี แม่ พี่สาว และน้องชายฝาแฝดอีกสอง ...จะขาดก็ซึ่ง พ่อ ที่หนีไปมีเมียใหม่ แล้วทิ้งให้พวกเขาต้องเผชิญกับความทุกข์อันก่อเกิดความไม่อบอุ่นในสายใยของคนทั้ง 4 ที่เหลืออยู่... และนั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ ผู้ใหญ่คนเดียวอย่างแม่ ตัดสินใจจะทิ้งความทรงจำเก่าๆ ในบ้านหลังเดิมในเมืองใหญ่(นิวยอร์ค) มาหาความสงบสุขเงียบๆที่บ้านของญาติในย่านชนบท เพียงหวังว่ามันจะช่วยเชื่อมใจทั้ง 4 ให้คืนมากลมเกลียวอีกหน โดยไม่จำเป็นต้องมีพ่อมาต่อเติม
ครอบครัว "สไปเดอร์วิค" เป็นครอบครัวเล็กๆที่ประกอบด้วยสมาชิก 3 คน อันมี พ่อ แม่ และลูกสาว อยู่ร่วมกันอย่างครบถ้วนกลมเกลียว... จะเสียก็แต่ คนเป็นพ่อ "อาร์เธอร์" ผู้นำของบ้าน มักจะหมกมุ่นอยู่แต่กับทฤษฎีโลกคู่ขนาน ที่เขาเชื่อว่าบนโลกของเรายังมีสัตว์ประหลาดต่างๆนานา ที่ล่องหนกายอยู่รอบตัวเรา และเขาก็ดั้งด้นค้นหามันอย่างบ้าคลั่ง จนถึงขั้นเขียนหนังสือคู่มือ ขึ้นมา ...แล้วในวันหนึ่งก็เกิดเรื่องร้าย เมื่ออาร์เธอร์รู้อะไรมากเกินไป และด้วยเหตุฉะนั้นจึงทำให้เขาต้องหายตัวสาปสูญไป ต่อหน้าต่อตาลูกสาว ...ที่โตขึ้นมาเป็นป้า "ลูซินดา" ของเด็กๆตระกูลเกรซ ซึ่งกลายเป็นคนสติเลอะเลือน และพร่ำเพ้อถึงเรื่องที่คนทั่วไปไม่สามารถเข้าใจได้
จนแล้วเมื่อความซนและไม่เชื่อฟังของ "จาเร็ด" ฝาแฝดคนพี่ เป็นเหตุ ...ก็ทำให้โลกเทพนิยายซึ่งไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า ปรากฏเกิดขึ้นรอบๆบ้าน ตระกูลสไปเดอร์วิค อีกครั้ง หลังจาก 80 ปีที่หายไปของปู่ทวดอาร์เธอร์ ...และด้วยเหตุฉะนั้นแล้ว นี่จึงเป็นเรื่องที่ครอบครัวเกรซต้องจัดการแก้ไขกันโดยด่วน เพราะในโลกลึกลับแอบซ่อนแห่งนี้ ยังมีศัตรูสุดร้ายกาจนาม "มัลกาแร็ธ" รอคอยจะจัดการทุกๆคนที่เข้ามาข้องเกี่ยวกับโลกที่มันเชื่อว่าเป็นของมันเพียงผู้เดียว
จากที่ผมเคยดูหนังของผู้กำกับ "มาร์ค วอเตอร์ส" อย่าง Mean Girls และ Freaky Friday มาก่อน (หนังสองเรื่องที่เคยทำให้ ลินด์เซย์ โลแฮน มีอนาคตไกล ...แต่ในวันนี้มันอาจไม่ใช่อย่างงั้นแล้ว) ...ก็คิดไม่ออกว่าความถนัดในหนังเชิงคอมเมดี้-ครอบครัว จะถูกนำมาปรับใช้ในเรื่องราวแฟนตาซีจ๋า ที่เขาเข้ามาเป็นหน้าใหม่ ในอีหรอบไหน ...แต่พอได้ดูหนัง ก็สิ้นซึ่งความสงสัยลงไปถนัด และนับว่าเป็นการคัดเลือกที่เหมาะสมมาก ในการเล่าเรื่องของผู้คนที่ได้เรียนรู้ชีวิตผ่านประสบการณ์แบบแก่นเซี้ยว ทั้งขณะเดียวกันก็เอาอยู่กับความเป็นแอดเวนเจอร์ ในช่วงจังหวะที่หนังต้องการให้เราลุ้น ซึ่งบิวต์อารมณ์ให้ตามติดอย่างใจหายใจคว่ำไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนที่ผมชอบหนักๆ ในหนังเรื่องนี้ คือ พาร์ทเรื่องที่พูดถึง ครอบครัว ...หนังใช้ความเป็นแฟนตาซีอย่างมีประโยชน์ โดยการเปิดโลกจินตนาการให้ครอบครัวตระกูลเกรซได้เดินเข้าไป และปล่อยให้พวกเขาต้องเจอกับสถานการณ์ที่จำเป็นกับการรวมพลังให้เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งนั่นเป็นวิธีลัดในการสมานรอยร้าวของทุกๆคนได้อย่างไม่รู้ตัว ...แล้วที่ผมมองว่าล้ำลึกยิ่งกว่า ก็เป็นในส่วนเรื่องของพ่อ-ลูก สไปเดอร์วิค ที่ต้องพลัดพรากจากกัน เพราะคนเป็นพ่อสนใจกับสิ่งอื่นมากกว่าลูกของตัวเอง ซึ่งนั่นดูจะเป็นเรื่องที่มันออกจะรวดร้าวใจเสียยิ่งกว่า การสูญเสียพ่อที่สนใจแม่คนใหม่ไปของพี่น้องเกรซเสียอีก ...การเข้ามาของคนตระกูลเกรซซึ่งต้องเผชิญหน้าในเรื่องที่ปู่ทวดสะสางยังไม่เสร็จ ก็กลายเป็นวิธีลัดที่ช่วยแก้ไขเรื่องของคนตระูกูลสไปเดอร์วิค ร่วมกันอีกด้วย...ด้วยเหตุฉะนั้นแล้ว เมื่อเรื่องราวของตำนานสไปเดอร์วิค ได้เดินมาถึงฉากสุดท้ายของมัน ถ้าใครไม่มีน้ำตาให้กับฉากสุดซึ้งฉากนี้ ก็นับว่าคุณมีใจแข็งหนักแน่นเช่นหินเลยทีเดียว
การแสดง ของเจ้าหนู "เฟรดดี้ ไฮร์มอร์" ที่เคยเรียกความประทับใจจากเราในหนังดีๆอย่าง ชาร์ลีกับโรงงานช็อกโกแลต หรือ Finding Neverland อาจจะเรียกว่า เก่งได้แล้ว... แต่ในผลงานชิ้นใหม่ที่ท้าทายความสามารถอย่างสูงกับบทพี่น้อง "จาเร็ด-ไซมอน" ฝาแฝดเกรซ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังใดๆ แถมยังจะออกมาเนียนมากด้วยซ้ำ กับการตีคาแรกเตอร์ได้แตก แยกบุคลิกลักษณะได้น่าเชื่อ โดยไม่จำเป็นต้องมีจุดตำหนิอะไรมากมาย ที่ทำให้เราจำว่าใครเป็นใคร ...นี่แหละคือ ดาราเด็กตัวจริงที่ต้องจับตาดูให้ดี เพราะอนาคตที่สดใสกว่านี้ยังรอคอยเขาอยู่ข้างหน้า ผมเชื่ออย่างนั้น (หวังเพียงจะไม่เสียเด็กตามรุ่นพี่ ลินด์เซย์ ไปแล้วกัน)
เหล่าตัวละครซีจี กับเทคนิคภาพที่ได้เห็นในหนัง ถือว่า เยี่ยมในระดับมาตรฐานหนังแฟนตาซีทุนสูง ...แต่ที่ทำให้ผมติดใจกับมนต์เสน่ห์ของจินตนาการในหนังมากกว่า ก็คงเป็น สองตัวละครขโมยซีนอย่าง เจ้าหมูป่า "ฮ๊อกสควีล" กับก็อบลินจิ๋ว "ทิมเบิลแท๊ค" (ออกฉากเมื่อไหร่ มีฮาเมื่อนั้น) และเหล่าภูตดอกไม้ ที่สวยงามน่าเชยชม เสียจนอยากมีมนต์เสกให้พวกเธอมีชีวิตเคลื่อนไหวได้จริง บนโลกอันแห้งเหี่ยวใบนี้
"The Spiderwick Chronicles" ...แม้ตัวผมจะไม่เคยได้อ่านเรื่องราวตำนานอันไม่มีจริง(มั่วนิ่มในประวัติศาสตร์..แต่งขึ้นล้วนๆ) ในแบบฉบับหนังสือมาก่อนหน้า แต่ก็ขอ(บังอาจ)เชื่อว่า ถ้าเคยลองได้อ่านก่อน ผมก็น่าจะยังสนุกไปกับตัวหนังมากอยู่ดี ...แต่ถ้าให้ประเมินผลกับการที่ได้เพลิดเพลินจากการดูหนังอันสร้างจากนิยายแฟนตาซีซึ่งผ่านมาในรอบปีสองปีนี้ ...ผมก็ขอ(บังอาจ..ยิ่งกว่า)ยกให้ ตำนานสไปเดอร์วิค เรื่องนี้ เป็นหนังที่ดูสนุกที่สุด และดีที่สุด ในหมู่มวลของพวกนี้ทั้งหมด
ขอแนะนำ...ครับ
เกรด A- ... {}
ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน
ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 21 มีนาคม 2551 |
Last Update : 21 มีนาคม 2551 12:13:36 น. |
|
8 comments
|
Counter : 5838 Pageviews. |
|
|
|