+-+ OncE UPoN'-'a MaN +-+ รักนะ.. คนอ่าน เข้ามาดู.. โดนใจ ออกไป.. อย่าลืมกัน
Summary for Best of the Year 2012 ..Please CLICK!!
“Red Cliff” ... ‘โจโฉ แตกทัพเรือ’.. โดย ‘จอห์น วู’ ผู้(กล้า)แตกต่าง



หลายๆคนคงจะเคยจำกันได้ ว่าในครั้งเรียนประถมถึงมัธยม คงจะคุ้นเคยกับการได้อ่านตำราเรียนในหนังสือภาษาไทยเพื่อฝึกการอ่าน ..และคงจะพอจำกันได้ ว่าในครั้งนั้น เราก็อาจเคยได้อ่าน บทเรียนที่คุณครูบอกเราว่า “นี่คือ หนึ่งในตำนานพงศาวดารของจีนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” และให้เรารู้จักมันอย่างขึ้นใจว่า “สามก๊ก”

เรื่องราวของสามก๊กที่เราๆรู้กัน คงจะเหมือนๆกัน ที่ได้เริ่มต้นจากการที่มี คนสามคน ผู้ที่เป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน ได้ร่วมกันคิดการใหญ่จะต่อต้าน ผู้หาญกล้าเป็นอริราชศัตรูแห่งแผ่นดินตอนเหนือของจีน ซึ่งพยายามจะเข้ามายึดครองดินแดนที่พวกเขารัก โดยการยอมสวมหัวโขนเป็นกบฏ และแต่งตั้งกลุ่ม “โจรโพกผ้าเหลือง” ขึ้นมา เพื่อต่อสู้กับศัตรูเหล่านั้นอย่างหาญกล้า และไม่รักตัวกลัวตาย เหมือนจะลืมไปว่า ความจริงแล้ว พวกเขาก็แค่ชาวบ้านธรรมดาๆที่ไม่มียศถาบรรดาศักดิ์ใด ประดับความเก่งกาจเอาไว้เลย...

และจากจุดนั้นเป็นต้นมา มันก็ได้ขยายเรื่องสร้างราวเสียใหญ่โต ให้กลายเป็นมหากาพย์แห่งสงครามบนแผ่นดินมังกร ..ที่ลามลุกจากสิ่งละอันพันละน้อยแบบกองโจร ได้ค่อยๆใหญ่โต จนกลายเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีที่กินไม่ได้ ของคนที่เป็นผู้นำ ...แล้วมันก็ได้มาถึงจุดแตกหัก เมื่อแผ่นดินสามส่วนของจีน ต่างก็มีเงื่อนไขความอยากยิ่งใหญ่ของตัวเองด้วยกันทั้งนั้น และจากนั้นมันก็พาให้เกิดการแตกแยก กลายเป็นแผ่นดินคนละผืน ที่ให้ยืนหยัดอยู่ด้วยกันไม่ได้

สำหรับใครที่เคยได้อ่าน สามก๊ก ในฉบับของพงศาวดารกันมาก่อน ..คงจะเป็นที่รู้กันดีถึง การมีบทบาทเป็นพระเอกในตำนาน ของสามสหาย ที่สาบานกันเป็นพี่น้องร่วมตาย อย่าง “เล่าปี่” “กวนอู” และ “เตียวหุย”...สามกำลังสำคัญที่เป็นตัวหมาก ช่วยขับเคลื่อนความเป็นไปของสงครามสามทัพ ด้วยกลยุทธ์ กลวีธีในการรบที่ล้ำลึกไปด้วยการหาช่องเอาชนะ และสร้างแต้มต่อให้กับตัวเอง ไม่ว่าจะต้องพึ่งสมอง และการกระทำ หรือลองเสี่ยงดวงไปตามสถานการณ์รอบด้านมันนำพา



แต่ส่วนสำคัญที่สร้างความสนุกของพงศาวดาร ได้ไม่แพ้กับผู้เป็นพระเอก ยังจะต้องมี ฝ่ายที่เป็นศัตรู รวมอยู่ในนั้นด้วย ..และ สามก๊ก ก็มีเสน่ห์ตรงที่ ผู้ต่อสู้ของ 3 พี่น้อง คือ ผู้ที่มีศักดิ์และศรีไม่ลดละไปกว่ากัน อย่าง “โจโฉ” แห่ง “วุยก๊ก” และ “ซุนกวน” แห่ง “ง่อก๊ก”... คนแรก คือ ผู้จุดชนวนแห่งแผ่นดินมังกรต้องลุกเป็นไฟ ส่วนคนหลัง คือ อดีตมิตรสหายร่วมศึก ที่มีการต้องแตกหักกัน และกลายเป็นศัตรูอีกหนึ่ง ให้อย่างเลี่ยงไม่ได้

และที่มาของการแตกหัก นั้นก็มีส่วนเกี่ยวข้องส่วนหนึ่งกับ ศึกสงครามครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ที่เราคงคุ้นเคยมิใช่น้อย ในการเรียกขานกันว่า “ศึกผาแดง”

ศึกผาแดง มีจุดเริ่มต้นมาจากการพยายามรุกราน “จ๊กก๊ก” (นำโดย เล่าปี่) ของ โจโฉ ที่หวังจะรวบยอดแผ่นดินทั้งหมดให้ตกอยู่ในอาญาสิทธิ์ของเขาเพียงผู้เดียว ..ขณะที่จ๊กก๊ก สามารถหลุดรอดมาจากการพยายามตามล่าของ วุยก๊ก มาได้อย่างหวุดหวิดพร้อมกำลังพลอันน้อยนิด เล่าปี่ จึงได้เกิดความคิดที่จะหาพันธมิตรที่ให้ความไว้วางใจได้ มาร่วมในการศึกนี้ และ ง่อก๊ก ก็กลายมาเป็นตัวเลือกที่ดี ตัวหนึ่ง เพราะ นี่ก็คือที่อีกที่หนึ่ง ซึ่งโจโฉ หวังจะครอบครองมาไว้กับตัวอีกด้วยเช่นกัน



แต่ด้วยความที่ ซุนกวน ..ผู้ปกครองแห่ง ง่อก๊ก เป็นคนที่รักสงบ พยายามจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการสงคราม ให้เป็นความเดือดร้อนแก่แผ่นดินตัวเอง ...ผู้ที่เล่าปี่ ส่งเป็นตัวแทนไปเจรจา อย่าง “ขงเบ้ง” จึงต้องเปลี่ยนการไปลองตะล่อมเอากับ “จิวยี่” แม่ทัพแห่งง่อก๊ก ที่มีศักดิ์ศรีเป็นรองซุนกวน อีกทีหนึ่ง ..และมันก็ได้ผล จนที่ ซุนกวน ยอมจะแหกกฎของตัวเอง เพื่อให้ความสงบสุขของบ้านเมืองจะได้บังเกิดในที่สุด

แต่ปัญหาก็ยังไม่จบเพียงแค่ สองก๊ก ยอมจับมือช่วยกัน ...หากที่น่ากังวลกว่านั้นหลายเท่า ก็คือ ความจริงที่ว่า วุยก๊ก มีกำลังทหารนับแสน รอท่าป้องปราบอย่างไม่ย่อท้อ ขณะที่ก๊กทั้งสอง ได้มารวมกันแล้ว ก็ยังมีคนเพียงหยิบมือในหลักหมื่นเท่านั้น

ฉะนั้นแล้ว จ๊กก๊ก และ ง่อก๊ก จึงจะเหลือความสามารถเพียงก็แค่ การใช้สมองให้ล้ำและเลิศกว่าอีกข้าง ทั้งต้องสร้างสามัคคีให้เกิดขึ้นในกันและกัน ..อันจะพาชัยชนะให้เกิดขึ้นได้อย่างสมศักดิ์ศรี



บทสรุปของ ศึกผาแดง คงจะเป็นที่เลื่องลือ รับรู้ ไปแทบหมดแล้ว สำหรับผองเราที่คงจะเคยอ่าน มันเป็นบทเรียนบทหนึ่งสำหรับวิชาภาษาไทย ..หรือกระทั่งกับคนที่หวังจะเอาชนะศึกทุกศึกในชีวิตได้ เพียงเพราะเชื่อว่า ‘อ่านสามก๊ก ครบสามจบ ครบไม่ได้’ อย่างที่ใครต่อใครเขาเล่าลือ ก็คงจำ สงครามคราวนี้ได้ ขึ้นใจเช่นกัน

แต่สำหรับการทำมันขึ้นมา และเล่าอีกคราวด้วยการสร้างเป็นหนังฉายโรง (โดยก่อนหน้า เคยมีเป็นหนังทีวีมาก่อนแล้ว) ..ก็ยังต้องถือเป็นความตื่นเต้นได้อยู่ โดยเฉพาะกับการที่ได้เห็นชื่อของยอดผู้กำกับแห่งแผ่นดินมังกร (ผู้เคยโกฮอลลีวู้ดได้แปบๆ ก็จำใจต้องม้วนเสื่อ หอบหมอนใบ กลับบ้านเกิด) อย่าง “จอห์น วู” เป็นเจ้าของเครดิตในการนี้

แม้จะไม่เชิงว่าเป็นสิ่งที่ผมรอคอย ได้เห็นการกลับมาของผู้กำกับท่านนี้เสียเท่าไหร่ ...แต่ถ้าให้ปฏิเสธว่า ผมเฉยๆ กับการจะได้เห็น ศึกแห่งสามก๊ก ที่สนุกที่สุดอีกครั้งหนึ่ง ออกมาเป็นหนังอย่างนี้แล้วละก็ คงทำใจไม่ได้ครือกัน



ฉะนั้นแล้ว ความคาดหวัง จึงเป็นเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นมาอย่างเป็นธรรมชาติในครานี้ ..และมันก็คือ ความคาดหวัง ที่เชื่อว่า อดีตเจ้าพ่อหนังบู๊แห่งเกาะฮ่องกง จะกลับมาทวงศักดิ์ศรีความเป็นผู้กำกับมือฉมังคืนได้ ด้วยการกลับมาทำหนังที่สเกลใหญ่ ไม่แพ้กัน(กับฮอลลีวู้ด) แต่มีความเป็นตัวของตัวเองครบครัน เพราะความคุ้นเคยกับความเป็นเอเชีย คือสิ่งที่ไม่น่าพลาดไปได้กับเขาคนนี้

ยิ่งตัวเรื่องราวของมัน ได้รับการกำหนด ให้เป็นความสนุกอันดับต้นๆ ของพงศาวดารใหญ่ยักษ์ที่อยู่ในมือของเขาด้วยแล้ว ..หนังเรื่องนี้จึงอาจถือเป็น เข็มทิศชีวิต ในแวดวงการทำหนัง ของ น้าวู ได้เช่นกัน ...สุดท้ายจะชี้ไปทางดี หรือร้าย ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินของคนดู ว่าจะให้เขาได้เดินไปต่อ หรือว่าขอให้พอจะดีกว่า ได้เลยทีเดียว

ซึ่งเมื่อบทสรุปของ “Red Cliff” ทั้งสองภาค ได้ถูกฉายออกมา ผ่านตาของผม เสร็จสิ้นไปแล้ว ...ก็ได้เวลาที่จะขอร่วมเป็นอีกคนที่ยืนและยันว่า จอห์น วู ..คุณได้ไปต่อ!



ถึงแม้ว่า ศึกผาแดง บนจอหนังครานี้ จะได้รับการค่อนขอดจากสาวกตัวจริง ว่ามันมีการดัดและบิดเรื่องราวให้ผิดและเพี้ยนไปจากที่เคยเป็นอยู่ไม่น้อย ...แต่ถ้ามองในแง่ว่า นี่คือ หนังที่ถูกแปลงจากนิยายอย่างให้ความเคารพ ไปพร้อมๆกับการเปลี่ยนบางสิ่งบางอย่างให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่เป็นไปได้ ..ผมมองว่า Red Cliff ทำได้ดีอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว

ซึ่งบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้น เมื่ออยู่ในนิยาย มันอาจจะพอยอมความกันได้ เพราะจินตนาการในการนึกภาพตาม ก็ช่วยให้คล้อยไป ..แต่ถ้าลองให้บางสิ่งบางอย่างเหล่านั้น ได้มาอยู่บนจอ พร้อมกับภาพพจน์ของหนังที่ขึงขัง และห้าวหาญ มาแต่เริ่มต้น มันคงจะเป็นอะไรที่ดูขื่นๆ มากกว่าจะชวนเชื่อได้ทั้งร้อย

ให้ยกตัวอย่างว่า ...ถ้า ขงเบ้ง ยังคงมีภาพของกุนซือผู้ครุ่นคิด ซ้อนทับไปพร้อมๆกับการหยั่งรู้ฟ้าดิน คล้ายว่ามีมนต์สะกดทุกสิ่งทุกอย่างให้เป็นไปตามใจอยากได้ เช่นในหนังสือ ..มันก็คงจะบั่นทอนความหลักแหลม ของตัวละครนี้ลงไปไม่น้อยได้เหมือนกัน

ซึ่งนั่น มันเป็นส่วนหนึ่งที่แสดงถึงความหลักแหลม ของบทหนัง ที่คงได้ผ่านการคิดมาเยอะ ..และพยายามจะเปลี่ยนขนบบางอย่างที่เคยมีของสามก๊ก ให้ออกมาอยู่ในรูปของหนังสงครามอีกเรื่องหนึ่ง ที่ขายความจริงจังในสถานการณ์ จนแทบจะไม่ต้องใช้ ความเป็นสามก๊ก มาเป็นข้อกำหนดใดๆก็ยังได้



ซึ่งไม่ว่า Red Cliff จะได้รับการกำหนดมาแต่ต้นให้แบ่งเรื่องตัดราว ออกมาเป็นภาค ได้สองภาคเช่นนี้ ..หรือความต้องการจริงๆ จะอยากคงสภาพเป็นหนังภาคเดียวยาวๆกันไปเลยก็ตาม ...มันก็ไม่จำเป็นที่คนดูทุกคนจะต้องรับรู้ ว่า เคยมีนิยายชื่อ สามก๊ก อันเป็นที่มาของหนัง(ทั้งสอง)เรื่องนี้ ..ให้เรียกว่า สามารถดูรู้เรื่องได้ในระดับหนึ่ง โดยแทบไม่ต้องเรียกร้อง รายละเอียดอื่นๆที่นอกเหนือกว่านี้อีก ก็ใกล้เคียง

เพราะสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของแต่ละส่วนที่เป็น สามก๊ก ได้รวมมาไว้อยู่ในตัวหนังนี้ แทบจะทั้งหมด ..ไม่ว่าจะเป็นส่วนของตัวละครที่มีหัวจิตหัวใจ ความคิด การกระทำเป็นของตัวเอง (ซึ่งแม้อาจจะถูกลด หรือยกระดับบางอย่างขึ้นมา เพื่อใกล้เคียงความเป็นคนจริงๆ อีกทีหนึ่งก็ตาม) อีกทั้งรสชาติของกลศึก การต่อสู้ และแลกชั้นเชิง ที่เป็นเอกภาพ อันเหมือนพ้องกับที่ในนิยายเป็นไปพอสมควร

ซึ่งจุดนี้ ถือว่า ตัวหนังได้ทำการเคารพต้นฉบับอย่างที่สมควร ..และเป็นความสมควรที่ผมไม่รู้สึกว่า มีความผิดธรรมชาติ อย่างกรณีนิยายเป็นหนังเรื่องล่าสุด(ที่ไม่ไกลจากเรา) อย่าง “ความสุขของกะทิ” ทำให้ผมรู้สึก

คนเขียนบท ที่สามารถเก็บรายละเอียดความเป็น สามก๊ก เอาไว้ได้ ..แล้วดัดแปลงไปโดยสร้างความรู้สึกที่ผิดแผก แต่คงความไม่แตกต่าง ก็ถือว่า สอบผ่านได้คะแนนในเกณฑ์ดี ...แม้จะว่าไป ว่าบางตอน บางช่วง ที่เกิดในหนังทั้ง 2 ภาค อาจจะทำยังออกมาเบื่อๆ ให้เกิดอารมณ์เรื่อยๆ เอื่อยๆ อยู่หลายคราว (โดยเฉพาะใน ภาคแรก.. ที่เน้นปูเรื่อง จนบางที ก็มีฉากที่ไม่เชิงว่าจำเป็นต้องมี)

ซึ่งถ้าหนังตัดความเยิ่นเย้อบางประการออกไปบ้าง ..ก็น่าจะเป็นผลให้คะแนนด้านความสนุกอย่างต่อเนื่อง ออกมาว่าดีมากก็ย่อมได้



แต่ถึงอย่างไร ความสนุกที่เป็นอยู่ จากการกำกับของน้าวู... ก็ถือว่าเป็นการคืนฟอร์มดี สมกับการถูกยกย่องว่าเป็นเจ้าพ่อหนังบู๊คนหนึ่งได้เลย

ฉากสงครามหลายๆฉาก สามารถสร้างไฮไลท์ให้กับตัวเองได้ และในหลายครั้ง ที่หนังทำให้ฉากนั้นๆ ออกมาพีค ให้เป็นความน่าลุ้น น่าตื่นเต้น ...ยิ่งบวกรวม กับการขับเคี่ยว ทางกลยุทธ์ นอกเวลารบ ที่ตัวละครสองฝักสองฝ่าย พยายามข่มใส่กัน ไม่ว่าจะทางปฏิบัติ หรือจิตวิทยา ก่อนจะเปิดฉากสู้ ก็ยิ่งทำให้เราได้เห็นความสูสี ของคู่ปรับในตำนานคู่นี้



อย่างภาคแรก ก็มี กลศึกทัพแปดเหลี่ยม เป็นไม้เด็ดของ ฝั่งพระเอก ที่ทำเอา ผู้ร้าย เสียศูนย์ไปไม่น้อย ..ในภาคสอง ก็ต้องยกยอดให้ฉากสงครามกลางนาวา เป็นไม้ตาย ที่สมควรแก่การขจัด โจโฉ ให้พ้นทางไปได้นานพอควร (จากที่นิยายได้ว่าเอาไว้) ...หากเป็นใครพลาดพลั้ง จากสองศึกนี้ รวมกัน แล้วไม่เสียสุนัข ก็นับว่าเก่งขั้นเมพเลยทีเดียวเชียว

แล้วยังต้องบวกรวมกับมุขกวนๆ หนึ่งดอก ในภาคสอง ..ที่ ขงเบ้ง จัดให้ โจโฉ ต้องจุกอกให้อีก ..ก็ยิ่งสาแก่ใจ กับการโดนเอาคืนที่เจ็บแสบถึงทรวงดีแท้

นอกเหนือไปจากงานกำกับ ตัวบท อีกรวมทั้งฟอร์มการสร้างที่ทุ่มทุนสูง ในระดับหนังเอเชียด้วยกัน และรับหน้าที่เสริมความยิ่งใหญ่ได้ตามบทบาท ...การรวมทีมดาราแห่งเอเชีย ระดับมีชื่อเสียงโด่งดัง ก็ล้วนสมศักดิ์ศรีที่ได้เข้ามาอยู่ร่วมหนังด้วยกัน



แม้การเฉลี่ยบทค่อนข้างจะถ่วง ให้น้ำหนักที่มากกว่า กับตัวละครที่มีศักดิ์และศรีน้อยกว่าเหล่าผู้นำ อย่าง 3 พี่น้อง หรือกระทั่งโจโฉ ที่เป็นเจ้าของชื่อเรื่องก็ตาม.. แต่การสร้างภาพให้หมากตัวน้อยแต่ละคน ได้มีเรื่องมีราว และพาให้เรื่องโดยรวมเดินไปด้วย ก็เป็นส่วนที่พ้องรับกันกับการให้ระดับหล่อ(เกินหน้าตาตัวละคร) แต่แสดงดี และแอ๊คเท่ห์ อย่าง “เหลียงเฉาเหว่ย” (จิวยี่) หรือ “ทาเคชิ คาเนชิโร่” (ขงเบ้ง) มารับหน้าที่เป็นลูกน้องได้อย่างเหมาะสม

ขณะเดียวกัน กับการที่ได้ออกฉากบ่อยที่สุด ในหมู่พลพรรคตัวร้ายด้วยกัน ..โจโฉ ของ “จางเฟิ่งอี้” ก็แสดงความร้ายได้อย่างมีมิติ ที่ขณะเดียวกันนั้น ก็ยังฉายแววความเป็นคนที่น่าเคารพอยู่ในที ..แม้ว่า ความร้าย จะออกมาเป็นความเห็นแก่ตัว เต็มคราบ แต่บางฉาก เขาก็สร้างความเข้าใจกับคนดู ในการที่ต้องกระทำในอีหรอบนั้นได้อยู่

ส่วนอีกหนึ่งตัวละครที่อาจเหมือนไม่ค่อยจะกำหนดชะตากรรมแห่งสงครามได้อย่างที่สมควร อันเป็นบทบาทของ ซุนกวน ...“ฉางเฉิน” สามารถทำให้การต้องเล่นน้อยของเขา มีความหมายได้ตามที่เป็น แต่นัยสำคัญ ก็เป็นหมากตัวหนึ่งที่ขาดไปไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะ กับการต้องตัดสินใจ เพื่อเลือกความสบายแต่ต้น หรือกระโจนสู่สงคราม ให้ค่อยสงบตอนปลาย ...ฉากที่เขาเล็งธนูยิงเสือ แสดงความตอบรับในการตัดสินใจได้อย่างเฉียบขาด



อีกเมื่อรวมกับ 2 ตัวละครหญิง ที่จำมีชีวิตขึ้นอยู่การต้องตัดสินใจเลือกเช่นกัน .. “เสียวเกี้ยว” ของ “หลินจื้อหลิง” และ “ซุนฮูหยิน” ของ “เจ้าเหว่ย” ทำให้นาทีเล็กๆของพวกเธอ แสดงภาพแฝง ของความเป็นหนังมาดแมน ที่แอบเฟมินิสต์ ได้อย่างแยบยล (ทั้งเป็นดอกไม้ ที่สวยงาม สบายตา ได้พร้อมๆกันอยู่ในที)

นี่ยังไม่รวมกับ บทบาททหารชั้นเลว เช่น จูล่ง กำเหลง โลซก ...หรือกระทั่ง หนึ่งทหารที่หน้าตาคล้ายนักข่าวชื่อดังของบ้านเรา (คือใคร คงรู้เลื่องลือกันดีแล้ว) ..พวกเขาก็สร้างสีสันในแบบฉบับของความเป็นผู้น้อย ตามสมควร

จึงถือว่า นักแสดงของ Red Cliff ..รวมเป็นทีมที่มีความน่าสนใจในตัวคนเล่นแต่ละคน ไปพร้อมๆกับเป็นหางเสือ เดินเรือ ควบเรื่อง ให้ทะยานสู่ ผาแดง ได้โดยปลอดภัย มีสวัสดิภาพ ...แม้จะไม่ใช่ความยอดเยี่ยมโดยรวม แต่พวกเขาก็ทำได้ดีตามที่บทบาทกำหนดไว้



“Red Cliff” ...ถือเป็นความสนุกที่สมศักดิ์ศรี ในแบบฉบับ สามก๊ก ที่ถึงไม่เชิงว่าจะต้องรู้เรื่องของพงศาวดารฉบับนี้ในทุกซอกทุกมุม ก็เข้าใจกันได้ ..เพราะถ้ายึดหลักเอาเฉพาะกับในหนังทั้งสองภาค ที่สามารถคงเอกลักษณ์ ความมีลูกเล่นในกลศึก ไปพร้อมกับการสร้างจิตวิญญาณให้เรื่องราวกับตัวเอง ก็นับว่าเป็นการดัดแปลงนิยาย ที่คุ้มค่า สมควรแก่การคาดหวัง สำหรับผม

Red Cliff : Part 1 -> เกรด B+ ... {}

Red Cliff : Part 2 -> เกรด A- ... {}
ขอแนะนำ...ครับ


"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com"




ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว-แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว)-ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกัน

ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน...
1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ


ผมยินดีเสมอในมิตรภาพของทุกท่าน และบล็อคของผมก็ต้อนรับเสมอในความน่ารักของทุกคน
ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2552 23:05:04 น. 5 comments
Counter : 4009 Pageviews.

 
ได้ดูแต่พาธแรก ดูแล้วก็ชอบ แม้จะมีการดัดแปลงบางส่วนไม่เหมือนในหนังสือ อ่านจบเดียวค่ะ เลยจำไม่ค่อยแม่น

อีกส่วนคือ บทจิวยี่เด่นกว่าขงเบ้ง ซึ่งเวลาเราอ่านหนังสือเราจะคิดว่าเราเป็นฝ่ายตัวเอกซึ่งน่าจะเป็นเล่าปี่ ขงเบ้งมากกว่า แต่ไม่รู้พาธ2เป็นไงยังไม่ได้ดู


โดย: ก้าวไปตามใจฝัน วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:9:31:05 น.  

 
+ อ้าว! นัทโพสต์ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วหรือนี่ พี่ไม่ทันเห็นแฮะ พอดีวันนี้ว่างหน่อย เมื่อสายๆ นี้ก็เลยเพิ่งเอาไปโพสต์ลงยาริสไว้เหมือนกันอ่ะครับ

+ แว้กกก! ช่วยแก้ในวงเล็บนิด ทาเคชิ เป็นขงเบ้ง = จูกัดเหลียง นะครับ ส่วนจูล่ง เป็นนักแสดงอีกคนนึงต่างหาก

+ ส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยนะครับ ทั้งความสนุกที่อยู่ในระดับค่อนข้างดี และความอลังการของฉากรบที่จัดว่าดีเลยทีเดียว

+ แต่ขำตา น้องชายคุณ ป. อ่ะครับ ให้บทซะบานตะไทเลยทีเดียวอ่า ส่วนโจโฉก็หูดำซะ แม่ทัพไรฟระเนี่ย?


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:11:39:06 น.  

 
เขียนวิจารณ์ได้ดีนะคะ แต่มาตกตรงประโยคที่ว่า "นี่ยังไม่รวมกับ บทบาททหารชั้นเลว เช่น จูล่ง กำเหลง โลซก ..." อันนี้ต้องขอแย้งนิดนึง เพราะทั้ง 3 คนนี้มีบทบาทอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในหนัง หรือในหนังสือ หรือแม้แต่ในประวัติศาสตร์ 3 ก๊ก ห่างไกลจากคำว่าทหารชั้นเลวหลายร้อยลี้มากๆ โดยเฉพาะจูล่งในหนังส่งให้เป็นผู้ที่มีฝีมือเยี่ยมยุทธิ์โดยไม่ต้องมีคำพูด แต่ให้เราเห็นเองจากการต่อสู้ เรียกว่าแทบจะยกเรื่องการต่อสู้ให้กับจูล่งเลยทีเดียว อย่างฉากเปิดตัวด้วยการฝ่าทัพโจโฉเข้าไปรับอาเต๊า อันนี้สุดยอดมากๆ


โดย: นิคกับพิม วันที่: 4 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:18:43 น.  

 
ผมว่า จอห์น วู นี่ Go Hollywood ยาวอยู่นะครับ ไม่ได้แปบๆ



และได้สร้างผลงานที่ถือว่าประสบผลสำเร็จทาง "รายได้" และ "คำวิจารณ์" พอสมควร (Face/Off ได้รับคำวิจารณ์ดีมากทีเดียว ส่วน Broken Arrow,MI:2, Paycheck ก็ประสบความสำเร็จทางรายได้ ส่วน Windtalkers นี่ถือว่าล้มเหลวทั้งสองด้าน)


ส่วน Red Cliff ทั้งสองภาค ถือว่าดีทีเดียว


เคยรีวิวไว้ยาวๆ แบบรวม 2 ภาคเช่นกันครับ



ลองไปอ่านที่ Blogได้


โดย: navagan วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:0:38:53 น.  

 
ให้คะแนนคล้ายๆในใจผมนะ


โดย: Mr.Chanpanakrit วันที่: 13 มิถุนายน 2552 เวลา:22:04:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

OncE UPoN'-'a MaN
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์

คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี
พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ
พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา
พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!)

ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว

ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก

ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ

once_upon.a.man@hotmail.com


My @ http://twitter.com/once_upon_a_man

ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่าน

ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย

ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน

ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ

OncE UPoN'-'a MaN on Facebook
Blog ใหม่ล่าสด..สด
"VieTrio & Friends" ... เพื่อนร้อง พี่น้องเล่น เป็นเพลงเพราะเสนาะหู
"Lady Antebellum : Need You Now" ... ลูกทุ่งแบบมะกัน แต่สีสันระดับโลก
"The Social Network" ... วันนี้ คุณรู้จัก Facebook ดีพอแล้วหรือยัง?
"Harry Potter and the Deathly Hallows : Part I" ... ฉันต้องเปิด เพื่อจะปิด!
"Scrubb : Kid" ... คำตอบของเพลงอินดี้ที่ฟังง่าย อยู่ในอัลบั้มนี้แล้ว
"Due Date" ... รวมกันเราต้องอยู่ (กรุณา)อย่าทิ้งตูเป็นอันขาด!!?
"B.o.B. Presents: The Adventures of Bobby Ray" ... อาจเป็นฮิปฮอปหน้าใหม่ แต่ไม่ขอยึดติดความฮิป
"RED" ... โตอย่างสมวัย แก่อย่างมีคุณภาพ และจงระห่ำอย่างไม่เหลืออะไรจะเสีย!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... (หนังสั้น)แบบตัวเต็ม ที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่ก็ยังมีความจริงใจ!
"ห้องตรงข้าม หัวใจตรงกัน" ... กับตัวอย่างน้ำจิ้ม ของหนังสั้นที่คงจะมีอะไรๆอยู่ในนั้น
"อินทรีแดง" ... สมศักดิ์ศรีที่ได้กลับมา ..วีรบุรุษที่หนังไทยต้องการ!
"ชั่วฟ้าดินสลาย" ... เมื่อคำ “รัก” มีค่าเท่าคำว่า “ร้าย” คงทำลายคนทั้งหลายให้วายวอด
"Resident Evil : Afterlife" ... สงครามยังไม่จบ ยังต้องนับศพซอมบี้จนเบื่อกันไปข้าง!!
"Lula : Twist" ... เพลงฟังชวนเพลิน จากคนเพลินๆ ที่ชื่อ 'ลุลา'
"Piranha 3D" ... กัดกระจุย เลือดกระจาย สามมิติกระเจิง!!!
"CHARICE" ... เพชรน้ำงามเม็ดเล็กแห่ง ‘เอเชีย’ ที่คู่ควรกับการเจียระไนโดย ‘อเมริกา’
"กวน มึน โฮ" ... ความรัก อาจแพ้บ้างอะไรบ้าง แต่ ความ ‘เห็นแก่ตัว’ เอาชนะได้ทุกสิ่ง!
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
 
4 กุมภาพันธ์ 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add OncE UPoN'-'a MaN's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.