"Iron Man" ... อาร์โนลด์ เกษียณไป คน(เกราะ)เหล็กมหาประลัย พร้อมประจำกวน
ถ้าุถามว่า ฤดูกาลหนังซัมเมอร์ปีนี้ ผมรอคอยซูเปอร์ฮีโร่คนใดมากที่่สุด ...รายหนึ่งรายเดียวที่ต้องการเจอ ก็มีแต่ Batman (The Dark Knight) เท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ซูเปอร์ฮีโร่รายอื่นๆ ก็ใช่ว่าจะมองข้ามกันไปหมด ..ถึงจะไม่ได้เกิดความอยากจะรับรู้อะไรอย่างตื่นเต้น แต่ถ้าดูเอาสนุก ก็นับว่าพอเพียง ...อย่างอีกหนึ่งมาร์เวล นาม "Iron Man" ที่มาก่อนใครเพื่อน ประเดิมเปิดฤดหนังร้อนหน้าทัพ ว่าแต่ว่า ...จนถึงตอนนี้ คุณเริ่มเบื่อหนังตระกูลมาร์เวล แล้วหรือยัง? คุณคิดว่ามันถึงจุดอิ่้มตัวแล้วหรือเปล่า? ...เพราะตลอดหลายปีมานี้เราเคยได้เห็นได้ดูหนังซูเปอร์ฮีโร่มากมาย ที่มักจะมีเชื้อสายมาร์เวลติดตัว จนกลายเป็นเรื่องปกติคุ้นชินกันไปแล้ว ..หรือถ้าจะให้ใช้คำที่แรงกว่านี้ ก็พูดว่ามัน ซ้ำซาก ได้เลยก็ดี สำหรับผมเอง ...ก็ยอมรับว่ามัน อาจดูซ้ำซาก แอบอยากให้มันมีแบบเว้นวรรคบ้าง ..แต่ก็ยังไม่ถึงกับเบื่อ เพราะเชื่อมั่นในความหลากหลายมากกว่า จะไปสนใจว่ามันมาจากเครือข่ายเดียวกัน ...ตราบใดที่ทำมาแล้วยังเกิดความสนุกให้เราได้ ก็น่าพอใจจะเสียตังค์ตามดูต่อไป Iron Man ...เป็นหนึ่งในตระกูล มาร์เวล ที่ผมรู้สึกว่า มันไม่ดังซะเท่าไหร่ ...เพราะก่อนหน้าจะมาเป็นหนัง ก็ยังไม่ได้เคยรู้จักมาก่อนหน้า เหมือนอย่าง Spider-Man หรือ X-Men ...ซึ่งมันก็อาจจะไปเกี่ยวกับที่ ตัวตนของ ไอร์ออน แมน (ใครจะแก้เป็น ไอรอน แมน ..ก็สุดแล้วแต่เน้อ) อยู่ในช่วงวัยที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ขายความสุขุม นุ่มลึก เข้าว่า มันเลยเข้าถึงคนวัยเด็ก กับวัยรุ่นยุคนี้ได้น้อยกว่ามาก เป็นเหตุผลทำให้ไม่ค่อยมีใครรู้จักฮีโร่ชื่อนี้สักเท่าไหร่ แต่เมื่อผมได้ลองทำความรู้จัก ผ่านการได้ติดตามข่าวคราว ไปจนถึงเห็นหนังตัวอย่าง... ก็เกิดความสนใจใน ไอร์ออน แมน อันเป็นลักษณะที่ผิดแผกแตกต่างจากคาแรกเตอร์ีซูเปอร์ฮีโร่ทั่วไป ...ผมชอบใจ ที่ "โทนี่ สตาร์ก" เป็นสุภาพบุรุษ ผู้มีนิสัยใจคอเหมือนเช่นมหาเศรษฐีทั่วไป ที่วางมาดขรึมไปทั่ว (โดยได้รับแรงบันดาลใจในภาพพจน์มาจาก "ฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ส" ..ที่เราเคยรู้จักเขาผ่านการแสดงของ ลีโอนาร์โด ดิคาร์ปริโอ ใน "The Aviator" ) ..แต่ในท่าทีนิ่งเฉยบนเปลือกนอกนั้น มันกลับเต็มไปด้วยความยียวนกวนอารมณ์ ปลิ้นปล้อน กะล่อนไปเรื่อย (แถวบ้านเรียก Playboy ว่างั้น) ซึ่งเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับ อีกหนึ่งมหาเศรษฐีซูเปอร์ฮีโร่ "บรูซ เวย์น" ที่พ่อสอนไว้ให้ขรึมเคร่ง ไม่่หวั่นไหวต่อสิ่งเร้าใด นอกเหนือจากภัยเลวร้ายเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น จะว่าไปแล้ว เรื่องของคาแรกเตอร์ ก็อาจไม่ใช่ความสลักสำคัญ ที่น่าสนใจอะไรนักหรอกนะ เพราะขึ้นชื่อว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ ก็ต้องดูเอามันส์ไว้ก่อน... แต่ถ้าจะให้รู้สึกกับมันอย่างจริงจัง ก็ต้องเรียกความรู้สึกนั้นว่า เป็นเสน่ห์ที่ล่อลวงให้ผมต้องอยากขอรู้จักมักจี่ กับพี่ฮีโร่คนนี้ สักกะที Iron Man ...หรือที่คนทั่วไป(ในหนัง)รู้จักนามจริงของเขาว่า "โทนี่ สตาร์ก" ...คือ มหาเศรษฐียอดนักคิดนักสร้าง ที่สามารถประดิษฐ์ข้าวของเครื่องมือต่างๆ ให้ออกมาเป็นอาวุธสุดอันตราย ที่มีไว้เรียก คนและเงินจากเหล่าทหาร นักฆ่า นักสู้ ให้ดาหน้ามาซื้อและแลกเปลี่ยนไปจากเขา ...แต่ทว่า ชีวิตที่มีแต่ความสุขของสตาร์ก กลับไม่เคยได้ลองไตร่ตรอง ในสิ่งที่เขาเรียกว่า สินค้า เมื่อมันไปตกอยู่ในมือลูกค้าแล้ว จะยังสามารถย้อนกลับมาทำร้ายเขาในทีหลังได้ เมื่อ สตาร์ก ได้เรียนรู้่ความจริง ถึงความโหดร้ายบนโลกที่เขามีส่วนในการสร้างมันขึ้นมา ผ่านการโดนจับเป็นตัวประกันของผู้ก่อการร้าย ...มุมมองชีวิตของ สตาร์ก ก็ถึงคราวเปลี่ยนไปตลอดกาล และเขาได้เลือกทางที่ดีที่สุดที่จะช่วยปกป้องโลก ผ่านการสวมร่างหุ่นเกราะเหล็ก อาวุธที่อันตรายที่สุดที่เขาเคยคิดสร้าง และรับหน้าที่เป็นฮีโร่ที่ประชาชนเรียกขานเขาว่า "ไอร์ออน แมน" ถ้าไม่นับรวมเรื่องของคาแรกเตอร์ ไอร์ออน แมน เป็นสิ่งที่ออกแบบได้เยี่ยม และโดนได้ใจกันไปแต่แรก ..ตัวหนังเต็มๆเอง กลับยังทำได้ไม่ถึงประทับใจซักเท่าไหร่ ...แม้อาจจะเถียงสิ่งที่ได้เห็นว่ามันเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกเรื่องที่ดูเอาสนุก ให้ความหรรษากับคนดูได้ดี แต่ความเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ในช่วงเวลาที่เหมาะกับหนังบันเทิงสุดใจยังงี้ Iron Man ยังไม่ใช่เรื่องที่ แข็งแรงแล้วเต็มอิ่มอะไรนักสิ่งหนึ่งที่หนังเรื่องนี้ ทำเอาไว้ดีมากๆ เป็นการเปิดประเดิมโอกาส จะสร้างเป็นเรื่องราวภาคต่อดำเนินต่อไป ...ก็คือ บทหนัง นอกเหนือไปจากการเขียนเรื่องเกริ่นถึงที่มาของมนุษย์เกราะเหล็กได้อย่างน่าติดตาม และเข้ายุคเข้าสมัยที่หนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดี มักจะเข้าไปสำรวจจิตใจของตัวยอดมนุษย์เองแล้ว... ผมชอบที่ Iron Man เต็มประดาไปกับมุขขำ แพรวพราวด้วยลูกเล่นที่มักจะมาหยอดทิ้งนำไว้ก่อนสักหนึ่งเม็ด แล้วจึงกลับมาตบอีกเม็ด ให้ตอกย้ำความฮาได้อย่างมีชั้นเชิง (ยกตัวอย่างเช่น ..มุขที่ ไอร์ออน แมน เคยฝืนบินขึ้นไปบนท้องฟ้าให้ไกลที่สุด แล้วเกร็ดน้ำแข๊งเกาะจนฝืนไม่ไหว ...จนเมื่อหนังได้ดำเนินมาถึงฉากไคลแม๊กซ์ ก็หาช่องกลับมาใช้มุขนี้อีกสักที ได้อย่าง Mega Clever..ฉลาดสุดๆ) ถ้าให้เทียบในบรรดาหนังฮีโร่ มาร์เวล ด้วยกันแล้ว ...ก็ยังไม่เคยเห็นมีใครจะเน้นการขายหัวเราะได้เทียบเท่าเฮียไอร์ออน แมนผู้นี้ได้เลย ..หากนั่นจะถือเพราะอิทธิพลของผู้กำกับ "จอน แฟฟโร" (เคยกำกับหนังฮา สร้างชื่อ วิลล์ เฟอเรลล์ "Elf" และภาคต่อภาคแยกของเกมกระดาน จูแมนจี้ ในชื่อ "Zathura" ) เป็นหลัก ก็นับว่ามาถูกทางทีเดียว สำหรับผู้กำกับที่ไม่เคยทำหนังตลาดฟอร์มยักษ์อย่างนี้ ถึงมุมมองของหนังตลาดบันเทิงจะทำได้เร้าอารมณ์ดี เพราะบทที่เขียนไว้เจ๋งอย่างมีกึ๋น และงานกำกับที่เอาความเพลินอยู่ ...แต่ในมุมของการเป็นหนังแอ๊คชั่นสักเรื่อง ช่วงเวลาที่ได้ทีพะบู๊ยังค่อนข้างจะเร้าใจไปแบบชิลๆ หาก หุ่นไอร์ออน แมน ต้องมีสีแดงประดับไว้ให้ดูแรงฤทธิ์ฉันใด ...ความมันส์จากการต่อสู้ของ ไอร์ออน แมน ก็น่าจะจำเป็นต้องใส่ความแรง หนัก และแน่น ลงไปให้พอเหมาะกับชื่อที่หนักแน่น ฉันนั้น ...จากที่เห็นในภาคแรก ก็ยังให้รู้สึกเสียดายที่มันใส่กำลังอัดความแข็งขันไว้ไม่เต็มที่สักเท่าไหร่ แลดูไม่ตื่นเต้นนัก ถ้าเอาไปเทียบระดับชวนลุ้นที่ทำไว้สูงของวีรกรรม Spider-Man เอย X-Men เอย ...ด้วยเหตุฉะนี้ ผมเลยยังไม่ชอบใจในศักยภาพฮีโร่ ของ ไอร์ออน แมน ..คงจำยอมต้องโดนเรียกสรรพนาม ไอ้อ่อน แมน ไปก่อนล่ะนะ ...(และต้องขออภัยคนที่เป็นแฟนไว้ ณ ที่นี้ด้วยเน้อ)"โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" ...ทำได้เยี่ยม และเนียนมาก กับมาดฮีโร่ขายขำ ที่ใช้เสน่ห์ และเล่ห์เหลี่ยม เป็นตัวเรียกลูกค้า(คนดู)อย่างได้ผล ...หากใครจะบอกว่าแก่ ไม่หล่อ ไม่ฟิตเปรี๊ยะ นั่นย่อมไม่ใช่เหตุึผลที่เขาถูกเลือกมาเล่น แต่ถ้ายึดความเข้าถึงในบทบาทเป็นใหญ่ ผมมองว่านี่เป็นการเลือกนักแสดงได้ถูกต้องเป็นที่สุด ...และเขาก็คือ ตัวการสำคัญ ที่ทำให้ผมพร้อมเฝ้ารอ จะตามดูภาคสอง ภาคสาม และภาคต่อๆไป ตราบใดที่ ไอร์ออน แมน ไม่มีการเปลี่ยนแปลงคนเล่นไป ส่วนทีมร่วมสมทบอย่าง "กวินเน็ธ พัลโทรล์" , "เจฟฟ์ บริดเจส" และ "เทอเรนซ์ ฮาวเวิร์ด" ...บทบาทที่มีคุณภาพของพวกเขา ถูกเฉลี่ยออกมาในเกณฑ์ที่พอดี ไม่มีใครที่ผ่านมาและผ่านไป ...แต่ถ้าถามหาว่าชอบหรือประทับใจใครคนไหนเป็นพิเศษ ก็ยังไม่เห็นมี ..(ลองให้พูดแบบคนปากร้าย)หรือเอาเท่าที่รู้สึกถึงความโดดเด่นในแต่ละคน ผมกลับเห็นเพียง รอยกระ(บนใบหน้า) หัวล้านขาวโล่ง และความดำทะลุจอกว่าใครเพื่อน เท่านั้นเองแฮะ ...(ลองให้พูดแบบคนคิดบวก)เอาเป็นว่า แค่ได้เห็นพวกเขามาเปลี่ยนแนว เล่นอะไรที่ผ่อนคลาย ก็นับเป็นความบันเทิงอย่างหนึ่งได้อยู่"Iron Man" ...ถึงจะมาเปิดซัมเมอร์แบบไม่ถึงประทับใจ(ผม) แต่นี่ก็เป็นหนังดูเพลิน เน้นให้ใจบันเทิง ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่ มาร์เวล น่าจดจำเรื่องอื่นๆ ...หากเพียงแอ๊คชั่น มันส์กว่านี้สักนิด ใจเต้นตุบตับแรงกว่านั้นได้อีกสักหน่อย คงเป็นการเปิดตัวที่แรงฤทธิ์ สุดยอดยิ่งกว่า หนังมาร์เวลภาคต้นฉบับเรื่องใดๆ ที่ไม่เคยมีเรื่องไหนได้ใจไปตั้งแต่ต้น ตอนนี้ก็หวังจะรอเพียงได้เห็น Iron Man 2 ออกมาเยี่ยมยอด ให้ความเต็มอิ่มได้แบบเดียวกับ Spider-Man 2 และ X-Men 2 ก็แล้วกัน เกรด B+ ... { } ปล. ดูจนจบ ขึ้นเครดิตปิดท้าย ก็อย่าเพิ่งออกจากโรง เพราะมีอะไรที่น่าสนใจให้ดูต่อ... โดยเฉพาะกับเหล่าแฟนพันธุ์แท้ มาร์เวล มิควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว "สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน" ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 05 พฤษภาคม 2551
Last Update : 5 พฤษภาคม 2551 1:56:04 น.
5 comments
Counter : 2992 Pageviews.
โดย: TaMaChaN (narumol_tama ) วันที่: 5 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:37:02 น.
โดย: จูริง วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:20:42 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 14 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:29:05 น.
โดย: Oddy IP: 203.188.42.19 วันที่: 31 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:45:55 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31