"Wonderful Town" ... เมืองสวย สังคมงาม หากแปดเปื้อนด้วยความร้าวราน
ใครที่คิดว่าหนังอินดี้อาร์ตๆ ดูยากเย็น คงต้องใช้กระไดปีนขึ้นช่วยเสมอไป อย่าเพิ่งได้เหมารวมไป.. และคงต้องขอแนะนำให้ลองมาสัมผัสประสบการณ์กับหนังอินดี้คุณภาพที่สร้างโดยคนไทย เพื่อคนไทย แต่ส่งออกให้ภาคภูมิใจไปไกลถึงต่างประเทศ ทั้งก็ยังหอบรางวัลกลับบ้านมาด้วยนะ"Wonderful Town" ...คือ หนังเรื่องนั้น ที่เป็นผลงานการกำกับของผู้กำกับ(ที่หน้าอาจใหม่..สำหรับผม ที่ไม่ค่อยอินดี้จ๋านัก) "อาทิตย์ อัสสรัตน์" ...กับเรื่องราวที่เขานำเสนอออกมา เพื่อสะท้อนซึ่งความหลังอีกครั้งแห่งประวัติศาสตร์(ไม่น่าจำ)ของเราคนไทย ที่สูญสิ้่นชีวิตไปเป็นหมื่น เพื่อสังเวยให้กับคลื่นทะเลคลั่งที่เราเรียกมันว่า "สีนามิ" ความเรียบที่เขาเล่าผ่านภาษาหนัง ..ก็มาจากพลอตที่เขียนอย่างง่ายๆ ทั่วๆไป เสมือนเป็นหนังตลาดอีกเรื่อง ...เริ่มต้นด้วย ชายหนุ่มคนหนึ่ง ผู้มีอาชีพเป็น สถาปนิก ได้เดินทางมาทำงานที่ พังงา ในช่วงระยะหนึ่ง โดยเขาเลือกที่จะเข้าพักโรงแรมเล็กๆ ไม่หรูหรา ซึ่งมี หญิงสาว(สถานะโสด)คนหนึ่ง เป็นผู้จัดการของที่นี่ ...และนั่นก็ทำให้เขาและเธอได้ทักทายกับความรักที่จู่ๆ ก็เข้ามาหาพวกเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่โปรดอย่าเพิ่งเข้าใจว่านี่เป็นหนังรักโรแมนติกเนื้อหาตลาดๆ ที่มิกซ์ความเป็นอินดี้ปนเข้ามาแต่อย่างใด เพราะนั่นมันแค่ครึ่งแรกเท่านั้น ...ในขณะครึ่งหลัง ก็ถูกพลิกมาเป็นหนัง(ค่อนข้าง)ซึเรียส ที่เคลือบความเป็นทริลเลอร์แอบแฝงเอาไว้ เหตุเกิดจากตัวละครอีกหนึ่งตัวเดินเข้ามา ที่เราทราบที่มาเพียงว่าเขาคือ น้องชายของนางเอก เท่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะ บรรยากาศมันพาไป หรือว่าผกก.อาทิตย์ คือคนที่จงใจกัน ...Wonderful Town จึงถูกบอกเล่า ความเป็นหนัง โรแมนติก-ทริลเลอร์ ออกมาด้วยอารมณ์หนังดรามาอินดี้ที่เซื่องซึม ประมาณเดียวกับ "Invisible Waves (คำพิพากษาของมหาสมุทร)" ...หากถึงจะมีข้อแม้(ชวนง่วง) ด้วยจังหวะหนังที่หนักไปทางเนิบ นิ่ง และเอื่อยเฉื่อย ซะเหลือเกิน แต่การเล่าออกมาเป็นภาพ และเสียง กลับมีประสิทธิภาพ อันแอบแฝงซึ่งพลัง(ชวนตื่น)บางอย่าง ที่ย่อมไม่อาจใช้ปากอธิบายได้อย่างรู้จักรู้จริง นอกจากจะใช้ใจสัมผัสและรู้สึก แล้วก็จะรู้ได้เองว่า หนังที่ครึ่งโรแมนติก ครึ่งทริลเลอร์ เรื่องนี้ ต้องการสื่อสารอะไรกับคนดู ฉะนั้นแล้ว การนำเอา Invisible Waves มาเปรียบเชิงในเรื่องของความน่าติดตาม ...จึงได้ผลลัพธ์ซึ่งแตกต่าง อันก็คงต้องขอโทษไปถึง คุณเป็นเอก รัตนเรือง ที่ผมไม่อาจเข้าใจหนังของคุณพี่เรื่องนั้นได้เลยจริงๆนอกเหนือไปจาก งานกำกับอารมณ์หนังที่พริ้วไหวไปด้วยลีลาเชิงอาร์ตอันโชว์ความแน่ แต่ไม่นิ่ง(จนเกินไป) ...การกำกับนักแสดงในหนัง ก็ยังแสดงออกมาซึ่งความเป็นธรรมชาติ ประหนึ่งว่าเรานั่งดูสารคดีชีวิตคนจริงๆ ที่มีเนื้อเรื่องเขียนขึ้นตามบท ซึ่งที่ให้รู้สึกมาอย่างนั้นก็ต้องเป็นเพราะ นักแสดงในหนังล้วนแต่โนเนม ยังไม่มีใครเป็นที่รู้จักมักคุ้นสักคน ..และก็ด้วยความเป็นธรรมชาติที่เราไม่รู้จักเขา นั่นก็ช่วยให้ซึมและซับในคาแรกเตอร์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งเมื่อความพริ้วไหวเหล่านั้น ได้ถูกนำมาบวกกับบรรยากาศหนังที่ พยายามประดิษฐ์ให้มันดูบ้านๆ ติดดิน (และใกล้ทะเล)เข้ามาไว้ลงไปอีกสิ่ง ..."Wonderful Town" ของ คุณอาทิตย์ จึงเป็นหนังอาร์ตที่สื่อสารความรู้สึกเรียบง่าย กับคนดูได้ตรงๆ โดยไม่ยากอย่างที่คาดคิดจากความคุ้นเคย แต่ถึงอย่างไรแล้ว ..การพยายามประคองตัวเองให้ไม่หลับ ก็เป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่ เพราะสำหรับคนบางคน(อันหมายถึง ผมคนหนึ่ง) ก็มักยอมที่จะปล่อยตัวปล่อยใจได้ตลอด แต่ปัญหา คือ ความอยากงีบ มันจะมาเยือนเมื่อไหร่ ก็มิรู้ตัวได้เหมือนกัน ซึ่งโชคดีที่หนังเรื่องนี้ ..รอด(อาการหลับ)ตาย มาได้ ในช่วงเวลา ชั่วโมงกว่าๆ ที่กำลังนั่งชมความพริ้วไหวของ Wonderful Town ...เราก็อาจเอะใจในบางคราว ที่ไม่ได้เห็นว่าหนังมันจะพูดถึง เหตุการณ์สึนามิ สักเท่าไหร่ (ทั้งๆที่นี่ คือ เรื่องที่ผู้กำกับต้องการรำลึกถึงนะนั่น) ...แต่ถ้าลองจับใจความกันแบบลงลึก เอาไปถึงแก่นของพลอต และหัวใจของเหล่าตัวละคร ก็จะพบว่า หนังไม่ได้คิดจะโปรพร่ำเพรื่อ หากแต่เลือกจะนำเสนอ ความร้าวรานที่คลื่นยักษ์เคยก่อ ผ่านชีวิตประจำวันของผู้คนในหนัง ..ที่ถึงจะพยายามปกปิดด้วยการกระทำที่ยังคงต้องดำเนินต่อ แต่ในนัยน์ตาและใจจริงแท้ ก็ล้วนยังคงเศร้าสะท้านกับผลลัพธ์เลวร้ายครั้งนี้ไม่มีวันลบเลือน สิ่งที่หนังแสดงออกมาอย่างน่าเชื่อ มันคือ ความขัดแย้งตรงตามความเป็นจริง ระหว่างสถานภาพ กับ ชื่อหนัง Wonderful Town ..หากแม้น เมืองจะยังสวย สังคมก็ยังงดงาม แต่ผู้คนในเมืองและสังคมเหล่านี้ ก็ล้วนแต่้ร้าวรานเจ็บปวด ..อาจจะต่างก็เพียงความมาก หรือน้อย ที่บาดลึกไม่เท่ากัน ซึ่งถ้าหนังได้ลองเพิ่มเวลานำเสนอผลกระทบโดยรวมๆ ของ สึนามิ ให้ลึกซึ้ง และเข้าถึงคนดู (เช่น การเมคเรื่องของตัวละครชาวบ้านคนอื่นๆใส่เข้ามาร่วมเหตุการณ์ หรือเล่าด้วยมุมมองของความคิดผู้คนที่แตกต่าง) มากกว่านี้อีก.. ก็เชื่อว่ามันน่าจะตราตรึงใจ และต้องบาดลึกกับความรู้สึกรำลึกของผม ที่ยังคงจะมากกว่านี้ได้อีก แต่เอาเท่าที่เป็นอยู่นี้ ..."Wonderful Town" ทำได้ดีมากแล้ว และก็อยากยืนยันแต่บรรทัดแรก อีกสักที ว่านี่คือ หนังไทยอินดี้ ที่ผมอยากจะขอแนะนำให้คุณได้ลองดู ...หากถ้าเพียงได้สัมผัส(อย่างตั้งใจ) ก็จะพบว่า มันคือความน่าภาคภูมิสำหรับคอหนังไทยอย่างเราๆโดยแท้จริง ขอแนะนำ ...ฉายเฉพาะที่ "SFW Central World" (รอบ 1 ทุ่ม..รอบเดียวเท่านั้น) ครับเกรด A- ... { }"สามารถติดตามบทสรุป การให้คะแนน และบทวิจารณ์ของภาพยนตร์เรื่องนี้เพิ่มเติม หรือบทวิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ พร้อมความเห็นของเพื่อนร่วมบล็อคที่รักการดูหนังได้ที่ //vreview.yarisme.com พร้อมลุ้นรับบัตร Major M Cash มูลค่า 500 บาท จำนวน 8 ใบ ทุกเดือน" ส่วนที่เป็นฟอนท์สี เขียว -แดง เพิ่มเข้ามา... ซึ่งที่เน้นนั้นจะเป็นที่ผมพูดถึง ส่วน ดูดี(เขียว) -ดูด้อย(แดง) ของหนังแต่ละเรื่องครับ ...สำหรับบางคนที่ยังไม่ได้ดูหนัง แล้วอยากจะรู้ว่าหนังมีอะไรดีอะไรด้อยบ้าง ก็อ่านเอาจากที่ผมทำไฮไลท์ไว้ก็ได้เลยครับ ตามแต่สะดวกละกันขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 31 พฤษภาคม 2551
Last Update : 31 พฤษภาคม 2551 17:28:39 น.
5 comments
Counter : 3443 Pageviews.
โดย: joblovenuk วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:46:30 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 31 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:04:54 น.
โดย: / L¤₪s๏m \\ IP: 222.123.183.54 วันที่: 1 มิถุนายน 2551 เวลา:1:27:15 น.
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 4 มิถุนายน 2551 เวลา:19:35:19 น.
โดย: คนตะกั่วป่า IP: 118.173.64.54 วันที่: 1 กรกฎาคม 2552 เวลา:8:38:32 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30 31