"No Country for Old Men" ...คือ หนังเรื่องนั้นที่ได้ชื่อว่าเป็น หนังออสการ์ยอดเยี่ยมประจำปี 2008 (ทั้งพ่วงอีก 3 รางวัลสาขาสำคัญๆทั้งนั้น) ...และที่มากไปกว่านั้น ก็ยังเป็นหนังที่มีคนหลายต่อหลายคนบอกว่า มันยอดเยี่ยม จนถึงขั้นต้องเป็นอีกหนึ่งงานคลาสสิคที่ในอนาคตต้องจดจำ (อันหลัง จะเว่อร์ไปหรือไม่ อันนี้ยังสรุปไม่ได้)
"No Country for Old Men" ... เปิดเรื่องด้วยการบ่นพล่ามของบุคคลปริศนาใครคนหนึ่ง (แต่อันนี้ก็ไม่ใช่ปริศนาใดๆ ...สำหรับคนที่รู้เนื้อเรื่องหนังมาล่วงหน้า) ที่บอกเล่าเรื่องราวของการเป็นนายอำเภอ อาชีพที่แสนจะน่าภูมิใจของเขา หากแต่โดยน้ำเสียงที่ผู้ชายคนนี้เล่านั้น มันกลับแฝงนัยความทอดม้วยสร้อยเศร้า ที่เมื่อคิดถึงในวันเก่า แล้วมาเทียบกับในวันนี้ มันเป็นคนละวันที่แตกต่างเพราะพัฒนาการของสังคมช่วยทำให้ต้องเปลี่ยนแปลง
"No Country for Old Men" ... เปิดคดีด้วยภาพของชายวัยฉกรรจ์คนหนึ่งกำลังเดินล่าสัตว์อยู่ในทะเลทรายอันแห้งแล้ง ในระหว่างนั้นด้วยความบังเอิญ เขาได้ไปพบเจอกับกลุ่มศพที่นอนแน่นิ่งจมบนกองเลือดสดๆ เหมือนมันเพิ่งเกิดเหตุการณ์อะไรร้ายแรงบางอย่างไม่นานมานี้ ...แล้วด้วยความที่เป็นคนช่างสังเกตเสียเหลือเกิน ก็ได้ไปเจอกับยาเสพติดกองใหญ่ และเงินในกระเป๋า ที่ประมาณคร่าวๆได้เป็นหลักล้าน ...และแล้วด้วยจิตสำนึกของความโลภเพียงแค่ชั่ววูบ ก็ได้บังเกิดความคิดให้เขายึดเอาเงินทั้งหมดมาเป็นของตัว หวังจะรวยทางลัดอย่างบังเอิญๆกันเช่นนี้
แม้ความจริงที่ยิ่งกว่าจริง คือ หนังเรื่องนี้เข้าข่าย ยอดเยี่ยม และเหมาะสมที่จะได้รับออสการ์อย่างแน่นอน แต่ในแง่ของความทรงพลัง ที่คนดูคนหนึ่งอย่างผมอยากได้ ... No Country for Old Men ยังมีในตรงนี้เพียงบางเบา ยังไม่อาจถึงจุดอิ่มตัวที่ทำให้อิ่มหนังได้สูงสุด ...หากถึงเรื่องราวของมันจะบังอาจสามารถกัดกินเนื้อสมองชวนให้ย้อนคิดถึงได้ แต่เนื้อแท้ของความรู้สึกในหัวใจยังได้รับแรงกระทบกระเทือนจากหนังไม่ถึงที่คาดไว้
ผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย
เยี่ยมมากจ๊อด