"United 93" ... ลุ้นระทึกจนน้ำตาทะลัก
ช่วงเวลาในโรงหนังกับการเลือกดูหนังสักเรื่องหนึ่ง ผู้คนโดยส่วนใหญ่คงอยากจะเสียตังค์ด้วยเหตุผลที่ต้องคำนึงนึกถึง การอยากจะได้ในความสนุก เพลิดเพลิน ดูเอาบันเทิงเริงใจ มาก่อนเป็นอันดับแรกกันทั้งนั้น แต่กับช่วงเวลาที่สูญเสียไปกับการเลือกดูหนังอย่าง United 93 ...มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย มันไม่ได้เข้าข่ายหนังสนุกดูเอาบันเทิงเลยแม้แต่น้อย เรื่องของความเพลินไม่มีในหัว คงเหลือไว้แต่ความเครียดกับหนังอะไรก็ไม่รู้ที่แสนจะหดหู่ในอารมณ์ อ่านๆไป อาจรู้สึกเหมือนว่าผมกำลังจะอคติกับหนังเรื่องนี้ ...ไม่ใช่เลย ไม่ใช่แม้แต่น้อย ผมไม่คิดจะอคติกับหนังเรื่องนี้เลย และอยากจะช่วยยืนยัน ว่านี่คือหนังแห่งปีที่ทุกคนควรจะได้ดูUnited 93 ... เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวแห่งความน่าสะพรึงกลัว ในวันที่ 11 กันยายน 2001 เมื่อเกิดเหตุการณ์การไฮแจ๊คเครื่องบินครั้งประวัติศาสตร์ จำนวน 4 ลำ ซึ่งแต่ละลำก็จะมีเป้าหมายการก่อการร้ายกับสถานที่สำคัญในอเมริกา 2 ลำเป็นของ ตึก"เวิล์ดเทรด เซ็นเตอร์" (เศรษฐกิจของอเมริกา) 1 ลำเป็นของตึกกระทรวงกลาโหม "เพนตากอน" (การทหารของอเมริกา) และลำสุดท้าย มีภารกิจเป็นการดิ่งทำลายล้าง "เดอะ ไวท์ เฮ้าส์" (การเมืองของอเมริกา) 3 ลำแรก ประสบผลสำเร็จ เป้าหมายโดนทำลาย แต่ลำสุดท้าย เครื่องบิน United 93 กลับไปไม่ถึง... แล้วมันเกิดอะไรขึ้น เพราะอะไรกันทั้งๆที่ไม่น่าจะผิดพลาดแล้ว แต่ทำไมเครื่องบินลำที่ 4 ถึงตกลงมาจากฟากฟ้าก่อนที่จะถึงเป้าหมายได้ ...นั่นคือ สิ่งที่คนเบื้องล่างอย่างเราๆ ไม่มีทางได้รู้เหตุผล (แม้แต่กล่องดำที่อยู่บนนั้น ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้เลย) ผู้กำกับ พอล กรีนกราส ต้องการที่จะตอบคำถามในใจของเขา และคนเบื้องล่างทุกคน ถึงสาเหตุความเป็นไปได้ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น บน United 93 ... เขาพยายามสืบเสาะหาข้อมูลต่างๆ จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าจะเป็น ศูนย์การบิน หอควบคุม ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบินในวันนั้นทั้งหมด อีกทั้งยังรวมไปถึงการสอบปากคำจากญาติของผู้เสียชีวิตที่อยู่บนเครื่องบินลำนั้น ซึ่งล้วนแต่ได้รับรู้ถึงเวลาสุดท้ายของชีวิตคนรักของเขาผ่านการร่ำลาทางโทรศัพท์ ทุกเสียงยืนยันว่าในช่วงเวลาแห่งความอลหม่าน ใจเสีย และหมดทางจะมีชีวิตต่อ บนนั้นกำลังเกิดเหตุการณ์การปลิดชีพของเหล่าผู้โดยสารที่พยายามขัดขืนต่อสู้กับ กลุ่มก่อการร้ายที่กำลังขับเครื่องหมายทำลายประเทศชาติอันเป็นที่รักของพวกเขา... เรื่องราวบน United 93 เป็นตำราที่น่าสนใจมากๆ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสืบเสาะตีแผ่ ยิ่งถ้าได้นำมาสร้างเป็นหนังคงเป็นอะไรที่ดีไม่น้อย ...ผกก.กรีนกลาส ไม่รอช้าไปมากกว่านี้ (ถึงแม้ช่วงเวลาที่ห่างกันแค่ 4-5 ปี มันอาจจะยังเร็วไป สำหรับการสร้างหนังกระทบแผลเก่าที่ยังไม่หายเจ็บเช่นนี้) หยิบเอาประเด็นที่คนทั้งโลกอยากจะมีส่วนได้รับรู้ความเป็นจริง แม้มันจะไม่ถูกต้องทั้งหมด แต่อย่างน้อยก็เป็นข้อสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือมากพอจะเอามานำเสนอ United 93 เปิดเรื่องด้วยเหตุการณ์ความวุ่นวายชุลมุนประจำวัน ที่มักจะเกิดขึ้นในเที่ยวบินยามเช้าอันแสนปกติ (เที่ยวบินล่าช้า เครื่องบินต่างยื้อแย่งคิวพยายามจะขอขึ้นก่อน) สำหรับประเทศมหาอำนาจที่มีเที่ยวบินขึ้นลงมากที่สุดในโลก ล้วนแต่เป็นเรื่องธรรมดา ที่จะมีปัญหา ...ในบรรยากาศที่เหมือนจะราบลื่น ในเช้าวันอังคาร ทัศนวิสัยไม่ได้ส่อเค้าความเลวร้าย แต่แล้วเรื่องที่ไม่เคยเกิดมาในแผ่นดินอเมริกาเป็นเวลา 20 ปีแล้ว ก็เกิดขึ้น ...ในช่วงเวลาครึ่งแรกของหนัง เทน้ำหนักไปที่การปูเนื้อล้วนๆ ด้วยการใส่สถานการณ์ความสับสนบนภาคพื้นดิน การติดตามเครื่องบินแต่ละลำด้วยใจระทึก การให้ความช่วยเหลือ ระหว่างศูนย์การบินต่างๆ ต่อกองทัพอากาศที่พยายามจะสกัดกั้นเครื่องบินแต่ละลำ ในขณะเดียวกัน หนังก็นำเสนอภาพแห่งความเจ็บปวด ที่เกิดเหตุต่อตึกแฝดเวิล์ดเทรด ตัดสลับไปกับความช็อคที่เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่เคยคาดฝันว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ...ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่อุดมไปด้วยบทสนทนา ที่รัวเร็วจนบางคำพูดก็ตามอ่านซับไม่ทัน ...อุดมไปด้วยความเนือย กับบรรยากาศบนเครื่องบินที่ผู้ก่อการยังไม่ได้ไฮแจ๊ค หนังเลยเดินหน้าด้วยอารมณ์ไปเรื่อยๆ เหมือนกับเรากำลังสอดส่องดูสารคดีชีวิตบนเครื่องบินเท่านั้นเอง แต่อย่างไรก็ตามที่ ช่วงเวลานี้ หนังก็ยังพยายามจะปูอารมณ์คนดู ปลุกฟีลกระตุ้นต่อมอยากติดตาม ให้ความเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ...ถ้าใครหลับได้ลงคอ ในตอนนี้ คุณอาจจะตื่นมาเพื่อทันดูฉากไคลแม็กซ์ด้วยอารมณ์ทื่อๆก็เป็นได้ แต่ถ้าคุณปลุกตัวเองให้ตื่นตลอดเวลาแห่งความเนือยนี้ได้ ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะครึ่งหลังช่วงไฮไลท์ คุณคงหลับไม่ลงแน่ๆ ...หนังประโคมความระทึกเข้าใส่คนดูอย่างไม่เกรงกลัวหัวใจจะทำงานหนัก ตั้งแต่ช่วงเวลาที่เกิดการไฮแจ๊ค เป็นต้นมา ...หนังก็อุดมไปด้วยความอึดอัดกดดัน ที่สัมผัสได้ในบรรยากาศแห่งความโศกเศร้า ...อุดมไปพร้อมกับความตื่นเต้น ลุ้นอย่างเอาเป็นเอาตายกับสถานการณ์ที่คนดูทุกคนต่างก็รู้ตอนจบอยู่แล้ว แต่ก็อดไม่ได้ที่จะอยากให้เครื่องบินลำนั้นเชิดหัวได้ทัน ก่อนจะตกถึงพื้น ...ช่วงเวลานี้ เต็มไปด้วยฉากแห่งความประทับใจ ที่แสนจะโหดร้าย ภาพต่างๆในสถานการณ์สมจริงยังคงหลอกหลอนความรู้สึกคนดูอย่างฝังใจ เมื่อออกจากโรงมาฉากไคลแม็กซ์ยังคงงดงามอย่างเจ็บปวด ร่วมกับความอินของนักแสดงทุกคนบนเครื่อง การพูดคุยสั่งเสียผ่านทางโทรศัพท์ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน การโผกอดกันของคู่รัก การปลอบประโลมคนอื่นแม้จะรู้ว่าตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ...ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตพวกเขาได้เอาเราคนดูเข้าไปเกี่ยวข้อง เข้าไปรับรู้ด้วยอย่างไม่รู้ตัว แล้วน้ำในตามันก็พาลไหลลงมาอย่างบ้าระห่ำ นี่เป็นการเสียน้ำตาให้กับหนังทริลเลอร์ได้อย่างสมเหตุสมผล เกิดอารมณ์ร่วม จนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้สูญเสียคนที่รักไปจากเหตุการณ์นี้ด้วย ดาราโนเนมในหนัง ที่เอาเข้ามาสวมบทเป็นผู้โดยสารทุกคน ให้การแสดงที่ทรงพลังอย่างชวนเชื่อ สมจริง รวมเป็นทีมการแสดงที่ยอดเยี่ยม และยิ่งใหญ่ ...การที่ผกก.กรีนกลาส ให้นักแสดงแต่ละคนได้เข้าไปคลุกคลีพูดคุยกับคนในครอบครัวที่สูญเสียตัวละครตัวนั้นไป เป็นการทำเวิร์กช็อปที่ดี ทำให้ดาราแต่ละคน ได้ใส่มิติทางอารมณ์ที่ถูกต้องเหมาะสม เป็นคนที่ต้องเป็นได้อย่างไม่ผิดแผกจากตัวจริง และเป็นที่ยอมรับของคนในครอบครัวนั้นๆได้อีกด้วย ...ผกก.กรีนกลาส ละเอียดรอบคอบในทุกจุด รักษาแบบแผนความเป็นจริงได้อย่างไม่รู้สึกขัดขืนในอารมณ์ต่อคนดู ทุกอย่างที่เห็นในหนัง ไม่มีความเป็นหนังฮอลลีวู้ดมากไป ไม่แต่งแต้มสีสันใส่ล้นจนรู้สึกเว่อร์เกิน เขาทำหนังเรื่องนี้เป็นการเคารพต่อผู้เสียสละได้อย่างซาบซึ้ง ไม่มีภาพที่เหยียดหยามดูถูก ไม่ทำให้ตัวละครในหนังกลายเป็นตัวตลกสำหรับคนดู ...ส่วนตัวละครภาคพื้นดินที่ได้นักแสดงมือสมัครเล่น เล่นเป็นตัวเอง (บรรดาเหล่าเจ้าหน้าที่ คนที่รู้เห็นและได้ทำงานในวันที่ 11 กันยา) ก็ทำหน้าที่ได้เยี่ยมเช่นกัน สามารถสร้างความตึงเครียดจับจิตคนดู ให้ความน่าติดตามอยากรู้ว่าตัวละครเหล่านี้จะจัดการเหตุการณ์เลวร้ายนี้ได้อย่างไร ครึ่งแรกที่ผมหลับไม่ลง ก็เพราะกำลังนั่งลุ้นการทำงานของพวกเขานี่แหละ งานเทคนิคของหนัง ก็เช่นกัน ที่ดูสมจริงจนต้องเชื่อว่าเรากำลังดูรายการถ่ายทอดสดอยู่บนจอภาพยนตร์ ...ผมเคยเวียนหัวกับมุมกล้อง การตัดต่อ อันฉวัดเฉวียนชวนอาเจียรของผกก.กรีนกลาส ใน The Bourne Supremacy เทคนิคเฉพาะทางที่ส่ายไปส่ายมา ไม่ยอมอยู่นิ่งอันเคยชินของผู้กำกับ แต่ผมรับไม่ได้ที่ต้องดูหนังทริลเลอร์สายลับแสนระทึกเรื่องนี้ด้วยอาการมึนงง (ไม่ใช่กับตัวเรื่อง แต่หมายถึงงานเทคนิคนี่แหละ) ...ผมแอบประหวั่นเล็กน้อยก่อนคิดจะดู United 93 กลัวว่าเทคนิคของผกก.คนนี้มันจะทำให้ผมมึนกระจายได้อีกหรือไม่ ...และแล้ว มันก็ทำอะไรผมไม่ได้เลย กลายเป็นว่าผมเองที่ได้ปรับตัวปรับโฟกัสอย่างเหมาะสม สมองช่วยจูนการรับภาพจากมุมกล้องอันส่ายไหวให้รับต้องกับอารมณ์ของผม เข้ากันได้ด้วยดี ...ภาพที่สับสนมึนงงแสดงความรู้สึกรวนเรของคนบนพื้นดิน และภาพที่อลหม่านวุ่นวายแสดงอาการความกลัวของคนบนฟ้า ตัดสลับไปด้วยกัน ถูกจังหวะได้ความพอดี สร้างความอินร่วมได้อย่างลงตัว ...ภาพจะบีบอารมณ์ให้ลุ้น ก็เล่นกันตัวโก่งสุดๆ พอจะเปลี่ยนรูปแบบ ไปบีบอารมณ์ให้เศร้า ก็กระตุ้มต่อมน้ำตาของผมจนถึงจุดพีคไปด้วย ... United 93 ... ต้องขอย้ำชัดๆอีกสักหนว่า "นี่คือหนังแห่งปีที่ทุกคนควรจะได้ดู" ...แม้มันจะไม่บันเทิง แม้มันจะแสนหดหู่ แม้ตอนจบจะไม่สวยหรู แต่ความประทับใจของคนดูทุกคนจะยังคงค้างคา ไปพร้อมกับภาพสุดท้ายของหนังที่ดับวูบลงขอแนะนำเป็นอย่างยิ่ง ...ถ้าหนังไม่ดีจริง หน้าม้าคนนี้พร้อมพลีชีพครับดู{ดี} วิธ มายเซลฟ์ : 1. ความสมจริงเสมือนว่าเรากำลังดูเหตุการณ์สด 2. บทหนังที่เขียนขึ้นบนพื้นฐานของความเป็นจริง ทั้งเรื่องราวและอารมณ์ 3. การแสดงอันทรงพลัง 4. การกำกับของ พอล กรีนกลาส ตรึงใจคนดูอย่างเจ็บปวด เกรด A ขอเชิญทุกท่านเสนอความคิดเห็นกัน... 1 Comment ของคุณ คือ 1 Happy ของเจ้าของบล็อก ขอบคุณมากครับ
Create Date : 14 สิงหาคม 2549
Last Update : 10 กันยายน 2549 23:22:11 น.
13 comments
Counter : 12762 Pageviews.
โดย: stawahna (stawahna ) วันที่: 14 สิงหาคม 2549 เวลา:19:55:52 น.
โดย: หลังจอ วันที่: 15 สิงหาคม 2549 เวลา:0:14:58 น.
โดย: แม่น้ำ IP: 125.25.130.3 วันที่: 16 สิงหาคม 2549 เวลา:18:50:05 น.
โดย: CrisTooNo วันที่: 20 สิงหาคม 2549 เวลา:11:28:48 น.
โดย: เลดี้กระต่าย (Uki no Kimono ) วันที่: 5 กันยายน 2549 เวลา:16:09:11 น.
โดย: Pride IP: 61.19.54.29 วันที่: 20 มีนาคม 2551 เวลา:18:32:38 น.
โดย: นที IP: 61.47.5.27 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:1:23:26 น.
โดย: อายุ15 IP: 110.164.145.76 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:26:35 น.
โดย: BB IP: 110.164.240.69 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:15:56:29 น.
โดย: united 93 IP: 61.90.118.60 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:27:16 น.
โดย: united 93 IP: 61.90.118.60 วันที่: 21 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:28:51 น.
โดย: ben29 IP: 183.89.145.190 วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:19:57:47 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
สวัสดีครับ ...บล็อคแก๊งค์ คิดไม่ออก จะพูดอะไรดี พูดถึงประวัติตัวเอง... ก็ดูไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจ พูดถึงนิสัยตัวเอง... ก็มีทั้งดีทั้งร้ายสับเปลี่ยนหมุนเวียนไป เฉกเช่นคนธรรมดา พูดถึงหน้าตา... ก็บ้านๆแบบพื้นๆ น้องๆ แบรด พิตต์ หลานๆ ทอม ครูซ เท่านั้นเอง (แหวะ!!!) ตอนนี้ อาจยังคิดไม่ออก แต่ถ้าตอนไหน คุณชวนผมคุย ตอนนั้นผมก็พร้อมจะคุยกับคุณ ในทุกเรื่อง ได้ทุกแนว เพียงแต่ขอยกเว้น ...เรื่องส่วนตั้ว ส่วนตัว ขอขอบคุณ ในมิตรภาพของทุกท่าน ความรู้จักที่คุณมีให้ผม ...ผมขอน้อมรับ ในทุกสิ่ง ที่ท่านมีต่อผม ไม่ว่าจะด้วยภาษา หรือว่าความรู้สึก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ...แต่ถ้านี่ยังน้อยไป ก็อย่าลืม ...เมล์ของผม แอดกันได้นะ once_upon.a.man@hotmail.com My @ http://twitter.com/once_upon_a_man ขอขอบคุณ และสวัสดีครับ ...รักนะ คนอ่านผลงานบทความที่อยู่ใน Blog นี้ สามารถให้คนอื่นนำไปเผยแพร่ในที่อื่นๆได้ แต่ต้องขอให้แจ้งทางเจ้าของ Blog ก่อน ว่าจะนำไปใช้เพื่อประโยชน์ในทางที่ถูก พร้อมทั้งให้เครดิตของเจ้าของผลงานตัวจริงด้วย โดยห้ามทำการดัดแปลงแก้ไข ด้วยภาษาของตัวคุณเอง เพื่อทำให้เจ้าของ Blog เสียหาย ขอความกรุณา อย่าละเมิดสิทธิ์กันเลยครับ เพราะกว่าจะเป็น กว่าจะเกิดผลงานขึ้นมาแต่ละชิ้นได้ อาจคิดขึ้นมาได้ไม่ยาก แต่มันก็ลงมือทำไม่ง่ายเช่นเดียวกัน ถ้าท่านผู้ใดไปพบว่า มีคนนำผลงานของเจ้าของ Blog ไปเผยแพร่ นำเสนอ ในทางที่ไม่ดีไม่ชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อตัวเจ้าของ Blog กับคนอื่นๆ หรือว่าสังคม ..ขอให้แจ้งมาทาง "หลังไมค์" ของเจ้าของ Blog เลยทันที ขอบคุณมากๆครับ
1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31