| สนุกได้กับชีวิตที่คุณรัก ด้วยมาตรฐานการรักษาโรงเฉพาะทางระดับโลกถึง 5 สาขา ที่ได้รับการรับรองจาก JCI สถาบันรับรองคุณภาพระดับสากลแห่งสหรัฐอเมริกา | สมิติเวชพร้อมดูแลคุณ ให้คุณได้กลับไปสนุกกับกิจกรรมที่คุณรักได้อีก ด้วยมาตรฐานระดับโลกนี้ ผู้ป่วยและครอบครัวมั่นใจได้ถึงการดูแลรักษาอย่างถูกต้องแม่นยำ ตั้งแต่แรกเข้ารับการรักษา ขณะพักฟื้น จนสามารถใช้ชีวิตเป็นปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น ด้วยศักยภาพในการรักษาที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก ในเรื่อง - การวางแผนการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเป็นขั้นตอน
- ความเชี่ยวชาญและกระบวนการรักษาที่แม่นยำวัดผลได้
- การพัฒนาศักยภาพในการรักษา
- การจัดการฐานข้อมูลผู้ป่วยและใช้ข้อมูลในการดูแลรักษาร่วมกับผู้ป่วย
- การดูแลสนับสนุนทั้งผู้ป่วยและครอบครัวให้มีสภาพจิตใจที่ดี ใช้ชีวิตอยู่กับโรคอย่างเข้าใจ
|
| | ผู้ป่วยที่ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมนั้น กล้ามเนื้อและเอ็นต่าง ๆ รอบข้อเข่าต้องการเวลาที่จะสมานแผล ดังนั้นหลังจากที่ผู้ป่วยได้กลับบ้านแล้ว การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา, การเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อขา และการเพิ่มช่วงการเคลื่อนไหวของข้อเข่าเทียม เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถกลับไปทำกิจวัตรประจำวันให้ได้มากที่สุด จึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกจากนี้ยังมีภาวะแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น ภาวการติดเชื้อที่ข้อเข่าเทียม, ภาวะเส้นเลือดดำที่ขาอุดตัน, หรือการที่ผู้ป่วยไม่สามารถเหยียดเข่าที่ผ่าตัดได้ตรง สามารถเกิดขึ้นได้หลังจากที่ผู้ป่วยกลับไปอยู่บ้านแล้ว ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรปฏิบัติตนตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด ตามวิธีปฏิบัติตนภายหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม
คำแนะนำในการปฏิบัติตน 1. สำหรับอาการบวมของเข่าที่ผ่าตัดที่เกิดขึ้น อาจใช้เวลาถึงประมาณ 6 เดือนในการกลับสู่ภาวะปกติ การวางแผ่นเย็น (cold pack) จะช่วยลดอาการบวม และอาการปวดของข้อเข่าข้างที่ผ่าตัด ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรวางแผ่นเย็นที่เข่าข้างผ่าตัด วางนานประมาณ 10-20 นาที ประมาณ 3-4 ครั้งต่อวันหรือเท่าที่ผู้ป่วยต้องการจะวาง โดยเฉพาะในช่วงเวลา 6 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด, เวลาที่เหมาะในการวางแผ่นเย็นคือ หลังจากที่ผู้ป่วยออกกำลังกาย หรือ หลังจากที่ผู้ป่วยไปเดินมาก ๆ, ท่าที่เหมาะกับการวางแผ่นเย็นคือวางในท่าเข่าเหยียดตรง 2. การนอน หากนอนหงายให้นอนหงายเข่าเหยียดตรง แล้วใช้ม้วนผ้าขนหนูวางไว้ใต้ข้อเท้าขาข้างผ่าตัด จุดประสงค์ของการนอนแบบนี้เพื่อให้เข่าที่ผ่าตัดเหยียดได้ตรง ผู้ป่วยไม่ควรใช้หมอนใด ๆ วางใต้ข้อเข่าที่ผ่าตัดในขณะที่นอน 3. การนั่งนาน อาจจะทำให้เข่าข้างผ่าตัดเกิดอาการขาแข็ง (stiffness) หรืออาการบวมตลอดทั้งขาข้างที่ผ่าตัด ดังนั้นผู้ป่วยจึงควรนั่งนานไม่เกิน 45 นาที หากผู้ป่วยต้องการที่จะนั่งนาน เช่น ดูหนัง หรือ ดูทีวี หรือนั่งทำงานนาน ผู้ป่วยก็ควรลุกขึ้นยืนและเดินในระยะทางสั้น ๆ หรือ เคลื่อนไหวเข่าข้างผ่าตัดโดยการงอและเหยียดเข่าหลาย ๆ ครั้ง 4. เนื่องจากภาวะการติดเชื้อในข้อเข่าเทียมอาจเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่หลังการผ่าตัดจนถึงประมาณ 1 ปี ดังนั้นหากผู้ป่วยสังเกตเห็นอาการต่าง ๆ เหล่านี้ ได้แก่ อาการมีไข้สูงนาน ๆ, หรือที่แผลผ่าตัดมีอาการแดง ร้อน หรือ มีหนองหรือน้ำเหลืองไหลออกมาจากแผลผ่าตัด, หรืออาการปวดเข่าที่ผ่าตัดมาก ให้ผู้ป่วยรีบโทรศัพท์หาแพทย์ผ่าตัดทันที 5. ภายในหนึ่งปีหลังการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม หากผู้ป่วยต้องได้รับการผ่าตัดอื่นใด หรือการผ่าตัดทางด้านฟันนั้น ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ที่ผ่าตัดทราบว่าผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียมมา เพื่อที่แพทย์จะได้ให้ผู้ป่วยได้รับยาปฏิชีวนะก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อป้องกันการติดเชื้อไปที่ข้อเข่าเทียม
การออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา
1. Ankle Pumps: นอนหงาย ขาเหยียดตรง, จากนั้นกระดกข้อเท้าขึ้น และ ลง ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด) 2. Heel Slides: นอนหงาย ขาเหยียดตรง, จากนั้นค่อย ๆ งอเข่าขึ้นมาโดยการลากส้นเท้าเข้ามาชิดก้น (พยายามให้ส้นเท้าติดพื้นตลอดการเคลื่อนไหว) แล้วค่อยยืดขาออกกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด) 3. Knee Press: นอนหงาย ขาเหยียดตรง, พยายามเกร็งกล้ามเนื้อต้นขา กดด้านหลังเข่าติดเตียง เกร็งค้างไว้นาน 5 วินาที แล้วคลายออก ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด) 4. Straight Leg Raise: นอนหงาย ขาข้างดีงอขึ้นมาให้เท้าวางติดพื้น, ขาข้างผ่าตัดเหยียดตรง จากนั้นเกร็งกล้ามเนื้อหน้าขาให้เข่าเหยียดตรง แล้วยกขานั้นขึ้นสูงเท่ากับความสูงของขาข้างดีที่ตั้งงอไว้ โดยที่เข่าต้องเหยียดตรงตลอดช่วงของการเคลื่อนไหว แล้วค่อย ๆ วางขาลงช้า ๆ กลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
5. Side Lying Abduction: นอนตะแคง ขาเหยียดตรง (ให้ขาข้างที่ต้องการออกกำลังกายอยู่ด้านบน) จากนั้นให้กางขาขึ้น โดยขาจะต้องเหยียดตรงตลอดช่วงของการกางขา แล้วยกขากลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
6. Short Arch Quadriceps: นอนหงาย ใช้หมอนกลมวางใต้เข่าข้างที่ผ่าตัด จากนั้นเกร็งกล้ามเนื้อหน้าขายกปลายเท้าขึ้นให้เข่าเหยียดตรง เกร็งค้างไว้ 5 วินาที แล้ววางขาลงสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
7. Sitting Knee Extension: นั่งบนเก้าอี้ แล้วค่อย ๆ เหยียดขาข้างที่ต้องการออกกำลังกายให้เข่าเหยียดตรงมากที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำค้างไว้ 5 วินาที แล้ววางขาลงสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
8. Standing Knee Bending: โดยให้ผู้ป่วยยืนจับพนักเก้าอี้ที่มั่นคง แล้วงอขาข้างที่ผ่าตัดขึ้น ทิศทางเข้าหาก้น ให้งอเท่าที่จะงอไปได้ แล้ววางขาลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด) 9. Standing Hip Abduction: โดยให้ผู้ป่วยยืนจับพนักเก้าอี้ที่มั่นคง แล้วกางขาข้างผ่าตัดออกไปทางด้านข้าง โดยพยายามควบคุมให้ลำตัวและเข่าเหยียดตรงตลอดช่วงการเคลื่อนไหว แล้ววางขากลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
10. Standing Hip Extension: โดยให้ผู้ป่วยยืนจับพนักเก้าอี้ที่มั่นคง แล้วเหยียดขาข้างที่ผ่าตัดไปทางด้านหลัง โดยพยายามควบคุมให้ลำตัวและเข่าเหยียดตรงตลอดช่วงการเคลื่อนไหว แล้ววางขากลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
11. Standing Terminal Knee Extension: โดยให้ผู้ป่วยยืนจับพนักเก้าอี้ที่มั่นคง แล้วให้เข่าข้างที่ผ่าตัดงอเล็กน้อย จากนั้นค่อย ๆ เกร็งกล้ามเนื้อต้นขาดึงเข่าไปทางด้านหลัง ให้เข่าเหยียดตรง เกร็งค้างไว้ 5 วินาที (พยายามไม่ให้เข่าแอ่นมากเกินไป) จากนั้นจึงค่อย ๆ คลายให้เข่ากลับสู่ท่างอเข่าเล็กน้อย ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
12. Heel Raises: โดยให้ผู้ป่วยยืนจับพนักเก้าอี้ที่มั่นคง จากนั้นให้ยกส้นเท้าทั้ง 2 ข้างขึ้นจากพื้น เกร็งค้างไว้ 5 วินาที แล้วค่อย ๆ วางส้นเท้าลงกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
13. Sitting Assisted Knee Bending: โดยให้ผู้ป่วยนั่งบนเก้าอี้ แล้วใช้ขาข้างดีวางอยู่หน้าขาข้างที่ผ่าตัด จากนั้นใช้ขาข้างดีดันขาข้างผ่าตัดไปทางด้านหลัง ให้เข่าข้างผ่าตัดงอไปได้มากที่สุดเท่าที่จะไปได้ งอค้างไว้ 5 วินาที แล้วคลายออกนำขากลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ
ครั้ง (ตามคำแนะนำของนักกายภาพบำบัด)
14. Hamstring Stretching: นั่งบนเตียง โดยให้ขาข้างดีวางอยู่บนพื้น ส่วนขาข้างผ่าตัดวางอยู่บนเตียงขาเหยียดตรง จากนั้นค่อย ๆ ก้มตัวไปข้างหน้าไปจับที่นิ้วหัวแม่เท้า หรือพยายามก้มไปข้างหน้าให้ไกลที่สุดเท่าที่จะไปได้ โดยต้องพยายามรักษาให้เข่าเหยียดตรงตลอดช่วงที่ก้มตัวไปข้างหน้า แล้วให้ค้างไว้นาน 10 วินาที จากนั้นเคลื่อนกลับสู่ท่าเริ่มต้น ทำซ้ำ 10 ครั้ง
การลุกขึ้นนั่ง จากท่านอนหงาย ให้ผู้ป่วยใช้แขนทั้งสองข้างยันตัวขึ้นนั่ง จากนั้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนตัวมานั่งริมขอบเตียง โดยมีผู้ดูแลผู้ป่วยช่วยพยุงขาข้างผ่าตัดออกมานอกเตียง แล้วจึงค่อย ๆ วางขาข้างผ่าตัดให้งอวางเท้าติดพื้น ส่วนขาข้างดีผู้ป่วยเคลื่อนมาวางเท้าที่พื้นเอง
การลุกขึ้นยืน หลังจากที่ผู้ป่วยนั่งห้อยขาข้างเตียงแล้ว ให้นำ Walker มาวางอยู่ด้านหน้าผู้ป่วย แล้วให้ผู้ป่วยใช้มือจับ walker จากนั้นให้ผู้ป่วยเคลื่อนขาข้างผ่าตัดมาทางด้านหน้า เพื่อไม่ให้ผู้ป่วยลงน้ำหนักที่ขาข้างผ่าตัดมาก แล้วก้มตัวมาทางด้านหน้า มือกด walker ลงน้ำหนักที่ขาข้างดี จากนั้นยืดตัวขึ้นยืนตรงแล้วจึงเคลื่อนขาข้างผ่าตัดมาวางเท่าขาข้างดี
การเดินด้วยการใช้ Walker ขั้นตอนที่ 1 ให้ผู้ป่วยยก Walker ไปวางทางด้านหน้า ในระยะทางที่เพียงพอกับการก้าวเท้าปกติของผู้ป่วย ต้องมั่นใจว่าวางขาทั้ง 4 ของ walker ลงพื้นเรียบร้อยแล้วก่อนที่จะก้าวเท้า
ขั้นที่ 2 ก้าวขาข้างผ่าตัดก่อน โดยก้าวเข้าไปในกึ่งกลางของ Walker วางเท้าให้ตรง ไม่บิดเท้า
ขั้นที่ 3 กด Walker ด้วยมือทั้งสองข้าง ลงน้ำหนักที่ขาข้างผ่าตัดประมาณ 50 % หรือ เท่าที่ไม่มีอาการเจ็บที่ข้อเข่าเทียม จากนั้นจึงก้าวขาข้างดีตามมา |
ความไม่มีโรค
เป็นสุขอย่างยิ่งจริงๆเลยนะครับ