โจทย์เดือนนี้ชวนเพื่อน ๆ มากินผักกันค่ะ โดยให้ทำเมนูอะไรก็ได้ที่มีผัก
จะเป็นวัตถุดิบหลัก เป็นส่วนประกอบ เป็นผักแนม ผักโรยหน้า หรือตกแต่งจานได้ทั้งนั้น
วันนี้ชวนมากินผักที่มีฤทธิ์เย็น ช่วยคลายร้อนและปรับสมดุลในร่างกาย
นั่นก็คือ กระเจี๊ยบเขียวนั่นเองค่ะ
(ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ) ประโยชน์ของ กระเจี๊ยบเขียว
1. ช่วยลดน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน และคนที่กำลังควบคุมน้ำตาล-น้ำหนัก
2. ลดอาการท้องผูก เพราะมีเมือกที่ช่วยให้อุจจาระอ่อนตัวขึ้น และยังมีใยอาหารที่ดีต่อการขับถ่าย
3. ลดคลอเลสเตอรอลในร่างกาย
4. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคกระเพาะอาหาร เยื่อบุกระเพาะอาหารอักเสบ และลำอักเสบได้
5. ใครที่เป็นโรคกระเพาะอาหารอยู่แล้ว การทานกระเจี๊ยบเขียวพร้อมเมือกเหนียว ๆ ใส ๆ
จะช่วยเข้าไปเคลือบแผลในกระเพาะอาหารได้อีกด้วย
6. ฝักกระเจี๊ยบต้มเกลืออ่อน ๆ สามารถแก้อาการกรดไหลย้อนได้
7. มีโฟเลตสูง ช่วยเสริมสร้างเม็ดเลือดแดง และเป็นสิ่งจำเป็นต่อพัฒนาการของลูกน้อยในครรภ์
ดังนั้นจึงเหมาะกับหญิงมีครรภ์
8. บำรุงรักษาทางเดินปัสสาวะและโรคเกี่ยวกับเพศ
9. รักษาโรคพยาธิตัวจี๊ด เมื่อรับประทานติดต่อกันประมาณ 2 สัปดาห์
10. เพิ่มจำนวนแบคทีเรียมีประโยชน์ (พรีไบโอติก) เจริญเติบโตได้ดี ซึ่งช่วยลดแบคทีเรียชนิดไม่ดีในลำไส้ได้
11. เป็นผักที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง (กลูต้าไธโอน) มีส่วนช่วยในการต้านมะเร็ง
12. มีสารเพคตินมาก มีส่วนช่วยในการสมานผลภายในของสตรีหลังการคลอดบุตร
(ขอบคุณข้อมูลจาก
https://food.trueid.net/กระเจี๊ยบเขียวผัดกะปิไก่สับ

ส่วนผสมและวิธีทำ
กระเจี๊ยบเขียว
กระเทียม
พริกจินดาแดง
ไก่สับ
กะปิ
เกลือป่น
ซีอิ๊วขาว
ซอสปรุงรส
ซอยหอยนางรม
น้ำตาล
ตั้งน้ำให้เดือดเตรียมไว้ ใส่เกลือป่นลงไปเล็กน้อย
หั่นกระเจี๊ยบเป็นชิ้นขนาดตามต้องการ ลงไปลวกความสุกตามชอบ จากนั้นตักขึ้นแช่ในน้ำเย็น
เพื่อน ๆ สามารถนำไปผัดได้เลยโดยไม่ต้องลวกก็ได้นะคะ แต่ต้องผัดด้วยไฟแรง ๆ
และห้ามเติมน้ำ กระเจี๊ยบก็จะไม่มียางแน่นอนค่ะ
โขลกพริกกับกระเทียมรวมกันพอแหลก ใส่กะปิลงไปโขลกให้เข้ากัน

ตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่เครื่องที่โขลกไว้ลงไปผัดให้หอม
ตามด้วยไก่สับลงไปผัดให้สุก ใส่กระเจี๊ยบที่ลวกไว้ลงไป
ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม และน้ำตาลเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน ปิดเตา

ตอนเอากระเจี๊ยบขึ้นจากน้ำเย็นเราไม่ได้สะเด็ดน้ำให้แห้ง เวลาผัดแล้วจะมีน้ำขลุกขลิกไว้คลุกข้าว
ถ้าชอบแบบผัดแห้ง ๆ ให้สะเด็ดน้ำก่อนนะคะ
ตักใส่จาน เสร็จเรียบร้อยพร้อมรับประทาน



ขอบคุณที่แวะมาทักทายกันนะคะ แล้วพบกันใหม่เมนูต่อไปค่ะ
ไม่ชอบกระเจี๊ยบเขียวก็ตรงยางเหนียว ๆ นี่แหละค่ะ
ได้รู้วิธีกำจัดยางเหนียว ๆ ของกระเจี๊ยบเขียวแล้ว
ขอบคุณนะคะ