:: กะก๋าแนะนำหนังสือ : เร็วไม่ว่า ช้าให้เป็น ::
:: เร็วไม่ว่า ช้าให้เป็น ::
เขียน : Carl Honore แปล : กรรณิการ์ พรมเสาร์
เราอยู่ในโลกยุคที่ทุกอย่างในชีวิตดูรีบเร่งไปหมด ตั้งแต่ตื่นนอนจนเข้านอน ชีวิตผูกติดไว้กับนาฬิกา เวลา ตารางงาน การงาน หน้าที่ ความรับผิดชอบ ฯลฯ ทั้งหมดทำให้ชีวิตเคลื่อนที่ไปเร็ว --- เร็วเกินไป จนความเร็วนั้นย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราเอง
--------------------------
เช้าตื่นนอน ดูนาฬิกา รีบลุกขึ้นมา แต่งตัว ปลุกลูก ปลุกสามี เร็ว ๆ เข้าลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสาย ไปส่งลูกที่โรงเรียน หงุดหงิดกับรถคันข้างหน้าซึ่งขับช้าเหลือเกิน บีบแตรใส่ ขับรถจี้ท้าย ขับไปด่าไป ส่วนลูกก็กินข้าวง่าย ๆ บนรถ วันไหนทำกับข้าวไม่ทันก็แวะซื้ออาหารแช่แข็งที่ร้านสะดวกซื้อ พิเศษหน่อยก็แวะไดร์ฟทรูกินเบอร์เกอร์กับมันฝรั่งทอด จอดรถหน้าโรงเรียนกระตุ้นลูกอีกครั้ง เร็ว ๆลูก แม่รีบ เดี๋ยวไปทำงานสาย จากนั้นรีบบึ่งรถไปที่ทำงาน รถก็ติด หงุดหงิดเป็นบ้า ถึงที่ทำงานรีบเปิดคอมฯทำงาน หัวหน้าก็เร่งงานเหลือเกิน ไม่รู้รึไงว่าทำไม่ทัน ข้าวเที่ยงยังแทบไม่มีเวลากิน ลูกค้าโทรมาตลอด ทั้งทำงาน ทั้งรับสายโทรศัพท์ แชทไลน์กับเพื่อนอีก เหนื่อยเหลือเกิน งานหนัก แถมมีแต่ข่าวร้ายแว่วมา บริษัทขาดทุน อาจปิดตัวเร็ว ๆ นี้ ตกงานตอนนี้ จะไปหางานที่ไหนล่ะเนี่ย งานยุ่งตลอดภาคบ่ายจนไม่มีเวลากินข้าว ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งเย็นชืดหน้าบริษัทมากินไปพิมพ์งานไป เงยหน้าจากคอมฯขึ้นมาอีกที ได้เวลาไปรับลูก แต่งานยังไม่เสร็จ โทรไปบอกสามีให้ช่วยรับลูกแทนได้มั้ย สามีบอกเขาก็ยุ่ง งานเร่งมาก ไม่มีเวลาไปรับ สุดท้ายต้องเร่งงานที่เหลืออยู่แล้วรีบบึ่งไปรับลูกที่โรงเรียน ลูกบ่นหิวเพราะเลยเวลารับไปชั่วโมงครึ่ง รับเสร็จต้องเร่งขับรถไปอีกที่ ลูกมีเรียนพิเศษทุกเย็น วันละสองชั่วโมง เดี๋ยวเรียนไม่ทันเพื่อน ระหว่างรอลูกเรียน เปิดมือถือนั่งอ่านข่าว ทำไมมีแต่ข่าวสั้น ๆ ข่าวไร้สาระ ลูกเรียนเสร็จพากลับบ้าน รถติดยาว หงุดหงิด เบื่อ เซ็ง หิว ลูกบ่นหิวข้าวจนหงุดหงิด แวะเข้าปั๊มน้ำมัน ให้ลูกเข้าร้านสะดวกซื้ออีกครั้ง ข้าวกล่องอุ่นไมโครเวฟ กับไส้กรอก ลูกกินจนหมด กินไป ดูคลิปในมือถือไป ใจนึกถึงแต่งานที่ยังค้างอยู่ พรุ่งนี้จะทำเสร็จมั้ยเนี่ย กลับถึงบ้าน ถึงนึกขึ้นได้ ยังไม่ได้เตรียมกับข้าวมื้อเย็น เปิดตู้เย็นมีข้าวกล่องอยู่สองกล่อง ลูกกินแล้วเหลือเรากับสามี รอสามีกลับมาค่อยอุ่นไมโครเวฟกินล่ะกัน สามีกลับถึงบ้านสามทุ่ม หน้าตาอิดโรย หงุดหงิด เขาทำงานไกลจากบ้านมาก รถติดนานเลยในวันสุดท้ายของสัปดาห์แบบนี้ อุ่นข้าวกล่องมานั่งกินกันสองคน สี่ทุ่มรีบเอาลูกเข้านอน ใจนึกอยากกอดสามี แต่พอหันไปกอด สามีกลับหันหลังให้ เบื่อโลก หันหน้ากลับมานอนด้วยความเซ็ง พรุ่งนี้ชีวิตจะเป็นยังไง ยังจะต้องรีบแบบนี้อีกไหม ?
------------------------------
นี่คือวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันนี้ วิถีแห่งการแข่งขัน ความรวดเร็ว ชัยชนะ ที่ต้องแลกกับหลายอย่างที่สูญหายไปจากชีวิต ความสุขที่ต้องแลกกับความเครียด ความสำเร็จที่ต้องแลกกับความทรุดโทรมของสุขภาพ ผลการเรียนอันยอดเยี่ยมที่ต้องแลกกับความสุขในการเรียนรู้ที่หายไป ฯลฯ
หนังสือเล่มนี้พาเราไปพบกับแนวคิด ‘SLOW’ Slow Life , Slow Education , Slow working , Slow Food , Slow Sex ฯลฯ ทุกอย่างที่กล่าวมา ถูกทำให้ช้าลง ละเมียดละไม ไม่เร่งรีบ รอได้ รู้จักรอ แนวคิดนี้เริ่มเป็นที่ยอมรับมากขึ้น ๆ โดยเฉพาะเมืองใหญ่ของโลก ที่เต็มไปด้วยการแข่งขันท่ามกลางความเร็ว เพราะผู้คนจำนวนหนึ่งเริ่มเห็นพิษภัยของความเร่งรีบ รอยปริร้าวในครอบครัวที่เกิดจากความเร่งร้อน ความสุขในชีวิตที่หายไป กำลังถูกเรียกกลับมา ด้วยการใช้ชีวิตให้ช้าลง รู้จักพักเวลาทำงาน การเรียนรู้อย่างมีความสุข ใช้วัตถุดิบในการทำอาหารจากท้องถิ่น การผลิตสินค้าจำนวนน้อยแต่เน้นคุณภาพ การหยุดใช้เทคโนโลยี การพูดคุย การสัมผัสอย่างนุ่มนวลละมุนละไม
การทำอะไรให้ช้าลง ไม่ได้หมายถึงการลดคุณภาพและปริมาณของผลผลิต หากแต่เป็นการทำทุกอย่างอย่างมีสติ และตั้งใจ
ชีวิตก็เฉกเช่นกัน ถ้ารีบมากเกินไป บ่อยครั้งไม่เพียงจะไปไม่ถึงจุดหมาย ยังทำให้เราไม่อาจเห็นความงามแห่งชีวิตอีกด้วย ความจำเป็นที่เราคิด ความมั่นคงที่เคยคาดหวัง ความสำเร็จที่ต้องการ แน่หรือว่ามันมาจากความเร็วที่เร็วที่สุด เร็วกว่าคนอื่น รวยกว่าคนอื่น สบายกว่าคนอื่น
บางทีอาจต้องลองถามตัวเองดูชัด ๆ ว่าชีวิตที่ผ่านมาและกำลังจะเกิดขึ้นของคุณ เป็นเช่นไร และมันต้องเร็วเพียงใด ?
Create Date : 16 มกราคม 2562 |
|
27 comments |
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2563 22:20:01 น. |
Counter : 481 Pageviews. |
|
|
ยิ่งตอนนี้ ตั้งใจเชื่องช้ากว่าม่านชวนอีก อิอิ
สวัสดียามเช้านะตะ คุณก๋า
วันนี้ว่าจะไปเจเจสักหน่อย ตื่นมานี่ต้องเปลี่ยนใจ
เพราะใครๆก็ว่า อย่าเพิ่งไปเลย ฝุ่นเยอะ
พี่ก็นึกๆว่า ทำไมตอนนี้กรุงเทพฯฝุ่นอันตรายจัง
ทางภาคเหนือหลายจังหวัดผจญฝุ่นกันมา
ตั้งหลายปีดีดักแล้ว หรือฝุ่นกรุงเทพฯอันตราย
กว่ามาก งงๆนะเนี่ย