<<
มีนาคม 2563
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
12 มีนาคม 2563

:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - วัยรุ่น 4.0 ::


:: วัยรุ่น 4.0 ::

เขียน : นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์









ใช่หรือไม่
ลูกของคุณตื่นนอนขึ้นมาพร้อมกับ “ข้อห้าม” มากมาย

อย่าโทรศัพท์นาน การบ้านทำเสร็จแล้วหรือยัง
อย่าเล่มเกมมากเกินไปนะ ผมยาวมาก ๆ ไปตัดได้แล้ว
ดูเพื่อนคบเพื่อนให้ดีดีล่ะไอ้คนนี้มันเกเรสุด ๆ
ช่วงนี้ใกล้สอบแล้วอ่านหนังสือด้วย นอนให้ตรงเวลา อาบน้ำให้สะอาด
ค่าเรียนพิเศษมันแพงนะลูกตั้งใจหน่อย ฯลฯ

พ่อแม่รักลูกนั้นไม่แปลก
แต่ที่ทำให้ความสัมพันธ์แตกแยก
เพราะพ่อแม่เริ่มรุกล้ำ “พื้นที่ส่วนตัวของลูก”
เขาชอบสิ่งนี้ ก็ไม่ให้ทำ จะให้ทำแต่สิ่งที่พ่อแม่ชอบ
จะเรียนอะไร จะเลือกอะไร แต่งตัวแบบไหน คบใคร
พ่อแม่ “จัดการ” ให้หมด โดยไม่ถามลูกสักคำว่าเขาต้องการหรือเปล่า

พ่อแม่หลายคนมัดมือชก ด้วยคำว่า รัก ห่วงใย อยากให้ลูกได้ดี
จนลืมนึกไปว่า ลูกก็เติบโตขึ้นทุกวัน
มีความคิด มีความรู้สึก มีจิตใจของเขาเอง
เหมือนผีเสื้อ ตอนเป็นเด็ก เป็นหนอนตัวน้อย
ยังต้องพึ่งพิงพ่อแม่ ลูกย่อมดูน่ารัก เชื่อฟัง
สั่งให้ทำอะไรก็ทำ แต่เมื่อถึงวันหนึ่งเขาเริ่มเติบโตขึ้น
เริ่มกลายร่าง ลอกคราบ เพื่อบินจากเราไป
พ่อแม่เตรียมใจไว้บ้างหรือเปล่า
วันหนึ่งที่ลูกจะเป็นตัวของตัวเอง
อยากใช้ชีวิตในแบบที่เขาอยากเป็น

วันที่ลูกเริ่มเถียง เริ่มชักสีหน้า เริ่มปิดประตูใส่หน้า
เริ่มไม่ฟัง สั่งซ้ายไปขวา บอกขวาไปซ้าย
สั่งให้นอนก็แอบตื่นมาตอนดึก ๆ
สั่งให้ทำการบ้านหยิบหูฟังมาใส่แล้วนั่งเล่นเกม ฯลฯ


ลูกส่วนใหญ่ในประเทศนี้
โตมากับกฎ ข้อห้าม ข้อบังคับ ข้อเรียกร้องมากมาย
แบกความหวังในเรื่องการศึกษาจนหลังแอ่นไหล่ทรุด
พ่อแม่พูดเสมอว่าไม่คาดหวังอะไรจากผลการเรียนของลูก
แต่ถ้าได้เกรดต่ำกว่า 3.5 นั่นจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดบ้านแทบแตก

ไม่เรียนพิเศษแล้วจะสู้เขาได้ยังไง จะเข้าโรงเรียนดังโรงเรียนดีได้ยังไง
เกรดแค่นี้จะไปสู้ใครได้ ดูลูกบ้านโน้นสิเขาเก่งมากเลยนะ ฯลฯ

ชีวิตของเด็กยึดโยงอยู่แต่กับการเรียน การแข่งขัน เกรดและการสอบ
น้อยครั้งที่จะได้คำปลอบ มีแต่คำบอก คำสั่งซึ่งต้องการให้ลูกทำให้ได้ดั่งใจ


พ่อแม่เคยรู้บ้างไหม
ว่าความห่วงใยของพ่อแม่ หากพูดซ้ำเกิน 2 รอบในเรื่องเดิม
มันคือ คำบ่นอันแสนน่าเบื่อหน่าย

เคยรู้บ้างไหมว่าเมื่อลูกเริ่มเติบโตขึ้น
เขาอยากมีพื้นที่ส่วนตัว อยากอยู่คนเดียวบ้างบางเวลา
อยากคุยกับเพื่อนโดยไม่มีพ่อแม่แอบฟัง
อยากแชทโดยไม่มีใครแอบอ่านข้อความ
อยากพูดคำหยาบ อยากเล่นเกมโหด ๆ
อยากฟังเพลงดัง ๆ อยากดูคลิปที่เขาสนใจ

ยิ่งห้าม เหมือนยิ่งผลักลูกออกไปจากตัว
ยิ่งกลัว ลูกยิ่งต่อต้านทุกคำสั่งที่พ่อแม่บอกกล่าวให้เขาทำ
ยิ่งบังคับ พ่อแม่ยิ่งเครียด ลูกยิ่งไม่มีความสุข

เวลาเรารักใคร เราอยากให้เขามีความสุขมิใช่หรือ ?
แต่น่าแปลกใจที่เรากลับเลี้ยงลูกให้เป็นทุกข์
ใส่ความคิดด้านลบเข้าไปในหัวลูก พูดย้ำ ๆ ซ้ำ ๆ
ชีวิตจริงมันไม่ง่ายหรอก ชีวิตจริงไม่ได้มีแต่เรื่องของความสุข
ไม่กดดันบ้างจะไปเก่งได้ยังไง ฯลฯ



ยิ่งรัก ยิ่งไม่เข้าใจ
ลูกยิ่งทุกข์ พ่อแม่ยิ่งไร้สุข


เอาเข้าจริง...มันไม่มีคู่มือเลี้ยงลูกที่ดีที่สุดหรอก
มีแต่การยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่ลูกเป็น
อยู่ข้าง ๆ ห่างกันบ้างก็ได้
ลดข้อบังคับลง แล้วนั่งลงฟังลูกพูดเยอะ ๆ
ถ้าเขาไม่อยากพูด ก็ถอยออกมา
ถ้าลูกรู้ว่าพ่อแม่รัก เขาไม่ผลักเราออกจากชีวิตแน่ ๆ
ช่วงเวลาที่แย่ เหนื่อยและท้อ
เขารออ้อมกอดของพ่อแม่
เขารู้ว่าพ่อแม่จะอยู่ข้าง ๆ เขาเสมอ

ถ้าบรรยากาศในบ้านอบอุ่น
มีข้าวหอมกรุ่น อาหารรสชาติคุ้นเคยที่ลูกชอบ
มีคำปลอบ มีถ้อยคำให้กำลังใจ
ลูกไม่ไปไหนไกล ถึงอยู่ไกลก็ไว้ใจเขาได้
ว่าเขาจะเอาตัวรอด และแก้ปัญหาด้วยตัวเองได้

กอดเขาแล้วอย่ารัดจนแน่น
ปล่อยให้ลูกเติบโตในอย่างที่เขาเป็น
หน้าที่ของพ่อแม่ คือ ปล่อยมือและไว้ใจ
แล้วลูกจะเติบใหญ่ภายใต้ร่มเงาชีวิตของเขาเอง















 




 

Create Date : 12 มีนาคม 2563
27 comments
Last Update : 16 มกราคม 2564 7:38:20 น.
Counter : 508 Pageviews.

 

ผมว่าควรจะเป็นหนังสือที่มีไว้ประจำครอบครัวเลยครับ

ลิเวอร์พูลเล่นดีมากครับ คุมเกมส์ไว้ในมือ แต่ปิดสกอร์ไม่ได้ เจอทีเด็ดตราหมีไป ถึงขั้นแพ้ ตกรอบเลยครับ อาเดรียนนี่หลอนไปเลย
ที่หนักกว่านั้น นักเตะยูเว่ติดโควิดแล้วด้วยครับ
ลิเวอร์พูลชิงตกรอบก่อนหนีโควิด หาข้อแก้ตัวตอนแพ้ครับ 555

 

โดย: The Kop Civil 12 มีนาคม 2563 7:10:18 น.  

 

รู้จักนายแพทย์ท่านนี้
ที่ท่านเขียนก็เป็นเช่นนั้นทุกประการ
เถียงไม่ได้เลยสักข้อ
พี่เลยสงสารพ่อแม่สมัยนี้
ตอนพี่เลี้ยงพี่ปูกับพี่หมอ
พี่ก็แค่ดูให้กินอยู่สะอาดเรียบร้อย
การเรียนก็เตือนๆกันบ้างพอสมควร
ลูกไม่อยากไปเรียนพิเศษ
แต่จะขอไปติวเข้มหนึ่งเดือนก่อนสอบ
เข้าเตรียมและจุฬา เข้าได้ตามที่เลือกททั้งสองคน
แต่ตอนนั้นโซเชียลก็ไม่เยอะเหมือนตอนนี้
เรียกว่าสิ่งเร้าใจน้อยมาก
ลูกมีเวลาอ่านเรื่องที่สนใจมากกว่าเด็กสมัยนี้
ตอนนั้นพี่ก็ว่าลูกๆแบกภาระเรื่องเรียน
จนหลังแอ่นเหมือนกัน

โชคดีอีกอย่างคือไม่มีหลานให้เป็นวัยรุ่นตอนนี้
นี่ถ้ามีหลาน พี่อาจจะมีเหลนแล้วเนอะ

วันนี้อ่านยาวคุยยาว พรุ่งนี้จะกลับบ้านป่าสามสี่วัน
ฝากบ้านด้วยนะคะ

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 12 มีนาคม 2563 7:12:58 น.  

 

กอดเขาแล้วอย่ารัดจนแน่น ...

ใช้ได้กับทุกเรื่องเลยค่ะ
เรื่องความรัก รักแล้วก็ไม่ต้องกอดรัดจนแน่น เพราะเขาจะหายใจไม่ออก 555
เราแค่รักและเข้าใจ คอยดูและแอบควบคุมอยู่ห่าง ๆ อย่างเนียน ๆ นะคะ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 12 มีนาคม 2563 7:46:56 น.  

 

ตอนนี้เล่นแต่มือถือเลยค่ะปิดเทอม 55555

 

โดย: kae+aoe 12 มีนาคม 2563 7:59:29 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับ คุณก๋า
หนังสือดีมากเลยครับ สำหรับคนมีลูก หรือ ปู่ย่าตายาย หรือ ญาติที่ต้องเลี้ยงหลาน เหลน
ข้อความที่คุณก๋ายกมาจากหนังสือ หรือ เขียนเองครับ
...เหมือนผีเสื้อ ตอนเป็นเด็ก เป็นหนอนตัวน้อย ยังต้องพึ่งพิงพ่อแม่
ผีเสื้อ ตั้งแต่แม่วางไข่ จนเป็นหนอนน้อย ดักแด้ ลอกคราบมันไม่เคยรู้จักแม่ของมันเลยครับ
ถ้าเปลี่ยน เป็น ลูกนก ก็เกือบ 100 % ต้องพึ่งพิงพ่อแม่ ยกเว้น แม่กาเหว่าไข่ไว้ให้แม่กาฝัก

รักลูกในแบบที่เค้าเป็น แต่ต้องอยู่ในกรอบความดี

เรื่องชื่อแพทย์บางครั้งก็ขำดีครับ
นายแพทย์เกษตร แต่ไม่ได้ทำอาชีพเกษตร
นายแพทย์เทียม เป็นแพทย์จริงๆ
นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

 

โดย: สองแผ่นดิน 12 มีนาคม 2563 8:15:16 น.  

 

ปกติชอบแนวคิดและการเขียนของคุณหมอนะคะ

แต่อ่านอันนี้แล้วก็แบบ...

เออ แล้วถ้าลูก (ในที่นี่คือหลานสำหรับเรา) ไม่ยอมทำการบ้าน เอาแต่ห่วงเล่น ห่วงดูทีวี เราควรทำไงอะคะ? ปล่อยไปให้เขาทำในสิ่งที่เขาอยากทำ การบ้านไม่ทำแบบนี้หรือ? เอาจริงดิ?

หรือในหนังสือบอกไว้เป็นอย่างอื่นคะ?

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Max Bulliboo Klaibann Blog ดู Blog
nonnoiGiwGiw Diarist ดู Blog
กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 12 มีนาคม 2563 9:31:30 น.  

 

มันคือเรื่องจริงของวัยรุ่นสมัยนี้ หนุ่มน้อยหมิงหมิงคงไม่ถูกคุณพ่อคุมขนาดนี้ใช่มั้ยคะ^^ แค่มองดูเค้าอยู่ห่างๆและไม่ให้เค้าเดินไปในทางที่ผิดก็น่าจะโอเคแล้วเนาะ

สวัสดียามเช้าค่ะ มีความสุขในทุกๆวันนะคะ

 

โดย: In the past 12 มีนาคม 2563 9:41:22 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณก๋า
คุณหมอเขียนไว้ดีมากๆ คุณพ่อ+แม่ยุค 4.0
ต้องได้อ่านนะคะ เมื่อมีคุณลูก ยุค 4.0 ด้วยกัน
Delete วัยคุณพ่อ+แม่ ที่ถูกเลี้ยงมาก่อนยุคนี้ไปเลย

เนื้อหาที่ยกมา ชอบเลยคร้า มันใช่เลย !!!
...บอกชี้แนะวิธีให้ตั้งรับมือ และแก้ไขด้วย
ขอบคุณคุณก๋า ที่นำมารีวิวคร้า

 

โดย: Tui Laksi 12 มีนาคม 2563 10:18:17 น.  

 

ไม่รู้ว่าโชคดีหรือไม่ดีที่ไม่มีลูก...ค่ะ

เพราะต้องรับมือกรณีที่มีลูกกับยุคสมัยนี้ ให้ทัน

ยิ่งเริ่มโตเป็นวัยรุ่นกันด้วยแล้ว สถานะการณฺ์สิ่งยั่วยุเยอะ

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 12 มีนาคม 2563 10:22:27 น.  

 

สวัสดี จ้ะ น้องก๋า

หนังสือที่แนะนำวันนี้ "วัยรุ่น 4.0"ผู้เขียน นายแพทย์
ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ (ชอบนามสกุล จัง แปลกดี คิดว่า
ท่านคงชอบเขียนหนังสือ หรือที่บ้านอาจจะเป็นโรงพิมพ์ นะ อิอิ)

อ่านจากข้อความที่ ก๋า สรุปเนื้อหาแล้ว ครูว่า เหมาะสำหรับคนที่มีลูก มีหลาน และคนที่มีอาชีพครูด้วยมากที่สุด
บุคคลทั่วไปได้อ่านด้วย ก็ดีเพื่อเข้าใจสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
มาก ๆ สำหรับคนยุคเก่าอย่างอายุ 60 ปี ขึ้นไป นะ อิอิ

สำหรับคนที่เรียนครูมาโดยตรง ต้องเรียนจิตวิทยา
วัยรุ่นมาอยู่แล้ว คิดว่า คงเข้าใจเด็กที่สอนไม่ยาก เรื่องการ
สอนให้เด็กรู้จักคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ ครูถือว่า เป็นเรื่อง
ที่สำคัญที่สุดนะ แต่ก็ต้องมีความรู้เป็นพื้นฐาน เพื่อนำมาเป็น
ข้อมูลในการคิด วิเคราะห์และสังเคราะห์ ข้อสอบวัดเด็กจึง
ต้องมีครบทั้ง 3 เรื่องนี้ ไม่ใช่มีแต่วัดความจำเพียงอย่างเดียว
ตอนสอน ครูจึงมักถูกนักเรียนต่อว่า ข้อสอบยาก อ่านแล้ว
คำตอบถูกทุกข้อไม่รู้จะเลือกข้อไหน ห้าห้า แสดงว่า เด็กมี
โอกาสได้คิดแน่นอน ข้อสอบจึงควรมีอัตนัยด้วย ไม่ใช่ปรนัย
เพียงอย่างเดียว อย่าคิดว่า ออกอัตนัยแล้ว ตรวจลำบาก
อัตนัยจะมีโอกาสได้รู้ความคิดของเด็กได้เป็นอย่างดี จ้ะ แต่
ปัจจุบัน มีแต่ปรนัย ฝนคำตอบอย่างเดียว น่าเสียดาย เนาะ

โหวดหมวด แนะนำหนังสือ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 12 มีนาคม 2563 10:37:42 น.  

 

สวัสดีครับคุณก๋า

ผมมีหนังสือของคุณหมอประเสริฐอยู่ 2 เล่ม
คุณหมอท่านเป็นจิตแพทย์ มีงานเขียนในสื่อต่างๆ มากมาย
หนังสือของคุณหมอจะอ่านง่าย สบายๆ สไตล์จิตแพทย์นะครับ

สมัยผมเป็นวัยรุ่นปี 90 มันเป็นยุค 0.0 คาบเกี่ยวกับ 1.0
เป็นยุคเริ่มต้นมีอินเตอร์เนทแบบ Dial-up ใช้บัตรขูด เล่นได้ชั่วโมงนึง
(อิอิ ... เร่ิมเล่าความหลัง บ่งบอกอายุ)
ความคิดความอ่าน ความรู้สึก ไม่เหมือนเด็กยุค 4.0 ที่ทุกอย่างมันรวดเร็ว ลื่นปรื้ดดดด
ทุกอย่างสำเร็จรูปมาเสิร์ฟตรงหน้า

แต่ความเป็นวัยรุ่นไม่ว่ายุคไหน ก็ฮอร์โมนพลุ่งพล่านมันเหมือนๆ กันนะครับ
ความดื้อรั้น ความอยากรู้อยากเห็น มันมีกันทุกคน ต่างกันแค่จะมากหรือน้อย
ตัวเราเองก็ผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว เราย่อมรู้ดี ถ้าเราได้หันมองย้อนไปดูสมัยตัวเราเองก้าวผ่านวัยนั้นมา

ความเข้าใจลูกวัยรุ่นเป็นส่ิงสำคัญมากเลยนะครับคุณก๋า
หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกยุค 4.0
ช่วยพ่อแม่ที่บางทีหลงลืมช่วงวัยที่ผ่านมาของตัวเอง
โดยเอามุมมองความรู้สึกนึกคิดในความเป็นผู้ใหญ่ของตัวเอง
มาใช้เป็นไม้บรรทัดตัดสินลูกวัยรุ่นซะทุกอย่าง

ผู้ใหญ่นั้นอาบน้ำร้อนมาก่อนแน่ๆ ครับ
แต่อย่าพยายามเอาน้ำร้อนไปราดเด็กวัยรุ่น ... อิอิ

 

โดย: สีเมจิก (สมาชิกหมายเลข 5106714 ) 12 มีนาคม 2563 11:13:24 น.  

 

ผมว่าอาจจะมีเลื่อนเตะ เร็ว ๆ นี้นะครับ

 

โดย: The Kop Civil 12 มีนาคม 2563 11:22:19 น.  

 

มีบางบ้านก็หลายบ้านที่มี ข้อห้ามหลายอย่าง จนเด็กไม่ค่อย
กล้าทำอะไร

ถ้าเลี้ยงแบบคุณก๋าเลี้ยงหมิงหมิงเข้าโรงเรียนที่ว่า..ทำให้เด็กมีความ
คิดริเริ่ม กล้าทำหลายอย่าง

ผมเองเลี้ยงลูกมิได้มีข้อห้ามอะไรมากมาย ให้เขาคิดเองมีพื้นที่ส่วน
ตัว บางครั้งเราก็วิตกที่ ยาย น้า ๆ ของลูกห้ามโน่นห้ามนี่

ก็ต้องค่อยประคับประคองกันไป

แต่อย่างว่า มีพ่อแม่เขากับพ่อแม่เรา ความคิดต่างกัน...ถ้ามี
500 พ่อแม่กับ 250 คงยากที่จะคุมได้เนาะ 555

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 12 มีนาคม 2563 11:30:11 น.  

 

สวัสดีค่ะก๋า

อ่านแล้วก็คิดว่า ดีนะเราไม่ได้เป็นอย่างที่หนังสือเขียนไว้
พี่เลี้ยงลูกแบบไม่บังคับเลย แต่ก็เลี้ยงแบบให้ลูกวินัยต่อตัวเอง
และมีความรับผิดชอบ
และให้อิสระกับลูกไปพร้อมๆกันค่ะ ...
พี่ว่าตอนพี่เลี้ยงลูกตอนนั้นง่ายกว่าตอนนี้นะคะ สมัยนี้ยากล่ะ

แต่ก็ไม่เสมอไปนะคะ ลูกเราตอนนั้นกับตอนนี้อาจเหมือนกันก็ได้
เพราะเราเลี้ยงของเราเอง และเลี้ยงในแบบเดียวกันนี้ แหะๆ เริ่มเข้าข้างตัวเอง 😂

พ่อแม่ทุกคนรักลูก แต่จะรักในทางที่ถูกหรือผิด
ไม่มีใครบอกได้นะคะ เพราะคนเราคิดค่างกันน่ะค่ะ

 

โดย: tanjira 12 มีนาคม 2563 11:52:26 น.  

 

อลูกคยา ปรมาลาภา" ความไม่มีลูก เป็นลาภอันประเสริฐ
โชคดี อ.เต๊ะ ไม่มีลูกนะครับ555 แค่เรื่อง แม่ของลูกนี่ ก็พาเวียนหัวมากมายแล้วละครับ

ชีวิตเด็กๆ เดี๋ยวนี้ ไม่ใช่ง่ายๆนะครับ เครียดไม่แพ้ผู้ใหญ่ ไหนจะพ่อแม่ ไหนจะเพื่อน ไหนจะแฟน ไหนจะครู โอ๊ย สารพัดเรื่อง

เพื่อน อ.เต๊ะ พ่อแม่เป็นหมอทั้งคู่ ความกดดันตกไปอยู่กับลูก

อ.เต๊ะ เคยถามเค้าว่า โตขึ้นอยากเป็นอะไร ลูกเพื่อนมันตอบว่า อยากเป็นเด็กเลี้ยงควาย 555 เอากะมันซิ ตอนหลังได้ข่าวว่าเพื่อน ต้องหาไปปรึกษาจิตแพทย์ รักษากันอยู่ ไม่รู้จะหายหรือยังนะครับ

 

โดย: multiple 12 มีนาคม 2563 12:53:59 น.  

 

กะว่าก๋า Book Blog ดู Blog
เป็นหนังสือที่คุณก๋าต้องอ่านจริงๆ

 

โดย: หอมกร 12 มีนาคม 2563 13:06:19 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่ก๋า สบายดีนะคะ
เกือบหาทางเข้าไมถูกแน่ะค่ะ 555 ไม่ได้เข้ามานานจริงๆ

หนังสือเค้าเขียนดีนะคะ อ่านๆ ดู ขนาดไม่มีลูก ยังคิดตามเลยค่ะ

 

โดย: ลอยละล่อง บล็อกแกงค์ 12 มีนาคม 2563 13:18:12 น.  

 

ลืมไปละว่าต่ะก่อนเป๋นจะใดเจ้า

 

โดย: tuk-tuk@korat 12 มีนาคม 2563 13:37:10 น.  

 

อ่านแล้วสะท้อนใจ
เห็นหลายบ้าน พ่อแม่รักแต่สอนลูกไม่เป็น
เหมือนพ่อแม่รังแกฉัน อย่างไรอย่างนั้นเลยค่ะ





 

โดย: เนินน้ำ 12 มีนาคม 2563 13:49:42 น.  

 

ชอบมาก.. สามารถในการใช้อารมณ์แก้ปัญหา..

อย่างน้องนี่รู้สึกได้เลย.. ว่าตัวเองพออายุเยอะขึ้น
การคุมอารมณ์ดีขึ้นจริงๆ เวลาใครที่เค้าคิดไรไม่เหมือนเรา
แล้วมีการสนทนาที่ใส่อารมณ์มา.. เป็นเหตุให้เกิดอาการขุ่นในใจ
น้องจะนิ่งก่อนเลย แล้วมองว่า.. มันไม่แปลก คนทุกคนมีสิทธิ์
ที่จะคิดอย่างที่เค้าต้องการ ซึ่งอาจไม่เหมือนเราก็ได้
มันไม่ผิด แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเค้า เราย่อมมีทางของเรา

ดังนั้น..

แค่เลี่ยงไปคุยเรื่องอื่น.. ใครมากระทบ แล้วขุ่น
ก็ให้ลืมเรื่องนั้นไปซะ.. ตอบกลับด้วยมารยาทที่ดี
นี่ย่อมเป็นการแก้ปัญหาความขัดแย้งทางแนวคิดที่ดีที่สุด

 

โดย: nonnoiGiwGiw 12 มีนาคม 2563 14:08:28 น.  

 

ทอม แฮงค์ กับ ภรรยาก็ติดแล้วนะครับ
บ้านเราวันนี้มีข่าวให้ยกเลิกสถานที่กักตัว ให้กักตัวที่บ้านตัวเอง ผมงี้รอฟังข่าวอยู่ครับ

 

โดย: The Kop Civil 12 มีนาคม 2563 15:13:09 น.  

 

เพลงนี้..น้องชอบเปิดกรอกหู
มันหายเครียดดีค่ะ 555+

 

โดย: nonnoiGiwGiw 12 มีนาคม 2563 15:44:16 น.  

 

สวัสดีอีกรอบค่ะ

สำหรับเรา ตอนนี้เราค่อนข้างกังวลกับหลานมากค่ะ

หลานไม่เอาอะไรที่เป็นหน้าที่ที่ควรหัดหรือปฏิบัติเลย รักสบาย ใช้แต่คนอื่นทำงานให้ ทั้งพ่อ แม่ ย่า ตัวเองไม่ยอมทำอะไรเลย เอาแต่ดูทีวี

ซึ่งเราว่า ไม่ควรปล่อยค่ะ เพราะคุณหมอคนเดียวกันนี่แหละที่บอกว่าควรสอนให้เด็กรู้จักรับผิดชอบ ทำงานบ้าน เป็นการสร้าง EF

หรือเด็กแต่ละวัยก็อาจจะต้องต่างไปล่ะมั้งคะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 12 มีนาคม 2563 16:44:34 น.  

 

เรื่องเลี้ยงเด็ก เป็นศิลปะขั้นสูงทีเดียวค่ะ

แต่ก็เชื่อว่า พื้นฐานที่ประสบผลดี
คือ เลี้ยงให้เด็กรับรู้ถึงความรักอย่างพอเหมาะพอดี
่เป็นที่ปรึกษาและผู้สนับสนุนได้เต็มที่ตามที่เด็กต้องการ
ถ้าผิดจากประโยคนี้ในด้านใดก็ได้ผลดีไม่เต็มที่

เช่น เด็กไม่รับรู้ถึงความรัก
ความรักไม่พอเหมาะพอดี น้อยไป
หรือมากไปกลายเป็นพ่อแม่รักตัวเองเด็กเป็นแค่ตัวแทนของตัวเอง

ไม่เป็นที่ปรึกษาได้เต็มที่ หรือปรึกษาได้ทุกเวลาเมื่อเด็กต้องการ

ไม่สามารถสนับสนุนได้เต็มที่ หรือไม่ได้ตามที่เด็กต้องการ

พ่อแม่ทำไม่ได้ครบเหล่านี้ ก็จะหวังผลเลิศไม่ได้ค่ะ



 

โดย: mcayenne94 12 มีนาคม 2563 19:24:07 น.  

 

โรงเรียนเป็นจำเลยจริงๆ แล้วถามว่าจริงมั้ย หลายๆ ครั้งจริง

การจะเลี้ยงคนๆ หนึ่งให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ และประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 12 มีนาคม 2563 23:50:38 น.  

 

มีตัวอย่างในหนัง ละครเยอะที่เป็นผลพวงจากการเข้มงวดต่อลูกมากเกินไป พ่อแม่รุ่นใหม่ คงจะเพลาๆ กับการเลี้ยงลูกลงนะคะ หรืออาจเป็นบางครอบครัว

ให้เด็กเติบโตอย่างมีความสุขดีกว่านะคะ

 

โดย: Sai Eeuu 13 มีนาคม 2563 1:29:53 น.  

 


เลีัยงเด็กสมัยนี้ยากจริงๆค่ะ

 

โดย: newyorknurse 14 มีนาคม 2563 3:53:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กะว่าก๋า
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 392 คน [?]




มองฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
หรืออาจไม่เห็นฉัน

ฉันแค่แวะผ่านทางมา
และอาจไม่หวนกลับมาทางนี้อีกแล้ว

เราเคยรู้จักกัน
และมันจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป

มองดูฉันอีกครั้ง
เธออาจเห็นฉัน
และฉันอาจมองไม่เห็นเธอ.





[Add กะว่าก๋า's blog to your web]