หนังสือ : ปล่อยวางอย่างเซน
ปล่อยวางอย่างเซน
รวบรวมและเรียบเรียงโดย : ละเอียด ศิลาน้อย
สวัสดีเมฆา
ฉันเขียนจดหมายถึงเธอตอนตีห้าครึ่ง ซึ่งฉันตื่นและไม่คิดจะล้มตัวหลับต่อ เมฆารอรับหนังสือที่ฉันกำลังส่งไปถึงเธอด้วย หนังสือเล่มนี้ชื่อ ปล่อยวางอย่างเซน เขียนโดยละเอียด ศิลาน้อย
.....................................
ฉันเคยเล่าไปก่อนหน้านี้ ว่าหนังสือเล่มนี้คือหนังสือที่ทำให้ฉันอึ้ง ทึ่ง และงงงันมาพักใหญ่ในชีวิต ก่อนหน้านี้ฉันเคยอ่านหนังสือเซนมามาก แต่การอ่านมามากๆ ไม่ได้แปลว่าเราถ่องแท้หรือเข้าใจในสิ่งที่อ่าน
เซนอ่านไม่ยาก แต่เข้าใจโคตรยาก
นับเนื่องจากอดีต....เซนเป็นการถ่ายทอดวิถีธรรมโดยไม่พึ่งพิงคัมภีร์หรือตัวอักษร เซนไม่อาจอธิบายได้ด้วยพระสูตรหรือการท่องบ่นสวดมนต์ใดใด เซนถ่ายทอดผ่าน จิต สู่ จิต เซนบรรลุธรรมได้ในทุกขณะจิต และเมื่อเรามองเห็นธรรมชาติเดิมแท้แห่งจิตตน เราก็บรรลุความเป็นพุทธะ....
หลายปีที่ฉันนั่งอ่านหนังสือเป็นตั้งๆ เพื่อหาคำตอบว่าอะไรคือเซน? และเซนคืออะไร ? เมฆาเชื่อไหม.....ฉันไม่เคยได้รับคำตอบที่แจ่มกระจ่างเลยสักครั้ง
..................................
ต้นธารแห่งเซนน่าจะเกิดในอารยธรรมอินเดีย ผ่านจีน และ เบ่งบานถึงขีดสุดที่ญี่ปุ่น แล้วในที่สุดสายธารธรรมก็ไหลรินผ่านไปยังทุกแห่งบนพื้นโลก ไม่ว่าจะเป็นโลกตะวันตก หรือ โลกตะวันออก
เราศึกษาเรื่องราวของเซนผ่านคำสอน ผ่านเรื่องราวเล่าขาน จากอาจารย์เซนทั้งหลาย นับตั้งแต่พระพุทธเจ้า เล่าจื๊อ พระโพธิธรรม เว่ยหลาง บาโช เอกิโด ฯลฯ
อาจารย์เซนต่างท้าท้ายวิธีคิดอันยึดติดกับตัวตนของศิษย์แต่ละคนด้วยวิธีต่างๆ สอนโดยไม่สอน.. แต่ชี้ทางด้วยวิธีอันเฉียบขาดและฉับพลันทันใด
เราจึงมักงงงวย... เมื่อได้อ่านและพบว่า หลายครั้งลูกศิษย์เซนบรรลุธรรมขณะที่ถูกตะคอกใส่หน้า ถูกตีด้วยไม้พลอง หรือแม้ขณะที่นั่งมองดูก้อนหินตกกระทบน้ำ
รวมไปถึงวิธีการขับโกอาน หรือ การไขปริศนาแห่งถ้อยคำกวี
ทุกขณะจิต คือ หนทางแห่งการรู้แจ้งเห็นธรรม
เซนจึงไม่ใช่เรื่องลี้ลับซับซ้อน เป็นวัตรปฏิบัติอันเรียบง่าย ไม่มีอภิหารใดใดมาล่อลวง หากแต่ผู้เรียนต้องทุ่มเทจิต พร้อมกายอันมุ่งมั่น ในการเรียนรู้สอบจิต --- และมุ่งเข้าสู่จิตเดิมแท้ของตน
.......................................
ปล่อยวางอย่างเซน
เป็นหนังสือที่น่าอ่านมาก .....ฉันจำได้ดีนะเมฆา ครั้งแรกที่ฉันอ่านหนังสือเล่มนี้ ฉันมีอายุไม่มากนัก พื้นความรู้ฉันมีอยู่น้อยจนไม่อาจเข้าใจในโกอานบางอันได้ เช่นโกอานที่ว่า
เสียงของการตบมือข้างเดียวเป็นอย่างไร ?
ใจฉันคิดในตอนนั้นว่า เอามือเดียวตีไปที่อากาศ แล้วมันจะมีเสียงอะไร หรือว่าต้องเอามือตีไปที่พื้น นั่นย่อมไม่ใช่คำตอบ....
.........................................
ปล่อยวางอะไร ? .....
ปล่อยวางตัวตน
ตัวตนอะไร ?
.
ตัวตนที่ยึดติด
ยึดติดสิ่งใด ? ......
เสียงของการตบมือข้างเดียว
..
นี่คือคำสอนเซนที่ฉันชอบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง...
ครั้งหนึ่งพระภิกษุทันซันและเอกิโด ร่วมเดินทางไปตามถนนซึ่งเป็นโคลนตมสายหนึ่ง ขณะนั้นฝนกำลังตกหนัก จึงทำให้มีน้ำเจิ่งไปทั่วถนน เมื่อทั้งสององค์เดินมาถึงหัวโค้งถนน ก็พบสาวสวยคนหนึ่ง แต่งกายด้วยเสื้อกิโมโนไหมที่มีสายคาดเป็นแพรเนื้อดี เธอไม่อาจเดินข้ามห้วงน้ำที่กำลังเจิ่งถนนตอนนั้นได้ (เพราะเกรงเสื้ออันสวยงามของเธอจะเปียกเปื้อน)
ทันใดนั้น...พระภิกษุทันซันได้เดินเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้น และกล่าวว่า
มานี่ซิเธอ ฉันจะช่วย
ว่าแล้วก็อุ้มหญิงสาวบุกข้ามห้วงน้ำนั้นไป
พระภิกษุเอกิโด ได้มองดูการกระทำของเพื่อนร่วมทางอย่างเงียบๆ และมิได้ปริปากพูดอะไรขึ้นอีกเลย ทั้งสองรูปเดินทางต่อไปจนค่ำ และเข้าอาศัยอยู่ในวัดแห่งหนึ่ง
เมื่อต่างจัดที่ทางเรียบร้อยแล้ว เอกิโดจึงได้กล่าวขึ้นด้วยอดรนทนไม่ได้อีกต่อไปว่า
นี่แน่ะท่าน ในฐานะที่เราเป็นสมณะ ไม่ควรบังอาจเข้าไปใกล้สตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่สาวและสวย เพราะมันเป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์อย่างร้ายกาจ เมื่อกลางวันนี้ทำไมท่านจึงเข้าไปอุ้มหญิงสาวผู้นั้น
ผมวางเธอไว้ที่นั่นตั้งแต่กลางวันแล้ว พระภิกษุทันซันตอบ
ท่านยังอุ้มเธออยู่อีกหรือ
...............................................
เซนคืออะไร ? อะไรคือเซน ?
ถ้าเธอเข้าใจธรรมชาติ เธอจะเข้าใจเซน
..............................................
ก่อนศึกษาเซน ภูเขาคือภูเขา แม่น้ำคือแม่น้ำ
เมื่อศึกษาเซน ภูเขาไม่ใช่ภูเขา แม่น้ำไม่ใช่แม่น้ำ
เมื่อบรรลุธรรม ภูเขาคือภูเขา แม่น้ำคือแม่น้ำ
เมฆา...เธออาจคิดนึกอยู่ในใจ ว่าที่แท้เซน ก็คือ พวกเล่นลิ้นและประดิษฐ์ถ้อยคำอันชวนน่าเวียนหัว
แต่ฉันกลับคิดว่านี่คือหนึ่งในคำสอนอันเรียบง่ายและปฏิบัติตามได้ไม่ยาก เพราะไม่มีพิธีกรรมรุ่มร่าม ไม่มีนรกมาขู่ ไม่มีสวรรค์มาล่อ ไม่ต้องบูชารูปเคารพหรือเมามัวยึดติดในวัตถุเครื่องรางของขลังแต่อย่างใด
เซนคือการเรียนรู้ในทุกขณะจิต คือการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันขณะ อดีตก็ผ่านไปแล้ว อนาคตก็ยังมาไม่ถึง
ธรรมะอันเรียบง่ายที่สุด อาจสรุปผ่านถ้อยคำของอาจารย์เซนชาวญี่ปุ่น ด้วยประโยคที่ว่า
ปาฏิหาริย์ของฉันมีดังนี้ คือ เมื่อฉันรู้สึกหิว ฉันก็กิน และเมื่อรู้สึกกระหาย ฉันก็ดื่ม
...........................................
เมื่ออ่านจดหมายมาถึงตรงนี้ เมฆาตอบได้หรือยังว่า
เสียงของการตบมือข้างเดียวเป็นอย่างไร ?
ในโศลกธรรมนี้...อาจารย์เซนตอบว่า
ฉันไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกแล้ว... ดังนั้น...ฉันจึงได้ยินเสียงที่ไร้เสียงได้ในที่สุด
..
ฉันหาคำตอบมาชั่วชีวิต ว่าฉันเกิดมาเพื่ออะไร ? และตายแล้วไปไหน ?
ฉันครุ่นคิดถึงคำถามนี้มิวางวาย ค้นเค้นคำตอบในทุกขณะจิตด้วยความสงสัย
วันหนึ่งฉันวางความสงสัยนี้ลง เพ่งมองทิวเขาที่อยู่เบื้องหน้า แล้ว วินาทีนั้น ตัวตนของฉัน ก็หายไป......
.............................................
เมฆา...ขณะนี้เวลาหกโมงสิบห้านาทีแล้ว ข้างนอกห้องฟ้ายังคงมืดอยู่ จดหมายและหนังสือคงเดินทางไปหาเธอในเร็ววัน โปรดอ่านอย่างช้าๆ แล้วเธอจะพบว่าบางที สิ่งที่เราเที่ยวตามหาหรือเสาะแสวงหา แท้จริงแล้วเธอไม่ต้องไปค้น ไม่ต้องออกเดินทางแต่อย่างใด
เธอค้นพบความจริงแห่งชีวิตนี้ได้ ในทุกขณะจิต ในทุกสถานที่ ในทุกโมงยาม เพียงแต่ นิ่ง เข้าใจอย่างถ่องแท้ และรู้จักปล่อยวาง
มันไม่ใช่สาระอันใดที่ต้องไปครุ่นคิดว่าเราจะปล่อยวางอย่างเซน อย่างพุทธ อย่างคริสต์ หรืออย่างอิสลาม
ความว่าง เดียว ที่โลกนี้มีอยู่ คือ ความว่างอันเป็นหนึ่งเดียว เป็นความว่างที่เราไม่จำเป็นต้องพูดถึง ไม่อาจสร้างขึ้นมาได้ ไม่ต้องไปค้นหา หลับตาภาวนาสร้างขึ้นก็ไม่ได้
อย่าถามฉันว่า เราจะปล่อยวางความว่างแห่งชีวิตได้อย่างไร ?
เมื่อว่าง แล้วยังต้องปล่อยวางอะไรอีก
นี่คือคำตอบสุดท้ายของฉัน
สุจริตใจ
สิงห์โตหมอบ
เชียงใหม่ , จดหมายไม่ลงวันที่
Create Date : 29 กรกฎาคม 2550 |
|
21 comments |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2560 19:36:36 น. |
Counter : 3889 Pageviews. |
|
|
จะออกไปเที่ยวใกล้ๆแถวบ้าน
เย็นๆจะกลับมาทักทายเพื่อนๆนะครับ
สวัสดีครับ