:: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ แด่หนุ่มสาว ::
:: แด่หนุ่มสาว ::
เขียน : กฤษณมูรติ แปล : พจนา จันทรสันติ
“แด่หนุ่มสาว” ถูกแปลและตีพิมพ์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2518 ในยุคที่บ้านเมืองของเรากำลังขัดแย้งกันอย่างรุนแรง กบฏหนุ่มสาวจำนวนมากตั้งคำถามกับชีวิตและสังคม ลุกขึ้นมาเรียกร้องสิทธิ และ อิสรภาพในการคิดของตนเอง
การเมือง การประท้วง คอมมิวนิสต์ ประชาธิปไตย นักศึกษา ทหาร อุดมการณ์ อุดมคติ ความหวัง อนาคต อาวุธ การปฏิวัติ การปฏิรูปการศึกษา ฯลฯ กลายเป็นถ้อยประโยคที่แบ่งคนออกเป็นฝักเป็นฝ่าย มองเห็นคนเป็นศัตรูท่ามกลางความคิดเห็นที่แตกต่าง
“แด่หนุ่มสาว” เป็นหนังสือซึ่งพูดถึงคนหนุ่มคนสาว พูดถึงความคิดความเชื่อที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
อุดมคติทางการศึกษา ความรักที่แท้จริง การครองอำนาจ และอิสรเสรีภาพ คือ หัวข้อที่ท่านกฤษณมูรติพยายามอธิบายถึง พยายามให้คำจำกัดความ เพื่อชี้ให้ผู้ฟังและผู้อ่านได้ขบคิดตามไปด้วย ว่าชีวิตที่แท้จริงคืออะไร
คำนำในตอนต้นซึ่งเขียนโดยคุณพจนา จันทรสันติผู้แปลหนังสือเล่มนี้น่าสนใจมาก
“สิ่งเดียวที่การศึกษาในระบบการศึกษามอบให้แก่เรา ก็คือ “ความกลัว” ความกลัวอย่างสุดจิตสุดใจ เพราะยิ่งเรากลัวเท่าไหร่ ก็ยิ่งง่ายต่อการควบคุม การศึกษาจึงไม่สอนให้คิด ไม่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนแสวงหา แต่สอนให้ฟัง ให้จด ให้ท่องจำ ปลูกฝังค่านิยมผิด ๆ ควบคุมคนด้วยคำขู่ ด้วยคะแนน เพื่อผลิตคนเข้าสู่ระบบโรงงานและบริษัท และการศึกษากลายเป็นเครื่องมือของรัฐ ในการหล่อหลอมคนให้คิดและเชื่อเหมือนๆกัน ให้สยบยอมและเชื่อฟังรัฐ ไม่คิดต่อต้านแม้รัฐนั้นจะเป็นผลผลิตของเผด็จการก็ตาม”
รัฐย่อมกลัวการกบฏ กลัวการถูกท้าทายอำนาจ กลัวการถูกตรวจสอบ เพราะนั่นย่อมหมายถึงอำนาจนั้นกำลังสั่นคลอนและถูกทำลาย ในทุกยุคทุกสมัย “คนหนุ่มสาว” จึงคล้ายเป็นความหวังแห่งยุคสมัย เพราะคนหนุ่มสาวยังเหลือฟอนไฟแห่งความกล้าหาญ พร้อมเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่เกรงกลัว
ท่านกฤษณมูรติชี้ชวนให้ผู้ฟังลองตั้งคำถามกับตัวเอง ว่าการศึกษาที่แท้จริงคืออะไร ? ทำไมต้องเล่าเรียนวิชาต่าง ๆ มากมาย ? ทำไมต้องสอบแข่งขันเพื่อให้ได้คะแนนดีดี ? ท่านตั้งคำถามว่า ทำไมคนเราจึงต้องเรียนให้เก่ง เพื่อให้ได้การงานที่ดีและมีเงินเยอะ ๆ นั่นคือจุดประสงค์ทั้งหมดของชีวิตจริง ๆ หรือ ? ชีวิตที่แท้จริงคือสิ่งใด ? อะไร คือ ความงาม ความจริง ความรัก ? ชีวิตที่ดีและมีคุณค่าเป็นอย่างไร ? ความรักและความสัมพันธ์ที่ดีเป็นอย่างไร ? ฯลฯ ทั้งหมดต้องเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กับการศึกษา ไม่ใช่ยิ่งศึกษายิ่งกลัว ยิ่งถอยห่างออกจากสิ่งที่ควรจะเป็น
หน้าที่ของการศึกษา ควรทำให้ผู้เล่าเรียนเข้าใจกระบวนการทั้งหมดของชีวิต ขจัดความกลัวและความหวาดหวั่นในการใช้ชีวิต ไปจนถึงขั้นที่สามารถมอบความรักและส่งต่อการให้ไปยังผู้คนรอบตัว
แม้กระทั่งในเรื่องของศาสนาและจิตวิญญาณ ท่านก็ยังท้าทายให้เราลองคิดออกนอกกรอบที่เคยชินมาตลอด เพราะศาสนาไม่ได้อยู่เพลงสวด บทสวดมนต์ ไมได้อยู่ในพิธีกรรม ไม่ได้อยู่ในเทวรูป ไม่ได้อยู่ในโบสถ์วิหารหรือคัมภีร์ต่าง ๆ หากแต่ศาสนา คือ สำนึกแห่งความดีงาม สำนึกแห่งความถูกต้อง สำนึกแห่งความกล้าอย่างถูกต้อง
คำถามของท่านกฤษณมูรติอาจมองดูว่าเป็นอุดมคติที่เป็นไปไม่ได้ ในยุคที่คนเราต้องแข่งขันและฟันฝ่าปัญหาชีวิตอย่างเหน็ดเหนื่อย เพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต มีชื่อเสียง เงินทอง มีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน
เด็กและหนุ่มสาวจำนวนมากบนโลกนี้ กำลังเผชิญหน้ากับความคิดเก่า โลกใบเก่า โลกซึ่งเต็มไปด้วยความกลัว การกดขี่ การใช้อำนาจอย่างไม่เป็นธรรม เด็กและหนุ่มสาวจำนวนมากบนโลกนี้ ยังคงทนทุกข์กับระบบการศึกษาที่เชี่ยวกรากไปด้วยการแข่งขัน ถูกวัดคุณค่าของความเป็นมนุษย์ด้วยเกรดและคะแนน ด้วยฐานะทางสังคม และจำนวนเงินในบัญชีเงินฝาก
ทางเลือกและทางเดินที่หนุ่มสาวเหล่านี้จะเลือก อาจไม่ใช่โลกใบเก่าที่ผู้ใหญ่เฝ้าหวงแหนอีกต่อไป แต่เป็นโลกใบใหม่ โอกาสใหม่ ๆ ที่หนุ่มสาวเหล่านี้พร้อมจะถากถางเส้นทาง และดุ่มเดินไปด้วยสองเท้าของพวกเขาเอง
Create Date : 31 พฤษภาคม 2564 |
|
18 comments |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2565 6:46:42 น. |
Counter : 274 Pageviews. |
|
|
วิชาที่เรียนใน รร.กว่าครึ่ง ไม่ได้เอาไปใช้ในชีวิตจริงเลย
ทำให้เสียทั้งเงินทั้งเวลาไปมากมาย
ชาวนาชาวสวน พ่อค้าแม่ค้า อาชีพช่างต่างๆ หรืออีกหลายอาชีพ
ที่ฝึกฝน ถ่ายทอดเรียนรู้กันมาในครอบครัว ตั้งแต่เด็กๆ
ก็ไม่เห็นต้องเข้า รร. ก็ทำมาหากินเลี้ยงปากท้องกันได้แยะไปนะครับ
ปล.เรื่องเข้าครัว ช่วยกันคนละไม้ละมือ ครอบครัวอบอุ่น สัมพันธ์แน่นแฟ้น
ดีไม่ดี หาเมนูอร่อยๆทำขายก็เข้าท่านะครับนี่